ฮ่องเต้ยอดชั่ว (๒) ๔ ก.พ.๕๙

กระทู้สนทนา
ทบทวนพงศาวดารจีน

ฮ่องเต้ยอดชั่ว

ตอนที่ ๒ มหันตกรรม

“ เล่าเซี่ยงชุน “

ขณะที่จูอุนกับเฮ่งง่วนเจียงทหารเอก ชักอาวุธออกข่มขู่ที่ประชุมขุนนาง จนตกตลึงกันไปหมดนั้น พระเจ้าถังเจียวจงฮ่องเต้ก็ตกพระทัย จนไม่รู้ที่จะคิดประการใด ก็มีขุนนาง ผู้กล้าหาญคนหนึ่ง ลุกขึ้นพูดกับจูอุนว่า

“…….ตัวท่านเป็นขุนนางผู้ใหญ่ พระเจ้าถังเจียวจงก็เชื่อถือ จึงได้เสด็จมาอยู่เมืองท่าน เหตุใดท่านจะมาคิดเป็นกบฏแย่งชิงเอาสมบัติดังนี้เล่า…….”

เฮง่วนเจียงได้ฟังดังนั้นก็โกรธนัก จึงว่า

“…….ขุนนางผู้ใหญ่ทั้งปวงเขาก็ยอมแล้ว ตัวเป็นขุนนางผู้น้อยมาพูดขัดขวางดังนี้ หาควรจะให้อยู่ในแผ่นดินไม่……”

ว่าแล้วก็เอากระบี่ฟันขุนนางผู้นั้นตายในทันใด ฮ่องเต้เห็นว่าเกิดการฆ่าฟันกันวุ่นวายดังนั้น ก็เสด็จลุกหนีเข้าไปข้างใน จูอุนกับเฮ่งง่วนเจียวก็ตามเข้าไป จูงพระกรฮ่องเต้ออกมา แล้วข่มขู่ว่า พระองค์จงเอาตราหยกสำหรับแผ่นดิน มามอบให้เสียโดยเร็วจึงจะพ้นภัย ฮ่องเต้จึงว่าพระองค์ยอมมอบราชสมบัติให้แล้ว จะไปเอาตราหยกมาให้ จูอุนกับเฮ่งง่วนเจียงก็คุมฮ่องเต้ ไปเอาตราหยกมาส่งให้

จูอุนรับตราจากพระหัตถ์แล้ว ก็ตั้งตัวขึ้นเป็นฮ่องเต้ ทรงพระนามว่าพระเจ้าเหลียงไทโจ๊ แล้วให้ลดตำแหน่งพระเจ้าถังเจียวจงลงเป็นที่จีอิมอ๋อง แต่งตั้งให้เฮ่งง่วนเจียงเป็นขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายทหาร และเลื่อนยศขุนนางเก่าในเมืองเปียนเหลียง ให้สูงขึ้นทุกคน

หลีเองนั้นหาได้รับการแต่งตั้งไม่ ก็มีความน้อยใจจึงเข้าไปเฝ้าทูลพระเจ้าเหลียง ไทโจ๊ฮ่องเต้ว่า

“…….พระองค์ได้เป็นเจ้าแผ่นดินขึ้นครั้งนี้ ก็เพราะข้าพเจ้าเป็นกำลังช่วยทำนุบำรุง คนทั้งปวงพระองค์ก็ตั้งแต่งให้มียศบรรดาศักดิ์ ขึ้นทุกคนแล้ว ตัวข้าพเจ้ามีความผิดสิ่งใด พระองค์จึงไม่ชุบเลี้ยง……”

ฮ่องเต้ได้ทรงฟังหลีเองลำเลิกเช่นนั้น ก็ทรงขัดเคืองจึงตรัสว่า

“…….ตัวเป็นคนชั่วหาควรที่เราจะเลี้ยงไม่ พระเจ้าถังเจียวจงมีพระคุณเป็นอันมาก ตัวก็ไม่มีกตัญญูเห็นแต่ลาภสักการ แนะนำพระเจ้าถังเจียวจงมา จนเสียราชสมบัติแก่เรา ซึ่งเราจะเลี้ยงต่อไปนั้นไม่ได้ จะเป็นเยี่ยงอย่างแก่ขุนนางสืบไป……”

ตรัสดังนั้นแล้ว ก็สั่งให้บูซูตำรวจวัง เอาตัวหลีเองไปประหารชีวิตเสีย แล้วก็ทรงตริตรองว่าจีอิมอ๋องนี้ผู้คนทั้งปวงยังนับถืออยู่มาก เกลือกจะคบคิดกันเขาเป็นเสี้ยนหนามขึ้น ธรรมดากษัตริย์เหมือนอสรพิษ ถ้าจะตีก็ต้องตีให้ตาย จะทำแต่ให้เพียงลำบากนั้น ก็คงจะผูกพยาบาทกลับมาขบกัดเอาอีก ทรงพระดำริดังนั้นแล้ว ก็สั่งให้เฮ่งง่วนเหลงน้องเฮ่งง่วนเจียง เอาสุราผสมยาพิษไปให้จีอิมอ๋องกินเสียให้ตาย

เฮ่งง่วนเหลงก็เอาสุรานั้นไปให้จีอิมอ๋อง และว่ามีรับสั่งให้ท่านกินสุรานี้เสียโดยเร็ว จีอิมอ๋องก็แจ้งว่าสุรานั้นเป็นยาพิษ ครั้นจะไม่กินก็กลัวว่า เฮ่งง่วนเหลงจะทรมานให้ได้ความเวทนาต่าง ๆ จึงรับเอาสุรามากินพอล่วงถึงลำคอก็ขาดใจตาย

ฝ่ายหลีจีนอ๋องเจ้าเมืองเปงจิว ซึ่งเป็นเชื้อราชวงศ์ถัง ได้แจ้งความซึ่งจูอุนชิงบัลลังก์จากพระเจ้าถังเจียวจงฮ่องเต้ ตั้งตนเป็นพระเจ้าเหลียงไทโจ๊ต้นราชวงศ์เหลียงแล้ว ก็เสียใจคิดวิตกกลัวจูอุนจะยกกองทัพมาตีเมืองเปงจิว

หลีจีนอ๋องนี้เดิมมีบุตรถึงสิบสามคน มีกำลังกล้าแข็งไพร่พลกล้าหาญมากมาย แต่ถูกอุบายของบุตรสองคน ล่อลวงฆ่าหลีซุนเฮ้าบุตรเลี้ยงคนที่สิบสาม ซึ่งมีฝีมือสติปัญญามากกว่าผู้อื่น ตายไป และหลีจีนอ๋องก็สั่งประหารบุตรทั้งสองที่เป็นต้นเหตุ ให้ตายตกไปตามกัน แล้วก็เสพสุราระงับความเสียใจติดต่อกันทั้งวันทั้งคืน จนไม่มีสติปัญญาที่จะว่าราชการได้

วันหนึ่งหลีลูอ๋องเจ้าเมืองลูจิว ซึ่งเป็นน้องชายได้ยกกองทัพมาหา และชักชวนให้ยกกองทัพไปตีเมืองเปียนเหลียง เพื่อกำจัดจูอุนและตั้งราชวงศ์ถังขึ้นมาใหม่ หลีจีนอ๋องก็ว่า

“…….ตัวเราทุกวันนี้อายุก็มาก แต่กำลังยังมีบริบูรณ์อยู่ แต่ครั้งนี้มาเสียใจด้วยหลีซุนเฮ้า ซึ่งได้เป็นกำลังและคู่คิดในราชการ มาดับสูญไปเสียก่อน จึงไม่มีความสบาย น้องเรายกกองทัพมาช่วยคิดราชการในครั้งนี้ เรามีความยินดีนัก แม้นตัวเราพลาดพลั้งลงประการใด น้องเราจะได้ช่วยทำนุบำรุงญาติวงศ์แซ่สืบต่อไป……”

แล้วทั้งสองพี่น้องกับบุตรชายของหลีจีนอ๋องที่เหลืออยู่ ก็ยกกองทัพสี่สิบหมื่น ไปตั้งค่ายมั่นอยู่ที่ตำบลเกยปอซัว และแจ้งไปตามหัวเมืองต่าง ๆ ให้ยกกองทัพมาสมทบ ก็มีหัวเมืองต่าง ๆ ยกกองทัพมาร่วมมือด้วยถึงเก็าเมือง

พระเจ้าเหลียงไทโจ๊ฮ่องเต้ ก็ให้เฮ่งง่วนเจียงเป็นแม่ทัพยกพลสิบหมื่น ออกจากเมืองเปียนเหลียงมาตั้งรับ และให้จูอิวกุย กับจูอิวฉองพระราชบุตรกำกับทัพมาด้วย

หลีจีนอ๋องส่งนายทหารออกไปรบสองคน ก็ถูกเฮ่งง่วนเจียงฆ่าตายอย่างรวดเร็ว หลีจีนอ๋องก็ส่งหลีซุนติดบุตรชาย คุมพลออกไปรบแก็แค้น ก็ถูกเฮ่งง่วนเจียงฆ่าตายอีก

ต่อมาเฮ่งง่วนเหลงน้องชายของเฮ่งง่วนเจียง ยกทหารออกมาท้าทาย หลีจีนอ๋องก็ส่งบุตรชายหกคนออกไปสู้รบ ก็ถูกเฮ่งง่วนเหลงฆ่าตายทั้งหมด หลังจากนั้นก็มีเจ้าเมืองที่มาช่วยรบอาสาออกไปสู้ข้าศึกอีกสองนาย ก็ถูกเฮ่งง่วนเจียงฆ่าตายเช่นเคย

หลีจีนอ๋องขึ้นดูอยู่บนหอรบทุกครั้ง ก็เสียใจนักพูดกับทหารทั้งปวงว่า

“……แต่เราทำศึกสงครามาหลายแผ่นดิน จะนับครั้งแทบไม่ถ้วน หาได้ความอัปราชัยเหมือนครั้งนี้ไม่……..”

ขณะนั้นเฮ่งง่วนเหลงก็ขี่ม้าเข้ามาถึงหน้าค่าย ร้องท้าทายว่าให้ส่งทหารที่มีฝีมือออกมารบโดยเร็ว ถ้าไม่ออกมาจะเอาไฟเผาค่ายเดี๋ยวนี้ หลีจีนอ๋องได้ฟังดังนั้นก็ทอดใจใหญ่ว่า การครั้งนี้สิ้นทหารที่จะอาสาแล้ว จำจะต้องมานะออกไปรบ เสี่ยงบุญเสี่ยงวาสนาแผ่นดินถังดูสักครั้งหนึ่ง เมื่อจะสิ้นเชื้อวงศ์แซ่หลีเจ้าแผ่นดินถังแล้ว เราก็คงตายในท่ามกลางศึก ถ้าแม้นแผ่นดิน ไต้ถังยังจะเจริญอยู่ เราก็คงจะหาเป็นอันตรายไม่

คิดแล้วหลีจีนอ๋องก็แต่งตัวใส่เกราะ ขึ้นม้าถือทวนนำหน้าทหาร ออกไปรบกับ เฮ่งง่วนเหลง ก็บังเกิดอัศจรรย์เฮ่งง่วนเหลง ถูกปีศาจหลีซุนเฮ้าหลอกหลอน ตกลงจากม้าโลหิตไหลออกทางปากจมูกขาดใจตาย หลีจีนอ๋องจึงให้ทหารตัดศรีษะเฮ่งง่วนเหลง ไปเสียบไว้ที่หน้าค่าย ทหารเมืองเปียนเหลียงก็แตกตื่นตกใจไม่เป็นอันสู้รบต่อไป ต้องตั้งสงบอยู่แต่ในค่าย เป็นเวลานาน

แต่ต่อมาหลีจีนอ๋องได้ทหารเอก ที่ได้เคยเป็นพวกพ้องของหลีซุนเฮ้าเมื่อก่อนตาย มาช่วยรบอีกหลายคน แต่ก็สู้เฮ่งง่วนเจียงไม่ได้ ถึงแก่ความตายหมดทุกคน หลีจีนอ๋องมีความเจ็บช้ำน้ำใจเป็นอันมาก ถึงแก่อาเจียนเป็นโลหิต สิ้นชีวิตลงเมื่ออายุได้แปดสิบสี่ปี หลีลูอ๋องจึงเป็น แม่ทัพคุมพลสู้รบต่อไป

ต่อมากองทัพของเมืองเปียนเหลียง ขาดแคลนเสบียงอาหาร เฮ่งง่วนเจียงจึงขอให้จูอิวกุยพระราชบุตร กลับไปกราบทูลฮ่องเต้ให้ทรงทราบข้อซึ่งได้สู้รบ และขอเสบียงอาหารมาเพิ่มเติมอีก

จูอิวกุยก็จัดบ่าวไพร่พอควร เดินทางกลับไปเมืองเปียนเหลียง เมื่อไปถึงกลางทางหยุดพักร้อนอยู่ที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ก็ได้ยินคนเดินทางพูดกันว่า ฮ่องเต้ประพฤติการไม่ดี ลูกไปทัพเอาเมียของลูกมาเป็นเมียของตนเสีย จูอิวกุยก็ถามว่า

“….ซึ่งพระเจ้าเหลียงไทโจ๊ทำการไม่ดีนั้น เอาเมียของลูกคนไหน เจ้ารู้หรือไม่…”

คนเดินทางก็ว่า

“……ข้าพเจ้าได้ยินราษฎรชาวเมือง พูดกันเซ็งแซ่ไปว่า พระเจ้าเหลียงไทโจ๊เอาเมียของจูอิวกุย ซึ่งไปทัพกับเฮ่งง่วนเจียง……”

จูอิวกุยได้ฟังดังนั้นก็เสียใจวาบ เหมือนบุคคลต้องสายฟ้าแลบ ให้มืดหน้าเกิดโทโส หาอาจจะเข้าไปเมืองเปียนเหลียงได้ไม่ จึงขึ้นม้ากลับมายังกองทัพเล่าความให้เฮ่งง่วนเจียงฟัง เฮ่งง่วนเจียงแจ้งแล้วก็เสียใจ กล่าวว่า

“……ธรรมดาบุตรกับบิดา ข้ากับเจ้า เมื่อใช้ไปทางไกลแล้ว บิดาก็ต้องช่วยดูแลทำนุบำรุงครอบครัว บุตรภรรยาของบุตร เจ้าก็ต้องเอาพระทัยใส่ช่วยทำนุบำรุง ระงับเหตุภัยครอบครัวของข้าซึ่งใช้ไปทางไกล ครั้งนี้มีคำเล่าลือมาว่าพระเจ้าเหลียงไทโจ๊ประพฤติดังนี้ เห็นผิดนักท่านอย่าเพ่อเชื่อถือเอาเป็นจริงก่อน…….”

จูอิวกุยได้ฟังดังนั้น ก็ค่อยคลายความโกรธ แต่ยังเคลือบแคลงสงสัยอยู่ ต่อมาฝ่ายหลีจีนอ๋องทำอุบายมาตีชิงเอาเสบียงไปได้อีก จูอิวกุยกับจูอิวฉอง จึงอาสาจะไปขอเสบียงที่เมืองเปียนเหลียงมาให้ เฮ่งง่วนเจียงก็ยินดีว่า

“……..ท่านไปเองแล้วก็คงจะได้ออกมา ขอท่านจงรีบเข้าไปในเวลาวันนี้ ด้วยเสบียงอาหารจวนจะสิ้นอยู่แล้ว…….”

ทั้งสองก็รีบเดินทางกลับไปเมืองเปียนเหลียง ครั้นถึงพระราชวังแจ้งว่าพระเจ้า เหลียงไทโจ๊ฮ่องเต้เสด็จอยู่ข้างใน ก็ให้ขันทีเข้าไปกราบทูล แล้วก็พากันรีบเข้าไปเฝ้าทันที ก็ได้เห็นว่าฮ่องเต้กำลังนั่งเสวยโต๊ะเสพสุรา เคียงข้างอยู่กับนางเกียสีภรรยาของจูอิวกุย อยู่อย่างเพลิดเพลิน จูอิวกุยเห็นพระบิดานั่งหยอกเอินอยู่กับภรรยาของตนดังนั้น ก็ตกใจตลึงยืนนิ่งอยู่ หาได้คุกเข่าลงคำนับไม่ ฮ่องเต้เองเมื่อเห็นจูอิวกุยผู้บุตร ก็ตกพระทัยมีความขวยอายเป็นอันมาก ยังหาทันได้ตรัสประการใดไม่

จูอิวกุยนั้นในอกใจเต็มไปด้วยโทโส หาอาจกลั้นไว้ได้ไม่ จึงร้องออกไปด้วยเสียงอันดังว่า

“……..จูอุนประพฤติเหมือนสัตว์เดรัจฉาน ด้วยแต่ก่อนเราก็รู้อยู่ว่าลักลอบทำชู้กับนางเกียสีภรรยาเรา คนทั้งปวงในเมืองเปียนเหลียงก็พูดกันอื้ออึงว่า เอาบุตรสะใภ้เป็นเมีย แต่เฮ่งง่วนเจียงผู้เดียวหาเชื่อไม่ จึงได้ห้ามปรามเราไว้ว่าเห็นจะไม่เป็นดังนั้นดอก วันนี้เราได้ประจักษ์แก่ตาแล้ว หาควรไว้ชีวิตไม่……..”

ว่าแล้วจูอิวกุยก็ชักกระบี่วิ่งเข้าไปจะฟันฮ่องเต้ผู้บิดา ฮ่องเต้ตกพระทัยยิ่งนักลุกขึ้นวิ่งหนีไป จูอิวกุยก็ไล่ตามกระชั้นเข้าไปถึงพระที่นั่งเจียวลั่นเต้ย ฮ่องเต้เห็นจะไม่พ้นแล้ว จึงตรัสด้วยเสียงอันดังว่า บุตรฆ่าบิดาดังนี้มีอยู่บ้างหรือ จูอิวกุยก็ร้องตอบว่า

“……..เมื่อเป็นขุนนางอยู่นั้น ตัวก็ฆ่าเจ้าแผ่นดินเสีย เจ้าแผ่นดินไม่เหมือนบิดาคนทั้งหลายหรือ…..”

พูดแล้วก็เอากระบี่ฟันถูกฮ่องเต้พระกรขาดไปข้างหนึ่ง แล้วฟันซ้ำถูกพระเศียร ผ่าออกเป็นสองซีก สิ้นพระชนม์ทันใดนั้นเอง

จูอิวฉองเห็นพี่ชายวิ่งไล่พระบิดาไปด้วยความโกรธ ก็วิ่งตามไปแต่หาทันไม่ พี่ชายได้ฆ่าบิดาเสียแล้ว จูอิวฉองจึงชักกระบี่ตรงเข้าฟันพี่ชาย จูอิวกุยก็หันกลับมาสู้รบกัน จูอิวกุยถอยหลังไปสะดุดพระศพบิดาล้มลง จูอิวฉองก็ฟันถูกศรีษะจูอิวกุยขาด ถึงแก่ความตายชดใช้กรรมอันหนักไปพร้อมกับบิดาในที่นั้นเอง.

#########
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่