สวัสดีค่ะเพื่อนๆทุกคน เราเชื่อว่าทุกคนต่างก็มีปัญหาที่แตกต่างกันไป ก่อนอื่นเราขอแนะนำตัวก่อนนะคะ เราเรียนจบ ป.ตรี (เกียรตินิยมอันดับ1)สาขาการบัญชี ตอนเรียน ป ตรีเราได้ทุนนะคะ ที่บ้านก็ไม่ได้รวยอะไรเลย พ่อแม่ แยกทางกันค่ะ แต่เราอยู่กับแม่ แม่ก็ทำงานหาเลี้ยงเรากับน้อง เท่าที่จำได้น่าจะตั้งแต่ตั้งแต่ ป.1 ค่ะ ที่แม่เลี้ยงเราและน้องมาโดยลำพัง โดยไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆจากพ่อ ทุกคนลองคิดเอาว่า ถ้าเรามีลูกสองคนที่ต้องเลี้ยง ในขณะที่เราเป็นพนักงานบริษัท ทั่วๆไป มันจะสามารถเลี้ยงลูกพอหรอ แม่เราทำงานประจำ ทำโอที ขายตรง ขายของตลาดนัด แม่เราทำหมดทุกอย่าง ทั้งเวลาหลังเลิกงาน และเสาร์-อาทิตย์ แม่เราคงเหนื่อยมากๆ และไม่ได้หยุดเลย ซึ่งวันนี้เราลองมองย้อนคิดดู แม่เราช่างสุดยอดมากๆ แต่สุดท้ายมันก็ไม่พออยู่ดี แม่เราเลยออกมาขายของเต็มตัว แล้วยอดรายได้มันก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จากร้านขายของแผงเล็กๆ จนเป็นร้านของของแผงใหญ่ ขนาด 2 เต็นท์ นี่หล่ะค่ะ แม่เรา ที่เราภาคภูมิใจที่สุด แล้วคือมันเกี่ยวอะไรกันหรอ เห็นเล่ามายาวเหยียด เกี่ยวสิคะ เพราะแม่เราคือแรงบันดาลใจทุกๆอย่างที่ทำให้เรามีอยู่ทุกวันนี้ ดังนั้นการที่เราขยันเรียน จนได้เกียรตินิยม และได้ทุน เราทำเพื่อตัวเองเพื่อแม่ และคนในครอบครัว ให้เค้าภาคภูมิใจค่ะ
ในช่วงระหว่างที่เรียนจบใหม่ค่ะ เราเปลี่ยนงานไปเรื่อยตามประสาวัยรุ่น เหมือนว่า คำว่าเกียรตินิยม จะทำให้เราหางานได้ง่ายดาย คือไปที่ไหนเค้าก็รับค่ะ ถ้าเราเรียกเงินเดือนไม่สูง แต่เราก็ยังไม่รู้ว่าชอบงานแบบไหนอยุ่ดี ซึ่งเราก็ยังไม่รู้หรอกค่ะว่าจะไปทำงานอะไรรู้แค่ว่า งานสุจริต ที่ทำแล้วได้เงินเยอะๆค่ะ เด็กจบใหม่ทุกคนก็คงใฝ่ฝัน ว่าอยากมีหน้าที่การงานดีๆทำเงินเดือนสูงๆ ตอนนั้น เงินเดือนเรา start ที่ 8000 เองค่ะ (มันน้อยมาก) เราจึงเปลี่ยนงานไปเรื่อย และไม่มีจุดหมายปลายทาง ว่าอยากจะทำอะไร หลังจากที่เปลี่ยนงานไปเรื่อย เฮ่ออออ เวลาช่างผ่านไปรวดเร็ว ระหว่างนั้นเราทำงานไป เรียนต่อ ป โท อีกใบ สาขาการบัญชีค่ะ ตอนนั้นเราก็ถามตัวเองนะเรียนไปเพื่ออะไร เอาหล่ะอย่างน้อยไม่มีงานทำก็เป็นครูก็แล้วกัน ตรีโทบัญชี ได้แน่นอน แต่ความคิดก็ไม่ได้หยุดแค่นั้น เอ๊ะ งานที่เราเปลี่ยนไปเรื่อยหน่ะ มันไม่ได้ตรงกับที่เรียนมาเล้ยยยย ถ้าน้องๆคนไหนที่กำลังครุ่นคิดอยุ่ การกระโดดย้ายสายงานข้ามสาย มันจะทำให้เราไม่โดในการอัพตำแหน่งงานนะคะ เราก็คือหนึ่งในนั้นที่กำลังหลงทาง สุดท้าย เราก็คิดได้ว่าเมื่อเราเรียนบัญชีมา ครั้งนึงก็ขอให้ได้ไปเรียนรู้งานบัญชีสายตรงสักหน่อยเถอะ ในที่สุดเราก็ยอมทิ้งเงินเดือน ซึ่งกว่าจะไต่มาถึง 17000 ได้นี่หืดขึ้นคอ มารับตำแหน่งใหม่ พนักงานบัญชีต๊อกต๋อยคนหนึ่ง ในสำนักงานบัญชี ซึ่งขอบอกเลยว่าช้านนน ไม่มีความรู้อะไรอยู่ในหัวเลยนั้น (ซึ่งในขณะนั้น เราก็ย่อมรู้ว่า การที่เราสละเงินเดือน มาเหมือนเริ่มนับ 1 ใหม่ กินเงินเดือน 13000 มันต้องได้อะไรตอบแทนมากกว่านั้น)
เราเริ่มงานที่สำนักงานบัญชีได้ไม่นาน ไม่แปลกใจเลยนะ ว่าทำไมนักบัญชีส่วนใหญ่จะโสด และแก่ หลายๆครั้งนะที่เราท้อๆๆๆ ท้อมากๆๆ งานก็หนัก เหนื่อยก็เหนื่อย เลิกก็มืด แต่เราก็ทนและผ่านมันมาได้ เราทำอะไรในสำนักงานบัญชีหน่ะเหรอ ก็พนักงานบัญชี ยื่นภาษี ปิดงบหน่ะสิ รู้มั้ย เลยเลิกงานสูงสุด 22.30 น. เฮ่อ เค้าอยู่กันได้ไงอะ โอทีไม่มี ข้าวก็ไม่มีเลี้ยง ชีวิตรันทด ตลอดเวลา เราก็พยามเรียนรู้งานทุกๆอย่าง จนเราสามารถทำบัญชี ปิดงบได้ แต่ตอนนี้ เราก็มีวิชาแก่กร้าาาาาา แล้ววววววว เราก็เริ่มรับงานเสริม จ๊อบนอก ซึ่งเราหาลูกค้าเองคร่า ไม่ได้ไปแย่งตัดหน้าใคร
ว่าแต่ ทำงาน จ-ส เรียน อาทิตย์ เลิก 21.00 แน่ะ หลังเลิกงานกลับมาทำงานต่อ คือตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตเลยค่ะ แต่เราเสียดายอย่างหนึ่ง ที่เราไม่ได้ไปในด้านสายสอบบัญชี ถ้าเรารู้ตัวเร็วกว่านี้อีกนิด เราคงไปเป็นผู้ช่วยผู้สอบบัญชีมากกว่าพนักงานบัญชี มันก็ผ่านมาแล้วนะ เราคงย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้
ในที่สุดดดดด เราก็เรียนจบโท ซะที ได้ปริญญามาอีก 1 ใบ เราจึงได้จังหวะเปลี่ยนงาน ประสบการเกี่ยวกับด้านบัญชีที่สั่งสมมา + วุฒิการศึกษา ทำให้เราได้งานใหม่ที่หนึ่ง ซึ่งสามารถอัพเงินเดือนได้พอควรเลยแหละ เหมือนคนออกมาเผชิญโลกกว้าง ที่ๆเราเคยอยู่ก็ว่ามีคนเก่งๆแล้ว ออกมา เจออีกหลายๆคน วิชาแก่กล้านัก เราจึงไปฝึกวิทยายุทธ หาวิชาใส่ตัวเเพิ่มเติมจากที่ใหม่ ลืมบอกไปนะ ที่เราไปทำหน่ะ เราไม่ใช่เด็กคีย์งานแล้วน้าาา แต่เป็นหัวหน้าทีมบัญชีปิดงบ ดูเหมือนจะก้าวหน้าขึ้น แต่มันเหนื่อยมากจริงๆ คนบ้าอะไรปปิดงบเป็น 100 กว่าบริษัท เค้าใช้งานเราคุ้มจริงๆ เวลาผ่านไป........... งานที่สุดท้าย............. ตำแหน่งงานสุดท้าย............. เราอัพตำแหน่งจนได้เป็นเป็นผู้จัดการฝ่ายบัญชี............. ในขณะนั้นงานบัญชีก็จ๊อบนอกก็เริ่มเยอะแล้วสิ จนเราเริ่มทำงานสองที่ไม่ไหวแล้วววววว
อิอิ เหตุการณ์จะเป็นยังไงต่อไปโปรดติดตาม ความในใจของนักบัญชีคนหนึ่ง ภาค 2 จร้าา
ความในใจของนักบัญชีคนหนึ่ง
ในช่วงระหว่างที่เรียนจบใหม่ค่ะ เราเปลี่ยนงานไปเรื่อยตามประสาวัยรุ่น เหมือนว่า คำว่าเกียรตินิยม จะทำให้เราหางานได้ง่ายดาย คือไปที่ไหนเค้าก็รับค่ะ ถ้าเราเรียกเงินเดือนไม่สูง แต่เราก็ยังไม่รู้ว่าชอบงานแบบไหนอยุ่ดี ซึ่งเราก็ยังไม่รู้หรอกค่ะว่าจะไปทำงานอะไรรู้แค่ว่า งานสุจริต ที่ทำแล้วได้เงินเยอะๆค่ะ เด็กจบใหม่ทุกคนก็คงใฝ่ฝัน ว่าอยากมีหน้าที่การงานดีๆทำเงินเดือนสูงๆ ตอนนั้น เงินเดือนเรา start ที่ 8000 เองค่ะ (มันน้อยมาก) เราจึงเปลี่ยนงานไปเรื่อย และไม่มีจุดหมายปลายทาง ว่าอยากจะทำอะไร หลังจากที่เปลี่ยนงานไปเรื่อย เฮ่ออออ เวลาช่างผ่านไปรวดเร็ว ระหว่างนั้นเราทำงานไป เรียนต่อ ป โท อีกใบ สาขาการบัญชีค่ะ ตอนนั้นเราก็ถามตัวเองนะเรียนไปเพื่ออะไร เอาหล่ะอย่างน้อยไม่มีงานทำก็เป็นครูก็แล้วกัน ตรีโทบัญชี ได้แน่นอน แต่ความคิดก็ไม่ได้หยุดแค่นั้น เอ๊ะ งานที่เราเปลี่ยนไปเรื่อยหน่ะ มันไม่ได้ตรงกับที่เรียนมาเล้ยยยย ถ้าน้องๆคนไหนที่กำลังครุ่นคิดอยุ่ การกระโดดย้ายสายงานข้ามสาย มันจะทำให้เราไม่โดในการอัพตำแหน่งงานนะคะ เราก็คือหนึ่งในนั้นที่กำลังหลงทาง สุดท้าย เราก็คิดได้ว่าเมื่อเราเรียนบัญชีมา ครั้งนึงก็ขอให้ได้ไปเรียนรู้งานบัญชีสายตรงสักหน่อยเถอะ ในที่สุดเราก็ยอมทิ้งเงินเดือน ซึ่งกว่าจะไต่มาถึง 17000 ได้นี่หืดขึ้นคอ มารับตำแหน่งใหม่ พนักงานบัญชีต๊อกต๋อยคนหนึ่ง ในสำนักงานบัญชี ซึ่งขอบอกเลยว่าช้านนน ไม่มีความรู้อะไรอยู่ในหัวเลยนั้น (ซึ่งในขณะนั้น เราก็ย่อมรู้ว่า การที่เราสละเงินเดือน มาเหมือนเริ่มนับ 1 ใหม่ กินเงินเดือน 13000 มันต้องได้อะไรตอบแทนมากกว่านั้น)
เราเริ่มงานที่สำนักงานบัญชีได้ไม่นาน ไม่แปลกใจเลยนะ ว่าทำไมนักบัญชีส่วนใหญ่จะโสด และแก่ หลายๆครั้งนะที่เราท้อๆๆๆ ท้อมากๆๆ งานก็หนัก เหนื่อยก็เหนื่อย เลิกก็มืด แต่เราก็ทนและผ่านมันมาได้ เราทำอะไรในสำนักงานบัญชีหน่ะเหรอ ก็พนักงานบัญชี ยื่นภาษี ปิดงบหน่ะสิ รู้มั้ย เลยเลิกงานสูงสุด 22.30 น. เฮ่อ เค้าอยู่กันได้ไงอะ โอทีไม่มี ข้าวก็ไม่มีเลี้ยง ชีวิตรันทด ตลอดเวลา เราก็พยามเรียนรู้งานทุกๆอย่าง จนเราสามารถทำบัญชี ปิดงบได้ แต่ตอนนี้ เราก็มีวิชาแก่กร้าาาาาา แล้ววววววว เราก็เริ่มรับงานเสริม จ๊อบนอก ซึ่งเราหาลูกค้าเองคร่า ไม่ได้ไปแย่งตัดหน้าใคร
ว่าแต่ ทำงาน จ-ส เรียน อาทิตย์ เลิก 21.00 แน่ะ หลังเลิกงานกลับมาทำงานต่อ คือตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตเลยค่ะ แต่เราเสียดายอย่างหนึ่ง ที่เราไม่ได้ไปในด้านสายสอบบัญชี ถ้าเรารู้ตัวเร็วกว่านี้อีกนิด เราคงไปเป็นผู้ช่วยผู้สอบบัญชีมากกว่าพนักงานบัญชี มันก็ผ่านมาแล้วนะ เราคงย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้
ในที่สุดดดดด เราก็เรียนจบโท ซะที ได้ปริญญามาอีก 1 ใบ เราจึงได้จังหวะเปลี่ยนงาน ประสบการเกี่ยวกับด้านบัญชีที่สั่งสมมา + วุฒิการศึกษา ทำให้เราได้งานใหม่ที่หนึ่ง ซึ่งสามารถอัพเงินเดือนได้พอควรเลยแหละ เหมือนคนออกมาเผชิญโลกกว้าง ที่ๆเราเคยอยู่ก็ว่ามีคนเก่งๆแล้ว ออกมา เจออีกหลายๆคน วิชาแก่กล้านัก เราจึงไปฝึกวิทยายุทธ หาวิชาใส่ตัวเเพิ่มเติมจากที่ใหม่ ลืมบอกไปนะ ที่เราไปทำหน่ะ เราไม่ใช่เด็กคีย์งานแล้วน้าาา แต่เป็นหัวหน้าทีมบัญชีปิดงบ ดูเหมือนจะก้าวหน้าขึ้น แต่มันเหนื่อยมากจริงๆ คนบ้าอะไรปปิดงบเป็น 100 กว่าบริษัท เค้าใช้งานเราคุ้มจริงๆ เวลาผ่านไป........... งานที่สุดท้าย............. ตำแหน่งงานสุดท้าย............. เราอัพตำแหน่งจนได้เป็นเป็นผู้จัดการฝ่ายบัญชี............. ในขณะนั้นงานบัญชีก็จ๊อบนอกก็เริ่มเยอะแล้วสิ จนเราเริ่มทำงานสองที่ไม่ไหวแล้วววววว
อิอิ เหตุการณ์จะเป็นยังไงต่อไปโปรดติดตาม ความในใจของนักบัญชีคนหนึ่ง ภาค 2 จร้าา