แชร์ประสบการณ์ อยู่ๆบัญชีธนาคาร SCB ก็ไปผูกกับคนอื่น แล้วถูกคนอื่นนำไปใช้ ผ่านมา 10 วันแล้วก็ยังไม่คืบหน้า

กระทู้คำถาม
เป็นเรื่องราวของเพื่อนฝากมาโพส

สรุป****
คือบัญชีธนาคาร SCB เราก็ไปผูกกับคนอื่น แล้วถูกคนอื่นนำไปใช้ แจ้งธนาคารไปแล้วผ่านมา 10 วันแล้วก็ยังไม่คืบหน้าเลย ไม่รู้จะได้เงินคืนเมื่อไร
ทั้งๆที่ไม่ใช่ความผิดของเราเลย
ต้องทำยังไงดีคะ จำเป็นต้องใช้เงินด้วย

เนื้อเรื่องเต็มๆ ****
วันที่ 12 มกราคม 2559
เมื่อเวลาประมาณ 14.30น. ดิฉันได้ไปทำรายการโอนเงินจำนวน 6,xxx.xxบาท เพื่อชำระค่าสินค้า ผ่านทางเคาเตอร์ SCB สาขาCP Tower
ด้วยการหักเงินจากบัญชี แต่พนักงานธนาคารกลับแจ้งว่าดิฉันไม่มีเงินเพียงพอในบัญชี
ดิฉันก็ตกใจ เพราะปกติโดยนิสัยส่วนตัวแล้วถ้าเป็นบัญชีธนาคารที่ไม่ค่อยทำธุรกรรมจะมีเงินในบัญชีเกินหนึ่งหมื่นบาททุกบัญชี
จึงให้ธนาคารทำการ update รายการในสมุดกลับพบว่าเงินในบัญชีเหลือแค่ 29.xxบาท
ซึ่งเป็นดอกเบี้ยที่เข้าช่วงปลายปี2558 ที่ผ่านมาเป็นรายการสุดท้าย

โดยรายการก่อนดอกเบี้ยเข้านั้นเป็นรายการวันที่ 14 กันยายน 2558 เป็นการโอนออกทั้งบัญชีจำนวน 2x,xxx.xxบาท จนยอดเงินในบัญชีเป็น 0 บาท
ซึ่งไม่ใช่นิสัยดิฉันแน่ๆ ถ้าจะเอาเงินออกจากบัญชีจนเป็น 0 บาท ดิฉันคงทำการปิดบัญชีไปเลย พนักงานประจำสาขาเช็คให้ได้เพียงว่าเป็นการโอนออกผ่านทางEasyNetเท่านั้น ถ้าต้องการข้อมูลมากกว่านี้อาจจะต้องติดต่อผ่านทางCall Center

เมื่อดิฉันกลับถึงบ้านจึงได้ลองเข้าEasyNet ดูว่าสามารถเข้าไปดูย้อนหลังได้ไหมว่าโอนไปบัญชีใครหรือเกิดอะไรขึ้น ปรากฏว่าหน้าจอขึ้นว่า
“คุณทำรายการครั้งสุดท้ายเป็นวันที่ 20 พฤษภาคม 2558” แล้วรายการที่โอนออกวันที่ 14 กันยา ผ่านEasyNetคืออะไร
และก็ไม่สามารถดูได้โอนไปบัญชีไหน ดิฉันจึงได้ทำการโทรเข้าCall Center หลังจากได้ตรวจสอบประวัติยืนยันตัวบุคคลแล้ว
พนักงานCall Center ได้แจ้งว่าเป็นการโอนออกผ่านทางEasyNetจริง โดยได้ให้รายละเอียดบัญชีปลายทางทั้งชื่อ เลขที่ และสาขา
(สมมติว่าชื่อ นส.ม. ขอสงวนข้อมูลตรงนี้เอาไว้ก่อน) แต่พนักงานCall Center แปลกใจกับบัญชีของดิฉันนิดหน่อยเพราะเหมือนว่าบัญชีของดิฉันจะไปผูกกับบัญชีปลายทาง คล้ายๆกับบัญชีของดิฉันเป็นSub Accountของบัญชีปลายทางของนส.ม. ซึ่งไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุใด
พร้อมทั้งแนะนำให้ไปแจ้งความและไปที่SCB สาขาสภากาชาดไทยที่เป็นสาขาเจ้าของบัญชี เพื่อดำเนินการตรวจสอบ

วันที่ 14 มกราคม 2559
ในช่วงเช้าได้เข้าแจ้งความที่สน.ปทุมวัน ตามรายละเอียดด้านบน ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ชี้แจงว่า
"ถ้าเงินที่หายไปสามารถพิสูจน์ได้ว่าไม่ใช่ความผิดพลาดของเจ้าของบัญชี ธนาคารต้องคืนเงินมาให้โดยทันที แล้วธนาคารจะไปไล่เบี้ยความผิดเอากับผู้ใดเป็นเรื่องของธนาคารกับผู้กระทำความผิด เพราะเงินเป็นของเจ้าของบัญชี ธนาคารเป็นเพียงที่รับฝากเงิน ธนาคารต้องคืนเงินให้เมื่อทวงถาม"
ในเวลาต่อมาได้มาแจ้งที่ SCB สาขาสภากาชาดไทย เพื่อให้ดำเนินการต่อ ซึ่งเมื่อมาถึงพบว่าทาง Call Center ได้ส่งเรื่องพร้อมรายละเอียดมาที่สาขาเรียบร้อยแล้ว (ประสานงานได้ดีมากจริงๆ) พนักงานประจำสาขาได้ชี้แจงว่าไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะดูเหมือนมีความผิดพลาดในการผูกบัญชี

กล่าวคือ ถ้าเรียกฐานข้อมูลจาก ชื่อ และ นามสกุล ของดิฉันจะพบข้อมูลตามปกติ

แต่ถ้าใช้ เลขที่บัญชีธนาคาร หรือ เลขประจำตัวประชาชน ของดิฉันจะไปพบว่าบัญชีของดิฉันไปอยู่ในนามของ นส.ม.


จึงอาจจะเป็นไปได้จากการที่พนักงานของธนาคารผูกบัญชีให้ผิด เพราะเลขประจำตัวประชาชนของดิฉันกับนส.ม.ใกล้เคียงกันมาก
ดิฉันจึงได้ถามว่าจะให้ดิฉันดำเนินการอย่างไรต่อไป พนักงานประจำสาขาบอกว่าไม่ให้ดิฉันทำอะไรทั้งสิ้น ธนาคารจะดำเนินเรื่องเอง
ไม่ให้พยายามติดต่อกับ นส.ม.เจ้าของบัญชี เพราะ นส.ม.อาจจะยังไม่รู้ตัว คือดิฉันก็เข้าใจนะว่าถ้าธนาคารทำผิดพลาดจริงก็อาจจะอยากให้คนรู้น้อยที่สุด
แต่ข้อสังเกตคือ นส.ม. ไม่น่าเป็นมิจฉาชีพด้วยเหตุผล 2 ข้อ
1.) นส.ม. เป็นเด็กม.ตรงสามย่าน (นิสิตจะโดนบังคับเปิดบัญชีกับ SCB สาขาสภากาชาด เหมือนดิฉัน) และมีบัญชี SCB ที่สาขาปากเกร็ด
2.) บัญชีมีการเคลื่อนไหวอย่างสม่ำเสมอ คือไม่ใช่มิจฉาชีพที่พอได้เงินจะถอนเงินทั้งหมดหรือปิดบัญชี แต่บัญชีของนส.ม.มีทั้งเงินเข้าและออก และมียอดเงินคงค้างในขณะนั้น 9,xxxบาท

เมื่อดิฉันไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ ดิฉันจึงได้เดินทางกลับ ดิฉันเคยเป็นพนักงานธนาคารมาก่อน ก็พอเข้าใจว่าในเวลานั้นพนักงานประจำสาขาก็อาจจะทำอะไรมากไม่ได้ คงต้องรอปรึกษากับสำนักงานใหญ่ และรอผู้มีอำนาจลงนาม ดิฉันก็เลยทำได้แต่รอๆๆๆๆ

วันที่ 21 มกราคม 2559
1 อาทิตย์ผ่านไป โดยไม่ได้รับการติดต่อใดๆจากธนาคาร ยอมรับเลยว่าโกรธมาก เสียความรู้สึก ธนาคารไม่ได้แสดงความรู้สึกรับผิดชอบ ความรู้สึกผิดให้เห็นเลย
ดิฉันจึงได้ทำการโทรเข้าไปหาที่สาขาสภากาชาดไทยเพื่อถามหาความคืบหน้า ซึ่งก็ติดต่อยากมาก แต่ในที่สุดก็สามารถติดต่อได้

พนักงานประจำสาขา(คนที่ดิฉันติดต่อด้วยสมมติว่า พนักงาน. ส.) ก็บอกว่ากำลังประสานงานกับตำรวจให้แจ้งความ นส.ม. เพื่อให้มาคืนเงินดิฉัน
ซึ่งคงต้องให้ดิฉันรอต่อไปก่อน ดิฉันก็เลยถามว่าแล้วเงินดิฉันจะได้คืนเงินเมื่อไร ต้องรอจนคดีสิ้นสุดเลยเหรอ แล้วถ้าคดีกินเวลาไปนานๆล่ะ
ก็ไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน ดิฉันจึงไม่ได้ถามอะไรต่อ แค่แจ้งว่าให้ติดต่อแจ้งความคืบหน้ากลับมาที่ดิฉันอย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้งละกัน

ถามว่าถ้าเป็นความผิดพลาดของพนักงานธนาคารจริง ควรไปเอาความผิดกับนส.ม.ไหม (ถ้านส.ม.เป็นมิจฉาชีพก็อีกเรื่องนึงนะ) เพราะนางเองก็คงไม่รู้
อ้าวอยู่ดีๆก็มีบัญชีนี้โผล่มา มาจากไหนก็ไม่รู้ แต่ถ้าเป็นคนปกติมีเงินในบัญชีเห็นเป็นชื่อตัวเองก็คงใช้ไปโดยไม่คิดอะไร แล้วปรากฏว่าต่อมามีหมายศาลหรือใบแจ้งความจากตำรวจหาว่าเป็นผู้กระทำความผิด มันใช่เหรอ ธนาคารก็รับผิดชอบไปสิคะ

ในเวลาต่อมาทางCall Centerก็โทรเข้ามาอีก ว่าไม่ได้เงียบหายไปเลยนะ ตามเรื่องจากสาขาให้อยู่ ดิฉันก็ถามไปว่าแล้วเงินนี่เมื่อไรจะได้คืน Call Centerก็พูดคล้ายๆคุณตำรวจนะว่าจริงๆควรได้เลยนะ พอดิฉันบอกว่าทวงถามที่สาขาไปแล้วเจอบ่ายเบี่ยงว่าให้รอ ทางCall Centerก็เลยแจ้งต่อว่าบางสาขาก็มีขีดจำกัดในความรับผิดชอบ

สรุปแล้วคือดิฉันทำอะไรไม่ได้เลยสินะ เป็นลูกค้าที่นี่ต้องรอต่อไปนะคะ

วันที่ 22 มกราคม 2559
ได้รับการติดต่อจาก พนักงาน.ส. แต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้าเพิ่มเติม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่