สวัสดีเพื่อนๆ หลังจากได้เคยทำรีวิวเล่นๆกับ โทรศัพท์มือถือกันไปบ้างแล้ว วันนี้มาลองรีวิว แบบจริงจังกันบ้างวันนี้จะมาแนะนำร้านๆนึงครับ
อยู่ในเดอะมอลบางกะปิ ชื่อว่าร้าน white day patisserie ร้านอยู่ตรงข้ามสตาร์บั๊ก ชั้น1 โซนตรงเบอร์เกอร์คิงส์ ไปเริ่มกันเลยครับ
คอนเซปท์ร้านนี้คือ วันไวท์เดย์มีในประเทศ ญี่ปุ่น เกาหลี และไต้หวัน โดยวันนี้คือวันที่ 14 มีนา หรือ1เดือนหลังจากวันวาเลนไทน์นั่นเอง เหล่าชายหนุ่มที่ได้รับช็อกโกแลตหรือของขวัญในวันวาเลนไทน์จากหญิงสาว จะถือโอกาสนี้มอบของคืนกลับให้ฝ่ายหญิงเป็นการแสดงความในใจอย่างหนึ่งว่าฉันก็มีใจนะ
ส่วนประวัติของวันไวท์เดย์ ย้อนหลังไปได้ถึงปี 1965 เมื่อผู้ผลิตขนมมาร์ชแมลโลเริ่มทำตลาดในญี่ปุ่นก็เลยสร้างค่านิยมว่าผู้ชายควรมอบมาร์ชแมลโลเป็นของขวัญตอบกลับให้หญิงสาวที่ให้ของขวัญในวันวาเลนไทน์ เดิมทีเขาเรียกวันนี้ว่าวันมาร์ชแมลโล หรือ มาร์ชแมลโลเดย์ แต่ภายหลังก็เปลี่ยนมาเป็นไวท์เดย์อย่างปัจจุบัน
ต่อมาบริษัทช็อกโกแลตเริ่มตระหนักว่าพวกเขาก็น่าจะขายสินค้าของตัวเองในวันนี้ได้เหมือนกัน เลยเริ่มนำไวท์ช็อกโกแลตมาวางขายด้วย สมัยนี้ผู้ชายญี่ปุ่นจึงนิยมให้ทั้งมาร์ชแมลโล ไวท์ช็อกโกแลต รวมถึงช็อกโกแลตธรรมดาลูกอม และของขวัญทั้งที่กินได้และกินไม่ได้อื่นๆ ให้กับฝ่ายหญิง
ขอบุณข้อมูลจากเว็ป วิกิ ครับ
นี่เป็น บรรยากาศ ทางเข้าของร้านครับ
ร้านจัดในสไตร์ที่ดูอบอุ่นน่านั่งครับ มาถึงก็เดินตรงไปที่โต๊ะ แล้วกางเมนูกันเลย
ในเมนู ทั้ง3เมนูด้านขวา เป็น เมนูแนะนำของทางร้านครับ พอดีลือถ่ายไว้ ขออณุญาติเอารูปจากอินเตอร์เน็ต มาให้ชมกันนะครับ วันนี้เราจะมาทานทั้ง3เมนูนี้กัน
มาเริ่มที่เมนูแรกกันเลยครับ ร้านนี้ จะมีเมนูนี้ เริ่มเป็นเมนูแรกเลยครับ มันมีชื่อว่า White Day Shortcake เป็นเค้ก เนื่อเบาสไตล์ญี่ปุ่น ที่หวานน้อย
ชิ้นเล็กๆ น่ารักๆ กำลังดีครับ เอ้อ วิธีการกิน Shortcake ที่ถูกต้อง ตือเราต้องตัดให้ขาดครึ่งแล้วกินเข้าไปทั้งคำนะครับ
จะได้ รส หอมมันส?ของเนยสด และตัดเลี่ยนด้วย รสเปรี้ยว ของสตรอเบอรี่ กินกับชาร้อน เข้ากันมากๆครับ
ระหว่างงกินก็ มองไปรอบๆร้าน ก็สะดุดนิดนึง ชะอุ๊ย! เค้กอร่อยจังฮะ แอ่แฮร่ .....
แสงไฟในร้านดูอบอุ่น แล้วก็แฝงความโรแมนติกนิดๆด้วย
เรามาต่อกันเลย ด้วยเมนู ที่เป็นที่แนะนำอีกอันนึงของทางร้าน มีชื่อว่า มัจฉะโดม Matcha Dome ตรงตัวครับ มาเป็นโดมชอคโกแลต โรยผงชาเขียวด้านบน เวลากิน จะใช้ชอกโกแลตอุ่นๆราดลงไป ให้โดมแตกครับ ทางพนักงานจะถามว่าข้างในจะใช้ผลไม้อะไร ระหว่างลูกพีช หรือกล้วยหอมครับ
เพื่อนๆสามารถ ชมวีดีโอการราดชอกโกได้ ตามลิ้งค์ด้านล่าง
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=930860463628424&id=858578544189950
หลังจากราดจนโดมแตก ข้างในจะมีเป็นกล้วยหอม ไอสครีมวนิลา และแป้งเครป ที่ห่อมูสพุดดิ้งชาเขียวอยู่ข้างใน ดูภายนอกเหมือนจะหวานจับใจแต่จริงๆแล้วเมนูนี้ไม่หวานจนเบาหวานขึ้นตาอย่างที่คิด แต่หอมชาเขียว และนุ่มละมุน ชุ่มฉ่ำไปกับไอติมวนิลาที่อยู่ข้างใน ถือว่าเมนูนี้น่าจะเป็นที่ตื่นตาตื่นใจสำหรับวัยรุ่นได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวเชียว
ระหว่างนั่งรอเมนูถัดไปก็ถ่ายภาพร้านไปเรื่อย
คนเริ่มทยอยเข้าร้านมาอย่างไม่ขาดสาย แล้วเมนูถัดไปก็ตามมาครับ
จานนี้คือ เบรดพุดดิ้ง Bread Pudding จานนี้เป็นขนมปังกรอบๆ กับ ไอติมวนิลา พอยกมาวางเท่านั้นแหละ หอมเตะจมูกทั้งโต๊ะ
จะมีซอสวานิลามา1ถ้วยครับ เอามาราดบนขนมปัง ด้านล่างมีพุดดิ้งหอมๆ กับกลินคาราเมล กินแล้ว อบอุ่นเหมือนอยู่กับแม่เลยทีเดียวเชียว
เดินถ่าย บรรยากาศในร้านต่ออีกนิด
หลังจากนั้น เมนูสุดท้ายก็ยกมาครับ
เมนูนี้มีชื่อว่า เดอะบ๊อกซ์ The Box จานนี้นี่ เค้า อยากให้คนกิน ได้รู้สึกว่าได้มอบของขวัญให้กับตัวเอง
ด้านบนจะเป็นน้ำตาลที่ตกแต่งเป็นรูปริบบิ้นให้เข้ากับตัวชื่อเมนู จะแบ่งออกเป็น3ชั้นนะครับ ชั้นบนเป็น มูสครีมไวท์ชอคโกแลย หอมมัน
แบบละลายไปในปากเลย สอดไส้สตอว์เบอร์รี่ ด้านบนเป็นครีม ราดด้วยราสเบอร์รี่ซอสรอบๆตัวเค้ก ชั้นล่างสุดกรุบๆ คล้ายๆคุกกี้บดมีกลิ่นอัลมอนด้วยไม่รู้ว่าใช่รึเปล่า แต่ผมชอบอันนี้ที่สุด มันเหมือนได้ของขวัญจริงๆ
และแล้วก็หมดไปทั้ง4เมนู ยังไงก็ขอบคุณทางร้าน White Day Patisserieและทีมงานทุกๆท่าน ที่ให้โอกาสได้มาลองขนมอร่อยๆในวันนี้ครับ ปิดท้ายด้วย บรรยากาศในร้าน ตามเคยครับ
[SR] รีวิวร้าน white day patisserie สาขาบางกะปิ
อยู่ในเดอะมอลบางกะปิ ชื่อว่าร้าน white day patisserie ร้านอยู่ตรงข้ามสตาร์บั๊ก ชั้น1 โซนตรงเบอร์เกอร์คิงส์ ไปเริ่มกันเลยครับ
คอนเซปท์ร้านนี้คือ วันไวท์เดย์มีในประเทศ ญี่ปุ่น เกาหลี และไต้หวัน โดยวันนี้คือวันที่ 14 มีนา หรือ1เดือนหลังจากวันวาเลนไทน์นั่นเอง เหล่าชายหนุ่มที่ได้รับช็อกโกแลตหรือของขวัญในวันวาเลนไทน์จากหญิงสาว จะถือโอกาสนี้มอบของคืนกลับให้ฝ่ายหญิงเป็นการแสดงความในใจอย่างหนึ่งว่าฉันก็มีใจนะ
ส่วนประวัติของวันไวท์เดย์ ย้อนหลังไปได้ถึงปี 1965 เมื่อผู้ผลิตขนมมาร์ชแมลโลเริ่มทำตลาดในญี่ปุ่นก็เลยสร้างค่านิยมว่าผู้ชายควรมอบมาร์ชแมลโลเป็นของขวัญตอบกลับให้หญิงสาวที่ให้ของขวัญในวันวาเลนไทน์ เดิมทีเขาเรียกวันนี้ว่าวันมาร์ชแมลโล หรือ มาร์ชแมลโลเดย์ แต่ภายหลังก็เปลี่ยนมาเป็นไวท์เดย์อย่างปัจจุบัน
ต่อมาบริษัทช็อกโกแลตเริ่มตระหนักว่าพวกเขาก็น่าจะขายสินค้าของตัวเองในวันนี้ได้เหมือนกัน เลยเริ่มนำไวท์ช็อกโกแลตมาวางขายด้วย สมัยนี้ผู้ชายญี่ปุ่นจึงนิยมให้ทั้งมาร์ชแมลโล ไวท์ช็อกโกแลต รวมถึงช็อกโกแลตธรรมดาลูกอม และของขวัญทั้งที่กินได้และกินไม่ได้อื่นๆ ให้กับฝ่ายหญิง
ขอบุณข้อมูลจากเว็ป วิกิ ครับ
นี่เป็น บรรยากาศ ทางเข้าของร้านครับ
ร้านจัดในสไตร์ที่ดูอบอุ่นน่านั่งครับ มาถึงก็เดินตรงไปที่โต๊ะ แล้วกางเมนูกันเลย
ในเมนู ทั้ง3เมนูด้านขวา เป็น เมนูแนะนำของทางร้านครับ พอดีลือถ่ายไว้ ขออณุญาติเอารูปจากอินเตอร์เน็ต มาให้ชมกันนะครับ วันนี้เราจะมาทานทั้ง3เมนูนี้กัน
มาเริ่มที่เมนูแรกกันเลยครับ ร้านนี้ จะมีเมนูนี้ เริ่มเป็นเมนูแรกเลยครับ มันมีชื่อว่า White Day Shortcake เป็นเค้ก เนื่อเบาสไตล์ญี่ปุ่น ที่หวานน้อย
ชิ้นเล็กๆ น่ารักๆ กำลังดีครับ เอ้อ วิธีการกิน Shortcake ที่ถูกต้อง ตือเราต้องตัดให้ขาดครึ่งแล้วกินเข้าไปทั้งคำนะครับ
จะได้ รส หอมมันส?ของเนยสด และตัดเลี่ยนด้วย รสเปรี้ยว ของสตรอเบอรี่ กินกับชาร้อน เข้ากันมากๆครับ
ระหว่างงกินก็ มองไปรอบๆร้าน ก็สะดุดนิดนึง ชะอุ๊ย! เค้กอร่อยจังฮะ แอ่แฮร่ .....
แสงไฟในร้านดูอบอุ่น แล้วก็แฝงความโรแมนติกนิดๆด้วย
เรามาต่อกันเลย ด้วยเมนู ที่เป็นที่แนะนำอีกอันนึงของทางร้าน มีชื่อว่า มัจฉะโดม Matcha Dome ตรงตัวครับ มาเป็นโดมชอคโกแลต โรยผงชาเขียวด้านบน เวลากิน จะใช้ชอกโกแลตอุ่นๆราดลงไป ให้โดมแตกครับ ทางพนักงานจะถามว่าข้างในจะใช้ผลไม้อะไร ระหว่างลูกพีช หรือกล้วยหอมครับ
เพื่อนๆสามารถ ชมวีดีโอการราดชอกโกได้ ตามลิ้งค์ด้านล่าง
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=930860463628424&id=858578544189950
หลังจากราดจนโดมแตก ข้างในจะมีเป็นกล้วยหอม ไอสครีมวนิลา และแป้งเครป ที่ห่อมูสพุดดิ้งชาเขียวอยู่ข้างใน ดูภายนอกเหมือนจะหวานจับใจแต่จริงๆแล้วเมนูนี้ไม่หวานจนเบาหวานขึ้นตาอย่างที่คิด แต่หอมชาเขียว และนุ่มละมุน ชุ่มฉ่ำไปกับไอติมวนิลาที่อยู่ข้างใน ถือว่าเมนูนี้น่าจะเป็นที่ตื่นตาตื่นใจสำหรับวัยรุ่นได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวเชียว
ระหว่างนั่งรอเมนูถัดไปก็ถ่ายภาพร้านไปเรื่อย
คนเริ่มทยอยเข้าร้านมาอย่างไม่ขาดสาย แล้วเมนูถัดไปก็ตามมาครับ
จานนี้คือ เบรดพุดดิ้ง Bread Pudding จานนี้เป็นขนมปังกรอบๆ กับ ไอติมวนิลา พอยกมาวางเท่านั้นแหละ หอมเตะจมูกทั้งโต๊ะ
จะมีซอสวานิลามา1ถ้วยครับ เอามาราดบนขนมปัง ด้านล่างมีพุดดิ้งหอมๆ กับกลินคาราเมล กินแล้ว อบอุ่นเหมือนอยู่กับแม่เลยทีเดียวเชียว
เดินถ่าย บรรยากาศในร้านต่ออีกนิด
หลังจากนั้น เมนูสุดท้ายก็ยกมาครับ
เมนูนี้มีชื่อว่า เดอะบ๊อกซ์ The Box จานนี้นี่ เค้า อยากให้คนกิน ได้รู้สึกว่าได้มอบของขวัญให้กับตัวเอง
ด้านบนจะเป็นน้ำตาลที่ตกแต่งเป็นรูปริบบิ้นให้เข้ากับตัวชื่อเมนู จะแบ่งออกเป็น3ชั้นนะครับ ชั้นบนเป็น มูสครีมไวท์ชอคโกแลย หอมมัน
แบบละลายไปในปากเลย สอดไส้สตอว์เบอร์รี่ ด้านบนเป็นครีม ราดด้วยราสเบอร์รี่ซอสรอบๆตัวเค้ก ชั้นล่างสุดกรุบๆ คล้ายๆคุกกี้บดมีกลิ่นอัลมอนด้วยไม่รู้ว่าใช่รึเปล่า แต่ผมชอบอันนี้ที่สุด มันเหมือนได้ของขวัญจริงๆ
และแล้วก็หมดไปทั้ง4เมนู ยังไงก็ขอบคุณทางร้าน White Day Patisserieและทีมงานทุกๆท่าน ที่ให้โอกาสได้มาลองขนมอร่อยๆในวันนี้ครับ ปิดท้ายด้วย บรรยากาศในร้าน ตามเคยครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น