พระอาจารย์เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
...
นี่ดังในตำราท่านกล่าวไว้เกี่ยวกับประวัติ
"พระสาวกในสมัยครั้งพุทธเจ้า" นั้น
พอได้ฟังพระธรรมเทศนาของพระพุทธเจ้าจบลงเท่านั้นแหละ
ก็ได้บรรลุอรหัตตผลมีอยู่มากมาย บางพวกบางเหล่าก็แสดงธรรม
เพียงแต่พระคาถาเดียวเท่านั้นจบลงก็ได้สำเร็จอรหัตตผลแล้ว
ที่ท่านได้บรรลุมรรคผลธรรมวิเศษได้ง่ายเช่นนั้น
ก็เพราะท่านสร้างบารมีมาเต็มบริบูรณ์แล้วเหมือนอย่างดอกบัว
ที่โผล่ขึ้นพ้นจากน้ำแล้วคอยแต่รับแสงพระอาทิตย์เท่านั้นแหละ
พอได้รับแสงพระอาทิตย์เท่านั้นก็บานเลย
อันนี้ฉันใดก็เหมือนกันอย่างนั้นแหละ
"ท่านผู้สร้างบารมีเต็มบริบูรณ์" แล้ว
จิตใจของท่านสูงเด่นขึ้นมาเต็มที่แล้ว ไม่มีบาปอกุศลอันใด
ข้องค้างอยู่ในจิตใจเลย มีแต่บุญกุศลล้วนๆ ดังนั้นแหละ
พอพระองค์เจ้าแสดงธรรมให้ฟังเพียงนิดหน่อยเท่านั้นก็หลุดพ้นไปได้เลย
อันนี้มันเป็นธรรมเนียมของ
"ผู้ที่ไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้า"
คือ ผู้ไม่ได้สร้างบารมีปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า
"ผู้สร้างบารมีเป็นพระสาวก"
ผู้สร้างบารมีเป็นพระสาวกนี้แม้ว่าผู้นั้นจะสร้างบุญกุศลให้เต็มเปี่ยมปานใดก็ตาม
ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมคำสอนพระพุทธเจ้าเสียก่อนแล้ว
ไม่สามารถที่จะบรรลุมรรคผลธรรมวิเศษได้ เป็นอย่างนั้น
เพราะว่า มันเป็น
ธรรมเนียมมาอย่างนั้น เป็น
กฎธรรมดามาอย่างนั้น
ถ้าหากว่า ท่านผู้สร้างบารมีปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าเช่นนี้นั้น
พระองค์ท่านไม่ต้องไปได้ยินได้ฟังกับใครมาเลย
พระองค์ทรงค้นคว้าหาทางตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณด้วยพระองค์เอง
อันนี้ก็เป็นกฎธรรมดาของผู้ที่เป็นพระพุทธเจ้าทั้งหลายในโลก
นี้ล่ะควรจะพากันเข้าใจ
...
ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ
"อานุภาพแห่งศีล"
สาวกบารมี : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
พระอาจารย์เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
...
นี่ดังในตำราท่านกล่าวไว้เกี่ยวกับประวัติ "พระสาวกในสมัยครั้งพุทธเจ้า" นั้น
พอได้ฟังพระธรรมเทศนาของพระพุทธเจ้าจบลงเท่านั้นแหละ
ก็ได้บรรลุอรหัตตผลมีอยู่มากมาย บางพวกบางเหล่าก็แสดงธรรม
เพียงแต่พระคาถาเดียวเท่านั้นจบลงก็ได้สำเร็จอรหัตตผลแล้ว
ที่ท่านได้บรรลุมรรคผลธรรมวิเศษได้ง่ายเช่นนั้น
ก็เพราะท่านสร้างบารมีมาเต็มบริบูรณ์แล้วเหมือนอย่างดอกบัว
ที่โผล่ขึ้นพ้นจากน้ำแล้วคอยแต่รับแสงพระอาทิตย์เท่านั้นแหละ
พอได้รับแสงพระอาทิตย์เท่านั้นก็บานเลย
อันนี้ฉันใดก็เหมือนกันอย่างนั้นแหละ "ท่านผู้สร้างบารมีเต็มบริบูรณ์" แล้ว
จิตใจของท่านสูงเด่นขึ้นมาเต็มที่แล้ว ไม่มีบาปอกุศลอันใด
ข้องค้างอยู่ในจิตใจเลย มีแต่บุญกุศลล้วนๆ ดังนั้นแหละ
พอพระองค์เจ้าแสดงธรรมให้ฟังเพียงนิดหน่อยเท่านั้นก็หลุดพ้นไปได้เลย
อันนี้มันเป็นธรรมเนียมของ "ผู้ที่ไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้า"
คือ ผู้ไม่ได้สร้างบารมีปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า "ผู้สร้างบารมีเป็นพระสาวก"
ผู้สร้างบารมีเป็นพระสาวกนี้แม้ว่าผู้นั้นจะสร้างบุญกุศลให้เต็มเปี่ยมปานใดก็ตาม
ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมคำสอนพระพุทธเจ้าเสียก่อนแล้ว
ไม่สามารถที่จะบรรลุมรรคผลธรรมวิเศษได้ เป็นอย่างนั้น
เพราะว่า มันเป็นธรรมเนียมมาอย่างนั้น เป็นกฎธรรมดามาอย่างนั้น
ถ้าหากว่า ท่านผู้สร้างบารมีปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าเช่นนี้นั้น
พระองค์ท่านไม่ต้องไปได้ยินได้ฟังกับใครมาเลย
พระองค์ทรงค้นคว้าหาทางตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณด้วยพระองค์เอง
อันนี้ก็เป็นกฎธรรมดาของผู้ที่เป็นพระพุทธเจ้าทั้งหลายในโลก
นี้ล่ะควรจะพากันเข้าใจ
...
ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ
"อานุภาพแห่งศีล"