นี่เป็นครั้งแรกของการตั้งกระทู้ครับ เพราะตั้งการแชร์ประสพการณ์ความรักให้ฟังครับ
ผมกับแฟนคบหาดูใจกันมาหลายปี เราเป็นมนุษย์เงินเดือนฐานะปานกลาง(แต่ผมปานกลางมาทางจน)โดยตัวผมรอความพร้อมหลายๆด้าน
ก่อนจะแต่งงานครับ โดยที่เราไม่ได้อยู่ด้วยครับ ต่างคนอยู่บ้านกับครอบครัวตามปกติ
เรื่องนี้เริ่มต้นด้วยแฟนผมต้องการจะหาวิธีการลดหย่อนภาษี จึงคิดจะทำประกันชีวิต เพื่อเอาไว้ลดภาษี โดยโทรไปสอบถามหลายๆที่ โดยมีอยู่ที่นึง
เจ้าหน้าที่ถามประมาณว่า น้องบ้านอยู่แถวไหน (แฟนกับผมอาศัยอยู่แถวเทพารักษ์-ปากน้ำ)เจ้าหน้าที่จึงชวนแฟนผมให้เป็นตัวแทนโดยที่บอกว่า
ขาดตัวแทนแถวนั้นพอดีเลย บอกว่า น้องก็สมัครไว้เฉยๆแแหล่ะ เผื่อคนในครอบครัวหรือคนรู้จักน้องต้องการทำขึ้นมาน้องจะได้แนะนำเค้าได้ และอีก
อย่าง น้องจะได้เบื้อประกันคืนด้วยนะ แฟนผมเห็นว่าก็ไม่เห็นเป็นอะไร แค่ไปอบรม แล้วก็สอบ ผมก็พาเค้าไป สรุปว่า ผ่านครับ ได้บัตรตัวแทนมา
แรกๆก็ไม่มีอะไร เค้าทำของเค้าไปตามปกติ ทำให้ครอบครัวเค้าบ้าง แต่หลังจากนั้นไม่นาน
เริ่มคุยเรื่องเป้า เรื่องยอด แฟนเริ่มครียดครับ ผมก็งง ไหนว่าจะทำแค่คนในครอบครัว หลังจากนั้นแฟนผมก็เริ่มมาคุยกับเพื่อนๆครับคุยแนวๆถามว่า
มีคนดูแลรึยัง หรือเรื่องภาษี อะไรประมาณ คนที่สนใจก็มี คนที่ไม่สนใจก็มีตอนนั้นผมเริ่มกลัวเพื่อนๆจะเบื่อแฟนผมละ คือผมจะคอยดูอยู่ห่างๆครับ
ไม่ได้เข้าไปวุ่นวายอะไรมาก เพราะคิดว่าโตแล้ว และก็คุยกันแต่แรกแล้วว่าเราสมัครเพื่ออะไร หลังจากนั้น
เค้าก็จะมีหัวหน้าทีมครับ(จริงๆคือเจ้าหน้าที่ที่โทรไปถามทีแรก) หัวหน้าทีมเค้าก็จะส่งลูกค้าในเขตแถวๆสมุทรปราการมาให้ครับ ผมก็คอยไปรับไปส่ง
(อ้อ แฟนผมขับรถไม่เป็น) คือผมก็ไม่ได้คิดว่าลำบากอะไรนะครับ แต่คือ เวลาจะไปไหนนี่ แฟนผมจะเอาการพบลูกค้ามาก่อน เสร็จแล้วหลังจากนั้น
ค่อยจะไปไหนกัน ผมก็อืม ตามใจเค้า ไปส่งบ้าง บางทีก็ไปรอ แต่บางทีผมก็เป็นห่วงเพราะบางทีนัดเจอกันที่บ้านลูกค้าเลย ซึ่งผมก็ถามนะครับ ว่ามันจำเป็น
ต้องเข้าไปถึงบ้านเลยเหรอ แฟนผมก็ตอบว่าเราต้องดูแลลูกค้าให้ดีที่สุด จนช่วงหลังเป็นอยู่แบบนี้ จนวันนึงผมรู้สึกคือ ซึ่งปกติแฟนผมก็ต้องดูแลคนที่บ้าน
เค้าครับ เค้าต้องพาคุณย่ามาหาหมอบ้างซึ่งต้องลางาน วันนึงเค้าเล่าให้ฟังว่าวันนี้ย่าไปหาหมอ ผมถามว่าใครพาไป เค้าบอกลูกพี่ลูกน้องพาไป ผมก็ถาม
ทำไมไม่พาไปเองหล่ะ น้องพาไปจะรู้เรื่องเหรอ แฟนผมบอกว่า ไม่อยากลางาน ปีนี้ลาเยอะแล้ว ผมก็ไม่ได้อะไร แต่หลังจากนั้นไม่กี่วัน แฟนผมลางาน
ครับ โทรมาบอก ผมถามอ้าวลาไปไหน แฟนผมบอกว่า หัวหน้าทีมส่งลูกค้ามา ให้มาจบ เลยรีบลาไปพบ ผมถามแถวไหน (ในใจคิดว่าคงไม่ไกล) ที่ไหนได้
ในกรุงเทพเลยครับ แฟนผมรถก็ขับไม่เป็น ต้องนั่งรถเมล์แล้วก็ไปต่อรถไฟฟ้า ผมก็เออ เนอะ จะพาย่าไปหาหมอ บอกไม่อยากลา นี่หัวหน้าทีมโทรมาที
เดียว รีบลาเลย คือช่วงหลังนี่ เค้าลาไปกิจกรรมของประกันนี่บ่อยครับ (ไม่รู้มันจะมีอบรมอะไรกันมากมาย ทั้งค้างคืนต่างจังหวัดทั้งไม่ค้าง) ผมเริ่มรู้สึก
แปลกๆคือเวลาจะไปไหนเนี่ยต้องเผื่อเวลาไว้ให้เค้าไปหาลูกค้า หรือจะไปเที่ยวต่างจังหวัดนี่ไม่ได้เลยครับ เค้ารักงานขายตรงนี้มาก แล้วแบบว่า
ตอนหัวหน้า ทีมโทรมานี่ เสียงรับสายนี่ สวยใสอารมดีมากครับ(ไอ้เราก็นึกในใจ ตอนเราโทรไปไมไม่เจอเสียงอย่างนี้หว่า)
จนบางครั้งแฟนผมมาเล่าให้ฟังครับว่าโดนหัวหน้าดุ ว่าคุยเรื่องประกันในเวลางานรึเปล่า ผมถามว่าคุยรึเปล่าหล่ะ แฟนตอบว่าก็มีบ้าง ก็ลูกค้าโทรมาให้ทำยังไง ส่วนตอนนี้เหรอครับ เราเลิกกันแล้วครับ คือเค้าเปรียบเทียบ คนในทีมขายเค้า คนนั้น คนนี้ แบบนั้น แบบนี้ พยายามแบบนั้น แบบนี้ กับตัวผม ผมก็นั่งฟัง (ในใจน้ำตาซึม) คือสรุปผมนี่ ไม่เอาไหนเลยครับ กลายเป็นว่าผมไม่ขวนขวาย ไม่เอาไหน พึ่งพาอะไรไม่ได้ ในสายตาแฟนผม ผมก็เลยยอมที่จะเดินออกมาจากชีวิตเค้าครับ และที่เขียนมาทั้งหมดนี่ผมไม่ได้ต้องการดูถูกหรือไม่ชอบอาชีพขายประกันแบบนี้แต่อย่างใดนะครับ อย่าเข้าใจผิด ผมแค่รู้สึกว่าก่อนที่เราอยากจะไปดูแลใคร เราควรต้องดูแลคนในครอบครับ หรือคนที่เรารักหรือรักเรา ให้ดีก่อนรึเปล่า? และผมก็ไม่ได้โทษนะครับว่า ผมต้องเลิกกับแฟนเพราะเค้ามาทำงานตรงนี้ เพราะผมคงไม่เอาไหนอย่างที่แฟนบอกจริงๆ แต่เค้าพึ่งมาเห็นแค่นั้นเองซึ่งตอนนี้ผมก็ต้องยอมรับในจุดนี้ครับ คือตอนนี้ผมสับสนการใช้ชีวิตไปหมดเพราะจากแต่ก่อนที่เคยรู้สึกว่า ผมดีพอที่จะดูแลเค้า ทำให้เค้ามีความสุขได้(ผมไม่ได้ดีที่สุดแต่คิดว่าดีพอ) แต่พอมาเป็นแบบนี้มันเหมือนทุกอย่างที่เราต้ังใจไปมันพังหมด และอีกอย่างแฟนผมเคยบอกกับผมว่าชอบผมตรงที่ผมจิตใจดี มาถึงตอนนี้มันมีค่าอะไรแล้วครับ เธอยังทิ้งท้ายครับว่า ถ้ายังคบอยู่กับผม ไม่รู้ 40 จะได้แต่งรึเปล่างาน(ตอนนี้เราอายุ31ครับ) แต่ถึงตอนนี้ผมก็ยังแอบดูเธออยู่ห่างๆครับ คอยเอาใจช่วย คอยเป็นห่วง ทั้งหมดนี้ก็เลยเขียนมาเล่าให้ฟังเผื่อจะเป็นประโยชน์กับใครบ้างไม่มากก็น้อยครับ
เมื่อแฟนผมไปเป็นตัวแทนประกันชีวิต
ผมกับแฟนคบหาดูใจกันมาหลายปี เราเป็นมนุษย์เงินเดือนฐานะปานกลาง(แต่ผมปานกลางมาทางจน)โดยตัวผมรอความพร้อมหลายๆด้าน
ก่อนจะแต่งงานครับ โดยที่เราไม่ได้อยู่ด้วยครับ ต่างคนอยู่บ้านกับครอบครัวตามปกติ
เรื่องนี้เริ่มต้นด้วยแฟนผมต้องการจะหาวิธีการลดหย่อนภาษี จึงคิดจะทำประกันชีวิต เพื่อเอาไว้ลดภาษี โดยโทรไปสอบถามหลายๆที่ โดยมีอยู่ที่นึง
เจ้าหน้าที่ถามประมาณว่า น้องบ้านอยู่แถวไหน (แฟนกับผมอาศัยอยู่แถวเทพารักษ์-ปากน้ำ)เจ้าหน้าที่จึงชวนแฟนผมให้เป็นตัวแทนโดยที่บอกว่า
ขาดตัวแทนแถวนั้นพอดีเลย บอกว่า น้องก็สมัครไว้เฉยๆแแหล่ะ เผื่อคนในครอบครัวหรือคนรู้จักน้องต้องการทำขึ้นมาน้องจะได้แนะนำเค้าได้ และอีก
อย่าง น้องจะได้เบื้อประกันคืนด้วยนะ แฟนผมเห็นว่าก็ไม่เห็นเป็นอะไร แค่ไปอบรม แล้วก็สอบ ผมก็พาเค้าไป สรุปว่า ผ่านครับ ได้บัตรตัวแทนมา
แรกๆก็ไม่มีอะไร เค้าทำของเค้าไปตามปกติ ทำให้ครอบครัวเค้าบ้าง แต่หลังจากนั้นไม่นาน
เริ่มคุยเรื่องเป้า เรื่องยอด แฟนเริ่มครียดครับ ผมก็งง ไหนว่าจะทำแค่คนในครอบครัว หลังจากนั้นแฟนผมก็เริ่มมาคุยกับเพื่อนๆครับคุยแนวๆถามว่า
มีคนดูแลรึยัง หรือเรื่องภาษี อะไรประมาณ คนที่สนใจก็มี คนที่ไม่สนใจก็มีตอนนั้นผมเริ่มกลัวเพื่อนๆจะเบื่อแฟนผมละ คือผมจะคอยดูอยู่ห่างๆครับ
ไม่ได้เข้าไปวุ่นวายอะไรมาก เพราะคิดว่าโตแล้ว และก็คุยกันแต่แรกแล้วว่าเราสมัครเพื่ออะไร หลังจากนั้น
เค้าก็จะมีหัวหน้าทีมครับ(จริงๆคือเจ้าหน้าที่ที่โทรไปถามทีแรก) หัวหน้าทีมเค้าก็จะส่งลูกค้าในเขตแถวๆสมุทรปราการมาให้ครับ ผมก็คอยไปรับไปส่ง
(อ้อ แฟนผมขับรถไม่เป็น) คือผมก็ไม่ได้คิดว่าลำบากอะไรนะครับ แต่คือ เวลาจะไปไหนนี่ แฟนผมจะเอาการพบลูกค้ามาก่อน เสร็จแล้วหลังจากนั้น
ค่อยจะไปไหนกัน ผมก็อืม ตามใจเค้า ไปส่งบ้าง บางทีก็ไปรอ แต่บางทีผมก็เป็นห่วงเพราะบางทีนัดเจอกันที่บ้านลูกค้าเลย ซึ่งผมก็ถามนะครับ ว่ามันจำเป็น
ต้องเข้าไปถึงบ้านเลยเหรอ แฟนผมก็ตอบว่าเราต้องดูแลลูกค้าให้ดีที่สุด จนช่วงหลังเป็นอยู่แบบนี้ จนวันนึงผมรู้สึกคือ ซึ่งปกติแฟนผมก็ต้องดูแลคนที่บ้าน
เค้าครับ เค้าต้องพาคุณย่ามาหาหมอบ้างซึ่งต้องลางาน วันนึงเค้าเล่าให้ฟังว่าวันนี้ย่าไปหาหมอ ผมถามว่าใครพาไป เค้าบอกลูกพี่ลูกน้องพาไป ผมก็ถาม
ทำไมไม่พาไปเองหล่ะ น้องพาไปจะรู้เรื่องเหรอ แฟนผมบอกว่า ไม่อยากลางาน ปีนี้ลาเยอะแล้ว ผมก็ไม่ได้อะไร แต่หลังจากนั้นไม่กี่วัน แฟนผมลางาน
ครับ โทรมาบอก ผมถามอ้าวลาไปไหน แฟนผมบอกว่า หัวหน้าทีมส่งลูกค้ามา ให้มาจบ เลยรีบลาไปพบ ผมถามแถวไหน (ในใจคิดว่าคงไม่ไกล) ที่ไหนได้
ในกรุงเทพเลยครับ แฟนผมรถก็ขับไม่เป็น ต้องนั่งรถเมล์แล้วก็ไปต่อรถไฟฟ้า ผมก็เออ เนอะ จะพาย่าไปหาหมอ บอกไม่อยากลา นี่หัวหน้าทีมโทรมาที
เดียว รีบลาเลย คือช่วงหลังนี่ เค้าลาไปกิจกรรมของประกันนี่บ่อยครับ (ไม่รู้มันจะมีอบรมอะไรกันมากมาย ทั้งค้างคืนต่างจังหวัดทั้งไม่ค้าง) ผมเริ่มรู้สึก
แปลกๆคือเวลาจะไปไหนเนี่ยต้องเผื่อเวลาไว้ให้เค้าไปหาลูกค้า หรือจะไปเที่ยวต่างจังหวัดนี่ไม่ได้เลยครับ เค้ารักงานขายตรงนี้มาก แล้วแบบว่า
ตอนหัวหน้า ทีมโทรมานี่ เสียงรับสายนี่ สวยใสอารมดีมากครับ(ไอ้เราก็นึกในใจ ตอนเราโทรไปไมไม่เจอเสียงอย่างนี้หว่า)
จนบางครั้งแฟนผมมาเล่าให้ฟังครับว่าโดนหัวหน้าดุ ว่าคุยเรื่องประกันในเวลางานรึเปล่า ผมถามว่าคุยรึเปล่าหล่ะ แฟนตอบว่าก็มีบ้าง ก็ลูกค้าโทรมาให้ทำยังไง ส่วนตอนนี้เหรอครับ เราเลิกกันแล้วครับ คือเค้าเปรียบเทียบ คนในทีมขายเค้า คนนั้น คนนี้ แบบนั้น แบบนี้ พยายามแบบนั้น แบบนี้ กับตัวผม ผมก็นั่งฟัง (ในใจน้ำตาซึม) คือสรุปผมนี่ ไม่เอาไหนเลยครับ กลายเป็นว่าผมไม่ขวนขวาย ไม่เอาไหน พึ่งพาอะไรไม่ได้ ในสายตาแฟนผม ผมก็เลยยอมที่จะเดินออกมาจากชีวิตเค้าครับ และที่เขียนมาทั้งหมดนี่ผมไม่ได้ต้องการดูถูกหรือไม่ชอบอาชีพขายประกันแบบนี้แต่อย่างใดนะครับ อย่าเข้าใจผิด ผมแค่รู้สึกว่าก่อนที่เราอยากจะไปดูแลใคร เราควรต้องดูแลคนในครอบครับ หรือคนที่เรารักหรือรักเรา ให้ดีก่อนรึเปล่า? และผมก็ไม่ได้โทษนะครับว่า ผมต้องเลิกกับแฟนเพราะเค้ามาทำงานตรงนี้ เพราะผมคงไม่เอาไหนอย่างที่แฟนบอกจริงๆ แต่เค้าพึ่งมาเห็นแค่นั้นเองซึ่งตอนนี้ผมก็ต้องยอมรับในจุดนี้ครับ คือตอนนี้ผมสับสนการใช้ชีวิตไปหมดเพราะจากแต่ก่อนที่เคยรู้สึกว่า ผมดีพอที่จะดูแลเค้า ทำให้เค้ามีความสุขได้(ผมไม่ได้ดีที่สุดแต่คิดว่าดีพอ) แต่พอมาเป็นแบบนี้มันเหมือนทุกอย่างที่เราต้ังใจไปมันพังหมด และอีกอย่างแฟนผมเคยบอกกับผมว่าชอบผมตรงที่ผมจิตใจดี มาถึงตอนนี้มันมีค่าอะไรแล้วครับ เธอยังทิ้งท้ายครับว่า ถ้ายังคบอยู่กับผม ไม่รู้ 40 จะได้แต่งรึเปล่างาน(ตอนนี้เราอายุ31ครับ) แต่ถึงตอนนี้ผมก็ยังแอบดูเธออยู่ห่างๆครับ คอยเอาใจช่วย คอยเป็นห่วง ทั้งหมดนี้ก็เลยเขียนมาเล่าให้ฟังเผื่อจะเป็นประโยชน์กับใครบ้างไม่มากก็น้อยครับ