**รูปจาก google ครับ**
ผมยืมยูซเซอร์น้องมาใช้เขียนครับเพราะของผมเองยังไม่ได้ยืนยันตัวตนลงภาพไม่ได้
สวัสดีครับ นี่คือการเขียนรีวิวครั้งแรก จะพยายามเขียนไม่เยอะ เน้นรายละเอียดและอ่านง่ายนะ
ตั้งแต่สนใจจะไป Work and Travel ก็หาข้อมูลอยู่นานเจอหลาย agent และหลายที่ทำงานมาก ข้อมูลก็เยอะมาก หาไปหามา อาก็บอก ไม่ลองไปดิสนี่ดูหละ เออเว้ย ก็เลยลองหา Work and Travel ของดิสนี่ดู
จึงรู้ว่าของดิสนี่เขาเรียกว่า โครงการ Disney International College Program หรือ Disney Cutural Exchange
ก็เลยเริ่มสมัครเลยตั้งแต่จบปี 3 ผ่านสัมภาษณ์รอบแรก รอบสองผลออกมาได้ Waitlist ผมก็รอเมลล์เรื่อยๆจนสุดท้ายเขาส่งมาว่าขอโทษด้วย เนื่องจากตำแหน่งเต็มและมันไม่ว่างเลยจริงๆ
ผมก็เลยโอเคไม่เป็นไร ยังมีโอกาสอีกปี ตอนจบปี 4 มันต้องไปให้ได้โว้ย และสุดท้ายมันก็ได้ไป ..
ฉะนั้น วันนี้ผมจะมารีวิวประสบการณ์การไปทำงานที่ Walt Disney World ที่ Orlando ปี 2018
การสมัครนั้นก็สมัครได้ผ่านทาง agent เดียวนั่นคือ London House ครับ search ใน google ได้เลย
ช่วงเปิดรับสมัครถ้าจำไม่ผิดน่าจะช่วงปลาย ก.ค. หรือต้น ส.ค. นี่แหละ
การสัมภาษณ์จะแบ่งเป็น 2 รอบ รอบแรก สัมภาษณ์กับ ทีมงานหรือครูสอนภาษาอังกฤษ รอบสองสัมภาษณ์กับทีมงาน Recruiter ของ DISNEY โดยตรง
สำหรับคำถามรอบแรกผมจำไม่ค่อยได้แล้วแฮะ มันคำถามทั่วๆไปเกี่ยวกับสัมภาษณ์งานอะแหละมีคำถามสองคำถามที่ผมจำได้คือ ตอนว่างทำอะไร แล้วอะไรคือจุดแข็งจุดอ่อนของคุณ? ..
ส่วนรอบสองบรรยากาศการสัมภาษณ์มันสนุกกว่ารอบแรกเยอะ เท่าที่จำได้นะ ไม่ใช่จำอะ จดนี่แหละ สัมภาษณ์เสร็จผมนี่จดเลยครับ ก็เผื่อจะได้มาเขียนริวิวไง ..
มันก็ประมาณว่า
- ทำไมถึงอยากทำตำแหน่งนี้ ที่คุณเลือก
- ทำไมอยากร่วมโครงการนี้
- มีประสบการณ์ทำงานไหม เคยโวลันเทียไหม ..
- ทำ outdoorได้ไหม
- วางแผนหลังเรียนจบว่าไง
- มีรอยสักไหม
- ตำแหน่งรองที่อยากทำ
**ไม่รู้ว่า ของคนที่จะไปปี 2019 คำถามจะเปลี่ยนไปหรือเหมือนเดิมมากแค่ไหน
ลืมเล่าเรื่องผมอะสมัครกับเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่ง ผ่านรอบแรกเหมือนกัน แต่มันไม่ผ่านรอบสอง มันก็ทำให้ผมเซ็งนิดนึงนะ เพราะก็อยากให้เพื่อนไปด้วยกัน
แต่ช่างเถอะ เพราะคุณจะไปได้เพื่อนอีกเยอะที่โน้น แน่นอน ..
หลังจากสัมภาษณ์รอบสองเสร็จก็รอเมลมา เมลปฎิเสธจะมาก่อนมั้งถ้าจำไม่ผิด เมลยินดีจะมาทีหลัง ของผมมาช่วงเดือน 11
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากช่วงนี้ก็จะเป็นช่วงชำระค่าใช้จ่ายต่างๆและเตรียมเอกสารที่โคตรเยอะๆๆๆ ดูมันเหมือนซับซ้อนนะ แต่ทำไปตามขั้นตอนมันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร
เดี๋ยวค่าใช้จ่ายจะสรุปแบบประมาณคร่าวๆให้ภายหลังครับ
ช่วง 1 เดือนก่อนบินไปเราจะได้เมล เลือกหมู่บ้าน เลือก roommate ที่จะอยู่ด้วย
ดิสนี่จะมีที่พักให้ท่านอย่างแน่นอนโดยจะแบ่งเป็น 4 หมู่บ้าน อย่างกับ Harry Potter โดยแบ่งเป็น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
1. Vista way
2. The Commons
3. Chatam Square
4. Patterson Court
มันก็จะมีทั้ง อยู่ 3-8 คนในแต่ละห้อง ยิ่งคนเยอะมันก็จะถูก
Vista คือ หมู่บ้านที่ผมอยู่และมันคือหมู่บ้านที่เก่าที่สุดและปลีกวิเวกออกจาก 3หมู่ แต่ก็ไม่ได้ไกลกันมากนักหรอก และที่นี่เปรียบเสมือน bus hub บัสจะมาลงที่นี่ก่อนแทบทุกสาย
แต่ละหมู่บ้านจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆเช่น ห้องคอมพ์ ดูหนัง ยืมหนังสือ ยืมอุปกรณ์ทำความสะอาด มีเครื่องซักผ้า เครื่องปั่นผ้าแห้งอยู่ใต้ตึก มีตู้นำ สระว่ายน้ำ สนามบาส บลา ๆๆ
บางหมู่บ้านก็ไม่ได้มีทุกอย่างแบบที่กล่าวข้างต้นเช่น Vista way ไม่มีสนามเทนนิส แต่น่าจะมีที่ Chatam Square
สถานที่ใกล้เคียง Vista Way จะมี Chick fil-A, Walgreen, Wendy's ส่วนอีก 3 หมู่บ้านจะมี Premium Outlet มีของแบรนด์ดังๆเยอะมากๆ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก 3 หมู่บ้านมากนัก เดินไปได้
มีรถบัสพาไป Walmart ใช้เวลาไป-กลับเที่ยวละเกือบครึ่ง ชม.
มีรถบัสไป Cast Connection ร้านขายของโล๊ะสต็อกของดิสนี่ ซึ่งราคาค่อนข้างถูกถึงถูกมาก ไปโดยรถบัสสาย K ที่จำได้เพราะมันคือบัสไปที่ทำงานผมเอง
ตอนเลือกรูมเมทเราเลือกชื่อเพื่อนที่จะอยู่ด้วยกันได้ ส่วนผมนั้นไปแบบ adventurous ไปลุ้นเมทเอาเอง และโชคดีที่ได้รูมเมทดีซึ่งเป็นอเมริกัน 3 ตุรกี 1 เปอโตริโก้ 1
สิ่งสำคัญคือเพื่อนเมกามักจะมีรถ ไปตีสนิทกับมันเลยครับ ..
เราจะต้องจัดการตารางและบินไปเช็คอินให้ทันตามเวลาที่เขากำหนด ถ้าล่าช้าต้องแจ้งก่อน(อันนี้รูมเมทผมเจอมาเพราะมันตกเครื่อง)
ดิสนี่จะมีสิ่งที่เรียกว่า Disney Look ซึ่ง Look เขาเราจะต้องเป็นไปตามที่เขากำหนด ทรงผม เสื้อผ้า รองเท้า เป็นต้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากเช็คอิน และก็จะไปถ่ายรูปเพื่อติดบัตรเข้าบ้าน เราจะต้องใช้บัตรนี้แสดงต่อยามทุกครั้งเมื่อเข้าหมู่บ้าน และขึ้นบัส
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
วันถัดๆมาก็ไปเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆตามตารางที่ดิสนี่ส่งเมลมาให้ คร่าวๆประมาณนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ในวัน Tradition ที่ Disney University เราจะได้ Name tag ส่วนบัตรเข้าสวนสนุกเขาจะส่งเมลให้เราไปเอาที่หมู่บ้านไหนสักหมู่บ้าน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราสามารถเข้าสวนสนุกดิสนี่ได้ทุกอย่างและไม่จำกัด ขอแค่มีเวลาว่างและไป ..
บัตรทำงานจะมีหน้าตาแบบนี้ ผมจำไม่ได้ละว่าได้ตอนไหน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ดิสนี่จะมีบัตรกดเงินให้ด้วย โดยเขาจะส่งเมลมาให้เราไปเอา ทุกๆวันพฤหัสเขาจะโอนเงินเข้าบัตรให้เรา
ในตารางจะมีกำหนดการไปทำ Social Security Card ช่วงแรกๆของการทำงาน โดยจะมีบัสพาไป
สวนสนุกแจะแบ่งเป็น 4 theme parks/ 2 water parks
1. Magic Kingdom
2. Hollywood Studios
3. Animal Kingdom
4. Epcot
5. Blizzard Beach
6. Typhoon Lagoon
-->> แบ่งเนื้อหาครึ่งหลังไปคอมเมนท์ที่ 1 นะครับ
เมื่อผมไปเป็นไลฟ์การ์ดที่ WALT DISNEY WORLD 2018
ผมยืมยูซเซอร์น้องมาใช้เขียนครับเพราะของผมเองยังไม่ได้ยืนยันตัวตนลงภาพไม่ได้
สวัสดีครับ นี่คือการเขียนรีวิวครั้งแรก จะพยายามเขียนไม่เยอะ เน้นรายละเอียดและอ่านง่ายนะ
ตั้งแต่สนใจจะไป Work and Travel ก็หาข้อมูลอยู่นานเจอหลาย agent และหลายที่ทำงานมาก ข้อมูลก็เยอะมาก หาไปหามา อาก็บอก ไม่ลองไปดิสนี่ดูหละ เออเว้ย ก็เลยลองหา Work and Travel ของดิสนี่ดู
จึงรู้ว่าของดิสนี่เขาเรียกว่า โครงการ Disney International College Program หรือ Disney Cutural Exchange
ก็เลยเริ่มสมัครเลยตั้งแต่จบปี 3 ผ่านสัมภาษณ์รอบแรก รอบสองผลออกมาได้ Waitlist ผมก็รอเมลล์เรื่อยๆจนสุดท้ายเขาส่งมาว่าขอโทษด้วย เนื่องจากตำแหน่งเต็มและมันไม่ว่างเลยจริงๆ
ผมก็เลยโอเคไม่เป็นไร ยังมีโอกาสอีกปี ตอนจบปี 4 มันต้องไปให้ได้โว้ย และสุดท้ายมันก็ได้ไป ..
ฉะนั้น วันนี้ผมจะมารีวิวประสบการณ์การไปทำงานที่ Walt Disney World ที่ Orlando ปี 2018
การสมัครนั้นก็สมัครได้ผ่านทาง agent เดียวนั่นคือ London House ครับ search ใน google ได้เลย
ช่วงเปิดรับสมัครถ้าจำไม่ผิดน่าจะช่วงปลาย ก.ค. หรือต้น ส.ค. นี่แหละ
การสัมภาษณ์จะแบ่งเป็น 2 รอบ รอบแรก สัมภาษณ์กับ ทีมงานหรือครูสอนภาษาอังกฤษ รอบสองสัมภาษณ์กับทีมงาน Recruiter ของ DISNEY โดยตรง
สำหรับคำถามรอบแรกผมจำไม่ค่อยได้แล้วแฮะ มันคำถามทั่วๆไปเกี่ยวกับสัมภาษณ์งานอะแหละมีคำถามสองคำถามที่ผมจำได้คือ ตอนว่างทำอะไร แล้วอะไรคือจุดแข็งจุดอ่อนของคุณ? ..
ส่วนรอบสองบรรยากาศการสัมภาษณ์มันสนุกกว่ารอบแรกเยอะ เท่าที่จำได้นะ ไม่ใช่จำอะ จดนี่แหละ สัมภาษณ์เสร็จผมนี่จดเลยครับ ก็เผื่อจะได้มาเขียนริวิวไง ..
มันก็ประมาณว่า
- ทำไมถึงอยากทำตำแหน่งนี้ ที่คุณเลือก
- ทำไมอยากร่วมโครงการนี้
- มีประสบการณ์ทำงานไหม เคยโวลันเทียไหม ..
- ทำ outdoorได้ไหม
- วางแผนหลังเรียนจบว่าไง
- มีรอยสักไหม
- ตำแหน่งรองที่อยากทำ
**ไม่รู้ว่า ของคนที่จะไปปี 2019 คำถามจะเปลี่ยนไปหรือเหมือนเดิมมากแค่ไหน
ลืมเล่าเรื่องผมอะสมัครกับเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่ง ผ่านรอบแรกเหมือนกัน แต่มันไม่ผ่านรอบสอง มันก็ทำให้ผมเซ็งนิดนึงนะ เพราะก็อยากให้เพื่อนไปด้วยกัน
แต่ช่างเถอะ เพราะคุณจะไปได้เพื่อนอีกเยอะที่โน้น แน่นอน ..
หลังจากสัมภาษณ์รอบสองเสร็จก็รอเมลมา เมลปฎิเสธจะมาก่อนมั้งถ้าจำไม่ผิด เมลยินดีจะมาทีหลัง ของผมมาช่วงเดือน 11
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากช่วงนี้ก็จะเป็นช่วงชำระค่าใช้จ่ายต่างๆและเตรียมเอกสารที่โคตรเยอะๆๆๆ ดูมันเหมือนซับซ้อนนะ แต่ทำไปตามขั้นตอนมันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร
เดี๋ยวค่าใช้จ่ายจะสรุปแบบประมาณคร่าวๆให้ภายหลังครับ
ช่วง 1 เดือนก่อนบินไปเราจะได้เมล เลือกหมู่บ้าน เลือก roommate ที่จะอยู่ด้วย
ดิสนี่จะมีที่พักให้ท่านอย่างแน่นอนโดยจะแบ่งเป็น 4 หมู่บ้าน อย่างกับ Harry Potter โดยแบ่งเป็น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
1. Vista way
2. The Commons
3. Chatam Square
4. Patterson Court
มันก็จะมีทั้ง อยู่ 3-8 คนในแต่ละห้อง ยิ่งคนเยอะมันก็จะถูก
Vista คือ หมู่บ้านที่ผมอยู่และมันคือหมู่บ้านที่เก่าที่สุดและปลีกวิเวกออกจาก 3หมู่ แต่ก็ไม่ได้ไกลกันมากนักหรอก และที่นี่เปรียบเสมือน bus hub บัสจะมาลงที่นี่ก่อนแทบทุกสาย
แต่ละหมู่บ้านจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆเช่น ห้องคอมพ์ ดูหนัง ยืมหนังสือ ยืมอุปกรณ์ทำความสะอาด มีเครื่องซักผ้า เครื่องปั่นผ้าแห้งอยู่ใต้ตึก มีตู้นำ สระว่ายน้ำ สนามบาส บลา ๆๆ
บางหมู่บ้านก็ไม่ได้มีทุกอย่างแบบที่กล่าวข้างต้นเช่น Vista way ไม่มีสนามเทนนิส แต่น่าจะมีที่ Chatam Square
สถานที่ใกล้เคียง Vista Way จะมี Chick fil-A, Walgreen, Wendy's ส่วนอีก 3 หมู่บ้านจะมี Premium Outlet มีของแบรนด์ดังๆเยอะมากๆ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก 3 หมู่บ้านมากนัก เดินไปได้
มีรถบัสพาไป Walmart ใช้เวลาไป-กลับเที่ยวละเกือบครึ่ง ชม.
มีรถบัสไป Cast Connection ร้านขายของโล๊ะสต็อกของดิสนี่ ซึ่งราคาค่อนข้างถูกถึงถูกมาก ไปโดยรถบัสสาย K ที่จำได้เพราะมันคือบัสไปที่ทำงานผมเอง
ตอนเลือกรูมเมทเราเลือกชื่อเพื่อนที่จะอยู่ด้วยกันได้ ส่วนผมนั้นไปแบบ adventurous ไปลุ้นเมทเอาเอง และโชคดีที่ได้รูมเมทดีซึ่งเป็นอเมริกัน 3 ตุรกี 1 เปอโตริโก้ 1
สิ่งสำคัญคือเพื่อนเมกามักจะมีรถ ไปตีสนิทกับมันเลยครับ ..
เราจะต้องจัดการตารางและบินไปเช็คอินให้ทันตามเวลาที่เขากำหนด ถ้าล่าช้าต้องแจ้งก่อน(อันนี้รูมเมทผมเจอมาเพราะมันตกเครื่อง)
ดิสนี่จะมีสิ่งที่เรียกว่า Disney Look ซึ่ง Look เขาเราจะต้องเป็นไปตามที่เขากำหนด ทรงผม เสื้อผ้า รองเท้า เป็นต้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากเช็คอิน และก็จะไปถ่ายรูปเพื่อติดบัตรเข้าบ้าน เราจะต้องใช้บัตรนี้แสดงต่อยามทุกครั้งเมื่อเข้าหมู่บ้าน และขึ้นบัส
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
วันถัดๆมาก็ไปเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆตามตารางที่ดิสนี่ส่งเมลมาให้ คร่าวๆประมาณนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ในวัน Tradition ที่ Disney University เราจะได้ Name tag ส่วนบัตรเข้าสวนสนุกเขาจะส่งเมลให้เราไปเอาที่หมู่บ้านไหนสักหมู่บ้าน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราสามารถเข้าสวนสนุกดิสนี่ได้ทุกอย่างและไม่จำกัด ขอแค่มีเวลาว่างและไป ..
บัตรทำงานจะมีหน้าตาแบบนี้ ผมจำไม่ได้ละว่าได้ตอนไหน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ดิสนี่จะมีบัตรกดเงินให้ด้วย โดยเขาจะส่งเมลมาให้เราไปเอา ทุกๆวันพฤหัสเขาจะโอนเงินเข้าบัตรให้เรา
ในตารางจะมีกำหนดการไปทำ Social Security Card ช่วงแรกๆของการทำงาน โดยจะมีบัสพาไป
สวนสนุกแจะแบ่งเป็น 4 theme parks/ 2 water parks
1. Magic Kingdom
2. Hollywood Studios
3. Animal Kingdom
4. Epcot
5. Blizzard Beach
6. Typhoon Lagoon
-->> แบ่งเนื้อหาครึ่งหลังไปคอมเมนท์ที่ 1 นะครับ