เรื่องโม้จากชายมืด ตอน รางวัลปริศนา

กระทู้สนทนา
รางวัลปริศนา

    
      เมื่อครั้งที่ผมเป็นวัยรุ่น อายุ 15 ปี วัยนั้นเป็นช่วงที่ผมโตพอที่จะทำงานพิเศษ เพื่อหาเงินมาซื้อของเล่น ผมจึงไปปรึกษากับพ่อ

ให้ช่วยหางานพิเศษให้ทำ  พ่อผมจึงเเนะนำให้ผมไปทำงานจัดสวนไม้ประดับที่บ้านคนรู้จักของพ่อ

บ้านหลังนั้นอยู่ไม่ไกลจากอุทยานแห่งชาติเอราวัณนัก เมื่อนัดหมายเสร็จเเล้วผมก็เตรียมตัวเตรียมใจจะไปทำงาน

      เช้าวันเสาร์ ปรากฏว่าผมตื่นสาย จึงรีบออกเดินทางจากบ้านเพื่อให้ทันเวลา 8 โมง โดยไม่ได้กินอาหารเช้า

เมื่อผมไปถึง ก็ได้พบกับนายจ้างเเสนสวย ผมอึกอักกล่าวสวัสดีทักทายกันตามมารยาท  นายจ้างเเสนสวยก็ได้ชี้เเนะงานให้ผมทำ

ได้แก่ ขุดหลุมปลูกต้นจันผา 100 ต้น  ล้อมต้นสารภี 5  ต้น นายจ้างเเสนสวยบอกให้ผมทำงานสองวันเต็มโดยให้เงินผมไว้ 500 บาท  

โดยที่ 400 บาทคือค่าเเรง 100 บาทคือค่าอาหารกลางวัน สาเหตุทีต้องจ่ายเงินค่าเเรงก่อนเนื่องจากนายจ้างเเสนสวยจะไม่อยู่

กลัวจะกลับมาไม่ทันตอนเย็นวันอาทิตย์

     ผมรู้สึกไม่พอใจกับเงินจำนวนนี้นัก เนื่องจากพ่อไม่ได้บอกว่า นายจ้างที่ตอนนั้นไม่รู้ว่าเเสนสวยจะให้ค่าเเรงเท่าไหร่

จำนวนที่ผมต้องการคือ เพียงพอต่อการซื้อของเล่นซึ่งมีราคา 500 บาท เมื่อนายจ้างที่เริ่มจะไม่สวยในสายตาผมเดินทางออกไปแล้ว

ผมจึงเริ่มลงมือทำ  หลังจากที่ผมได้เริ่มทำงานไปได้ราวชั่วโมงเศษ ผมรู้สึกหิวมาก จนหน้ามืด เริ่มรู้สึกหงุดหงิดต่อสภาพเเวดล้อม

เเดดร้อนก็ด่าเเดด ขุดดินไม่เข้าเพราะดินเเข็งก็ด่าดิน เริ่มใช้เเรงลงเสียมหนักขึ้น เเต่ในขณะที่ผมยิ่งใช้กำลังไปอย่างสิ้นเปลืองนั้น

มันก็ยิ่งทำให้ผมหิวหนักขึ้นไปอีก เสียมก็เริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ แต่ผมก็ต้องอดทนให้ได้ หากว่าวันนี้อดทนไม่ใช้เงินค่าอาหาร

จะรักษาเงิน 500 บาท ไว้ได้  เเล้วพรุ่งนี้จะทำข้าวกล่องมากินมื้อกลางวัน   นั่นคือหนทางที่ทำให้เกิดความคุ้มค่าต่อตัวเองมากที่สุด

     ผมประคับประคองความคิดอุบาทว์ของตัวเอง ทำงานเฉื่อยชาอย่างตัวสลอทไปจนถึงบ่ายโมง เเดดร้อนเหลือหลาย

ผมเริ่มรู้สึกหิวน้ำ จึงเห็นควรว่าจะต้องนั่งพักเสียบ้าง  จึงไปนั่งหลบเเดดดื่มน้ำใต้ต้นประดู่   ระหว่างที่ผมกำลังดื่มน้ำ ผมเเทบสำลักน้ำ  

เมื่อตาเหลือบไปมองดูผลงานตัวเอง

นี่ทำงานไปตั้ง 5 ชั่วโมง ผมพึ่งปลูกจันผาไปได้ 5 แถว รวมได้ 25 ต้น ทั้ง ๆ ที่หลุมที่ต้องขุดก็ไม่ได้ใหญ่อะไรเลย

หากยังเป็นอย่างนี้ต่อไป มีหวังโดนนายจ้างที่เริ่มจะไม่สวยในสายตาผมประนามเเน่ แล้วใครจะไว้ใจจ้างเด็กมาทำงานอีก  

นี่ไม่ใช่เรื่องที่ผมเดือดร้อนเเค่คนเดียว เเต่หากมีการพูดปากต่อปากไป ผมอาจทำเสียภาพลักษณ์เด็กทำงานพิเศษทั้งโลก  

ถึงผมจะไม่ฉลาดนักแต่ผมก็ไม่ได้โง่ดักดาน ขนาดประเมินผลลัพพ์ในอนาคตไม่ออก

      เมื่อคิดได้ดังนั้น ผมจึงรีบเดินเร่งไปร้านขายอาหารตามสั่ง ด้วยเชื้อเพลิงขับเคลื่อน ความหิวเปอร์อ็อกไซด์ 99% W/W

หลังจากกินอิ่มหนำสำราญเเล้ว ผมก็ซัด M 150 ไปอีกสองขวด เพื่อลั่นสัจจะกับตัวเองว่า หากพิชิตปราการยึดดินแดนจันผา

ให้จบภายในวันนี้ไม่ได้ ก็จะขอตายมันกลางแปลงเยี่ยงทหารกล้า   ผมได้ตัดสินใจที่จะดับเครื่องชนเเบบล้ำ ๆ ไปเลย

     เพราะกินอิ่มบวกกับเอ็มดีด ผมจึงได้ทำงานอย่างมีศักยภาพทางกล้ามเนื้อเเละสมองเต็มร้อย

ระหว่างที่ขุดดินไปเเรงสะท้อนจากดินเเข็ง ก็ส่งสะเทือนมาตอกย้ำใจผมเป็นครั้งคราว ว่าผมใช้เงินไป 50 บาท เเล้ว

ผมก็แกล้งทำไม่ได้ยินเสียงจากปีศาจร้ายในใจ ก้มหน้าทำงานต่อไป เพราะหากไปตอบรับมัน มันก็จะรู้ว่าเราได้ยินที่มันพูด

ทีนี้แหละ มันจะราวีเป่าหูเราไม่เลิก

ผมตั้งใจทำงานมากจนไม่รู้สึกตัวว่าควรประเมินความคุ้มของเเรงงานด้วยการมองนาฬิกา  

ไม่รู้ว่าผ่านมากี่ชั่วโมง ในที่สุดผมก็จัดการกับจันผาต้นสุดท้ายได้สำเร็จ

ชัยชนะนั้นได้เกิดขึ้นเมื่อสุริยนย่ำยามสนธยา

ผมมองดูทิวเเถวข้าศึกที่ถูกจัดการด้วยความภาคภูมิใจ  นี่สินะที่เขาเรียกว่าความสวยงามของชัยชนะ   แต่ผมจะมัวตายใจไม่ได้

เพราะยังเหลือสารภีให้จัดการอีก ผมจึงรีบเดินทางกลับบ้าน

    พอกลับถึงบ้านด้วยความที่ผมใช้เเรงมากไป ผมรู้สึกว่าเริ่มง่วงตั้งเเต่สองทุ่ม เเต่จะให้นอนสองทุ่มเนี่ยนะ ไม่ได้หรอก

ต้องเล่นเกมส์ซักนิดไม่งั้นจิตมันจะไม่เเจ่มใส พอผมคลิ๊กที่ไอคอนเกม  หน้านายจ้างที่เริ่มจะไม่สวยในสายตาผม ก็ผุดขึ้นมาย้ำเตือนให้ผมควร

รีบนอนพักผ่อนเพื่อจะได้เซฟเเรงไว้ทำงานให้ดีในวันพรุ่งนี้  ผมไม่รู้ใจตัวเองว่าหรือจริง ๆ เเล้ว ผมอยากให้เธอชื่นชมผม

เพื่อผมจะได้มองเธอเป็นนายจ้างเเสนสวยอีกครั้ง หรือเปล่า

     ผมคิดไปถึงไหนต่อไหน จนความคิดขาดช่วงเพราะผล็อยหลับ  รู้สึกตัวอีกที่ก็ไก่โห่ โห่ โห่ ตื่นสายอีกเเล้วนะเอ็ง

และวันนี้ผมก็ต้องออกจากบ้านโดยที่ไม่ได้กินอาหารเช้าอีกเเล้ว เเต่วันนี้ผมวางแผนใหม่ เมื่อไปถึงที่ทำงานผมก็ออกไปกินข้าวก่อนเลย

หากปล่อยให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยผมคงเป็นได้เเค่เหง้าบัว

     ผมก็ได้จัดการกับต้นสารภี เรียงหน้าไปที่ละต้น การขุดสารภีไม่ยากเท่าไหร่ เพราะต้นมันยังเล็ก

เส้นผ่ากล่องดวงใจเเค่ 5 เซนติเมตร เท่านั้นเอง ผมทำงานไปเรื่อย เที่ยงก็พักไปกินข้าว เเม้มื้อเที่ยงจะกินไปสะอื้นไป เพราะผมนึกได้ว่า

ตั้งเเต่เมื่อวานจนวันนี้ ใช้เงินไปแล้ว 110 บาท  เเต่ด้วยอาหารนั้น มันอร่อยจริง ๆ เมื่อได้กินตอนที่ใช้เเรงมาก ๆ มันก็พอบรรเทาแผลใจไปได้

ผมกินเสร็จ ก็ไม่ได้พักเบรก ลงมือทำงานต่อเลย  ผมทำงานไปจนสำเร็จเควส กำราบสารภี

เเต่ตอนนั้นมันพึ่งบ่ายสองเอง ยังเหลือเวลาอีก 3 ชั่วโมง เเน่ะ เอ๊ะเอาไงดีนะ หรือจะไปน้ำตกเอราวัณดี

ผมเองก็สับสนในใจ ไหน ๆ ก็ปิดงานเเล้ว น้ำตกเอราวัณก็ย่อมมีสาวงาม เวลาพวกเธอลงเล่นน้ำ เสื้อจะเปียกน้ำจนเกาะรัดกับสัดส่วน

นั่นสำหรับสาวไทย เเต่ถ้าเป็นชาวต่างชาติ อาจจะได้เห็นชุดว่ายน้ำเต็ม ๆ ตา มันคงจะเพลิดเพลินไม่น้อยเลยทีเดียว  

เเต่ภาพในจินตนาการผมต้องแตกสลาย เมื่อผมนึกถึงเงื่อนไขของนายจ้างที่เริ่มจะไม่สวยในสายตาผมได้บอกไว้

นั่นคือให้ผมทำงานสองวันเต็ม น้ำตกกับเหล่าธิดาสวรรค์อยู่ห่างเเค่เอื้อมมือ เเต่เเท้จริงเเล้วมันคือเเสนไกล

ยิ่งผมรู้ตัวว่ากำลังทำผิด ยิ่งไม่มีสิทธิ์จะออกไป ผมต้องข่มใจหางานทำต่อไป เเต่ก็ไม่รู้จะทำอะไรดี

ขืนไปทำส่งเดชเเลจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดี ระหว่างมองหางานก็เห็นว่า ทางเดินชมสวนรอบบ้านไปจนจรดรั้วบ้านที่ปูด้วยแผ่นหิน

มันมีใบไม้หล่นลงมาหนา น่าจะกวาดใบไม้ซะหน่อย ผมจึงจัดการกวาดเก็บใบไม้นั่น  ผมก็ไม่ได้คิดซีเรียสอะไร ทำเรื่อย ๆ

เพราะนายจ้างที่เริ่มจะไม่สวยในสายตาผมได้จ้างมาให้ทำงานรายวัน ไม่ใช่งานเหมา

    เวลาถูกผมฆ่าทิ้งไปจนครบตามจำนวน ผมก็เตรียมตัวจะกลับบ้าน เเต่ปรากฎว่านายจ้างที่เริ่มจะไม่สวยในสายตาผม

ก็ได้ขับรถกลับเข้ามาพอดี ผมเจอเธอก็กล่าวสวัสดีตามมารยาทเช่นเคย เเต่คราวนี้ไม่มีอึกอัก

เพราะเธอคือนายจ้างที่เริ่มไม่สวยในสายตาผม  นายจ้างที่เริ่มไม่สวยในสายตาผมก็ได้เดินไปตรวจงานที่ผมทำ เธอก็ไม่ได้มีท่าทีชื่นชมอะไร

ยังคงทำสีหน้าเรียบเฉย   ผมรู้สึกหมั่นไส้เล็กน้อย อุตส่าห์ทำแทบตาย ไม่มีชมสักนิดเลย

เเต่เธอก็ต้องเลิกคิ้วทำสีหน้าประหลาดใจ เมื่อเธอเห็นใบไม้ที่ถูกเก็บกวาดเกลี้ยงที่ทางเดินชมสวน

เธอรีบเดินตรงเข้ามาหาผม ผมชักใจไม่ดีจะโดนด่าซะละมั้ง และถ้าเธอทำอย่างนั้นเธอคงกลายเป็นนายจ้างขี้เหร่ในสายตาผมเเน่นอน

เเต่เธอเปล่าทำอย่างที่ผมคิด เธอเปิดกระเป๋าสตางค์ เเล้วหยิบเงินออกมา 200 บาท ดึงมือผมเเล้วเอาเงินใส่มือ

นายจ้างที่เริ่มไม่สวยในสายตาผม ก็ได้กลับกลายเป็นนายจ้างเเสนสวย

     สิ่งที่ทำให้เธอกลับกลายเป็นนายจ้างเเสนสวย มันไม่ใช่เพราะเงิน 200 บาท เเต่มันเป็นเพราะเธอจับมือผมอยู่ต่างหาก

ตอนนั้นผมไม่คิดจริง ๆ ว่าจะได้รับเกียรติเช่นนั้น มือผมเปียกเหงื่อเต็มไปหมด เมื่อโดนฝุ่น มันก็เกาะมือจนดำเป็นโคลน  ในขณะที่เธอนั้น

เเต่งตัวด้วยชุดที่ดูเรียบหรูอย่างมีระดับ สังเกตที่เล็บมือไว้ยาวเเต่ไม่ทาสี เธอนั้นเป็นคนรักความสะอาด  

เคหสถานเเละยานพาหนะก็บ่งบอกอยู่เเล้วว่าเธอมีสังคมชั้นสูง  

เเต่เธอกลับไม่รังเกียจ

เธอยื่นมือมาเขกหน้าผากผมเบา ๆ หนึ่งที ก่อนบอกผมว่า จริง ๆ เเล้วใบไม้ในสวน เป็นงานที่เธอตั้งใจมอบหมายให้ลูกสาวเธอเป็นคนทำ เพื่อฝึกความรับ

ผิดชอบ  น้องทำได้ดีมาก ขอบคุณจ่ะ  ผมยิ่งงงมากขึ้นไปอีกเมื่อเธอพยักหน้ากึ่งโค้งศรีษะให้ผมเมื่อพูดจบ

เเต่ว่าอ้าวมีลูกเเล้วเหรอนั่น  ไม่เป็นไรหรอกเเม่สวยขนาดนั้นลูกก็คงไม่เเพ้กัน หึหึ

    ผมกล่าวสวัสดีลาเธอก่อนเดินทางกลับบ้าน เเต่สิ่งที่คาใจผมจริง ๆ คือเธอจะให้เงินผมเพิ่มทำไม มันไม่ใช่เพราะเธอคิดว่าผมทำ  

เกินงานหรอก เพราะเธอเป็นคนบอกเองว่าให้ทำเต็มสองวัน  วันรุ่งขึ้นผมก็ไปโรงเรียนตามปกติ  มีเงินเหลือ 100 บาท ซื้อขนมเลี้ยงเพื่อน

พอเลิกเรียนก็ถึงเวลาที่ผมจะได้ของเล่นอย่างที่หวังไว้เสียที

ผมก็ได้เข้าไปที่ร้าน เลือกของเสร็จ ระหว่างที่ผมกำลังหยิบเงินไปจ่าย ผมเกิดรู้สึกเสียดายเงิน 200 บาท ที่ได้รับเพิ่มมาจาก

นายจ้างเเสนสวยเหลือเกิน เเต่ผมก็ต้องจำใจทำตามเป้าหมาย เพื่อฝึกไว้ไม่งั้นจะเป็นคนใจโลเล

พอได้ยินเสียงลิ้นชักเครื่องคิดเงินปิดดังกึก ผมสะท้อนใจหนักอยู่ครู่นึง เเละยังคงสะท้อนหนักขึ้นเรื่อย ๆ

     จนผมคิดได้ว่า เงิน 200 บาท นั้น มันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเสียดายที่มูลค่าตัวเงินของมัน เเต่มันจะเป็นเงินที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตผม

ตั้งเเต่วันนั้น ถึงวันนี้ เเละในอนาคตไม่ว่าผมจะมีเงินในบัญชีมากกว่านั้นเท่าไหร่ก็ตาม  เพราะ 200 บาท นั้นทำให้ผมรู้ว่า

การที่คนเราจะได้รับสิ่งดี ๆ จากใครคนหนึ่งนั้น เขาไม่ได้ตัดสินว่าเราสูงส่งหรือต่ำต้อยเพียงใด ไม่ได้ตัดสินจากการที่เรา

ทำประโยชน์ให้เขาเเค่ไหน ไม่ได้ตัดสินว่าเราจะทำความดีสักเพียงใด

เพราะถึงเเม้คุณจะทำมากเเค่ไหน หากขาดคุณสมบัติข้อนี้ไป คุณจะไม่มีวันได้รับสิ่งที่ดีจากใครเเน่นอน

เหมือนอย่างที่ผมได้รับเกียรติจากนายจ้างเเสนสวยในวันนั้น เพราะเธอไม่ได้ตัดสินผมจากสถานะที่ผมเป็น ไม่ได้ตัดสินผมจาก

ปริมาณงานที่ผมทำ   เเต่เธอตัดสินผมจากคุณสมบัติข้อนี้เพียงข้อเดียว

นั่นก็คือ   ความซื่อสัตย์
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่