จากกรณีสังคมออนไลน์มีการแชร์คลิปวิดีโอผู้พิพากษาหญิงรายหนึ่ง แสดงอาการเกรี้ยวกราดรุนเเรงที่กรมการขนส่งทางบก ย่านหมอชิต โดยผู้โพสต์อ้างว่า หญิงสาวรายนี้ไปติดต่อเจ้าหน้าที่เรื่องโดนสวมทะเบียนรถ แต่จอดรถกีดขวางจึงโดนเจ้าหน้าที่ขนส่งออกใบสั่ง ทำให้เกิดความไม่พอใจ ก่อนจะบอกด้วยเสียงอันดังว่า "สังวรณ์ไว้นะว่ากูน่ะเป็นนายของ" ทำให้เกิดกระเเสวิพากษ์อย่างกว้างขวาง เเต่ยังที่ทันที่กระแสจะซา ก็ได้มีผู้เผยแพร่คลิปของหญิงผู้พิพากษาท่านเดิม ที่การไฟฟ้านครหลวง เขตบางเขน ขณะกำลังโวยวายใส่เจ้าหน้าที่ พร้อมกล่าวลั่น "ฉันไม่ผิด ฉันไม่แคร์"
กระทั่งภายหลัง ทางโฆษกศาลยุติธรรมได้ออกมาเเถลงชี้เเจงว่า หญิงสาวคนดังกล่าวคือ ผู้พิพากษาประจำสำนักงานศาลยุติธรรม ช่วยงานตำแหน่งผู้พิพากษาศาลชั้นต้น ประจำกองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ซึ่งทางหน่วยงานได้มอบหมายให้คณะสำนักงานศาลยุติธรรมพาไปตรวจสุขภาพที่รพ.จุฬาฯ แล้ว หลังจากมีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงจากเหตุที่เกิดขึ้น
ซึ่งขณะนี้ ถือว่าผู้พิพากษาคนนี้เป็นผู้ป่วย ซึ่งทางกฎหมายจะได้รับการคุ้มครองสิทธิ ตาม พ.ร.บ.สุขภาพจิต พ.ศ.2551 มาตรา16 ห้ามมิให้ผู้ใดเปิดเผยข้อมูลด้านสุขภาพ ในประการที่น่าจะทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ป่วย เว้นแต่ในกรณีที่จะเกิดอันตรายแก่ผู้ป่วยหรือผู้อื่น หรือเพื่อความปลอดภัยสาธารณชน ซึ่งการฝ่าฝืน มีบทลงโทษตาม มาตรา 50 ทั้งจำคุกและปรับ
ขณะเดียวกัน นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล จิตแพทย์ด้านสัมพันธ์ครอบครัว ได้ออกมาแสดงความเห็นในกรณีดังกล่าวว่า...
พึงสังวรณ์กันไว้ดีๆนะครับ พวกใช้โซเชียลมีเดีย พวกผู้ประกาศข่าวดราม่าช่องต่างๆ การเห็นความเจ็บป่วยของผู้อื่นเป็นเรื่องเมามันตลกขบขัน เอามาด่ามาแชร์และล้อเลียนกันสนุกสนาน โดยไม่เห็นอกเห็นใจว่า คนที่แสดงพฤติกรรมเหล่านั้น เป็นผู้ป่วยทางจิตเวช อาจจะโดน พ.ร.บ.สุขภาพจิตดำเนินการตามนี้นะครับ
"ตาม พ.ร.บ.สุขภาพจิต พ.ศ.2551 มาตรา 16 ห้ามมิให้ผู้ใดเปิดเผยข้อมูลด้านสุขภาพของผู้ป่วยในประการที่น่าจะให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ป่วย เว้นแต่ในกรณีที่จะเกิดอันตรายแก่ผู้ป่วยหรือผู้อื่น หรือเพื่อความปลอดภัยสาธารณชน ซึ่งการฝ่าฝืน มีบทลงโทษตาม มาตรา 50 ทั้งจำคุกและปรับ"
เริ่มต้นท่านไม่ทราบว่าผู้ก่อเหตุที่เป็นท่านผู้พิพากษาเป็นคนป่วย ก็ไม่เป็นไร วิพากษ์วิจารณ์กันไป ด่าทอกันไป แต่คนจำนวนไม่น้อย ก็บอกผมว่า ดูคลิปปุ๊ป ก็พอรู้ว่าน่าจะมีปัญหาสุขภาพจิตแน่ๆ
อันนี้ใช้คอมมอนเซ้นส์ ก็พอบอกได้แล้ว ส่วนบุคลากรทางด้านสุขภาพจิตนั้น เราทราบได้ไม่อยากอยู่แล้ว
ผมไม่ได้ต้องการให้ใครถูกดำเนินคดีอะไรหรอกนะครับ แค่ขอความกรุณาให้เมตตาผู้ป่วยจิตเวชบ้าง โชคร้ายที่รายล่าสุดที่เป็นข่าวดัง เป็นอาชีพที่คนให้ความคาดหวังสูง พอเจ็บป่วยควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เลยเป็นข่าวขึ้นมา แต่ก็ยังโชคดี ที่เธอก็มิได้มีคดีทำร้ายใครหรือทำร้ายตัวเอง
เรื่องแบบนี้อยากให้สังคมเข้าใจ ให้อภัย และหาทางป้องกัน ดีกว่าการก่นด่ากันไปเรื่อยๆ ซึ่งไม่ได้ช่วยเหลือให้อะไรดีขึ้นครับ ซ้ำร้ายยังเอาภาพมาล้อเลียนอีก ผมว่าคนจำพวกนี้ใจคอโหดร้ายกันจริงๆครับ
โรคทางจิตเวชมีสิทธิเกิดได้ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย คนที่ป่วยเขาทุกข์ทรมานขนาดไหน หลายคนอาจจะไม่เข้าใจ ลองคิดดูว่าถ้าคนสนิทเราเจ็บป่วย แล้วไม่ได้รับการช่วยเหลือทันท่วงที แต่ถูกเอามาประจานและล้อเลียนแบบนี้ เราจะรู้สึอย่างไรบ้างครับ
ล่าสุดทราบข่าวว่าท่านผู้พิพากษาที่เป็นข่าวท่านได้รับการดูแลโดยทีมแพทย์แล้ว ขอความกรุณาทุกท่านหยุดการเอาผู้ป่วยมาด่าทอหรือล้อเลียนได้แล้วครับ
ข่าวจาก : มติชนออนไลน์
http://news.sanook.com/1936406/
จิตแพทย์ เตือนโซเชียลฯ หยุดล้อเลียน “ผู้พิพากษาหญิง” ชี้ละเมิดสิทธิ-ผิดกฎหมาย
จากกรณีสังคมออนไลน์มีการแชร์คลิปวิดีโอผู้พิพากษาหญิงรายหนึ่ง แสดงอาการเกรี้ยวกราดรุนเเรงที่กรมการขนส่งทางบก ย่านหมอชิต โดยผู้โพสต์อ้างว่า หญิงสาวรายนี้ไปติดต่อเจ้าหน้าที่เรื่องโดนสวมทะเบียนรถ แต่จอดรถกีดขวางจึงโดนเจ้าหน้าที่ขนส่งออกใบสั่ง ทำให้เกิดความไม่พอใจ ก่อนจะบอกด้วยเสียงอันดังว่า "สังวรณ์ไว้นะว่ากูน่ะเป็นนายของ" ทำให้เกิดกระเเสวิพากษ์อย่างกว้างขวาง เเต่ยังที่ทันที่กระแสจะซา ก็ได้มีผู้เผยแพร่คลิปของหญิงผู้พิพากษาท่านเดิม ที่การไฟฟ้านครหลวง เขตบางเขน ขณะกำลังโวยวายใส่เจ้าหน้าที่ พร้อมกล่าวลั่น "ฉันไม่ผิด ฉันไม่แคร์"
กระทั่งภายหลัง ทางโฆษกศาลยุติธรรมได้ออกมาเเถลงชี้เเจงว่า หญิงสาวคนดังกล่าวคือ ผู้พิพากษาประจำสำนักงานศาลยุติธรรม ช่วยงานตำแหน่งผู้พิพากษาศาลชั้นต้น ประจำกองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ซึ่งทางหน่วยงานได้มอบหมายให้คณะสำนักงานศาลยุติธรรมพาไปตรวจสุขภาพที่รพ.จุฬาฯ แล้ว หลังจากมีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงจากเหตุที่เกิดขึ้น
ซึ่งขณะนี้ ถือว่าผู้พิพากษาคนนี้เป็นผู้ป่วย ซึ่งทางกฎหมายจะได้รับการคุ้มครองสิทธิ ตาม พ.ร.บ.สุขภาพจิต พ.ศ.2551 มาตรา16 ห้ามมิให้ผู้ใดเปิดเผยข้อมูลด้านสุขภาพ ในประการที่น่าจะทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ป่วย เว้นแต่ในกรณีที่จะเกิดอันตรายแก่ผู้ป่วยหรือผู้อื่น หรือเพื่อความปลอดภัยสาธารณชน ซึ่งการฝ่าฝืน มีบทลงโทษตาม มาตรา 50 ทั้งจำคุกและปรับ
ขณะเดียวกัน นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล จิตแพทย์ด้านสัมพันธ์ครอบครัว ได้ออกมาแสดงความเห็นในกรณีดังกล่าวว่า...
พึงสังวรณ์กันไว้ดีๆนะครับ พวกใช้โซเชียลมีเดีย พวกผู้ประกาศข่าวดราม่าช่องต่างๆ การเห็นความเจ็บป่วยของผู้อื่นเป็นเรื่องเมามันตลกขบขัน เอามาด่ามาแชร์และล้อเลียนกันสนุกสนาน โดยไม่เห็นอกเห็นใจว่า คนที่แสดงพฤติกรรมเหล่านั้น เป็นผู้ป่วยทางจิตเวช อาจจะโดน พ.ร.บ.สุขภาพจิตดำเนินการตามนี้นะครับ
"ตาม พ.ร.บ.สุขภาพจิต พ.ศ.2551 มาตรา 16 ห้ามมิให้ผู้ใดเปิดเผยข้อมูลด้านสุขภาพของผู้ป่วยในประการที่น่าจะให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ป่วย เว้นแต่ในกรณีที่จะเกิดอันตรายแก่ผู้ป่วยหรือผู้อื่น หรือเพื่อความปลอดภัยสาธารณชน ซึ่งการฝ่าฝืน มีบทลงโทษตาม มาตรา 50 ทั้งจำคุกและปรับ"
เริ่มต้นท่านไม่ทราบว่าผู้ก่อเหตุที่เป็นท่านผู้พิพากษาเป็นคนป่วย ก็ไม่เป็นไร วิพากษ์วิจารณ์กันไป ด่าทอกันไป แต่คนจำนวนไม่น้อย ก็บอกผมว่า ดูคลิปปุ๊ป ก็พอรู้ว่าน่าจะมีปัญหาสุขภาพจิตแน่ๆ
อันนี้ใช้คอมมอนเซ้นส์ ก็พอบอกได้แล้ว ส่วนบุคลากรทางด้านสุขภาพจิตนั้น เราทราบได้ไม่อยากอยู่แล้ว
ผมไม่ได้ต้องการให้ใครถูกดำเนินคดีอะไรหรอกนะครับ แค่ขอความกรุณาให้เมตตาผู้ป่วยจิตเวชบ้าง โชคร้ายที่รายล่าสุดที่เป็นข่าวดัง เป็นอาชีพที่คนให้ความคาดหวังสูง พอเจ็บป่วยควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เลยเป็นข่าวขึ้นมา แต่ก็ยังโชคดี ที่เธอก็มิได้มีคดีทำร้ายใครหรือทำร้ายตัวเอง
เรื่องแบบนี้อยากให้สังคมเข้าใจ ให้อภัย และหาทางป้องกัน ดีกว่าการก่นด่ากันไปเรื่อยๆ ซึ่งไม่ได้ช่วยเหลือให้อะไรดีขึ้นครับ ซ้ำร้ายยังเอาภาพมาล้อเลียนอีก ผมว่าคนจำพวกนี้ใจคอโหดร้ายกันจริงๆครับ
โรคทางจิตเวชมีสิทธิเกิดได้ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย คนที่ป่วยเขาทุกข์ทรมานขนาดไหน หลายคนอาจจะไม่เข้าใจ ลองคิดดูว่าถ้าคนสนิทเราเจ็บป่วย แล้วไม่ได้รับการช่วยเหลือทันท่วงที แต่ถูกเอามาประจานและล้อเลียนแบบนี้ เราจะรู้สึอย่างไรบ้างครับ
ล่าสุดทราบข่าวว่าท่านผู้พิพากษาที่เป็นข่าวท่านได้รับการดูแลโดยทีมแพทย์แล้ว ขอความกรุณาทุกท่านหยุดการเอาผู้ป่วยมาด่าทอหรือล้อเลียนได้แล้วครับ
ข่าวจาก : มติชนออนไลน์
http://news.sanook.com/1936406/