ขอคำปรึกษาหน่อยค่ะ เรื่องอาจจะยาวไปนิดนะค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่าพ่อแม่ของฉันได้ไปไถ่ถอนที่ดินจากธนาคารซื้อจากกองบังคับคดีรวม 4 แปลงค่ะ แปลงที่ 1โฉนดติดชื่อตา น้าA(น้องชายแม่มี3คน Aเป็นน้องคนแรก Bเป็นน้องคนที่2 Cเป็นน้องคนที่3) เอาไปจำนอง แม่ไปซื้อกลับมาจากกองบังคับคดี แปลงที่1มีบ้านแม่และบ้านน้าCอยู่ แม่และน้าC ไม่มีส่วนในการจำนองที่ดินแต่แม่ไปซื้อกลับมาจากกองยังคับคดีและโอนโฉนดติดชื่อแม่ (แม่มีพี่ชาย 2 คน 1พี่ชายคนโต 2พี่ชายคนรอง) แปลงที่2 โฉนดเป็นชื่อตา ลุง2 เอาไปจำนอง แปลงที่2 โฉนดเป็นชื่อของป้าซึ่งเป็นพี่สาวแม่ลุง2 เป็นคนเอาไปจำนอง แม่เป็นคนไถ่ถอนกลับมา แปลงที่2 มีสวนยางพาราของป้า อายุประมาณ 1 ปี ตอนที่แม่ไถ่ออกมาใหม่ๆแม่ถามว่าป้าจะซื้อคืนไม๊ผ่อนให้แม่ก็ได้ป้าและผญาติทุกคนต่างบอกว่าไม่เอากลับไม่ซื้อสมบัติของตัวเองคืน แม่เลยโอนโฉนดเป็นชื่อแม่ นับตั้งแต่วันนั้นพ่อและแม่ก็ได้ช่วยกันดูแลสวนยางมาตลอด 5 ปี เมื่อยางอายุครบ 6 ปี ป้าได้เข้าไปกรีดยาง ซึ่งป้าได้เคยบอกว่าไม่เอากลับ แม่บอกตาว่าป้าไปกรีดยางตาบอกว่าถ้าป้าไม่กรีดยางสวนนี้แล้วจะให้ป้าทำมาหากินอะไร แม่ก็ได้แต่ร้องให้กับคำพูดของตา ตาห่วงป้าแต่ตาไม่เคยถามครอบครัวเป็นยังงัยบ้าง แม่ก็ต้องยอมรับทำตามที่ตาพูด แปลงที่ 3 โฉนดเป็นชื่อของลุง2 เป็นคนเอาไปจำนองเอง และแม่ก็เป็นไถ่ถอนเช่นเดิม แม่โอนโฉนดติดชื่อแม่แปลงที่ 3 เป็นสวนยางของลุง2 อายุประมาณ 1 ปีเรื่องก็เหมือนแปลงที่2 ค่ะ พ่อแม่ดูแลพอกรีดได้ลุง2เป็นคนกรีด ตาก็ยังคงพูดกับแม่เช่นเดิมเหมือนที่พูดกับแม่เรื่องป้าค่ะ แม่ก็ได้แต่ร้องให้เหมือนเดิมเพราะไม่อยากให้เป็นเรื่อง เวลา 10 กว่าปีที่แม่ให้ป้าและลุงBกรีดยางโดยไม่เคยได้ส่วนแบ่ง แปลงที่4 เป็นสวนปาล์มของลุง1 อายุประมาณ 1 ปี และมีบ้านตาอยู่ แม่ไถ่ถอนมาโดยใช้ชื่อแม่ในการไถ่ถอนแต่โฉนดยังคงเป็นชื่อตาอยู่ เหตุผลที่ให้โฉนดเป็นชื่อตาเพราะแม่บอกว่าญาติคนใหนจะเอาคืนก็ได้แต่เอาเงินค่าไถ่ถอนคืนมาให้แม่ เป็นเวลา 1ปีที่ญาติทุกคนบอกว่าไม่ขอซื้อคืน แม่เลยทำลายปาล์มและปลูกยางพาราแทน เป็นเวลา 6ปีที่แม่ดูแลยางพาราจนสามารถกรีดได้แม่ให้น้าBเป็นคนกรีดยางและแบ่งรายได้คนละครึ่งกับแม่ น้าBกรีดอยู่ 7ปี หน้าต้นยางยังเรียบอยู่เพราะน้าBและเมียเป็นมีฝีมือในการกรีดยาง จู่ๆลูกชายลุง1มาบอกน้าB ว่าจะมากรีดยางเองเพราะเป็นที่ดินของพ่อเค้าทั้งๆที่พ่อแม่ฉันเป็นคนไถ่ถอนพ่อแม่ฉันเป็นคนปลูก แม่ก็ยอมไม่ว่าอะไรแม่บอกว่าตาพูดเองเพราะตารู้เรื่องทุกอย่าง แต่ลูกชายลุง1เหมือนไม่ได้ตั้งใจแค่จะมากรีดแต่เหมือนตั้งใจมาทำลายมากกว่าเพราะปกติการกรีดจะกรีดสูงจากพื่นดินประมาณ 100 ซ.ม.แต่ลูกชายลุง1กรีดสูงขึ้นจากพื้นดินประมาณ 250 ซ.ม. กรีดโดยการใช้ไม้ต่อกับมืดกรีดยางการกรีดยางเป็นการกรีดยางที่มีอายุ25-30ปีไม่ใช้ยางที่มีอายุแค่10กว่าปี จึงทำไห้ต้นยางได้รับความเสียหาย ตอนที่ลูกชายลุง1กรีดยางไม่เคยแบ่งให้แม่สักครั้งแม่ก็ได้แต่ร้องให้ที่คนอื่นมาทำลายทรัพสินที่สร้างมากับมือ จากที่เล่ามาจะเห็นได้ว่าแม่เป็นเจ้าของที่ดินโดยชอบทางกฎหมาย 3 แปลง และอีก 1 แปลง แม่เป็นคนไถ่ถอนแต่แม่มีสิทธิแค่ที่ดินแปลงที่1ซึ่งเป็นบ้านของแม่และบ้านของน้าC เท่านั้น หลังจากที่ลูกลุง1 กรีดยางได้ 1 ปี ก็มีหมายศาลมาที่บ้านแม่ ตาฟ้องร้องแม่ ตาเรียกค่าที่ตาเลี้ยงดูแม่มา เป็นที่ดินทุกแปลงที่เป็นชื่อแม่ แม่จะต้องให้กลับญาติพี่น้องทุกคน ตามกฎหมายแล้ว ผู้ใดที่ขึ้นศาลกับพ่อแม่จะไม่มีทางชนะพ่อแม่ แต่ถ้าแม่ให้ที่ดินคืนทุกคนสรุปคือแม่จะไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่บ้านยุก็ไม่มี แม่ร้องให้เป็นเดือนๆจนไม่สบายต้องเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยครั้ง พ่อแม่ปรึกษา พี่สาว ฉัน และน้องชาย ว่าจะเอางัยจะสู้ไม๊ ถ้าสู้แล้วแพ้ครอบครัวเราจะไม่เหลืออะไรเลย แต่ถึงแพ้เราก้อได้สู้แล้ว (ที่ดินทั้งหมดแม่สมัคใจไถ่คืนแค่แปลงที่1 เพราะมีบ้านแม่อยู่ที่เหลือเป็นคำขอร้องจากตาให้ไปไถ่คืนและบอกว่าไถ่แล้วหากญาติคนใดต้องการซื้อคืนต้องขายให้หากไม่มีไครซื้อคืนก็ให้ตกเป็นของแม่ ) เป็นคดีอยู่ 3 ปี ( กำนัน อ.บ.ต คนอื่นๆในหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่ธนาคารทีาทำเรื่องไถ่ถอนที่ดินให้แม่แต่ละแปลงมาเป็นพยานในศาลทุกครั้ง) ศาลตัดสิน แปลงที่ 1 แม่ต้องโอนบ้านพร้อมที่ดินส่วนที่เป็นบ้านของน้าCให้น้าC แปลงที่ 2 ซึ่งป้ากรีดยางยุ ศาลตัดสินให้ต้นยางพาราเป็นของแม่และโอนที่ดินให้แปลงที่2 ให้ป้า แต่ป้าขายต้นยางโดยไม่ให้เงินแม่สักบาท ป้าไม่ทำตามคำสั่งศาลแต่แม่ก็ไม่ว่าอะไร แปลงที่3 ลุง2 กรีดยางยุ ศาลตัดสินให้ต้นยางพาราและที่ดินเป็นของแม่ แปลงที่4 ศาลตัดสินให้เป็นของแม่ 7 ปี ห้ามผู้ใดนอกจากครอบครัวแม่ใช้ประโยชน์จากที่ดินแปลงที่4 หากฝืนคำสั่งศาลจะมีความผิด แต่แม่บอกว่า ขอแค่ 4 ปี ปีที่1 ฉันเป็นคนกรีดยาง ในปีที่1 ตาได้เอามะพร้าวในที่ดินแปลงที่4 ไปขายซึ่งผิดคำสั่งศาล แต่แม่บอกว่าไม่เป็นไรให้ตาขายเอาเงินไว้ให้ตาได้ใช้ ในที่ดินแปลงที่4 จะมีต้นไม้ต้นใหญ่ที่พ่อเคยปลูกไว้ มีคนจะขอซื้อต้นไม้ 1 ต้นไปสร้างบ้านในอีก2ปีและได้ทำสัญญาว่าจะขายให้อีก 2 ปีในราคาต้นละ 20,000 บาท และวางมัดจำ 5,000 บาท ในระหว่าง 2 ปีหากไม่มาซื้อจะสิ้นสุดสัญญาและหากขายคนอื่นในเวาลา 2 ปี ต้องจ่ายให้คืน 2 เท่า แต่เมื่อตารู้เรื่องที่แม่จะขายต้นไม้ตาไปบอกคนที่จะมาซื้อว่าไม่ขายและตาก็ขายต้นไม้ต้นนั้นให้คนอื่นในราคา 5,000 บาท ในเมื่อแม่ทำผิดสัญญาแม่ต้องจ่าบคืนเค้าไป 10,000 บาท หลังจากนั้นตาก็ขายต้นไม้ในที่ดินแปลงที่4 จนหมด ตาทำผอดคำสั่งศาล แต่แม่บอกว่าตาไม่ได้เป็นคนทำหรอกคนอื่นน่าจะบอกให้ตาทำ แม่ยังคงเค้าข้างตา ทั้งที่ตอนขึ้นศาลตาบอกว่าแม่ไม่ใช้ลูก หลังจากที่ตาขายต้นไม้หมดแม่บอกว่าทำให้เรื่องมันจบ ด้วยการบอกขายต้นยางพารามีคนมาซื้อในราคา 100,000 บาท และทำสัญญาเหมือนการขายต้นไม้ข้างต้น คนซื้อวางมัดจำ 20,000 บาท อีก 1 อาทิตย์ มาโค่นต้นยางพารา 1 อาทิตย์ผ่านไปเค้าก็มาโค่นต้นยาง แต่ตาไม่ให้โค่น ทั้งๆที่ที่ดินแม่เป็นคนไถ่ถอนทั้งๆที่ต้นยางแม่เป็นตนปลูกทั้งๆที่ศาลตัดสินเป็นของแม่ 4 ปี แต่ตาก็ไม่ฟัง ยืนยันไม่ให้โค่น แม่ต้องเสียเงินให้เค้าไป 40,000 บาทพร้อมน้ำตาแม่ไม่ได้ร้องใฟ้เสียดายเงินแต่แม่ร้องให้เพราะเสียใจในสิ่งที่ตาทำ หลังจากนั้นฉันยังคงกรีดยางอยู่อีก 3-4 เดือน กำนันในหมู่บ้านได้มาบอกตาว่าแม่ต้องขายต้นยางเพื่อให้จบๆกันไปและตาก็ไม่มีสิทธในการคัดค้านหากตายังคัดค้านตาต้องโดนจับเพราะไม่ทำตามคำสั่งศาล และตาก็ยอมฟังแม่ได้ขายต้นยาง (แม่ทำตามคำสั่งศาลทุกอย่าง) หลังจากนั้นครอบครัวฉันก็ไม่เคยไปยุ้งกับที่ดินแปลงที่4 เลย พี่สาวฉันเป็นพยาบาลยังคงดูแลตาอย่างดียามเมื่อตาเข้าโรงพยาบาล กับญาติคนอื่นพี่สาวและน้องชายฉันยังคงพูดคุยทักทายกันปกติพ่อแม่บอกว่าเค้าไม่ดีวันนี้วันหน้าเค้าอาจจะดีก็ได้ไม่มีใครเป็นคนไม่ตลอดหรอก เราดีเค้าไม่รุ้ปแต่เรารู้ เรื่องเหมือนจะดีใช้ใหมละค่ะ แต่เมื่ออาทิตย์ที่แล้วแม่บอกขายต้นยางแปลงที่3 เพราะต้องการปลูกใหม่ เหมือนเรื่องจะราบรื่นแต่ระหว่างที่โค่นต้นยางได้ครึ่งสวนลูกชายของลุง2 2คนซึ่งเรียนจบกฎหมายมาทั้ง 2 คน มาคัดค้านไม่ให้โค่นต้นยางที่เหลือ แต่แม่มีใบตัดสินมาจากศาลและกำนันในหมู่บ้านมาพูดกับคนซื้อเค้าเลยโค่นจนเสร็จเรียบร้อยหลังจากโค่นเสร็จ 2 วัน มีหมายจากศาล ว่าแม่ทำลายทรัพสินในที่ดินแปลงที่ 3 ศาลนัดวันที่ 26 มกราคม 2559
คำถามนะค่ะ
1.แม่ต้องโดนจับใหมค่ะ
2.ที่ดินเป็นชื่อแม่แล้วเค้ายังจะฟ้องร้องได้อีกหรือค่ะ
3.ถ้าหากแม่ไม่มีความผิดจะฟ้องกลับได้ใหมค่ะ
เรื่องยาวหน่อยนะค่ะ อ่านแล้ววกวน ต้องขอโทษด้วยค่ะ เพิ่งตั้งกระทู้แรก อยากทราบเพิ่มเติมสอบถามได้นะค่ะ ช่วยออกความคิดเห็นหน่อยนะค่ะ
ไถ่ที่ดินคืนมาแต่โดนญาติฟ้องศาล
เรื่องมีอยู่ว่าพ่อแม่ของฉันได้ไปไถ่ถอนที่ดินจากธนาคารซื้อจากกองบังคับคดีรวม 4 แปลงค่ะ แปลงที่ 1โฉนดติดชื่อตา น้าA(น้องชายแม่มี3คน Aเป็นน้องคนแรก Bเป็นน้องคนที่2 Cเป็นน้องคนที่3) เอาไปจำนอง แม่ไปซื้อกลับมาจากกองบังคับคดี แปลงที่1มีบ้านแม่และบ้านน้าCอยู่ แม่และน้าC ไม่มีส่วนในการจำนองที่ดินแต่แม่ไปซื้อกลับมาจากกองยังคับคดีและโอนโฉนดติดชื่อแม่ (แม่มีพี่ชาย 2 คน 1พี่ชายคนโต 2พี่ชายคนรอง) แปลงที่2 โฉนดเป็นชื่อตา ลุง2 เอาไปจำนอง แปลงที่2 โฉนดเป็นชื่อของป้าซึ่งเป็นพี่สาวแม่ลุง2 เป็นคนเอาไปจำนอง แม่เป็นคนไถ่ถอนกลับมา แปลงที่2 มีสวนยางพาราของป้า อายุประมาณ 1 ปี ตอนที่แม่ไถ่ออกมาใหม่ๆแม่ถามว่าป้าจะซื้อคืนไม๊ผ่อนให้แม่ก็ได้ป้าและผญาติทุกคนต่างบอกว่าไม่เอากลับไม่ซื้อสมบัติของตัวเองคืน แม่เลยโอนโฉนดเป็นชื่อแม่ นับตั้งแต่วันนั้นพ่อและแม่ก็ได้ช่วยกันดูแลสวนยางมาตลอด 5 ปี เมื่อยางอายุครบ 6 ปี ป้าได้เข้าไปกรีดยาง ซึ่งป้าได้เคยบอกว่าไม่เอากลับ แม่บอกตาว่าป้าไปกรีดยางตาบอกว่าถ้าป้าไม่กรีดยางสวนนี้แล้วจะให้ป้าทำมาหากินอะไร แม่ก็ได้แต่ร้องให้กับคำพูดของตา ตาห่วงป้าแต่ตาไม่เคยถามครอบครัวเป็นยังงัยบ้าง แม่ก็ต้องยอมรับทำตามที่ตาพูด แปลงที่ 3 โฉนดเป็นชื่อของลุง2 เป็นคนเอาไปจำนองเอง และแม่ก็เป็นไถ่ถอนเช่นเดิม แม่โอนโฉนดติดชื่อแม่แปลงที่ 3 เป็นสวนยางของลุง2 อายุประมาณ 1 ปีเรื่องก็เหมือนแปลงที่2 ค่ะ พ่อแม่ดูแลพอกรีดได้ลุง2เป็นคนกรีด ตาก็ยังคงพูดกับแม่เช่นเดิมเหมือนที่พูดกับแม่เรื่องป้าค่ะ แม่ก็ได้แต่ร้องให้เหมือนเดิมเพราะไม่อยากให้เป็นเรื่อง เวลา 10 กว่าปีที่แม่ให้ป้าและลุงBกรีดยางโดยไม่เคยได้ส่วนแบ่ง แปลงที่4 เป็นสวนปาล์มของลุง1 อายุประมาณ 1 ปี และมีบ้านตาอยู่ แม่ไถ่ถอนมาโดยใช้ชื่อแม่ในการไถ่ถอนแต่โฉนดยังคงเป็นชื่อตาอยู่ เหตุผลที่ให้โฉนดเป็นชื่อตาเพราะแม่บอกว่าญาติคนใหนจะเอาคืนก็ได้แต่เอาเงินค่าไถ่ถอนคืนมาให้แม่ เป็นเวลา 1ปีที่ญาติทุกคนบอกว่าไม่ขอซื้อคืน แม่เลยทำลายปาล์มและปลูกยางพาราแทน เป็นเวลา 6ปีที่แม่ดูแลยางพาราจนสามารถกรีดได้แม่ให้น้าBเป็นคนกรีดยางและแบ่งรายได้คนละครึ่งกับแม่ น้าBกรีดอยู่ 7ปี หน้าต้นยางยังเรียบอยู่เพราะน้าBและเมียเป็นมีฝีมือในการกรีดยาง จู่ๆลูกชายลุง1มาบอกน้าB ว่าจะมากรีดยางเองเพราะเป็นที่ดินของพ่อเค้าทั้งๆที่พ่อแม่ฉันเป็นคนไถ่ถอนพ่อแม่ฉันเป็นคนปลูก แม่ก็ยอมไม่ว่าอะไรแม่บอกว่าตาพูดเองเพราะตารู้เรื่องทุกอย่าง แต่ลูกชายลุง1เหมือนไม่ได้ตั้งใจแค่จะมากรีดแต่เหมือนตั้งใจมาทำลายมากกว่าเพราะปกติการกรีดจะกรีดสูงจากพื่นดินประมาณ 100 ซ.ม.แต่ลูกชายลุง1กรีดสูงขึ้นจากพื้นดินประมาณ 250 ซ.ม. กรีดโดยการใช้ไม้ต่อกับมืดกรีดยางการกรีดยางเป็นการกรีดยางที่มีอายุ25-30ปีไม่ใช้ยางที่มีอายุแค่10กว่าปี จึงทำไห้ต้นยางได้รับความเสียหาย ตอนที่ลูกชายลุง1กรีดยางไม่เคยแบ่งให้แม่สักครั้งแม่ก็ได้แต่ร้องให้ที่คนอื่นมาทำลายทรัพสินที่สร้างมากับมือ จากที่เล่ามาจะเห็นได้ว่าแม่เป็นเจ้าของที่ดินโดยชอบทางกฎหมาย 3 แปลง และอีก 1 แปลง แม่เป็นคนไถ่ถอนแต่แม่มีสิทธิแค่ที่ดินแปลงที่1ซึ่งเป็นบ้านของแม่และบ้านของน้าC เท่านั้น หลังจากที่ลูกลุง1 กรีดยางได้ 1 ปี ก็มีหมายศาลมาที่บ้านแม่ ตาฟ้องร้องแม่ ตาเรียกค่าที่ตาเลี้ยงดูแม่มา เป็นที่ดินทุกแปลงที่เป็นชื่อแม่ แม่จะต้องให้กลับญาติพี่น้องทุกคน ตามกฎหมายแล้ว ผู้ใดที่ขึ้นศาลกับพ่อแม่จะไม่มีทางชนะพ่อแม่ แต่ถ้าแม่ให้ที่ดินคืนทุกคนสรุปคือแม่จะไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่บ้านยุก็ไม่มี แม่ร้องให้เป็นเดือนๆจนไม่สบายต้องเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยครั้ง พ่อแม่ปรึกษา พี่สาว ฉัน และน้องชาย ว่าจะเอางัยจะสู้ไม๊ ถ้าสู้แล้วแพ้ครอบครัวเราจะไม่เหลืออะไรเลย แต่ถึงแพ้เราก้อได้สู้แล้ว (ที่ดินทั้งหมดแม่สมัคใจไถ่คืนแค่แปลงที่1 เพราะมีบ้านแม่อยู่ที่เหลือเป็นคำขอร้องจากตาให้ไปไถ่คืนและบอกว่าไถ่แล้วหากญาติคนใดต้องการซื้อคืนต้องขายให้หากไม่มีไครซื้อคืนก็ให้ตกเป็นของแม่ ) เป็นคดีอยู่ 3 ปี ( กำนัน อ.บ.ต คนอื่นๆในหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่ธนาคารทีาทำเรื่องไถ่ถอนที่ดินให้แม่แต่ละแปลงมาเป็นพยานในศาลทุกครั้ง) ศาลตัดสิน แปลงที่ 1 แม่ต้องโอนบ้านพร้อมที่ดินส่วนที่เป็นบ้านของน้าCให้น้าC แปลงที่ 2 ซึ่งป้ากรีดยางยุ ศาลตัดสินให้ต้นยางพาราเป็นของแม่และโอนที่ดินให้แปลงที่2 ให้ป้า แต่ป้าขายต้นยางโดยไม่ให้เงินแม่สักบาท ป้าไม่ทำตามคำสั่งศาลแต่แม่ก็ไม่ว่าอะไร แปลงที่3 ลุง2 กรีดยางยุ ศาลตัดสินให้ต้นยางพาราและที่ดินเป็นของแม่ แปลงที่4 ศาลตัดสินให้เป็นของแม่ 7 ปี ห้ามผู้ใดนอกจากครอบครัวแม่ใช้ประโยชน์จากที่ดินแปลงที่4 หากฝืนคำสั่งศาลจะมีความผิด แต่แม่บอกว่า ขอแค่ 4 ปี ปีที่1 ฉันเป็นคนกรีดยาง ในปีที่1 ตาได้เอามะพร้าวในที่ดินแปลงที่4 ไปขายซึ่งผิดคำสั่งศาล แต่แม่บอกว่าไม่เป็นไรให้ตาขายเอาเงินไว้ให้ตาได้ใช้ ในที่ดินแปลงที่4 จะมีต้นไม้ต้นใหญ่ที่พ่อเคยปลูกไว้ มีคนจะขอซื้อต้นไม้ 1 ต้นไปสร้างบ้านในอีก2ปีและได้ทำสัญญาว่าจะขายให้อีก 2 ปีในราคาต้นละ 20,000 บาท และวางมัดจำ 5,000 บาท ในระหว่าง 2 ปีหากไม่มาซื้อจะสิ้นสุดสัญญาและหากขายคนอื่นในเวาลา 2 ปี ต้องจ่ายให้คืน 2 เท่า แต่เมื่อตารู้เรื่องที่แม่จะขายต้นไม้ตาไปบอกคนที่จะมาซื้อว่าไม่ขายและตาก็ขายต้นไม้ต้นนั้นให้คนอื่นในราคา 5,000 บาท ในเมื่อแม่ทำผิดสัญญาแม่ต้องจ่าบคืนเค้าไป 10,000 บาท หลังจากนั้นตาก็ขายต้นไม้ในที่ดินแปลงที่4 จนหมด ตาทำผอดคำสั่งศาล แต่แม่บอกว่าตาไม่ได้เป็นคนทำหรอกคนอื่นน่าจะบอกให้ตาทำ แม่ยังคงเค้าข้างตา ทั้งที่ตอนขึ้นศาลตาบอกว่าแม่ไม่ใช้ลูก หลังจากที่ตาขายต้นไม้หมดแม่บอกว่าทำให้เรื่องมันจบ ด้วยการบอกขายต้นยางพารามีคนมาซื้อในราคา 100,000 บาท และทำสัญญาเหมือนการขายต้นไม้ข้างต้น คนซื้อวางมัดจำ 20,000 บาท อีก 1 อาทิตย์ มาโค่นต้นยางพารา 1 อาทิตย์ผ่านไปเค้าก็มาโค่นต้นยาง แต่ตาไม่ให้โค่น ทั้งๆที่ที่ดินแม่เป็นคนไถ่ถอนทั้งๆที่ต้นยางแม่เป็นตนปลูกทั้งๆที่ศาลตัดสินเป็นของแม่ 4 ปี แต่ตาก็ไม่ฟัง ยืนยันไม่ให้โค่น แม่ต้องเสียเงินให้เค้าไป 40,000 บาทพร้อมน้ำตาแม่ไม่ได้ร้องใฟ้เสียดายเงินแต่แม่ร้องให้เพราะเสียใจในสิ่งที่ตาทำ หลังจากนั้นฉันยังคงกรีดยางอยู่อีก 3-4 เดือน กำนันในหมู่บ้านได้มาบอกตาว่าแม่ต้องขายต้นยางเพื่อให้จบๆกันไปและตาก็ไม่มีสิทธในการคัดค้านหากตายังคัดค้านตาต้องโดนจับเพราะไม่ทำตามคำสั่งศาล และตาก็ยอมฟังแม่ได้ขายต้นยาง (แม่ทำตามคำสั่งศาลทุกอย่าง) หลังจากนั้นครอบครัวฉันก็ไม่เคยไปยุ้งกับที่ดินแปลงที่4 เลย พี่สาวฉันเป็นพยาบาลยังคงดูแลตาอย่างดียามเมื่อตาเข้าโรงพยาบาล กับญาติคนอื่นพี่สาวและน้องชายฉันยังคงพูดคุยทักทายกันปกติพ่อแม่บอกว่าเค้าไม่ดีวันนี้วันหน้าเค้าอาจจะดีก็ได้ไม่มีใครเป็นคนไม่ตลอดหรอก เราดีเค้าไม่รุ้ปแต่เรารู้ เรื่องเหมือนจะดีใช้ใหมละค่ะ แต่เมื่ออาทิตย์ที่แล้วแม่บอกขายต้นยางแปลงที่3 เพราะต้องการปลูกใหม่ เหมือนเรื่องจะราบรื่นแต่ระหว่างที่โค่นต้นยางได้ครึ่งสวนลูกชายของลุง2 2คนซึ่งเรียนจบกฎหมายมาทั้ง 2 คน มาคัดค้านไม่ให้โค่นต้นยางที่เหลือ แต่แม่มีใบตัดสินมาจากศาลและกำนันในหมู่บ้านมาพูดกับคนซื้อเค้าเลยโค่นจนเสร็จเรียบร้อยหลังจากโค่นเสร็จ 2 วัน มีหมายจากศาล ว่าแม่ทำลายทรัพสินในที่ดินแปลงที่ 3 ศาลนัดวันที่ 26 มกราคม 2559
คำถามนะค่ะ
1.แม่ต้องโดนจับใหมค่ะ
2.ที่ดินเป็นชื่อแม่แล้วเค้ายังจะฟ้องร้องได้อีกหรือค่ะ
3.ถ้าหากแม่ไม่มีความผิดจะฟ้องกลับได้ใหมค่ะ
เรื่องยาวหน่อยนะค่ะ อ่านแล้ววกวน ต้องขอโทษด้วยค่ะ เพิ่งตั้งกระทู้แรก อยากทราบเพิ่มเติมสอบถามได้นะค่ะ ช่วยออกความคิดเห็นหน่อยนะค่ะ