โรคลมชักพบได้บ่อยในผู้ป่วยเอชไอวี เพราะผู้ป่วยเอชไอวี มีโอกาสติดเชื้อฉวยโอกาสในสมอง (ระบบประสาทติดเชื้อฉวยโอกาสเหตุเอชไอวี) ได้สูง และยังมีโอกาสเกิดภาวะผิด ปกติของเกลือแร่ในร่างกายได้สูงกว่าคนทั่วไป ซึ่งทั้ง 2 ปัจจัย เป็นสาเหตุของโรคลมชัก ดังนั้นผู้ป่วยเอชไอวีจึงมีโอกาสเกิดโรคลมชักได้สูงกว่าคนทั่วไป
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคลมชักในผู้ป่วยเอชไอวี ได้แก่
• ภาวะติดเชื้อฉวยโอกาสในสมอง เช่น วัณโรค, เชื้อรา, เชื้อปรสิตชนิด Toxoplas ma, เชื้อไวรัส CMV (Cytomegalovirus), เชื้อไวรัส JCV (John Cunningham virus), และ เชื้อไวรัส EBV/อีบีวี (Epstein–Barr virus)
• ภาวะเกลือแร่ในร่างกายผิดปกติ จึงส่งผลให้สมองทำงานผิดปกติ เช่น เกลือโซ เดียมต่ำ แมกนีเซียมต่ำ
• โรคหลอดเลือดสมอง
• ผลแทรกซ้อน/ผลข้างเคียงจากยาต้านไวรัสเอชไอวี
• จำนวนเชื้อไวรัสเอชไอวีสูงในน้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลัง (Cerebrospind fluid: CSF)
ลักษณะอาการชักไม่แตกต่างกันทั้งโรคลมชักในผู้ป่วยเอชไอวี และในคนทั่วไป ซึ่งลักษณะการชักมีได้หลายแบบ เช่น ชักกระตุกทั้งตัว ชักเฉพาะอวัยวะบางส่วน (เช่น แขน หรือขา) หรือ ชักแบบนั่งเหม่อลอย
ผู้ป่วยเอชไอวี ควรพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลทันที กรณีที่มีอาการชักครั้งแรก แต่ถ้าเป็นโรคลมชักและมีการชักเป็นประจำอยู่ก่อนแล้ว ควรพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลเมื่อมีการชักหลาย ๆครั้งในเวลา 1 วัน หรือ เกิดอุบัติเหตุจากการชัก หรือ ชักนานต่อเนื่องไม่หยุด
แนวทางการวินิจฉัยโรคลมชักในผู้ป่วยเอชไอวี คือพิจารณาจากประวัติอาการ ประวัติการติดเชื้อเอชไอวี การตรวจร่างกายผลการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง การเจาะหลังตรวจน้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลัง และการตรวจภาพสมองด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือเอมอาร์ไอ เพื่อแยกจากโรคทางสมองอื่นๆ เช่น เนื้องอกสมอง และ/หรือการติดเชื้อฉวยโอกาสในสมอง(ระบบประสาทติดเชื้อฉวยโอกาสในเอชไอวี)
การรักษาโรคลมชักในผู้ป่วยเอชไอวี จะด้วยการกินยากันชักเหมือนกับในคนทั่วไปเป็นวิธีหลัก แต่การเลือกยากันชัก แพทย์ต้องระวังเรื่อง ผลแทรกซ้อน/ผลข้างเคียงจากปฏิกิริยาระ หว่างยาของยากันชักกับยาต้านไวรัส และกับยาป้องกันการติดเชื้อฉวยโอกาส
นอกจากนั้น โดยส่วนใหญ่แล้ว การรักษาต้องใช้ยากันชักนานตลอดชีวิต เพราะสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคลมชักในผู้ป่วยเอชไอวี มักรักษาแก้ไขไม่ได้ การควบคุมการชักจึงยุ่งยาก ลำบาก มากกว่าในคนทั่วไปที่เป็นโรคลมชัก
โรคลมชักในผู้ป่วยเอชไอวีก่อผลข้างเคียงเช่นเดียวกับโรคลมชักในคนทั่วไป คือ เกิดอุบัติเหตุจากการชัก เช่น ฟกซ้ำ แผลถลอก กระดูกหัก ข้อต่อเคลื่อนหลุด ตกน้ำ จมน้ำ อุบัติเหตุทางการจราจร ภาวะแพ้ยากันชัก ซึมเศร้า และการพยายามฆ่าตัวตาย
การดูแลตนเองของผู้ป่วยเอชไอวีที่เป็นโรคลมชัก คือ
• ต้องปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัดตามแพทย์ พยาบาล แนะนำ
• ทานยาที่แพทย์สั่งให้สม่ำเสมอ ไม่ขาดยา
• ไม่อดนอน พักผ่อนให้เพียงพอ
• ไม่ดื่มเหล้า
• พบแพทย์/ไปโรงพยาบาลตามนัดเสมอ
• ควรพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลก่อนนัดเมื่อ มีอาการชักบ่อยมากขึ้น, มีอาการแพ้ยา, เกิดอุบัติเหตุจากการชัก, และ/หรือ เมื่อกังวลในอาการ
การป้องกันโรคลมชักในผู้ป่วยเอชไอวี คือ
• ดูแลตนเองให้แข็งแรงทั้งร่างกายละจิตใจ ด้วยการรักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ)
• รักษา ควบคุมโรคต่างๆของตนเองให้ดี ด้วยการปฏิบัติตาม แพทย์ พยาบาล แนะนำ
• ทานยาต่างๆที่แพทย์สั่ง สม่ำเสมอ ไม่ขาดยา เพื่อควบคุมปริมาณเชื้อไวรัสเอชไอวีในร่าง กาย และเพื่อป้องกันการติดเชื้อฉวยโอกาส เพราะทั้ง 2 ปัจจัย เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของการเกิดโรคลมชักในผู้ติดเชื้อเอชไอวี
ขอขอบคุณข้อมูลจาก กลุ่มกำลังใจ
Report : LIV APCO
โรคลมชักในผู้ป่วยเอชไอวี (Epilepsy in HIV Patient)
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคลมชักในผู้ป่วยเอชไอวี ได้แก่
• ภาวะติดเชื้อฉวยโอกาสในสมอง เช่น วัณโรค, เชื้อรา, เชื้อปรสิตชนิด Toxoplas ma, เชื้อไวรัส CMV (Cytomegalovirus), เชื้อไวรัส JCV (John Cunningham virus), และ เชื้อไวรัส EBV/อีบีวี (Epstein–Barr virus)
• ภาวะเกลือแร่ในร่างกายผิดปกติ จึงส่งผลให้สมองทำงานผิดปกติ เช่น เกลือโซ เดียมต่ำ แมกนีเซียมต่ำ
• โรคหลอดเลือดสมอง
• ผลแทรกซ้อน/ผลข้างเคียงจากยาต้านไวรัสเอชไอวี
• จำนวนเชื้อไวรัสเอชไอวีสูงในน้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลัง (Cerebrospind fluid: CSF)
ลักษณะอาการชักไม่แตกต่างกันทั้งโรคลมชักในผู้ป่วยเอชไอวี และในคนทั่วไป ซึ่งลักษณะการชักมีได้หลายแบบ เช่น ชักกระตุกทั้งตัว ชักเฉพาะอวัยวะบางส่วน (เช่น แขน หรือขา) หรือ ชักแบบนั่งเหม่อลอย
ผู้ป่วยเอชไอวี ควรพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลทันที กรณีที่มีอาการชักครั้งแรก แต่ถ้าเป็นโรคลมชักและมีการชักเป็นประจำอยู่ก่อนแล้ว ควรพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลเมื่อมีการชักหลาย ๆครั้งในเวลา 1 วัน หรือ เกิดอุบัติเหตุจากการชัก หรือ ชักนานต่อเนื่องไม่หยุด
แนวทางการวินิจฉัยโรคลมชักในผู้ป่วยเอชไอวี คือพิจารณาจากประวัติอาการ ประวัติการติดเชื้อเอชไอวี การตรวจร่างกายผลการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง การเจาะหลังตรวจน้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลัง และการตรวจภาพสมองด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือเอมอาร์ไอ เพื่อแยกจากโรคทางสมองอื่นๆ เช่น เนื้องอกสมอง และ/หรือการติดเชื้อฉวยโอกาสในสมอง(ระบบประสาทติดเชื้อฉวยโอกาสในเอชไอวี)
การรักษาโรคลมชักในผู้ป่วยเอชไอวี จะด้วยการกินยากันชักเหมือนกับในคนทั่วไปเป็นวิธีหลัก แต่การเลือกยากันชัก แพทย์ต้องระวังเรื่อง ผลแทรกซ้อน/ผลข้างเคียงจากปฏิกิริยาระ หว่างยาของยากันชักกับยาต้านไวรัส และกับยาป้องกันการติดเชื้อฉวยโอกาส
นอกจากนั้น โดยส่วนใหญ่แล้ว การรักษาต้องใช้ยากันชักนานตลอดชีวิต เพราะสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคลมชักในผู้ป่วยเอชไอวี มักรักษาแก้ไขไม่ได้ การควบคุมการชักจึงยุ่งยาก ลำบาก มากกว่าในคนทั่วไปที่เป็นโรคลมชัก
โรคลมชักในผู้ป่วยเอชไอวีก่อผลข้างเคียงเช่นเดียวกับโรคลมชักในคนทั่วไป คือ เกิดอุบัติเหตุจากการชัก เช่น ฟกซ้ำ แผลถลอก กระดูกหัก ข้อต่อเคลื่อนหลุด ตกน้ำ จมน้ำ อุบัติเหตุทางการจราจร ภาวะแพ้ยากันชัก ซึมเศร้า และการพยายามฆ่าตัวตาย
การดูแลตนเองของผู้ป่วยเอชไอวีที่เป็นโรคลมชัก คือ
• ต้องปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัดตามแพทย์ พยาบาล แนะนำ
• ทานยาที่แพทย์สั่งให้สม่ำเสมอ ไม่ขาดยา
• ไม่อดนอน พักผ่อนให้เพียงพอ
• ไม่ดื่มเหล้า
• พบแพทย์/ไปโรงพยาบาลตามนัดเสมอ
• ควรพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลก่อนนัดเมื่อ มีอาการชักบ่อยมากขึ้น, มีอาการแพ้ยา, เกิดอุบัติเหตุจากการชัก, และ/หรือ เมื่อกังวลในอาการ
การป้องกันโรคลมชักในผู้ป่วยเอชไอวี คือ
• ดูแลตนเองให้แข็งแรงทั้งร่างกายละจิตใจ ด้วยการรักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ)
• รักษา ควบคุมโรคต่างๆของตนเองให้ดี ด้วยการปฏิบัติตาม แพทย์ พยาบาล แนะนำ
• ทานยาต่างๆที่แพทย์สั่ง สม่ำเสมอ ไม่ขาดยา เพื่อควบคุมปริมาณเชื้อไวรัสเอชไอวีในร่าง กาย และเพื่อป้องกันการติดเชื้อฉวยโอกาส เพราะทั้ง 2 ปัจจัย เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของการเกิดโรคลมชักในผู้ติดเชื้อเอชไอวี
ขอขอบคุณข้อมูลจาก กลุ่มกำลังใจ
Report : LIV APCO