พระอาจารย์ลี ธัมมธโร
วัดอโศการาม
อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
...
เมื่อพระพุทธเจ้าได้ทรงทราบความเป็นไปของ “ปูติกภิกษุ” ดังนี้แล้ว
ก็ทรงพระมหากรุณารีบเสด็จไปยังที่ซึ่งปูติกภิกษุอาศัยอยู่
และได้ทรงซักผ้าซึ่งห่อหุ้มพันกายอันเปื้อนเปรอะสกปรกอยู่นั้น
โดยมิได้ทรงรังเกียจเลย พระองค์ทรงมีพระเมตตา
กระทำการรักษาพยาบาลแก่ปูติกภิกษุนั้นเหมือนลูกในไส้ของพระองค์เอง
และก็ทรงปรารถนาที่จะให้พระเณรทั้งหลายได้พิจารณา
เห็นความจริงใน
“อสุภกัมมัฏฐาน” ด้วยจึงทรงกล่าวว่า
“ความเปื้อนเปรอะเหล่านี้เราไม่รังเกียจ
เพราะเป็นเหตุที่เกิดขึ้นโดยธรรมดาของร่างกาย
แต่ความเปื้อนเปรอะสกปรกเพราะบุคคลกระทำชั่วแล้ว
นั่นจึงเป็นสิ่งที่เราตถาคตย่อมรังเกียจ”
ดังนั้นอุบาสก อุบาสิกาทั้งหลายก็ควรจะพากันสนใจ
เพ่งภาวนาใน
“อสุภกัมมัฏฐาน”เพื่อให้เห็นความไม่สะอาด
และสิ่งปฏิกูลต่างๆในร่างกายของตนเอง
อันจะยังความสลดสังเวชเบื่อหน่ายให้มีขึ้นอย่างหนึ่ง
อย่างที่ ๒ ก็เพื่อให้เห็นโทษเห็นกรรมของตนต่างๆที่ได้กระทำมาแล้ว
ก็จะได้เกิดความเกรงกลัวในบาปนั้นๆและไม่กล้าทำชั่วอีกต่อไป
เหตุนั้นพระพุทธเจ้าจึงได้ทรงบัญญัติไว้ว่า
“ถ้าใครต้องการจะอาบน้ำ ป้อนข้าวแก่เราตถาคตแล้ว
เมื่อเห็นภิกษุองค์ใดอาพาธอยู่ก็จงให้เขาไปปฏิบัติรักษาพยาบาลเถิด
อานิสงส์นี้จะมีมากยิ่งกว่าได้ใส่บาตรตถาคตเสียอีก”
นี่แสดงให้เห็นว่า
พระพุทธเจ้ามิได้ทรงรังเกียจ
ในความเปื้อนเปรอะโสมมของร่างกายซึ่งเป็นไปโดยธรรมดา
ซ้ำยังได้ทรงรับสั่งตักเตือนพระภิกษุสามเณรทั้งหลาย
ให้คอยช่วยกันดูแลภิกษุผู้อาพาธนั้นอีกด้วย
เรื่อง
"ปูติกภิกษุ" ผู้ได้เคยเป็นนายพรานกระทำการฆ่า
และทรมานสัตว์มาแต่อดีตชาตินั้นก็ได้รับผลกรรมตามสนอง
ให้ร่างกายต้องได้รับทุกข์ทรมานต่างๆเพราะเหตุแห่งการกระทำชั่ว
จึงมีการวิบัติไปด้วยประการฉะนี้
...
คัดลอกจาก
หนังสือแนวทางปฏิบัติ วิปัสสนา-กัมมัฏฐาน เล่ม ๒.
พระอาจารย์ลี ธัมมธโร. มกราคม,๒๕๕๓. หน้า ๑๑๕- ๑๑๗.
"ปูติกภิกษุ" ภิกษุผู้อาพาธ : ท่านพ่อลี ธัมมธโร
พระอาจารย์ลี ธัมมธโร
วัดอโศการาม
อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
...
เมื่อพระพุทธเจ้าได้ทรงทราบความเป็นไปของ “ปูติกภิกษุ” ดังนี้แล้ว
ก็ทรงพระมหากรุณารีบเสด็จไปยังที่ซึ่งปูติกภิกษุอาศัยอยู่
และได้ทรงซักผ้าซึ่งห่อหุ้มพันกายอันเปื้อนเปรอะสกปรกอยู่นั้น
โดยมิได้ทรงรังเกียจเลย พระองค์ทรงมีพระเมตตา
กระทำการรักษาพยาบาลแก่ปูติกภิกษุนั้นเหมือนลูกในไส้ของพระองค์เอง
และก็ทรงปรารถนาที่จะให้พระเณรทั้งหลายได้พิจารณา
เห็นความจริงใน “อสุภกัมมัฏฐาน” ด้วยจึงทรงกล่าวว่า
“ความเปื้อนเปรอะเหล่านี้เราไม่รังเกียจ
เพราะเป็นเหตุที่เกิดขึ้นโดยธรรมดาของร่างกาย
แต่ความเปื้อนเปรอะสกปรกเพราะบุคคลกระทำชั่วแล้ว
นั่นจึงเป็นสิ่งที่เราตถาคตย่อมรังเกียจ”
ดังนั้นอุบาสก อุบาสิกาทั้งหลายก็ควรจะพากันสนใจ
เพ่งภาวนาใน “อสุภกัมมัฏฐาน”เพื่อให้เห็นความไม่สะอาด
และสิ่งปฏิกูลต่างๆในร่างกายของตนเอง
อันจะยังความสลดสังเวชเบื่อหน่ายให้มีขึ้นอย่างหนึ่ง
อย่างที่ ๒ ก็เพื่อให้เห็นโทษเห็นกรรมของตนต่างๆที่ได้กระทำมาแล้ว
ก็จะได้เกิดความเกรงกลัวในบาปนั้นๆและไม่กล้าทำชั่วอีกต่อไป
เหตุนั้นพระพุทธเจ้าจึงได้ทรงบัญญัติไว้ว่า
“ถ้าใครต้องการจะอาบน้ำ ป้อนข้าวแก่เราตถาคตแล้ว
เมื่อเห็นภิกษุองค์ใดอาพาธอยู่ก็จงให้เขาไปปฏิบัติรักษาพยาบาลเถิด
อานิสงส์นี้จะมีมากยิ่งกว่าได้ใส่บาตรตถาคตเสียอีก”
นี่แสดงให้เห็นว่า พระพุทธเจ้ามิได้ทรงรังเกียจ
ในความเปื้อนเปรอะโสมมของร่างกายซึ่งเป็นไปโดยธรรมดา
ซ้ำยังได้ทรงรับสั่งตักเตือนพระภิกษุสามเณรทั้งหลาย
ให้คอยช่วยกันดูแลภิกษุผู้อาพาธนั้นอีกด้วย
เรื่อง "ปูติกภิกษุ" ผู้ได้เคยเป็นนายพรานกระทำการฆ่า
และทรมานสัตว์มาแต่อดีตชาตินั้นก็ได้รับผลกรรมตามสนอง
ให้ร่างกายต้องได้รับทุกข์ทรมานต่างๆเพราะเหตุแห่งการกระทำชั่ว
จึงมีการวิบัติไปด้วยประการฉะนี้
...
คัดลอกจาก
หนังสือแนวทางปฏิบัติ วิปัสสนา-กัมมัฏฐาน เล่ม ๒.
พระอาจารย์ลี ธัมมธโร. มกราคม,๒๕๕๓. หน้า ๑๑๕- ๑๑๗.