เพื่อไม่ให้ยืดเยื้อ ผมขอสรุปเพียงใจความสั้นๆนะครับ....เมื่อประมาณเดือนกันยายน ปี 2554
พ่อของผมได้รับโทรศัพท์จาก สภ.แห่งหนึ่งย่านตลาดรังสิต ให้พาน้องผมไปมอบตัว ซึ่งน้องผมก็ปฎิบัติตาม พอไปถึง ทางตำรวจแจ้งข้อหากับน้องผม ดังนี้...
"ร่วมกันพยายามฆ่า, ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันพกพาอาวุธปืน, อาวุธมีด เข้าไปในเมือง หมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และโดยไม่ได้รับอนุญาต"
จากนั้นก็ดำเนินเรื่องคดีความกันมาแล้วทางเราก็ให้ความร่วมมือกับทางตำรวจเป็นอย่างดีมาโดยตลอด จนกระทั่งศาลนัดสืบพยาน
ข้อเท็จจริงคือ ผมและน้องชายอยู่สถานที่เกิดเหตุจริง เพราะเราใช้เส้นทางนั้นในการสัญจรเพื่อจะกลับบ้าน
ฝ่ายโจทย์สืบพยานในช่วงเช้า ผม,น้องชาย,น้าชาย และพ่อ ก็ไปตามนัดของศาลย่านคลอง 6 ทางศาลได้ให้โจทย์ชี้ตัวจำเลย...โจทย์ในช่วงเช้ากลับชี้มาที่ผม ว่าเป็นจำเลยตามที่โดนกล่าวหา (ซึ่งไม่ใช่ นี่คือข้อแรกที่มั่วนิ่มสุดๆ) แต่ช่วงบ่าย พยานฝั่งโจทย์ก็ชี้ตัวถูกหมด ซึ่งอัยการคงได้ซักซ้อมมาแล้ว
และหลักฐานที่ตำรวจได้มา คือ รูปถ่ายของน้องผม ที่ปริ๊นมาจาก เฟสบุค และนำมาออกหมายจับ ซึ่งไม่มีหลักฐานในที่เกิดเหตุ ไม่มีทั้งภาพถ่าย กล้องวงจรปิด หรืออะไรต่างๆเลย
และให้การเหมือนกันหมด ว่าไม่เคยรู้จัก หรือมีเรื่องกับผู้ต้องหามาก่อน อีกทั้ง เมื่อพยานในที่เกิดเหตุให้การ จำนวนคนของผู้เกิดเหตุ ก็ไม่ตรงกัน บ้างก็บอกว่า 3-4 คน อีกคนก็บอก 6-8 คน หนักสุดเลยคือ บอกว่า ร่วม 10 ซึ่งพวกผมฟังแล้วก็ยัง งงๆ ว่าพยานพวกนั้น อยู่ในสถานที่เดียวกันรึป่าว
ทั้งนี้ทั้งนั้น จากจำนวนคนร่วมก่อเหตุตามที่พยานกล้าวอ้างนั้น มีมากกว่า 3-4 คนแน่นอน แต่ทางตำรวจกลับ
จับใครคนอื่นไม่ได้เลย กลับดำเนินคดีกับน้องผมคนเดียว และแถมผมที่อยู่ในที่เกิดเหตุร่วม กลับไม่มีชื่ออยู่ มันคืออะไร ?
สรุปรายละเอียดแบบย่ออีกทีนะครับ
- รูป กล้อง หรือหลักฐานในที่เกิดเหตุไม่มี
- รูปที่นำมาออกหมายจับ นำมาจากเฟสบุค แล้วเอามาให้โจทย์ดู ซึ่ง โจทย์บางคนมันยังชี้ตัวผิดอยู่เลย อยากถามว่ามันน่าเชื่อถือมากเลยเหรอ
- ตำรวจ พบปลอกกระสุนในที่เกิดเหตุ แต่ไม่พบปืน และพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นของใคร แต่กลับมาตั้งข้อหาให้น้องผม
- ไม่มีคนตาย มีแต่บาดเจ็บ
เมื่อสืบพยานทั้งฝั่งโจทย์ และ จำเลยเสร็จสิ้น ก็ถึงวันที่ศาลนัดอ่านคำตัดสิน ซึ่งศาลชั้นต้น
"ยกฟ้อง"
ซึ่งศาลท่านก็เมตตา บอกให้น้องผมกลับไปตั้งใจเรียน ช่วยพ่อแม่ทำงาน ทางเราก็โล่งใจครับ ก็นึกว่าคดีจะจบ แต่ทางอัยการ กลับยื่นอุทธรณ์ และก็ไม่ได้มีการสืบพยานเพิ่ม เมื่อถึงวันนัดฟังคำตัดสิน ศาลอุทธรณ์ กลับตัดสินว่า น้องผมมีความผิดตามที่กล่าวหาจริง ซึ่งน้องผมโดนล็อคตัวไปในวันนั้นเลย...ทางเราใช้เวลาประมาณ 4-5 วัน กว่าจะประกันตัวเอาน้องผมออกมาได้ เพื่อสู้คดีในชั้น ฏีกา
เมื่อวันพุธ ที่ผ่านมา ศาลฏีกา นัดฟังคำตัดสิน ซึ่งน้องผมก็ไปตามนัด (ตรงนี้อาจจะเป็นจุดที่เราพลาด เพราะอะไรมันก็ไม่แน่นอน) ซึ่งศาลฏีกา ตัดสินว่าน้องผมมีความผิดตามกล่าวหา และต้องรับโทษจำคุก 5 ปี 8 เดือน ซึ่งน้องของผม ก็โดนล็อคตัวไปในวันนั้นเลย
ช่วง 2-3 วันแรก ทุกคนเสียใจกันมากๆ เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับครอบครัวของเรา จนกระทั่งวันนี้ ผมก็มานั่งคิด ระบบยุติธรรมมันคืออะไร ? แล้วสิ่งนี้มันยุติธรรมกับน้องผมแล้วเหรอ ? ฝากผู้มีความรู้ทุกท่าน ช่วยเหลือผม น้องผม ครอบครัวผมด้วยเถอะครับ....หลังจากที่น้องผมไปอยู่ในเรือนจำย่าน คลอง 6 แม่ผมซึ่งเป็น Bell's palsy ก็มีอาการแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากความเครียดที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก
ซึ่งตอนนี้ น้องผมอายุ 22 ปี มีแฟน และลูกสาว 1 คน อายุ 2 ขวบ...ขอร้องเถอะครับ รบกวนช่วยเหลือครอบครัวผมด้วย
ป.ล. ถ้าแม่ผมเป็นอะไรไป จากการกระทำชุ่ยๆ ของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ผมจะขอสาปแช่งให้พวกเขา ลูกหลาน ญาติมิตร ไม่ประสบพบความเจริญอีกเลยไปอีกชั่วกัปล์ชั่วกัลย์
ช่วยด้วยครับ !!!! เมื่อน้องผมต้อง"ติดคุก"เพียงเพราะหลักฐานจากรูปใน"เฟสบุค"
พ่อของผมได้รับโทรศัพท์จาก สภ.แห่งหนึ่งย่านตลาดรังสิต ให้พาน้องผมไปมอบตัว ซึ่งน้องผมก็ปฎิบัติตาม พอไปถึง ทางตำรวจแจ้งข้อหากับน้องผม ดังนี้..."ร่วมกันพยายามฆ่า, ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันพกพาอาวุธปืน, อาวุธมีด เข้าไปในเมือง หมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และโดยไม่ได้รับอนุญาต"
จากนั้นก็ดำเนินเรื่องคดีความกันมาแล้วทางเราก็ให้ความร่วมมือกับทางตำรวจเป็นอย่างดีมาโดยตลอด จนกระทั่งศาลนัดสืบพยาน
ข้อเท็จจริงคือ ผมและน้องชายอยู่สถานที่เกิดเหตุจริง เพราะเราใช้เส้นทางนั้นในการสัญจรเพื่อจะกลับบ้าน
ฝ่ายโจทย์สืบพยานในช่วงเช้า ผม,น้องชาย,น้าชาย และพ่อ ก็ไปตามนัดของศาลย่านคลอง 6 ทางศาลได้ให้โจทย์ชี้ตัวจำเลย...โจทย์ในช่วงเช้ากลับชี้มาที่ผม ว่าเป็นจำเลยตามที่โดนกล่าวหา (ซึ่งไม่ใช่ นี่คือข้อแรกที่มั่วนิ่มสุดๆ) แต่ช่วงบ่าย พยานฝั่งโจทย์ก็ชี้ตัวถูกหมด ซึ่งอัยการคงได้ซักซ้อมมาแล้ว
และหลักฐานที่ตำรวจได้มา คือ รูปถ่ายของน้องผม ที่ปริ๊นมาจาก เฟสบุค และนำมาออกหมายจับ ซึ่งไม่มีหลักฐานในที่เกิดเหตุ ไม่มีทั้งภาพถ่าย กล้องวงจรปิด หรืออะไรต่างๆเลย และให้การเหมือนกันหมด ว่าไม่เคยรู้จัก หรือมีเรื่องกับผู้ต้องหามาก่อน อีกทั้ง เมื่อพยานในที่เกิดเหตุให้การ จำนวนคนของผู้เกิดเหตุ ก็ไม่ตรงกัน บ้างก็บอกว่า 3-4 คน อีกคนก็บอก 6-8 คน หนักสุดเลยคือ บอกว่า ร่วม 10 ซึ่งพวกผมฟังแล้วก็ยัง งงๆ ว่าพยานพวกนั้น อยู่ในสถานที่เดียวกันรึป่าว
ทั้งนี้ทั้งนั้น จากจำนวนคนร่วมก่อเหตุตามที่พยานกล้าวอ้างนั้น มีมากกว่า 3-4 คนแน่นอน แต่ทางตำรวจกลับ จับใครคนอื่นไม่ได้เลย กลับดำเนินคดีกับน้องผมคนเดียว และแถมผมที่อยู่ในที่เกิดเหตุร่วม กลับไม่มีชื่ออยู่ มันคืออะไร ?
สรุปรายละเอียดแบบย่ออีกทีนะครับ
- รูป กล้อง หรือหลักฐานในที่เกิดเหตุไม่มี
- รูปที่นำมาออกหมายจับ นำมาจากเฟสบุค แล้วเอามาให้โจทย์ดู ซึ่ง โจทย์บางคนมันยังชี้ตัวผิดอยู่เลย อยากถามว่ามันน่าเชื่อถือมากเลยเหรอ
- ตำรวจ พบปลอกกระสุนในที่เกิดเหตุ แต่ไม่พบปืน และพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นของใคร แต่กลับมาตั้งข้อหาให้น้องผม
- ไม่มีคนตาย มีแต่บาดเจ็บ
เมื่อสืบพยานทั้งฝั่งโจทย์ และ จำเลยเสร็จสิ้น ก็ถึงวันที่ศาลนัดอ่านคำตัดสิน ซึ่งศาลชั้นต้น "ยกฟ้อง"
ซึ่งศาลท่านก็เมตตา บอกให้น้องผมกลับไปตั้งใจเรียน ช่วยพ่อแม่ทำงาน ทางเราก็โล่งใจครับ ก็นึกว่าคดีจะจบ แต่ทางอัยการ กลับยื่นอุทธรณ์ และก็ไม่ได้มีการสืบพยานเพิ่ม เมื่อถึงวันนัดฟังคำตัดสิน ศาลอุทธรณ์ กลับตัดสินว่า น้องผมมีความผิดตามที่กล่าวหาจริง ซึ่งน้องผมโดนล็อคตัวไปในวันนั้นเลย...ทางเราใช้เวลาประมาณ 4-5 วัน กว่าจะประกันตัวเอาน้องผมออกมาได้ เพื่อสู้คดีในชั้น ฏีกา
เมื่อวันพุธ ที่ผ่านมา ศาลฏีกา นัดฟังคำตัดสิน ซึ่งน้องผมก็ไปตามนัด (ตรงนี้อาจจะเป็นจุดที่เราพลาด เพราะอะไรมันก็ไม่แน่นอน) ซึ่งศาลฏีกา ตัดสินว่าน้องผมมีความผิดตามกล่าวหา และต้องรับโทษจำคุก 5 ปี 8 เดือน ซึ่งน้องของผม ก็โดนล็อคตัวไปในวันนั้นเลย
ช่วง 2-3 วันแรก ทุกคนเสียใจกันมากๆ เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับครอบครัวของเรา จนกระทั่งวันนี้ ผมก็มานั่งคิด ระบบยุติธรรมมันคืออะไร ? แล้วสิ่งนี้มันยุติธรรมกับน้องผมแล้วเหรอ ? ฝากผู้มีความรู้ทุกท่าน ช่วยเหลือผม น้องผม ครอบครัวผมด้วยเถอะครับ....หลังจากที่น้องผมไปอยู่ในเรือนจำย่าน คลอง 6 แม่ผมซึ่งเป็น Bell's palsy ก็มีอาการแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากความเครียดที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก
ซึ่งตอนนี้ น้องผมอายุ 22 ปี มีแฟน และลูกสาว 1 คน อายุ 2 ขวบ...ขอร้องเถอะครับ รบกวนช่วยเหลือครอบครัวผมด้วย
ป.ล. ถ้าแม่ผมเป็นอะไรไป จากการกระทำชุ่ยๆ ของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ผมจะขอสาปแช่งให้พวกเขา ลูกหลาน ญาติมิตร ไม่ประสบพบความเจริญอีกเลยไปอีกชั่วกัปล์ชั่วกัลย์