รีวิว ประสบการณ์สำนักงานบัญชี

กระทู้คำถาม
สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาขอแชร์ประสบการณ์การทำงานสำนักงานบัญชีนะคะ
เริ่มจากการก้าวเข้ามาสมัครเป็นพนักงานธุรการ เพราะวุฒิการศึกษาเราไม่ได้จบบัญชี ตอนนั้นเงินเดือนStartอยู่8,×××.- งานที่รับผิดชอบก็จะเป็น รายงานภาษีซื้อ-ขาย (แต่ยังไม่รู้จักใบกำกับภาษีเลยจ้า) คีย์ซื้อ ขาย ทำสต๊อกสินค้า มีความมึนงงมากกับการทำงานในสายนี้เพราะเคยทำแต่งานโรงงานในฝ่ายผลิต คนสอนงานก็มีแค่เจ้าของสำนักงานซึ่งอยู่บ้างไม่อยู่บ้าง ก็อาศัยเพื่อนร่วมงานด้วยกันค่อยๆสอบถามกันไป มีอยู่แค่4คนเอง ผ่านไป1 หน้างานเราเริ่มเปลี่ยนเจ้าของสำนักงานปรับตำแหน่งให้เราเป็นผู้ช่วยพนักงานบัญชี โดยเริ่มรับผิดชอบงานเพิ่มขึ้น โดยการเริ่มดูแลลูกค้าเป็นบริษัทไปเลย ทำทุกอย่างยกเว้นการลงบัญชีแบบ เดบิต เครดิต แต่เจ้าของจะเซ็ทหน้าค่าใช้จ่ายโดยการผูกบัญชีให้บันทึกก่อน 

#จุดที่เริ่มทำให้เปลี่ยนแปลง
คือทางบริษัทลูกค้าพนักงานบัญชีลาออกจึงต้องการให้พนักงานจากสำนักงานบัญชีเข้าไปทำงานให้สัปดาห์ละ2วัน วันละ2คน เราก็คือ1ในนั้น เข้าคู่กับพนักงานบัญชีอีกคนที่เค้าจบบัญชีและทำงานบัญชีได้เต็มระบบ การเข้าไปแม้จะไปในนามลูกจ้าง แต่พนักงานที่นั่นก็ไม่วายมีปัญหากับเราเนื่องจากงานบัญชีต้องละเอียด เอกสารที่ตามก็ไม่เคยได้รับ เอกสารออกผิดบ่อยมาก ตามมากๆ แจ้งบ่อยๆเค้าคงลำคาญ เริ่มมีปากเสียงกันกับพนักงานที่นั่น และงานเข้าเราก็คราวนี้คือพนักงานบัญชีที่เข้าไปด้วยกันลาออก และเราต้องเข้าไปกับพนักงานใหม่ซึ่งยังทำงานด้านนี้ไม่เป็นสักเท่าไร จะบอกว่ารู้สึกเคว้งและกลัวมาก กดดันสุดๆ ในหลายๆสิ่งที่ต้องเผชิญ แต่..ข้อดีของมันคือเราได้หัดบันทึกบัญชีแบบ เดบิต เครดิต โดยดูจากตัวอย่างเดิมว่าทำอย่างไร เริ่มทำความเข้าใจโดยเทียบกับชีวิตจริงว่า ถ้ามีเงินในมือ เราซื้อของมาคือ เดบิตค่าใช้จ่าย เงินเราหายไป คือเครดิตเงินสด ออกไป ประมาณนี้ เอาหลักบัญชีมาเทียบกับความจริงเอา ความกดดันไม่ได้หายไปไหนนะคะ ยังคงรู้สึกอึดอัด ท้อเหมือนเดิม วันนึงทนไม่ไหว กลับมาบอกหัวหน้าว่าขอไม่เข้าไปที่นี่แล้วได้มั้ย แต่เราได้ตำตอบคือความเงียบกลับมา คือ..เราก็ต้องตามน้ำรับสภาพเข้าไปทำงานที่นั่นต่อไป จนถึงวันที่สำนักงานกับบริษัทไม่ต่อสัญญากัน(ดีใจสุดๆ) ประสบการณ์ที่ได้จากที่นี่คือ 1.ความรู้ในการบันทึกบัญชี 2.ความอดทนต่อความกดดัน 3.ตำแหน่งพนักงานบัญชี

#จุดเริ่มต้นของการอยากก้าวออกมา
การทำงานที่นี่มีการจ้างงานแบบออกนอกพื้นที่มากขึ้นและเราก็เป็น1ในนั้นตลอด งานบริษัทนี้เป็นการรับงานต่อจากที่เดิมอย่างกระทันหัน และต้องเร่งปิดงบนให้เสร็จ เราก็รีบทำงานให้นะทั้งงานปัจจุบันงานย้อนหลัง วันนั้นเราและเพื่อนโดนเจ้าของสำนักงานเรียกไปด่าที่ห้องประชุมของบริษัทลูกค้า เรื่องการทำงานช้า อีกครึ่ง ชม.ก็เลิกงานแล้ว กลับมาคุยกันที่ออฟฟิศไม่ได้เลยหรอ ทั้งอายทั้งเสียใจ เสียความรู้สึกมาก จนขอถอนตัวออกจากจุดนั้น พิมพ์ไลน์ตอบโต้แบบไม่แคร์ใดๆเลย ในใจคือออกก็ออกว่ะ ทำไมไม่ฟังเหตุผลกันบ้างล่ะ เราก็เหนื่อยนะไม่ได้นั่งเล่นซ่ะหน่อยเพราะเราก็ว่าเราเต็มที่เหมือนกัน แต่เราก็ไม่รู้หรอกว่าเค้าไปเจอความกดดันอะไรมา การออกจากจุดนั้น คือดีใจละชั้นจะได้นั่งประจำไม่ต้องเดินทางเหนื่อยถึงบ้านดึกๆแล้ว แต่...ขอให้ช่วยเข้าไปเคลียร์งานเก่าให้ก่อนได้มั้ย อ่ะได้ก็ได้ หรอยไปเรื่อยๆ สุดท้ายคือ..... กลับมาทำแบบเดิมนะ ทุกอย่างเข้าลู้ปเดิม รับสภาพไปโดยปริยาย (ระหว่างนี้ใจปลิวไปแล้วจ้า) ทำแบบนี้มาเรื่อยๆ อาทิตย์นึงเข้า2ที่ ที่ละ2วัน 2ที่นี้คือคนละจังหวัดนะคะ นั่งออฟฟิศอาทิตย์ละ1วันได้ งานนอกก็ต้องเรียบร้อย งานในก็ต้องเสร็จ (งานในอีก10บริษัท แต่ยังดีได้ผู้ช่วยมาคนนึง) ระหว่างนี้ก็หางานจ้าาาาไปสัมภาษณ์หลายที่แต่ไม่ได้หลักๆคือ #วุฒิไม่ตรง ไม่มีวุฒิบัญชี ร้องไห้อีกหลายตลบ ในการทำงานในแต่ละวัน 

#เลือกที่จะเหนื่อยเพิ่มเพื่ออนาคต
จากด้านบนคือเราทำงานด้านนี้มาตลอด4ปี แต่เราไม่มีวุฒิบัญชีซึ่งงานนี้เป็นวิชาชีพเฉพาะ เราจึงหาข้อมูลเพื่อเรียน ป.ตรี อีกใบเพราะอยากได้วุฒิบัญชี จนมาเจอ มสธ. ที่ตอบโจทย์ ไม่ต้องเดินทางไปเรียน ถึงเวลาก็ไปสอบ แต่อ่านรีวิวหลายๆคนคือจบยากมาก เลิกเรียนไปก็เยอะ ใจก็กล้าๆกลัวๆแต่ก็ตัดสินใจลองดูสักตั้ง เลิกงานมาอ่านหนังสือวันละ 2-3 ชม. คืออย่างน้อย1วันต้องอ่านให้ได้1บท (วิชานึงมี15บท) เราลงเทอมนึง3วิชา และลงหลักสูตรสัมฤทธิบัตรด้วย อ่าน ทบทวน ทำแบบฝึกหัด วนไปแบบนี้ ในที่สุดเราก็จบจาก มสธ.ได้ในเวลา2ปี เหนื่อยนะ แต่โคตรภูมิใจเลย ทำงานก็เหนื่อย เรียนอีก แทบแย่แหละ

#วันของเรามาแล้ววววววว
ตอนสมัครงานที่โรงงานแห่งหนึ่งนี้เรายังไม่ได้วุฒิบัญชีหรอก เหลืออีก3วิชาจะจบ แต่ขอบคุณบริษัทที่ให้โอกาสในการรับเข้าทำงาน และขอบคุณสำนักงานบัญชีที่ให้ความรู้เราจนได้ฝ่าฟันเข้าบริษัทใหญ่ๆได้ เมื่อยื่นใบลาออกน้ำตามาอีกแล้วคราวนี้ใจหายมากที่ต้องก้าวออกมา เรากลับรู้สึกผูกพันธ์และขอบคุณด้วยซ้ำที่สอนอะไรเรามามากมาย เข้ามาบริษัทนี้ได้1ปี ผู้จัดการเห็นความสามารถจึงให้เข้าสอบปรับตำแหน่ง แต่ความเห็นของฝ่ายบุคคลบอกว่าอายุงานน้อยเกินไปรออีกปีละกันนะ ปีหน้าค่อยสอบเนอะ เราก็โอเคค่ะ เข้าใจรอก็รอ ในจังหวะนั้นเองมีพี่ที่เรียน มสธ.ด้วยกันมาถามว่าเปลี่ยนงานจากสำนักงานบัญชีรึยัง เพราะเคยเล่าให้เขาฟัง (เจอกันตอนเรียนเสริมและมีโอกาสได้คุยกัน) ก็เลยบอกว่าเปลี่ยนมาแล้ว เค้าเลยเสนอว่าลองไปสมัครที่นึงดูมั้ยกำลังจะเปิดรับสมัครไปสัมภาษณ์ดูเราโอเคหรือไม่โอเคค่อยว่ากันอีกที ก็ปฏิเสธพี่เค้าตลอดมา ถามประมาณ4-5ครั้ง เพราะเรามองว่าที่นี่ก็ดีแล้วนะเรากำลังจะได้ปรับตำแหน่งละเพื่อนร่วมงานก็โอเค แต่ช่วงจังหวะบังเอิญก็เข้ามา คือเพราะโควิด ทำให้บริษัทให้หยุดงานและจ่าย75% ที่บริษัทที่พี่เค้าเสนอเปิดรับสมัครพอดี เราอยู่บ้านว่างไปเลยลองไปสัมภาษณ์ดู รอบที่1 ทำแบบทดสอบ สัมภาษณ์เบื้องต้นกับฝ่ายบุคคล รอบที่2 สัมภาษณ์กับผู้จัดการ อ้าวงวงทีนี้ใจไปแล้วจ้า555 หวั่นไหวไปกับเค้า พอเค้าตอบมาว่าเราได้งานที่นี่นะ เงินเดือนก็ได้มากกว่าที่เดิมพอสมควร ก็เลยตอบไปว่า ตกลงค่ะ ไปเริ่มงานที่ใหม่เพราะโควิดแท้ๆ ตอนนี้ก็โอเคกับที่นี่แล้ว เงินเดือน ตำแหน่ง คือมันอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเลยทีเดียว

#ขอบคุณประสบการณ์จากสำนักงานบัญชี
ที่สอนให้รู้จักอดทน สอนการทำงานบัญชีอย่างเต็มรูปแบบ ทำให้เราได้มีโอกาสมากกว่าคนอื่นๆในการทำงาน เพราะส่วนมากงานบัญชีที่อื่นไปจะแยกกัน ทำงานกันคนละหน้า จะรู้แค่ด้านใดด้านนึงเท่านั้น เรามาจากสำนักงานบัญชีเราได้เปรียบกว่าเพราะเรารู้ครบ บัญชี ภาษี ประกันสังคม สำนักงานบัญชีสอนให้เราเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น รู้จักรอ รู้จักอดทน ควบคุมสติ การตอบโต้กับผู้อื่น ภาวะความเป็นผู้นำ เมื่อเราผ่านจุดที่มันหนักมาได้แล้ว สิ่งที่เราเจออีกเราจะมีสกิลการรับมือกับปัญหาได้พอสมควร งานที่แลกประสบการณ์ด้วยน้ำตาจริงๆ เหนื่อยนะแต่คุ้มมาก ทุกวันนี้ไม่เคยลืมบุญคุณที่สำนักงานบัญชีมอบให้เลย

ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ😘

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่