สวัสดีค่ะ ขอเกริ่นนิดนึงว่ากระทู้นี้ยาวมาก แต่เราแบ่งเป็นหัวข้อไว้แล้ว ใครสนใจประเด็นไหนก็เลื่อนข้ามๆสิ่งที่เราอาจจะเวิ่นไปก็ได้นะคะ อีกอย่างคือเราเขียนไม่ค่อยเก่ง ถ้ามีตรงไหนผิดพลาดต้องขอโทษไว้ล่วงหน้าเลยน้า ประสบการณ์ที่จะเอามาแชร์นี้เกิดขึ้นเมื่อ
ปีก่อน(2014) อาจจะดูย้อนยาวไปหน่อย แต่เราเพิ่งมีเวลา บวกกับหลายคนก็บอกให้ลองมาแชร์ลงกระทู้ pantip ก็เลยเออตั้งก็ตั้ง 55555 เข้าเรื่องเลยแล้วกันเนอะ เราได้มีโอกาสไป Work & Travel (WAT) ที่ Walt Disney World เมือง Orlando, Florida, USA มาค่ะ ตอนแรกเราไม่รู้เลยว่า Disney เปิดโครงการนี้ด้วย จนเพื่อนมาชวนเราไปสัมภาษณ์ เราก็เลยศึกษาข้อมูลว่ามันเป็นยังไง สรุปคือ Disney จะเปิดรับนักศึกษาจากทั่วทุกมุมโลกให้เข้ามาทำงานที่ Walt Disney World ภายใต้โครงการ International College Program (ICP)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ความจริงมีหลายโครงการ แต่ที่ประเทศไทยเข้าร่วมได้หลักๆจะมี 2 โครงการ คือ ICP กับ Cultural Exchange ในส่วนของโครงการหลังเราขอไม่พูดถึงเนอะ เพราะเราไม่ได้เข้าร่วมเอง อาจจะมีข้อผิดพลาดทางการสื่อข้อมูลได้ ตอนแรกก็ยังเฉยๆ จนเพื่อนเราบอกว่าระหว่างที่เราทำงานที่นั่น เราก็จะได้เข้า Disney ฟรี ไม่ต้องเสียค่าเข้า พอรู้ Benefit ข้อนี้เราก็ตัดสินใจไปสอบสัมภาษณ์เลยค่ะ ไม่ลังเลอะไรทั้งสิ้น 55555555555555 ก่อนอื่นเราต้องสมัครผ่านตัวแทนที่ประเทศไทย (London house) ก่อน สมัครช่วงสิงหากันยา ลิ้งนี้เลยค่ะ
http://www.londonhouse-cm.com/ ต่อมาจะมีสัมภาษณ์ 2 รอบ ถ้าผ่านคือได้ไปเลย ข้อดีของการไป work กับ disney คือเราจะไม่เสียค่าโครงการเหมือนที่อื่น แต่ข้อเสียคือเพราะการที่เราไม่เสียค่าโครงการมันอาจจะทำให้เราต้องวุ่นวายกับเรื่องเอกสารนิดนึง เพราะเราต้องเป็นคนเตรียมเองทั้งหมด แต่ไม่ต้องห่วงเพราะว่าทาง London house จะคอยช่วยเหลือเราเรื่องข้อมูลค่ะ เราจะข้ามเรื่องสัมภาษณ์กับช่วงเตรียมตัวไปเลยแล้วกันนะคะ ไม่งั้นร่ายสามวันอาจจะไม่จบ 55555
Role Jobs
พนักงานทุกคนที่ Disney จะถูกเรียกว่า Cast Member งานที่เด็กไทยสามารถทำได้ หลักๆจะมีอยู่ 3 งานค่ะ คือ Lifeguard, Merchandise (ขายของ), QSR หรือที่เรียกว่า Food (ขายอาหาร) ตอนนั้นเราสมัคร Merchandise ไป แต่สุดท้ายเราได้ทำ Lifeguard (เราขอพิมพ์สั้นๆว่า LG นะ) เพราะช่วงที่เราไปจะเป็น Summer ของที่นู่น แล้วเขาค่อนข้างต้องการ LG เยอะ ตอนสัมภาษณ์เขาถามว่าเราว่ายน้ำได้มั้ย เราก็แบบ นั่นไง เอาละ กรูต้องโดนจับเป็น LG แน่ๆ แต่ด้วยความที่กลัวจะไม่ได้ไป ก็เลยตอบว่าว่ายน้ำได้พร้อมหน้าตาสดใสยิ้มแฉ่ง 555555555 ปล.อันนี้แล้วแต่คนนะคะ เวลาจะตอบคำถามกรรมการต้องคิดดีๆว่าถ้าเราได้งานที่เราไม่ได้ request ไปแล้วเราจะโอเคมั้ย
Air Ticket
ส่วนมากคนที่ผ่านสัมภาษณ์แล้วก็จะบินพร้อมกับทางคณะ London house เลย คือแพลนนี้จะเหมาะสำหรับคนที่ขี้เกียจหาตั๋วเอง เน้นความสะดวกในการออกจากสนามบินที่ Orlando เข้า Disney แต่เราอยากบินเองและอยากได้ตั๋วถูกกว่าที่ทาง London house หาให้ ตอนนั้นเรามีพี่คนไทยที่เพิ่งรู้จักกันวัน Orientation แล้วตกลงว่าจะเที่ยวด้วยกัน พี่เค้าก็แนะนำเอเจนซี่ LAE มา พี่ทีมงานใจดีค่ะ คุยง่าย สรุปเราบินกับสายการบิน Delta แต่คนละวันกับคณะ London house เส้นทางการบินเป็นแบบนี้ค่ะ
ขาไป: BKK > Tokyo Narita(Transfer) > Los Angeles (LAX) : Stop over 9 ชั่วโมง > Orlando (MCO)
ขากลับ: Orlando (MCO) > New York (JFK) : Stop over 7 วัน > Tokyo Narita: Stop over 6 วัน > BKK
ตอนที่เราซื้อตั๋ว package นี้ราคา 53,500 บาท ซึ่งช่วงที่เราพักเครื่องที่ LA เราก็มีเวลาออกไปเดินเที่ยวแถว Hollywood ถึงแม้จะเหนื่อยเพลียจากการนั่งเครื่องยาวหลายสิบชั่วโมง แต่เพื่อความคุ้มเราต้องเก็บให้ครบค่ะ ไหนๆไปแล้ว 9 ชั่วโมงก็อย่าปล่อยให้เสียเปล่า 55555555
TIP: LA เที่ยวง่ายค่ะ ออกจากสนามบินให้ขึ้นบัส G green line จะเป็นบัสฟรี ที่พาไปส่งสถานี Metro หลังจากนั้นเสียค่า Metro $6 ขึ้นได้ทั้งวันค่ะ ถ้าจะไป Hollywood Walk of Fame ให้ลงสถานี Hollywood Highland
** สรุปแล้วเราเริ่มเดินทางออกจากกรุงเทพ March 16,2014 ไปถึง Orlando March 17,2014 และต้องพักในตัวเมือง Orlando คืนนึง เพราะตามกำหนดการเราต้องเข้าไป Disney วันที่ March 18, 2014 **
ชีวิตการเป็น ICP ( ขอแบ่งเป็น 2 parts นะคะ )
Part 1: Everyday life&Work
ต้องเกริ่นก่อนว่า Disney จะมีทั้งหมด 4 หมู่บ้านไว้ให้ ICP อยู่ ได้แก่ Vista Way, Chatam Square, Patternson Court และ The Common ที่พักจะเป็นอารมณ์ Apartment มีห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องน้ำ ครัว ห้องแต่งตัว ตึกหนึ่งหลังจำนวนห้อง,ขนาดและ housing rate จะไม่เท่ากัน แล้วแต่หมู่บ้าน ของเราเป็น Vista Way แบบ 3 ห้องนอน เรท $89/week ถูกสุดในบรรดาทุกหมู่บ้านเลย แต่สภาพห้องดีมากกกก (เงินค่าจ้างเราจะถูกโอนเข้าบัญชี citibank ที่ทาง disney สร้างบัญชีไว้ให้ ทุกๆวันพฤหัสบดีและค่าเช่า apartment จะถูกหักจากบัญชีเอง) ตอนอยู่ที่ไทยหลังจากเสิชดูรีวิวแต่ละหมู่บ้านแล้ว เราเลือก Chatam Square ไป แต่พอไปถึงวันแรกสรุปว่าได้อยู่ Vista Way ไม่เคยมีอะไรได้ตามที่ request เล้ยยย 55555 แต่ความไม่แน่นอนนี่แหละ ที่จะพาเราไปเก็บประสบการณ์และความทรงจำที่มันอาจจะดีกว่าที่เป็นในตอนแรก เพราะงั้นเวลาอะไรไม่เป็นดั่งใจ ให้คิดไว้เสมอค่ะ ว่ามันต้องมีอะไรดีๆรออยู่แน่ๆ
เราได้อยู่กับรูมเมทที่เป็นคนไทยด้วยกันอีก 5 คน (เราสามารถจับกลุ่มแล้ว request ไปได้ว่าเราจะอยู่กับใครบ้าง แต่ถ้าใครเป็นคนง่ายๆ อยากให้มัน let it be ก็ไม่ต้องทำอะไรค่ะ เลือก random ไปเลย) ทั้งห้องมีเราเป็น LG คนเดียว พี่อีก 2 คนเป็น Merchandise ส่วนอีก 3 คนทำ Food วันแรกที่ไปถึงหลังจากเก็บของเสร็จก็ตรงดิ่งไป Walmart ซื้อของใช้ต่างๆ ของใช้ไม่เท่าไหร่ ของกินนี่สิ เสียหายไปเยอะมาก ของกินมันเยอะมากเหลือเกิน 5555555 ส่วนเรื่องซิมมือถือ เราใช้เครือข่าย T-Mobile เป็นแบบรายเดือน Internet ไม่จำกัด ราคา $25/เดือน อันนี้เราซื้อแบบแพคเกจ 4 คน แต่ถ้าซื้อซิมเดียวก็จะแพงกว่านี้ หาซื้อได้ที่ Florida Mall ค่ะ สำหรับการไป WAT ที่อื่นเราอาจจะต้องเดินทางไปทำงานเองโดย Public Transportation แต่สำหรับการทำงานที่ Disney เขาจะมีรถบัสของ Transtar ให้บริการ ซึ่งเราต้องโชว์ ID Card ทุกครั้งที่ขึ้น และบัตรนี้จะใช้ Clock in/out ตอนทำงาน รวมถึงใช้เป็นส่วนลดในการซื้อของ บัตรนี้พูดง่ายๆว่าถ้าหายไปคือร้องไห้ 55555 บัสจะมีหลายสายมาก ต้นสายจะอยู่ที่ Vista Way แต่ละสายจะวนไปจนครบป้ายแล้วก็มาจอดที่เดิม นอกเหนือจากที่ต่างๆในพื้นที่ของ Disney บัสก็จะมีไปถึง Walmart, Florida mall แต่!! Remark ไว้ตัวโตๆเลยค่ะว่าถ้าใครมีโอกาสไป ควรโหลดแอพ Transloc มาไว้ในโทรศัพท์ จะเป็นแอพที่ใช้ track ว่าบัสที่เราจะขึ้นมันอยู่ส่วนไหนของโลกแล้ว อีกกี่นาทีจะถึงป้ายเรา เพราะบัสมันชอบมาไม่ตรงเวลา พลาดไปแค่นาทีเดียวอาจหมายถึงคุณต้องรอคันต่อไปอีกครึ่งชั่วโมง เชื่อเรา เราอารมณ์เสียเพราะ Transtar บ่อยมากช่วงแรกๆ ด่ามันแทบทุกวัน 555555
ชีวิตความเป็นอยู่ของเราก็จะมีไปทำงาน ไปซื้อของที่ walmart/walgreen/dollar tree มาทำอาหารกิน เข้าฟิตเนสบ้าง (นานๆครั้งค่ะอันนี้ ไม่ใช่สายออกกำลังกาย 555555) ไปเอาคุ้กกี้ฟรีที่ bdlg. 21 เอาผ้าไปหยอดตู้ซัก นั่งบัสไปเดินเล่นใน theme park ไปเช่าวีดีโอจาก Vista way club มานอนดู แอบส่องฝรั่งเล่นบาสหน้าบ้าน (ห้องของเราเป็น apartment ที่หน้าตึกมีสนามบาสพอดี) คือชีวิตสุขสบายมากค่ะ ในหมู่บ้านจะมีแทบทุกอย่างที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต 555555
พูดถึงเรื่องงานบ้าง การเป็น LG ของเราเริ่มต้นจากการ Training ค่ะ บอกเลยว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่สาหัสที่สุดสำหรับเราแล้ว ช่วงแรกต้องตื่นแต่เช้า เทรนทั้งวัน ลงน้ำทั้งๆที่อากาศโคตรจะหนาว (ช่วงแรกที่ไปเพิ่งจะใกล้เข้า summer อากาศเลยยังเย็นๆอยู่ แต่หลังจากนั้นคือร้อนมาก และแดดเผาแรงกว่าไทยด้วยค่ะประเด็น) ต้องทดสอบสมรรถภาพ เทรนเรื่องการช่วยชีวิตเบื้องต้น บลาๆล้านแปด ทุกอย่างมันดูใหม่ไปหมด แต่เราก็ได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง พอเทรนเสร็จก็จะประกาศ Location ที่ทำงาน พวก Shallow LG(ไลฟ์การ์ดน้ำตื้น) จะได้ทำที่ Disney Resorts และมีบางส่วนได้ทำใน Water Parks อย่าง Typhoon lagoon หรือ Blizzard Beach ส่วน Deep LG(ไลฟ์การ์ดน้ำลึก) จะได้ทำที่ Water Parks ค่ะ เราได้ Shallow เรท $7.79/hour ทำงานที่ Port Orleans Resort เรื่องชุดทำงาน ถ้าได้เป็น Merchandise หรือ Food นี่จะฟินมาก บางคนได้แต่งชุดเจ้าหญิง คอสตูมน่ารักๆหลายแบบมาก ขึ้นอยู่กับแต่ละ Location แต่สำหรับมนุษย์ Lifeguard อย่างเราแล้ว ชุดจะมีอยู่แบบเดียวเท่านั้นค่ะ เสื้อขาวกางเกงแดง แต่ถือว่าบอสมิกกี้ก็ยังไม่ใจร้ายมากนะ ยังมีช้อยส์ให้เราเลือก ว่าจะใส่เสื้อแขนสั้น แขนยาว ขาสั้น ขายาว เสื้อกันหนาวแบบธรรมดา หรือผ้าไนล่อนกันฝน ...อืม รู้สึกหลากหลายขึ้นมาทันทีค่ะ (กัดฟันแปป)
ปล. ในรูปที่อุ้มอยู่ไม่ใช่ลูกเทพนะคะ เป็น Baby Bob ใช้ฝึกขั้นตอนการช่วยชีวิตเด็กค่ะ 5555555
ประสบการณ์ Work&Travel @ Walt Disney World
สวัสดีค่ะ ขอเกริ่นนิดนึงว่ากระทู้นี้ยาวมาก แต่เราแบ่งเป็นหัวข้อไว้แล้ว ใครสนใจประเด็นไหนก็เลื่อนข้ามๆสิ่งที่เราอาจจะเวิ่นไปก็ได้นะคะ อีกอย่างคือเราเขียนไม่ค่อยเก่ง ถ้ามีตรงไหนผิดพลาดต้องขอโทษไว้ล่วงหน้าเลยน้า ประสบการณ์ที่จะเอามาแชร์นี้เกิดขึ้นเมื่อ ปีก่อน(2014) อาจจะดูย้อนยาวไปหน่อย แต่เราเพิ่งมีเวลา บวกกับหลายคนก็บอกให้ลองมาแชร์ลงกระทู้ pantip ก็เลยเออตั้งก็ตั้ง 55555 เข้าเรื่องเลยแล้วกันเนอะ เราได้มีโอกาสไป Work & Travel (WAT) ที่ Walt Disney World เมือง Orlando, Florida, USA มาค่ะ ตอนแรกเราไม่รู้เลยว่า Disney เปิดโครงการนี้ด้วย จนเพื่อนมาชวนเราไปสัมภาษณ์ เราก็เลยศึกษาข้อมูลว่ามันเป็นยังไง สรุปคือ Disney จะเปิดรับนักศึกษาจากทั่วทุกมุมโลกให้เข้ามาทำงานที่ Walt Disney World ภายใต้โครงการ International College Program (ICP) [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ตอนแรกก็ยังเฉยๆ จนเพื่อนเราบอกว่าระหว่างที่เราทำงานที่นั่น เราก็จะได้เข้า Disney ฟรี ไม่ต้องเสียค่าเข้า พอรู้ Benefit ข้อนี้เราก็ตัดสินใจไปสอบสัมภาษณ์เลยค่ะ ไม่ลังเลอะไรทั้งสิ้น 55555555555555 ก่อนอื่นเราต้องสมัครผ่านตัวแทนที่ประเทศไทย (London house) ก่อน สมัครช่วงสิงหากันยา ลิ้งนี้เลยค่ะ http://www.londonhouse-cm.com/ ต่อมาจะมีสัมภาษณ์ 2 รอบ ถ้าผ่านคือได้ไปเลย ข้อดีของการไป work กับ disney คือเราจะไม่เสียค่าโครงการเหมือนที่อื่น แต่ข้อเสียคือเพราะการที่เราไม่เสียค่าโครงการมันอาจจะทำให้เราต้องวุ่นวายกับเรื่องเอกสารนิดนึง เพราะเราต้องเป็นคนเตรียมเองทั้งหมด แต่ไม่ต้องห่วงเพราะว่าทาง London house จะคอยช่วยเหลือเราเรื่องข้อมูลค่ะ เราจะข้ามเรื่องสัมภาษณ์กับช่วงเตรียมตัวไปเลยแล้วกันนะคะ ไม่งั้นร่ายสามวันอาจจะไม่จบ 55555
Role Jobs
พนักงานทุกคนที่ Disney จะถูกเรียกว่า Cast Member งานที่เด็กไทยสามารถทำได้ หลักๆจะมีอยู่ 3 งานค่ะ คือ Lifeguard, Merchandise (ขายของ), QSR หรือที่เรียกว่า Food (ขายอาหาร) ตอนนั้นเราสมัคร Merchandise ไป แต่สุดท้ายเราได้ทำ Lifeguard (เราขอพิมพ์สั้นๆว่า LG นะ) เพราะช่วงที่เราไปจะเป็น Summer ของที่นู่น แล้วเขาค่อนข้างต้องการ LG เยอะ ตอนสัมภาษณ์เขาถามว่าเราว่ายน้ำได้มั้ย เราก็แบบ นั่นไง เอาละ กรูต้องโดนจับเป็น LG แน่ๆ แต่ด้วยความที่กลัวจะไม่ได้ไป ก็เลยตอบว่าว่ายน้ำได้พร้อมหน้าตาสดใสยิ้มแฉ่ง 555555555 ปล.อันนี้แล้วแต่คนนะคะ เวลาจะตอบคำถามกรรมการต้องคิดดีๆว่าถ้าเราได้งานที่เราไม่ได้ request ไปแล้วเราจะโอเคมั้ย
Air Ticket
ส่วนมากคนที่ผ่านสัมภาษณ์แล้วก็จะบินพร้อมกับทางคณะ London house เลย คือแพลนนี้จะเหมาะสำหรับคนที่ขี้เกียจหาตั๋วเอง เน้นความสะดวกในการออกจากสนามบินที่ Orlando เข้า Disney แต่เราอยากบินเองและอยากได้ตั๋วถูกกว่าที่ทาง London house หาให้ ตอนนั้นเรามีพี่คนไทยที่เพิ่งรู้จักกันวัน Orientation แล้วตกลงว่าจะเที่ยวด้วยกัน พี่เค้าก็แนะนำเอเจนซี่ LAE มา พี่ทีมงานใจดีค่ะ คุยง่าย สรุปเราบินกับสายการบิน Delta แต่คนละวันกับคณะ London house เส้นทางการบินเป็นแบบนี้ค่ะ
ขาไป: BKK > Tokyo Narita(Transfer) > Los Angeles (LAX) : Stop over 9 ชั่วโมง > Orlando (MCO)
ขากลับ: Orlando (MCO) > New York (JFK) : Stop over 7 วัน > Tokyo Narita: Stop over 6 วัน > BKK
ตอนที่เราซื้อตั๋ว package นี้ราคา 53,500 บาท ซึ่งช่วงที่เราพักเครื่องที่ LA เราก็มีเวลาออกไปเดินเที่ยวแถว Hollywood ถึงแม้จะเหนื่อยเพลียจากการนั่งเครื่องยาวหลายสิบชั่วโมง แต่เพื่อความคุ้มเราต้องเก็บให้ครบค่ะ ไหนๆไปแล้ว 9 ชั่วโมงก็อย่าปล่อยให้เสียเปล่า 55555555
TIP: LA เที่ยวง่ายค่ะ ออกจากสนามบินให้ขึ้นบัส G green line จะเป็นบัสฟรี ที่พาไปส่งสถานี Metro หลังจากนั้นเสียค่า Metro $6 ขึ้นได้ทั้งวันค่ะ ถ้าจะไป Hollywood Walk of Fame ให้ลงสถานี Hollywood Highland
** สรุปแล้วเราเริ่มเดินทางออกจากกรุงเทพ March 16,2014 ไปถึง Orlando March 17,2014 และต้องพักในตัวเมือง Orlando คืนนึง เพราะตามกำหนดการเราต้องเข้าไป Disney วันที่ March 18, 2014 **
ชีวิตการเป็น ICP ( ขอแบ่งเป็น 2 parts นะคะ )
Part 1: Everyday life&Work
ต้องเกริ่นก่อนว่า Disney จะมีทั้งหมด 4 หมู่บ้านไว้ให้ ICP อยู่ ได้แก่ Vista Way, Chatam Square, Patternson Court และ The Common ที่พักจะเป็นอารมณ์ Apartment มีห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องน้ำ ครัว ห้องแต่งตัว ตึกหนึ่งหลังจำนวนห้อง,ขนาดและ housing rate จะไม่เท่ากัน แล้วแต่หมู่บ้าน ของเราเป็น Vista Way แบบ 3 ห้องนอน เรท $89/week ถูกสุดในบรรดาทุกหมู่บ้านเลย แต่สภาพห้องดีมากกกก (เงินค่าจ้างเราจะถูกโอนเข้าบัญชี citibank ที่ทาง disney สร้างบัญชีไว้ให้ ทุกๆวันพฤหัสบดีและค่าเช่า apartment จะถูกหักจากบัญชีเอง) ตอนอยู่ที่ไทยหลังจากเสิชดูรีวิวแต่ละหมู่บ้านแล้ว เราเลือก Chatam Square ไป แต่พอไปถึงวันแรกสรุปว่าได้อยู่ Vista Way ไม่เคยมีอะไรได้ตามที่ request เล้ยยย 55555 แต่ความไม่แน่นอนนี่แหละ ที่จะพาเราไปเก็บประสบการณ์และความทรงจำที่มันอาจจะดีกว่าที่เป็นในตอนแรก เพราะงั้นเวลาอะไรไม่เป็นดั่งใจ ให้คิดไว้เสมอค่ะ ว่ามันต้องมีอะไรดีๆรออยู่แน่ๆ
เราได้อยู่กับรูมเมทที่เป็นคนไทยด้วยกันอีก 5 คน (เราสามารถจับกลุ่มแล้ว request ไปได้ว่าเราจะอยู่กับใครบ้าง แต่ถ้าใครเป็นคนง่ายๆ อยากให้มัน let it be ก็ไม่ต้องทำอะไรค่ะ เลือก random ไปเลย) ทั้งห้องมีเราเป็น LG คนเดียว พี่อีก 2 คนเป็น Merchandise ส่วนอีก 3 คนทำ Food วันแรกที่ไปถึงหลังจากเก็บของเสร็จก็ตรงดิ่งไป Walmart ซื้อของใช้ต่างๆ ของใช้ไม่เท่าไหร่ ของกินนี่สิ เสียหายไปเยอะมาก ของกินมันเยอะมากเหลือเกิน 5555555 ส่วนเรื่องซิมมือถือ เราใช้เครือข่าย T-Mobile เป็นแบบรายเดือน Internet ไม่จำกัด ราคา $25/เดือน อันนี้เราซื้อแบบแพคเกจ 4 คน แต่ถ้าซื้อซิมเดียวก็จะแพงกว่านี้ หาซื้อได้ที่ Florida Mall ค่ะ สำหรับการไป WAT ที่อื่นเราอาจจะต้องเดินทางไปทำงานเองโดย Public Transportation แต่สำหรับการทำงานที่ Disney เขาจะมีรถบัสของ Transtar ให้บริการ ซึ่งเราต้องโชว์ ID Card ทุกครั้งที่ขึ้น และบัตรนี้จะใช้ Clock in/out ตอนทำงาน รวมถึงใช้เป็นส่วนลดในการซื้อของ บัตรนี้พูดง่ายๆว่าถ้าหายไปคือร้องไห้ 55555 บัสจะมีหลายสายมาก ต้นสายจะอยู่ที่ Vista Way แต่ละสายจะวนไปจนครบป้ายแล้วก็มาจอดที่เดิม นอกเหนือจากที่ต่างๆในพื้นที่ของ Disney บัสก็จะมีไปถึง Walmart, Florida mall แต่!! Remark ไว้ตัวโตๆเลยค่ะว่าถ้าใครมีโอกาสไป ควรโหลดแอพ Transloc มาไว้ในโทรศัพท์ จะเป็นแอพที่ใช้ track ว่าบัสที่เราจะขึ้นมันอยู่ส่วนไหนของโลกแล้ว อีกกี่นาทีจะถึงป้ายเรา เพราะบัสมันชอบมาไม่ตรงเวลา พลาดไปแค่นาทีเดียวอาจหมายถึงคุณต้องรอคันต่อไปอีกครึ่งชั่วโมง เชื่อเรา เราอารมณ์เสียเพราะ Transtar บ่อยมากช่วงแรกๆ ด่ามันแทบทุกวัน 555555
ชีวิตความเป็นอยู่ของเราก็จะมีไปทำงาน ไปซื้อของที่ walmart/walgreen/dollar tree มาทำอาหารกิน เข้าฟิตเนสบ้าง (นานๆครั้งค่ะอันนี้ ไม่ใช่สายออกกำลังกาย 555555) ไปเอาคุ้กกี้ฟรีที่ bdlg. 21 เอาผ้าไปหยอดตู้ซัก นั่งบัสไปเดินเล่นใน theme park ไปเช่าวีดีโอจาก Vista way club มานอนดู แอบส่องฝรั่งเล่นบาสหน้าบ้าน (ห้องของเราเป็น apartment ที่หน้าตึกมีสนามบาสพอดี) คือชีวิตสุขสบายมากค่ะ ในหมู่บ้านจะมีแทบทุกอย่างที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต 555555
พูดถึงเรื่องงานบ้าง การเป็น LG ของเราเริ่มต้นจากการ Training ค่ะ บอกเลยว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่สาหัสที่สุดสำหรับเราแล้ว ช่วงแรกต้องตื่นแต่เช้า เทรนทั้งวัน ลงน้ำทั้งๆที่อากาศโคตรจะหนาว (ช่วงแรกที่ไปเพิ่งจะใกล้เข้า summer อากาศเลยยังเย็นๆอยู่ แต่หลังจากนั้นคือร้อนมาก และแดดเผาแรงกว่าไทยด้วยค่ะประเด็น) ต้องทดสอบสมรรถภาพ เทรนเรื่องการช่วยชีวิตเบื้องต้น บลาๆล้านแปด ทุกอย่างมันดูใหม่ไปหมด แต่เราก็ได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง พอเทรนเสร็จก็จะประกาศ Location ที่ทำงาน พวก Shallow LG(ไลฟ์การ์ดน้ำตื้น) จะได้ทำที่ Disney Resorts และมีบางส่วนได้ทำใน Water Parks อย่าง Typhoon lagoon หรือ Blizzard Beach ส่วน Deep LG(ไลฟ์การ์ดน้ำลึก) จะได้ทำที่ Water Parks ค่ะ เราได้ Shallow เรท $7.79/hour ทำงานที่ Port Orleans Resort เรื่องชุดทำงาน ถ้าได้เป็น Merchandise หรือ Food นี่จะฟินมาก บางคนได้แต่งชุดเจ้าหญิง คอสตูมน่ารักๆหลายแบบมาก ขึ้นอยู่กับแต่ละ Location แต่สำหรับมนุษย์ Lifeguard อย่างเราแล้ว ชุดจะมีอยู่แบบเดียวเท่านั้นค่ะ เสื้อขาวกางเกงแดง แต่ถือว่าบอสมิกกี้ก็ยังไม่ใจร้ายมากนะ ยังมีช้อยส์ให้เราเลือก ว่าจะใส่เสื้อแขนสั้น แขนยาว ขาสั้น ขายาว เสื้อกันหนาวแบบธรรมดา หรือผ้าไนล่อนกันฝน ...อืม รู้สึกหลากหลายขึ้นมาทันทีค่ะ (กัดฟันแปป)
ปล. ในรูปที่อุ้มอยู่ไม่ใช่ลูกเทพนะคะ เป็น Baby Bob ใช้ฝึกขั้นตอนการช่วยชีวิตเด็กค่ะ 5555555