มี spoil เนื้อเรื่องนะคะ
เราไม่ได้เป็นนักวิจารณ์อะไรนะคะ
แต่ก็มีอะไรบางอย่างส่วนตัวสะกิดใจ ทำให้อยากเขียนความรู้สึกบันทึกไว้หลังจากดูหนังเรื่อง freelance
ถือซะว่า เป็นความรู้สึกของคนในวงการโฆษณาคนนึงละกันค่ะ
เราทำงานที่เรียกได้ว่าเป็น field เดียวกับตัวเอกในหนังเรื่องนี้
ก็ผ่านงานทั้งในรูปแบบบริษัท และรูปแบบ freelance ... ฯลฯ
ตั้งแต่เราดูหนัง ดูละครมา ที่เกี่ยวกับครีเอทีฟโฆษณา หรือวงการโฆษณา
เราไม่ค่อยได้เจอเรื่องไหนที่ถ่ายทอดการทำงานออกมาได้ใกล้เคียงมากนัก โดยเฉพาะละครหรือหนังไทย
แต่มีหนังฝรั่งอยู่เรื่องนึง ที่เราว่าถ่ายทอดลักษณะการทำงานได้ใกล้เคียง คือ what women want ที่เมล กิ๊บสันเล่นค่ะ
https://en.wikipedia.org/wiki/What_Women_Want
จริงๆ คงมีเรื่องอื่นๆ บ้างแหละ แต่เราคงยังไม่ได้ดู
จะถือว่าตัวเองเป็นคอหนังตัวยง ก็ไม่ใช่ค่ะ
เวลาดูหนัง ก็ดูในฐานะคนธรรมดาคนนึง ไม่ได้พกความเป็นศิลปิน หรือความอาร์ต เข้าไปดูด้วย
หนังอยากบอกเล่าอะไร เราก็ทำใจซื่อๆ ให้หนังมันพาเราไป ถ้าเพลินไปกับมัน ก็โอเค
แต่ถ้าไม่เพลินไปกับมัน ถึงแม้จะเป็นคนทำงานด้านอาร์ตๆ ด้านสร้างสรรค์
เราก็ไม่ได้อาร์ต ไม่ได้ get กับความอาร์ตในทุกอณูนะคะ 555
---------------------------------------------------------------------------------------------------
มีคนรู้จักหลายคนที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ แล้วก็ชอบมาถามว่า
"แบบนั้น แบบนี้ในหนังเนี่ย ในชีวิตจริงเป็นแบบนั้นมั้ย??"
อือ... ก็ดีเหมือนกันค่ะ หนังนี้ถือเป็นการบอกเล่าอาชีพนี้ให้คนกลุ่มใหม่ๆ หลายคน ที่ไม่ค่อยได้รู้จักอาชีพนี้ ได้รู้ในบางแง่มุม
เดี๋ยวนี้เวลาใครถามถึงงานว่าทำไมงานมันยุ่งๆ ไม่เป็นเวล่ำเวลา
เราก็มักบอกว่า ได้ดูหนัง freelance ยัง? ประมาณในหนังแหละ 55
ซึ่งโดยรวม เราว่าหนังถ่ายทอดลักษณะของการทำงานอาชีพนี้ได้ใกล้เคียงนะคะ
หลังจากดูหนังนี้จบรอบแรก เราไม่คิดว่า นี่เป็นหนังรักวัยรุ่น หรือความรักในวัยทำงาน
แต่เป็น "หนังรักสุขภาพ" ค่ะ 555 จริงๆ ค่ะ ในมุมมองเรา
หนังเริ่มต้นด้วยการ quote ประโยคนึงขึ้นมา ว่า
"คนเราควรนอนหลับวันละอย่างน้อนย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน -กระทรวงสาธารณสุข"
ซึ่งเราถือว่า นี่เป็นการประกาศจุดยืนของหนัง ว่ามันเป็นหนังเกี่ยวกับสุขภาพค่ะ 55
แรงบันดาลใจที่เราอยากบันทึกความรู้สึกของเราจากหนังเรื่องนี้
ไม่ใช่เพียงเพราะมันพูดถึงอาชีพของเรา
แต่เพราะว่า ... เราเพิ่งเสียเพื่อนรุ่นพี่ที่ทำงานอาชีพเดียวกันไปเมื่อไม่นานนัก
และถ้านับคนรู้จักในแวดวงทำงานสร้างสรรค์ งานศิลปะ ต่างๆ ซึ่งมักทำงานอดหลับอดนอน แข่งกับเวลา
ก็เสียชีวิตกันก่อนวัยอันควรไม่น้อยค่ะ!!!
ซึ่งประกอบด้วยปัจจัยหลายอย่างนะคะ เช่น การทำงานที่กดดันสูง แข่งกับเวลา
ทำให้เวลาในชีวิตมันเพี้ยนไปหมด ไม่ว่าจะเวลานอน เวลากิน ฯลฯ
การติดอยู่กับที่ อยู่นิ่งๆ นานๆ เช่น นั่งทำงาน นั่งประชุม นั่งในรถติดเป็นชั่วโมง นั่งตัดต่องาน นั่งหน้าคอมฯ
กินอาหารไม่เป็นเวลา นอนไม่เป็นเวลา นอนน้อย ออกกำลังกายไม่สม่ำเสมอ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้รวมถึงความเครียดความกดดัน ซึ่งคนในแวดวงนี้
เราว่า บางที พวกเราไปสร้างบรรยากาศให้มันเครียด ให้มันกดดันเกินจำเป็นค่ะ
ใครเคยดู reality show ต่างๆ แล้วรู้สึกว่า การสร้างบรรยากาศกดดันผู้แข่งขันในรูปแบบต่างๆ มันน่าสนุกเร้าใจดีจุง
ให้รู้ไว้เลยค่ะว่า ในชีวิตจริง วงการโฆษณามีแบบนี้อยู่ แต่ไม่ใช่ reality show ..มันคือชีวิตจริงค่ะ 555
เข้าใจค่ะว่า งานโฆษณามันเกี่ยวกับการแข่งขัน และเม็ดเงินหลักหลายแสนหลายล้าน
มันจึงต้องแข่งกับเวลา ผ่านความกดดันสารพัดอย่าง
แต่เราว่า ไม่น้อยกว่า 30% ของความเครียดความกดดันเหล่านี้
มันเป็นสิ่งที่ตัดออกไปได้ ไม่มีก็ได้ ไม่จำต้องสร้างสภาพแบบนี้ให้เกิดขึ้นก็ได้
แต่มันเกิดจากค่านิยม อีโก้ต่างๆ และความอาร์ตจากนิสัยส่วนตัวเฉพาะบุคคล ซึ่งเกินจำเป็นนะคะ
งานดีๆ ก็สามารถเกิดขึ้นได้โดยตัดการสร้างความเครียดแบบไร้สาระทิ้งไปบ้าง!!
เพื่อนเราหลายคน หมั่นไส้คนทำงานในแวดวงโฆษณา โดยเฉพาะหมั่นไส้ครีเอทีฟโฆษณา
เพราะบอกว่า มันอีโก้เยอะ มันเก๊ก มันเจ้าอารมณ์ มันพูดจาเข้าใจยาก 5555 ...ฯลฯ
ก็ต้องก้มหน้ายอมรับค่ะว่า มีส่วนจริงอยู่ค่ะ ... แต่ก็ไม่ได้เป็นกันแบบนี้กันทุกคนนะคะ
อย่างที่บอกว่า บางเรื่องมันก็จำเป็น บางเรื่องก็เป็นนิสัย/บุคลิกของแต่ละคน
หรือบางเรื่องก็เป็นค่านิยมง้องแง้ง ที่สร้างกันขึ้นมา แล้วก็สืบต่อกันมา ซึ่งไม่จำเป็นต่อคุณภาพงานค่ะ ^_^
ก็มีดี มีเสีย มีคนชอบ มีคนเกลียด ฯลฯ เป็นปกติของทุกคน ทุกอาชีพค่ะ
รวมถึงนิสัยส่วนตัวของแต่ละคน เช่น คนทำงานแวดวงนี้ มักสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า
คือ ทำกิจกรรมที่มันบั่นทอนสุขภาพตัวเองเพิ่มเข้าไปอีก
ทุกอย่างที่ว่ามานี้ มันบวกกันเข้า สุดท้าย มันคือ การทำร้ายสุขภาพอย่างมหันต์ค่ะ
มันจะไม่เห็นผลในระยะสั้นค่ะ แต่มันเห็นผลแน่นอน ถ้าคุณยังมีชีวิตอยู่ต่อไป (หมายความว่าถ้าคุณยังไม่ตายไปก่อน)
ร่างกายเค้าจะแสดงผลให้เห็นอย่างยุติธรรมค่ะ เราขอเตือนไว้จากใจจริงค่ะ
เราผ่านชีวิตแบบนี้มาเกิน 10 ปี ยังโชคดีที่ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่
สิบกว่าปีแรก ก็ยังชิลๆ ค่ะ ไม่เจ็บไม่ป่วย ร่างกายแข็งแรง สุขภาพจิตดี สมองยังแจ่ม
แต่พอผ่านไปอีกหลายปี จากที่ไม่เคยเจ็บป่วยอะไรหนักหนา ไม่เคยเข้ารพ. ไม่เคยนอนรพ.
ก็เริ่มป่วยนิดๆ หน่อยๆ ป่วยจุกจิก สารพัดอย่าง
ร่างกายเค้าเอาคืนค่ะ
รุ่นใหญ่บางท่าน ที่เป็นครีเอทีฟมือดี สมองแจ่มมากมาย ทำงานได้รางวัลสารพัด
พอได้คุยงานกันในระยะหลังๆ เราถึงกับถามรุ่นพี่เราว่า
"รู้นะ ว่าเค้าเจ๋งอะ ได้รางวัลมาเยอะ
แต่ทำไม เค้าดูล้าๆ ดูจับประเด็นไม่แม่น comment งานเข้ารกเข้าพงไปเยอะ"
รุ่นพี่บอกว่า "พวกนี้ กินเหล้าเยอะ สมองไปไว
เคยเจ๋งแค่ไหน ตอนนี้เหลือแต่เรื่องเล่าในอดีต
สมองไม่แล่นปรี๊ดเหมือนก่อนละ"
เอ.. ท่าจะจริงมั้ง
เรามีโอกาสได้พูดคุย ร่วมงาน กับครีเอทีฟมือดีหลายท่าน
ในแวดวงดนตรีบ้าง แวดวงโฆษณาบ้าง
บางท่านมีชื่อเสียงได้ยินกันสืบต่อมา แต่พอเจอตัวจริง ได้พูดคุย ได้ฟังความคิดเห็น
เราว่า ฝีมือตกไปเยอะ คงตามวัย ตามสังขารแหละมั้ง
Freelance (ภาพยนตร์+ชีวิตจริง+สุขภาพ)
เราไม่ได้เป็นนักวิจารณ์อะไรนะคะ
แต่ก็มีอะไรบางอย่างส่วนตัวสะกิดใจ ทำให้อยากเขียนความรู้สึกบันทึกไว้หลังจากดูหนังเรื่อง freelance
ถือซะว่า เป็นความรู้สึกของคนในวงการโฆษณาคนนึงละกันค่ะ
เราทำงานที่เรียกได้ว่าเป็น field เดียวกับตัวเอกในหนังเรื่องนี้
ก็ผ่านงานทั้งในรูปแบบบริษัท และรูปแบบ freelance ... ฯลฯ
ตั้งแต่เราดูหนัง ดูละครมา ที่เกี่ยวกับครีเอทีฟโฆษณา หรือวงการโฆษณา
เราไม่ค่อยได้เจอเรื่องไหนที่ถ่ายทอดการทำงานออกมาได้ใกล้เคียงมากนัก โดยเฉพาะละครหรือหนังไทย
แต่มีหนังฝรั่งอยู่เรื่องนึง ที่เราว่าถ่ายทอดลักษณะการทำงานได้ใกล้เคียง คือ what women want ที่เมล กิ๊บสันเล่นค่ะ
https://en.wikipedia.org/wiki/What_Women_Want
จริงๆ คงมีเรื่องอื่นๆ บ้างแหละ แต่เราคงยังไม่ได้ดู
จะถือว่าตัวเองเป็นคอหนังตัวยง ก็ไม่ใช่ค่ะ
เวลาดูหนัง ก็ดูในฐานะคนธรรมดาคนนึง ไม่ได้พกความเป็นศิลปิน หรือความอาร์ต เข้าไปดูด้วย
หนังอยากบอกเล่าอะไร เราก็ทำใจซื่อๆ ให้หนังมันพาเราไป ถ้าเพลินไปกับมัน ก็โอเค
แต่ถ้าไม่เพลินไปกับมัน ถึงแม้จะเป็นคนทำงานด้านอาร์ตๆ ด้านสร้างสรรค์
เราก็ไม่ได้อาร์ต ไม่ได้ get กับความอาร์ตในทุกอณูนะคะ 555
---------------------------------------------------------------------------------------------------
มีคนรู้จักหลายคนที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ แล้วก็ชอบมาถามว่า
"แบบนั้น แบบนี้ในหนังเนี่ย ในชีวิตจริงเป็นแบบนั้นมั้ย??"
อือ... ก็ดีเหมือนกันค่ะ หนังนี้ถือเป็นการบอกเล่าอาชีพนี้ให้คนกลุ่มใหม่ๆ หลายคน ที่ไม่ค่อยได้รู้จักอาชีพนี้ ได้รู้ในบางแง่มุม
เดี๋ยวนี้เวลาใครถามถึงงานว่าทำไมงานมันยุ่งๆ ไม่เป็นเวล่ำเวลา
เราก็มักบอกว่า ได้ดูหนัง freelance ยัง? ประมาณในหนังแหละ 55
ซึ่งโดยรวม เราว่าหนังถ่ายทอดลักษณะของการทำงานอาชีพนี้ได้ใกล้เคียงนะคะ
หลังจากดูหนังนี้จบรอบแรก เราไม่คิดว่า นี่เป็นหนังรักวัยรุ่น หรือความรักในวัยทำงาน
แต่เป็น "หนังรักสุขภาพ" ค่ะ 555 จริงๆ ค่ะ ในมุมมองเรา
หนังเริ่มต้นด้วยการ quote ประโยคนึงขึ้นมา ว่า
"คนเราควรนอนหลับวันละอย่างน้อนย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน -กระทรวงสาธารณสุข"
ซึ่งเราถือว่า นี่เป็นการประกาศจุดยืนของหนัง ว่ามันเป็นหนังเกี่ยวกับสุขภาพค่ะ 55
แรงบันดาลใจที่เราอยากบันทึกความรู้สึกของเราจากหนังเรื่องนี้
ไม่ใช่เพียงเพราะมันพูดถึงอาชีพของเรา
แต่เพราะว่า ... เราเพิ่งเสียเพื่อนรุ่นพี่ที่ทำงานอาชีพเดียวกันไปเมื่อไม่นานนัก
และถ้านับคนรู้จักในแวดวงทำงานสร้างสรรค์ งานศิลปะ ต่างๆ ซึ่งมักทำงานอดหลับอดนอน แข่งกับเวลา
ก็เสียชีวิตกันก่อนวัยอันควรไม่น้อยค่ะ!!!
ซึ่งประกอบด้วยปัจจัยหลายอย่างนะคะ เช่น การทำงานที่กดดันสูง แข่งกับเวลา
ทำให้เวลาในชีวิตมันเพี้ยนไปหมด ไม่ว่าจะเวลานอน เวลากิน ฯลฯ
การติดอยู่กับที่ อยู่นิ่งๆ นานๆ เช่น นั่งทำงาน นั่งประชุม นั่งในรถติดเป็นชั่วโมง นั่งตัดต่องาน นั่งหน้าคอมฯ
กินอาหารไม่เป็นเวลา นอนไม่เป็นเวลา นอนน้อย ออกกำลังกายไม่สม่ำเสมอ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รวมถึงนิสัยส่วนตัวของแต่ละคน เช่น คนทำงานแวดวงนี้ มักสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า
คือ ทำกิจกรรมที่มันบั่นทอนสุขภาพตัวเองเพิ่มเข้าไปอีก
ทุกอย่างที่ว่ามานี้ มันบวกกันเข้า สุดท้าย มันคือ การทำร้ายสุขภาพอย่างมหันต์ค่ะ
มันจะไม่เห็นผลในระยะสั้นค่ะ แต่มันเห็นผลแน่นอน ถ้าคุณยังมีชีวิตอยู่ต่อไป (หมายความว่าถ้าคุณยังไม่ตายไปก่อน)
ร่างกายเค้าจะแสดงผลให้เห็นอย่างยุติธรรมค่ะ เราขอเตือนไว้จากใจจริงค่ะ
เราผ่านชีวิตแบบนี้มาเกิน 10 ปี ยังโชคดีที่ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่
สิบกว่าปีแรก ก็ยังชิลๆ ค่ะ ไม่เจ็บไม่ป่วย ร่างกายแข็งแรง สุขภาพจิตดี สมองยังแจ่ม
แต่พอผ่านไปอีกหลายปี จากที่ไม่เคยเจ็บป่วยอะไรหนักหนา ไม่เคยเข้ารพ. ไม่เคยนอนรพ.
ก็เริ่มป่วยนิดๆ หน่อยๆ ป่วยจุกจิก สารพัดอย่าง
ร่างกายเค้าเอาคืนค่ะ
รุ่นใหญ่บางท่าน ที่เป็นครีเอทีฟมือดี สมองแจ่มมากมาย ทำงานได้รางวัลสารพัด
พอได้คุยงานกันในระยะหลังๆ เราถึงกับถามรุ่นพี่เราว่า
"รู้นะ ว่าเค้าเจ๋งอะ ได้รางวัลมาเยอะ
แต่ทำไม เค้าดูล้าๆ ดูจับประเด็นไม่แม่น comment งานเข้ารกเข้าพงไปเยอะ"
รุ่นพี่บอกว่า "พวกนี้ กินเหล้าเยอะ สมองไปไว
เคยเจ๋งแค่ไหน ตอนนี้เหลือแต่เรื่องเล่าในอดีต
สมองไม่แล่นปรี๊ดเหมือนก่อนละ"
เอ.. ท่าจะจริงมั้ง
เรามีโอกาสได้พูดคุย ร่วมงาน กับครีเอทีฟมือดีหลายท่าน
ในแวดวงดนตรีบ้าง แวดวงโฆษณาบ้าง
บางท่านมีชื่อเสียงได้ยินกันสืบต่อมา แต่พอเจอตัวจริง ได้พูดคุย ได้ฟังความคิดเห็น
เราว่า ฝีมือตกไปเยอะ คงตามวัย ตามสังขารแหละมั้ง