วันนี้จะรีวิวร้าน Wagyu Samurai ซึ่งเป็นร้านชาบู-สุกี้ สไตล์ญี่ปุ่นขนานแท้ เพราะทั้งเนื้อวัวที่ใช้ ทั้งเจ้าของร้าน และทั้งเชฟ ล้วนเป็นญี่ปุ่นทั้งนั้น และเนื้อวากิวก็ขอบอกเลยว่าไม่ธรรมดานะ เป็นวากิวที่อยู่ในระดับพรีเมี่ยมสุด ๆ เนื้อที่นำมาใช้ในแต่ละเมนูของ Wagyu Samurai ล้วนแต่เป็นเนื้อระดับ A4 ขึ้นไปทั้งนั้น เมนูของร้าน Wagyu Samurai จะเป็นอย่างไร พรีเมี่ยมแค่ไหน ลองอ่านในรีวิวกันได้เลยครับ
ร้าน Wagyu Samurai เกิดขึ้นจาก เดิมเป็นบริษัทจัดหาและค้าส่งเนื้อวัวญี่ปุ่นให้กับร้านอาหารทั้งในประเทศญี่ปุ่นและในต่างประเทศ รวมถึงในประเทศไทยด้วย จนมาวันหนึ่งที่ทางเจ้าอยากเปิดร้านอาหารโดยใช้เนื้อที่เค้าส่งให้กับร้านต่าง ๆ มาเป็นวัตถุดิบหลัก จึงได้เกิดเป็นร้าน Wagyu Samurai แห่งนี้ขึ้น ซึ่งข้าง ๆ ร้านก็จะมี shop ขายเนื้อต่าง ๆ สำหรับลูกค้าที่อยากได้เนื้อชั้นดีไปเป็นวัตถุดิบหลักในการปรุงอาหารนั่นเอง
เนื้อที่ทางร้าน Wagyu Samurai ใช้ก็จะเป็นการสรรหาเนื้อคุณภาพเกรดสูงจากจังหวัดต่าง ๆ ในประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น ไซตามะ, มิยาซากิ, โกเบ, กุมมะ เป็นต้น แล้วเนื้อที่ทาง Wagyu Samurai นำมาเป็นวัตถุดิบจะเน้นเป็นเนื้อในระดับ A4 เท่านั้น เพราะจะได้เนื้อที่นุ่มอร่อยกำลังดี
การเดินทางอาจจะหายากสักนิด เพราะร้านอยู่ในซอยบาร์โบส 2 บอกชื่อซอยแบบนี้ยากแน่ ๆ เอาเป็นว่าร้านจะอยู่ละแวกโรงพยาบาลกล้วยน้ำไทครับ ใครที่ขับมาบนเส้นถนนพระราม 4 ขาออกจากคลองเตยมุ่งหน้าพระโขนง ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 42 ที่จะไปทะลุห้าง Gateway Ekamai แล้วสังเกตซอยย่อยทางขวามือจะเจอซอยรูเบียร์ให้เลยมาก่อน ขับชิดขวาต่อไปแล้วซอยถัดไปจะเป็นซอยบาร์โบส 2 มีป้ายโรงพยาบาลกล้วยน้ำไทและสนามไดรฟ์กอล์ฟ Tee-off อยู่ด้วยกัน เลี้ยวเข้ามาประมาณ 300 เมตร ร้าน Wagyu Samurai จะอยู่ทางซ้ายมือ มีที่จอดกว้างขวางมากครับ
บรรยากาศบริเวณรอบร้านก็ร่มรื่นมาก ต้นไม้เยอะ มีสนามหญ้ากว้างขวาง มีที่จอดรถได้ประมาณ 20 คัน ข้าง ๆ มีร้านขายเนื้อ ส่วนที่เป็นร้านอาหารของ Wagyu Samurai ก็จะอยู่ที่ชั้น 1 ของปีกขวาและชั้น 2 ของปีกซ้าย รองรับลูกค้าได้ราว ๆ 52 ที่นั่ง มีห้องส่วนตัวด้วย มีทั้งที่นั่งได้ 4 ท่าน และนั่งได้ 8 ท่าน สามารถโทรจองได้กับทางร้านเลยครับ
ส่วนบรรยากาศภายใน ทางร้านบอกว่าตั้งใจทำให้เป็นสไตล์เหมือนบ้านที่ญี่ปุ่นแนวร่วมสมัย มีการผสมผสานของเก่าและใหม่เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกเป็นกันเอง ผ่อนคลาย ไม่ต้องทางการมากนัก เชฟหลักและผู้จัดการเป็นชาวญี่ปุ่นแท้ ๆ ส่วนพนักงานบริการท่านอื่น ๆ เป็นคนไทย ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องการสั่งอาหารหรือการแนะนำอาหาร พนักงานสามารถแนะนำและบริการได้ดีมากทุกคน
เมนูของทางร้านก็จะเน้นเป็นแบบ Set course และมี A-la-carte อื่น ๆ บ้างเล็กน้อย ซึ่งเมนู Set course ก็คือ เราจะต้องเลือกว่าเราอยากกินเนื้อในรูปแบบไหน จะชาบู หรือ จะสุกี้ หรือ จะสเต็ก เราก็เลือกเอา แล้วที่เหลือไม่ว่าจะเป็น Appetizer, Soup, Side dish หรืออะไรต่าง ๆ มันจะมาพร้อมคอร์สของมันอยู่แล้วครับ ซึ่งมันเยอะและอลังการมาก ซึ่งถ้าใครที่ไม่กินเนื้อก็ไม่ต้องเสียใจไปเพราะว่าเค้ามีคอร์สเมนูที่เป็นปลาและซูชิให้เลือกด้วยเช่นกัน
งั้นเราลองมาดูคอร์สเมนูและเมนูต่าง ๆ ที่เราจะมารีวิวในวันนี้กันครับว่ามีเมนูอะไรบ้าง มีทั้งหมด 7 เมนูดังนี้ครับ
Dinner Set
1. Shabu Shabu course (Premium Set : Wagyu Strip loin) – 3,300 BHT
2. Sukiyaki course (Premium Set : Wagyu Strip loin) – 3,300 BHT
A-la-Carte
3. Wagyu Strip loin Steak Premium – 3,000 BHT
4. Sushi & Roll Sushi – 700 BHT
5. Wagyu Sushi (3 pcs) - 500 BHT
Lunch Set
6. Wagyu Toro rice (Lunch Set only) – 490 BHT
7. Wagyu Hamburg with curry rice (Lunch Set only) – 490 BHT
คอร์สเมนูที่เป็น Dinner Set ทุกเมนูจะประกอบด้วยเครื่องเคียงที่เหมือนกันเกือบทั้งหมด แต่จะมีแค่อย่างเดียวในบรรดาเครื่องเคียงที่ต่างกันก็คือ จานเครื่องเคียงที่เป็นเนื้อวากิว(Wagyu creative cuisine) ซึ่งในแต่ละคอร์สจะมีเครื่องเคียง หรือ side dish เป็นอะไรกันบ้างไปดูกัน
• 3 sort of Special Appetizers
• Wagyu creative cuisine (แต่ละคอร์สแตกต่างกัน)
• Clear soup
• Vegetable creative cuisine
• Wagyu Beef (Main dish)
• Vegetables
• Rice
• Red Miso soup & Pickles
• Kishimen, Rice cake (มีเฉพาะในคอร์สชาบูเท่านั้น)
• Dessert
3 sort of Special Appetizers
ประกอบด้วยเมนูถ้วยเล็ก ๆ 3 ถ้วย มีเนื้อดิบกินกับไชเท้าขูดและต้นหอม, แป้งยามาอีโมะที่ทำให้เนื้อสัมผัสคล้ายโมจินุ่ม ๆ กินกับซอสรสอ่อน ๆ และวาซาบิ และสุดท้ายเป็นสลัดผลไม้
ใน 3 ถ้วยนี้ผมชอบแค่เนื้อดิบครับ เนื้อนุ่มหวานเลย ไชเท้าขูดก็มีซอสรสอมเปรี้ยวกลิ่นหอมอ่อน ๆ ก็ทำให้เนื้ออร่อยขึ้นครับ ส่วนโมจิในซุปผมว่ารสยังไม่ค่อยเข้มข้น แล้วเนื้อสัมผัสแบบนี้ยังไม่ค่อยคุ้นเคยครับ ส่วนสลัดผลไม้ก็เฉย ๆ มาก ไม่มีอะไรโดดเด่น
Wagyu creative cuisine (แต่ละคอร์สแตกต่างกัน)
เมนูนี้ที่บอกว่าแต่ละคอร์สก็จะต่างกันวันนี้ได้ลองคอร์สชาบูและคอร์สสุกี้ยากี้ เลยได้เห็นเมนูจานนี้ 2 แบบ คือ แบบแรกสำหรับคอร์สชาบู จะเป็นเนื้อวากิวนำมาซอยละเอียดจนคล้ายเส้นบะหมี่เลยกินคู่กับมันยามาอิโมะและน้ำซุปคล้ายซุปหมี่เย็น(ซารุ ราเมง) ก็อร่อยดีแต่ยังไม่ว้าวเท่าไหร่
ส่วนอีกเมนูที่ได้ลองก็คือเมนูเนื้อดิบคลุกซอสถั่วเหลือง ที่เสิร์ฟมาในคอร์สสุกี้ยากี้ เมนูนี้ค่อยโดนใจหน่อย เพราะเนื้อจะหั่นมาเป็นเส้นหนา ๆ นำไปคลุกเคล้ากับซอส รสก็กลาง ๆ แต่มีกลิ่นหอม และก็โรยงาขาวมา พร้อมกับแตงกวา กินแล้วได้อรรถรสของความนุ่มและความเป็นเนื้อได้อย่างดี รสชาติก็กำลังดีเลย ชอบครับ
Clear soup
เป็นซุปใสที่อร่อยมาก หอม และรสชาติดีเว่อร์ อยากขอเพิ่มเลย แต่เพิ่มไม่ได้นะครับ เค้าคิดเงินเพิ่มนะ คาดว่าน่าจะเป็นซุปดาชิที่เข้มข้นหน่อย มีเนื้อสับบะช่อใส่มาในซุปให้ด้วย แต่เค้าจะผสมแป้งแล็กน้อยเพื่อให้บะชื่อเกาะตัวเป็นก้อนได้ ก้อนนี้ก็อร่อยดีครับ เมนูนี้ชอบเลย
Vegetable creative cuisine
เมนูนี้เป็นผักเคียง กินเพื่อล้างปาก เตรียมพบกับเมนูเนื้อในจานหลักต่อไปครับ ก็เป็นผักนึ่งทั่ว ๆ ไป ไม่มีอะไรหวือหวาครับ
Wagyu Beef (Main dish)
เนื้อที่ใช้ในแต่ละเมนูจะมีให้เลือก 3 ระดับ ที่ส่งไปสำหรับคอร์สชาบู และสุกี้ยากี้ ก็สั่งเป็นระดับ Premium เหมือนกัน เนื้อนุ่มมาก มาดูคอร์สแรกกัน
Shabu Shabu course (Premium Set : Wagyu Strip loin) – 3,300 BHT
เนื้อชิ้นใหญ่ มีมันแทรกเป็นลายหินอ่อนสวยมาก
เมื่อนำเนื้อไปแกว่งในน้ำชาบู ก็เอามาจิ้มกับน้ำจิ้ม ซึ่งน้ำจิ้มมีให้เลือก 2 แบบ คือ พอนสึ และ น้ำจิ้มงา รสชาติกลมกล่อม ก็จะได้เนื้อที่นุ่ม หอม อร่อยกลมกล่อมครับ
เมนูนี้อร่อยมากครับขอบอกเลยว่าสุกี้ยากี้ที่ Wagyu Samurai นี่อร่อยไม่เหมือนที่ไหนแน่นอน เพราะผมรู้สึกว่าหลาย ๆ ที่ทำออกมาหวานโดด หรือหวานเค็มแบบแหลม ๆ แต่ที่นี่เป็นซุปที่หวานเค็มแบบกลมกล่อม สามารถซดน้ำสุกี้ได้เลยครับ อร่อยมากจริง ๆ
เมื่อนำเนื้อลงไปจุ่มน้ำสุกี้ก็จะได้เนื้อที่หวานหอม จุ่มลงในไข่ดิบอีกรอบ ก็ได้เนื้อที่สุดฟินแล้วครับ และในซุปก็จะมีมันของเนื้อปนออกมาทำให้ซุปยิ่งกลมกล่อมมากขึ้นครับ ผมว่าสุกี้ยากี้อร่อยกว่าชาบูนะ
[SR] Wagyu Samurai ร้านชาบู-สุกี้ สไตล์ญี่ปุ่นขนานแท้ เน้นวัตถุดิบเป็นเนื้อวากิวพรีเมี่ยมระดับ A4 จากญี่ปุ่น
วันนี้จะรีวิวร้าน Wagyu Samurai ซึ่งเป็นร้านชาบู-สุกี้ สไตล์ญี่ปุ่นขนานแท้ เพราะทั้งเนื้อวัวที่ใช้ ทั้งเจ้าของร้าน และทั้งเชฟ ล้วนเป็นญี่ปุ่นทั้งนั้น และเนื้อวากิวก็ขอบอกเลยว่าไม่ธรรมดานะ เป็นวากิวที่อยู่ในระดับพรีเมี่ยมสุด ๆ เนื้อที่นำมาใช้ในแต่ละเมนูของ Wagyu Samurai ล้วนแต่เป็นเนื้อระดับ A4 ขึ้นไปทั้งนั้น เมนูของร้าน Wagyu Samurai จะเป็นอย่างไร พรีเมี่ยมแค่ไหน ลองอ่านในรีวิวกันได้เลยครับ
ร้าน Wagyu Samurai เกิดขึ้นจาก เดิมเป็นบริษัทจัดหาและค้าส่งเนื้อวัวญี่ปุ่นให้กับร้านอาหารทั้งในประเทศญี่ปุ่นและในต่างประเทศ รวมถึงในประเทศไทยด้วย จนมาวันหนึ่งที่ทางเจ้าอยากเปิดร้านอาหารโดยใช้เนื้อที่เค้าส่งให้กับร้านต่าง ๆ มาเป็นวัตถุดิบหลัก จึงได้เกิดเป็นร้าน Wagyu Samurai แห่งนี้ขึ้น ซึ่งข้าง ๆ ร้านก็จะมี shop ขายเนื้อต่าง ๆ สำหรับลูกค้าที่อยากได้เนื้อชั้นดีไปเป็นวัตถุดิบหลักในการปรุงอาหารนั่นเอง
การเดินทางอาจจะหายากสักนิด เพราะร้านอยู่ในซอยบาร์โบส 2 บอกชื่อซอยแบบนี้ยากแน่ ๆ เอาเป็นว่าร้านจะอยู่ละแวกโรงพยาบาลกล้วยน้ำไทครับ ใครที่ขับมาบนเส้นถนนพระราม 4 ขาออกจากคลองเตยมุ่งหน้าพระโขนง ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 42 ที่จะไปทะลุห้าง Gateway Ekamai แล้วสังเกตซอยย่อยทางขวามือจะเจอซอยรูเบียร์ให้เลยมาก่อน ขับชิดขวาต่อไปแล้วซอยถัดไปจะเป็นซอยบาร์โบส 2 มีป้ายโรงพยาบาลกล้วยน้ำไทและสนามไดรฟ์กอล์ฟ Tee-off อยู่ด้วยกัน เลี้ยวเข้ามาประมาณ 300 เมตร ร้าน Wagyu Samurai จะอยู่ทางซ้ายมือ มีที่จอดกว้างขวางมากครับ
งั้นเราลองมาดูคอร์สเมนูและเมนูต่าง ๆ ที่เราจะมารีวิวในวันนี้กันครับว่ามีเมนูอะไรบ้าง มีทั้งหมด 7 เมนูดังนี้ครับ
Dinner Set
1. Shabu Shabu course (Premium Set : Wagyu Strip loin) – 3,300 BHT
2. Sukiyaki course (Premium Set : Wagyu Strip loin) – 3,300 BHT
A-la-Carte
3. Wagyu Strip loin Steak Premium – 3,000 BHT
4. Sushi & Roll Sushi – 700 BHT
5. Wagyu Sushi (3 pcs) - 500 BHT
Lunch Set
6. Wagyu Toro rice (Lunch Set only) – 490 BHT
7. Wagyu Hamburg with curry rice (Lunch Set only) – 490 BHT
คอร์สเมนูที่เป็น Dinner Set ทุกเมนูจะประกอบด้วยเครื่องเคียงที่เหมือนกันเกือบทั้งหมด แต่จะมีแค่อย่างเดียวในบรรดาเครื่องเคียงที่ต่างกันก็คือ จานเครื่องเคียงที่เป็นเนื้อวากิว(Wagyu creative cuisine) ซึ่งในแต่ละคอร์สจะมีเครื่องเคียง หรือ side dish เป็นอะไรกันบ้างไปดูกัน
• 3 sort of Special Appetizers
• Wagyu creative cuisine (แต่ละคอร์สแตกต่างกัน)
• Clear soup
• Vegetable creative cuisine
• Wagyu Beef (Main dish)
• Vegetables
• Rice
• Red Miso soup & Pickles
• Kishimen, Rice cake (มีเฉพาะในคอร์สชาบูเท่านั้น)
• Dessert
ประกอบด้วยเมนูถ้วยเล็ก ๆ 3 ถ้วย มีเนื้อดิบกินกับไชเท้าขูดและต้นหอม, แป้งยามาอีโมะที่ทำให้เนื้อสัมผัสคล้ายโมจินุ่ม ๆ กินกับซอสรสอ่อน ๆ และวาซาบิ และสุดท้ายเป็นสลัดผลไม้
ใน 3 ถ้วยนี้ผมชอบแค่เนื้อดิบครับ เนื้อนุ่มหวานเลย ไชเท้าขูดก็มีซอสรสอมเปรี้ยวกลิ่นหอมอ่อน ๆ ก็ทำให้เนื้ออร่อยขึ้นครับ ส่วนโมจิในซุปผมว่ารสยังไม่ค่อยเข้มข้น แล้วเนื้อสัมผัสแบบนี้ยังไม่ค่อยคุ้นเคยครับ ส่วนสลัดผลไม้ก็เฉย ๆ มาก ไม่มีอะไรโดดเด่น
เมนูนี้ที่บอกว่าแต่ละคอร์สก็จะต่างกันวันนี้ได้ลองคอร์สชาบูและคอร์สสุกี้ยากี้ เลยได้เห็นเมนูจานนี้ 2 แบบ คือ แบบแรกสำหรับคอร์สชาบู จะเป็นเนื้อวากิวนำมาซอยละเอียดจนคล้ายเส้นบะหมี่เลยกินคู่กับมันยามาอิโมะและน้ำซุปคล้ายซุปหมี่เย็น(ซารุ ราเมง) ก็อร่อยดีแต่ยังไม่ว้าวเท่าไหร่
ส่วนอีกเมนูที่ได้ลองก็คือเมนูเนื้อดิบคลุกซอสถั่วเหลือง ที่เสิร์ฟมาในคอร์สสุกี้ยากี้ เมนูนี้ค่อยโดนใจหน่อย เพราะเนื้อจะหั่นมาเป็นเส้นหนา ๆ นำไปคลุกเคล้ากับซอส รสก็กลาง ๆ แต่มีกลิ่นหอม และก็โรยงาขาวมา พร้อมกับแตงกวา กินแล้วได้อรรถรสของความนุ่มและความเป็นเนื้อได้อย่างดี รสชาติก็กำลังดีเลย ชอบครับ
เป็นซุปใสที่อร่อยมาก หอม และรสชาติดีเว่อร์ อยากขอเพิ่มเลย แต่เพิ่มไม่ได้นะครับ เค้าคิดเงินเพิ่มนะ คาดว่าน่าจะเป็นซุปดาชิที่เข้มข้นหน่อย มีเนื้อสับบะช่อใส่มาในซุปให้ด้วย แต่เค้าจะผสมแป้งแล็กน้อยเพื่อให้บะชื่อเกาะตัวเป็นก้อนได้ ก้อนนี้ก็อร่อยดีครับ เมนูนี้ชอบเลย
เมนูนี้เป็นผักเคียง กินเพื่อล้างปาก เตรียมพบกับเมนูเนื้อในจานหลักต่อไปครับ ก็เป็นผักนึ่งทั่ว ๆ ไป ไม่มีอะไรหวือหวาครับ
เนื้อที่ใช้ในแต่ละเมนูจะมีให้เลือก 3 ระดับ ที่ส่งไปสำหรับคอร์สชาบู และสุกี้ยากี้ ก็สั่งเป็นระดับ Premium เหมือนกัน เนื้อนุ่มมาก มาดูคอร์สแรกกัน
Shabu Shabu course (Premium Set : Wagyu Strip loin) – 3,300 BHT
เนื้อชิ้นใหญ่ มีมันแทรกเป็นลายหินอ่อนสวยมาก
เมื่อนำเนื้อไปแกว่งในน้ำชาบู ก็เอามาจิ้มกับน้ำจิ้ม ซึ่งน้ำจิ้มมีให้เลือก 2 แบบ คือ พอนสึ และ น้ำจิ้มงา รสชาติกลมกล่อม ก็จะได้เนื้อที่นุ่ม หอม อร่อยกลมกล่อมครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น