จากกรณี ที่มีคลิปหญิงสาว ออกมาตวาดแว๊ด ๆ ใส่บุคลลต่าง ๆ ในที่สาธารณะ
และก็เป็นคนในวงการตุลาการอย่างโฆษกศาลยุติธรรมเอง ออกมายอมรับเองว่า
หญิงสาวที่อออกมา ตวาดด่าทอ อาละวาดฟาดงวง ฟาดงา จนท .และผู้พบเห็น ตามสถานที่ต่าง ๆ
หญิงคนดังกล่าว ไม่ใช่ใครที่ใหน เขาคือ "ผู้พิพากษา" ...แต่ด้วยเหตุ ที่เป็น "ผู้ป่วยทางจิต" ไม่ได้รับประทานยา หรือยาหมด
อาการจึงได้กำเริบอย่างหนัก คลิปของเธอ เริ่มทะยอยออกสู่สายตาประชาชน
ในโลกโซเซียล อย่างกะคิวจองเข้าฉายภาพยนต์ในโรงหนังก็ไม่ปาน..เชื่อว่าคงเริ่มทยอย
ออกมาเรื่อย กับวีรกรรมที่เธอไปสร้างไว้ตามที่ต่าง ๆ
ตามมาด้วยเสียงสาปแช่ง ก่นด่าสาระพัด ว่าเธอเป็นถึงผู้พิพากษา ปล่อยให้
ออกมาสร้างความเดือดร้อน รำคาญให้แก่ประชาชนได้อย่างไร เพราะเมื่อ
เรียบเรียงย้อนรอยดูฤติกรรมขอเธอแล้ว ถือได้ว่าเป็นผู้พิพากษาสาย"เหลืองอ๋อย"
เคยเข้าร่วมชุมนุมขับไล่ทางการเมืองกับม๊อปเหลืองมาโดยตลอด และเคยต้องโทษ
ทั้งปรับและจำในข้อหาดูหมื่นเจ้าพนักงาน และจอดรถกีดขวางทางจราจร
กรณีไม่พอใจ พล.ต.ท คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบชน ในขณะนั้นและขว้างข้าวกล่อง
เข้าใส่ ขณะปฏิบัติหน้าที่ ...
สรุปก็คือ เธอป่วยทางจิต เหตุหนึ่งผมก็ขอสันนิฐานว่า
น่าจะมาจากการไม่สมหวังทางการเมือง หรือพรรคการเมืองในอุดมการณ์ที่เธอให้การสนับสนุน
หรือเชียร์อยู่ ไม่สามารถมาเป็นรัฐบาลปกครองประเทศได้ จึงเป็นเหตุและที่มาอันน่าสงสาร
ของเธอที่เป็นอยู่ หรือเรียกง่าย ๆ ว่า "โรคขี้แพ้ทางการเมืองจนสติแตก"
จากที่แรก ๆ ที่เห็นคลีป ผู้คนก็ออกมา ก่นด่า ด่าทอเธอกลับอย่างเสีย ๆ หาย ๆ
ไม่ทันข้ามวันเมื่อความจริงปรากฏ พร้อมกับความเป็นอยู่ ทางครอบครัว ที่ถูกแชร์
ผ่านหัวหน้างานเธอ เสียงก่นด่าเหล่านั้นกลับกลายเป็นความสงสารเธอโดยพลัน
เธอถือว่าเป็นผู้ป่วยที่โชคดีที่สุดมากกว่า ใคร ๆ ในสังคมผู้ป่วยทางจิตในปัจจุบัน
"ถ้าพฤติกรรม ก้าวร้าว ตวาดเสียงใส่ เมื่อมีคนมาทำให้ไม่พอใจ แล้วเรียกว่า-
เป็นผู้ป่วยทางจิต ผมว่า ณ ปัจจุบันนี้ มีคนประเภทนี้ มีคนแบบที่เธอเป็นอยู่นี้
ตอนนี้บอกได้เลยว่า เยอะจริง ๆ มีกันแทบทุกระดับ สังเกตุได้ไม่ยากส์ครับ
สื่อก็เผยแพร่ให้เห็นกันทุกวี่ทุกวัน มีกันแทบทุกวงการเลยก็ว่าได้
คนพวกนี้สิครับ น่าสงสารมากกว่าเธอ เสียอีก เพราะพวกเขาไม่ได้กินยา
ไม่ได้รักษา เพราะไม่รู้ว่าตัวเองป่วยทางจิต ไม่พอใจอะไรคนพวกนี้ก็ออกมาตวาดใส่
ทำเสียง โหวกเหวกโวยวาย ตาขวางใส่ผู้คนในสังคม ผมว่าคนพวกนี้
ต่างหากที่น่าสงสารกว่าเธอมาก และคนประเภทนี้เริ่มมีมากขึ้น ทุก ๆ วันในสังคม
เหตุน่าจะมาจากเป็นผู้ผิดหวังทางการเมืองเช่นเธอ
สนับสนุใครเป็นผู้นำก็แพ้เสียงของคนส่วนใหญ่ทุกที
เราจึงได้เห็นคนเหล่านี้ออกมา วินแตกใส่สื่อ ใส่ประชาชนแทบทุกวี่ทุกวัน
และโรคนี้ก็จะเป็นโรคฮิตติดเทรน คู่สังคมไทยไปอีกนานแสนนาน
ลองสำรวจตรวจสอบดูคนข้าง ๆ ครับ ว่าคุณมีคนรู้จัก เพื่อร่วมงาน
หรือญาติพี่น้องเป็นโรคนี้หรือเปล่า ถ้าเป็นรีบพาไปรักษาด่วนครับ
ก่อนที่เขาจะออกมาสร้างความเดือดร้อนให้แก่สังคม.......
----- "ชิดชนก แผ่นสุวรรณ" ไม่ใช่ผู้ป่วยทางจิตที่น่าสงสารที่สุด ----???
และก็เป็นคนในวงการตุลาการอย่างโฆษกศาลยุติธรรมเอง ออกมายอมรับเองว่า
หญิงสาวที่อออกมา ตวาดด่าทอ อาละวาดฟาดงวง ฟาดงา จนท .และผู้พบเห็น ตามสถานที่ต่าง ๆ
หญิงคนดังกล่าว ไม่ใช่ใครที่ใหน เขาคือ "ผู้พิพากษา" ...แต่ด้วยเหตุ ที่เป็น "ผู้ป่วยทางจิต" ไม่ได้รับประทานยา หรือยาหมด
อาการจึงได้กำเริบอย่างหนัก คลิปของเธอ เริ่มทะยอยออกสู่สายตาประชาชน
ในโลกโซเซียล อย่างกะคิวจองเข้าฉายภาพยนต์ในโรงหนังก็ไม่ปาน..เชื่อว่าคงเริ่มทยอย
ออกมาเรื่อย กับวีรกรรมที่เธอไปสร้างไว้ตามที่ต่าง ๆ
ตามมาด้วยเสียงสาปแช่ง ก่นด่าสาระพัด ว่าเธอเป็นถึงผู้พิพากษา ปล่อยให้
ออกมาสร้างความเดือดร้อน รำคาญให้แก่ประชาชนได้อย่างไร เพราะเมื่อ
เรียบเรียงย้อนรอยดูฤติกรรมขอเธอแล้ว ถือได้ว่าเป็นผู้พิพากษาสาย"เหลืองอ๋อย"
เคยเข้าร่วมชุมนุมขับไล่ทางการเมืองกับม๊อปเหลืองมาโดยตลอด และเคยต้องโทษ
ทั้งปรับและจำในข้อหาดูหมื่นเจ้าพนักงาน และจอดรถกีดขวางทางจราจร
กรณีไม่พอใจ พล.ต.ท คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบชน ในขณะนั้นและขว้างข้าวกล่อง
เข้าใส่ ขณะปฏิบัติหน้าที่ ...
สรุปก็คือ เธอป่วยทางจิต เหตุหนึ่งผมก็ขอสันนิฐานว่า
น่าจะมาจากการไม่สมหวังทางการเมือง หรือพรรคการเมืองในอุดมการณ์ที่เธอให้การสนับสนุน
หรือเชียร์อยู่ ไม่สามารถมาเป็นรัฐบาลปกครองประเทศได้ จึงเป็นเหตุและที่มาอันน่าสงสาร
ของเธอที่เป็นอยู่ หรือเรียกง่าย ๆ ว่า "โรคขี้แพ้ทางการเมืองจนสติแตก"
จากที่แรก ๆ ที่เห็นคลีป ผู้คนก็ออกมา ก่นด่า ด่าทอเธอกลับอย่างเสีย ๆ หาย ๆ
ไม่ทันข้ามวันเมื่อความจริงปรากฏ พร้อมกับความเป็นอยู่ ทางครอบครัว ที่ถูกแชร์
ผ่านหัวหน้างานเธอ เสียงก่นด่าเหล่านั้นกลับกลายเป็นความสงสารเธอโดยพลัน
เธอถือว่าเป็นผู้ป่วยที่โชคดีที่สุดมากกว่า ใคร ๆ ในสังคมผู้ป่วยทางจิตในปัจจุบัน
"ถ้าพฤติกรรม ก้าวร้าว ตวาดเสียงใส่ เมื่อมีคนมาทำให้ไม่พอใจ แล้วเรียกว่า-
เป็นผู้ป่วยทางจิต ผมว่า ณ ปัจจุบันนี้ มีคนประเภทนี้ มีคนแบบที่เธอเป็นอยู่นี้
ตอนนี้บอกได้เลยว่า เยอะจริง ๆ มีกันแทบทุกระดับ สังเกตุได้ไม่ยากส์ครับ
สื่อก็เผยแพร่ให้เห็นกันทุกวี่ทุกวัน มีกันแทบทุกวงการเลยก็ว่าได้
คนพวกนี้สิครับ น่าสงสารมากกว่าเธอ เสียอีก เพราะพวกเขาไม่ได้กินยา
ไม่ได้รักษา เพราะไม่รู้ว่าตัวเองป่วยทางจิต ไม่พอใจอะไรคนพวกนี้ก็ออกมาตวาดใส่
ทำเสียง โหวกเหวกโวยวาย ตาขวางใส่ผู้คนในสังคม ผมว่าคนพวกนี้
ต่างหากที่น่าสงสารกว่าเธอมาก และคนประเภทนี้เริ่มมีมากขึ้น ทุก ๆ วันในสังคม
เหตุน่าจะมาจากเป็นผู้ผิดหวังทางการเมืองเช่นเธอ
สนับสนุใครเป็นผู้นำก็แพ้เสียงของคนส่วนใหญ่ทุกที
เราจึงได้เห็นคนเหล่านี้ออกมา วินแตกใส่สื่อ ใส่ประชาชนแทบทุกวี่ทุกวัน
และโรคนี้ก็จะเป็นโรคฮิตติดเทรน คู่สังคมไทยไปอีกนานแสนนาน
ลองสำรวจตรวจสอบดูคนข้าง ๆ ครับ ว่าคุณมีคนรู้จัก เพื่อร่วมงาน
หรือญาติพี่น้องเป็นโรคนี้หรือเปล่า ถ้าเป็นรีบพาไปรักษาด่วนครับ
ก่อนที่เขาจะออกมาสร้างความเดือดร้อนให้แก่สังคม.......