ผมจะบอกให้นะครับ เกี่ยวกับตำนานต่างๆ อย่าไปเชื่อ งมงายมันมากนัก สมัยนี้กับสมัยก่อน ความรู้ความเข้าใจมันต่างกัน สมัยก่อน คนมีความรู้ที่จะได้เรียนหนังสือมันน้อยมาก ข้อมูลความรู้อะไร ก็เป็นแบบบ้านๆ มาจากประสบการณ์ในการใช้ชีวิต แต่สมัยนี้ เทคโนโลยี มันก้าวหน้ามาก วิทยาศาสตร์เข้ามามีบทบาท ในการอธิบายเรื่องราว ทุกคนสามารถเรียนรู้ ได้ง่ายกว่าสมัยก่อนเยอะๆๆๆๆ จะพูดตรงๆคือ คนสมัยนี้ฉลาดกว่าคนสมัยก่อนเยอะ แต่เราก็กลับไปเชื่อเรื่องงมงายบางเรื่อง ที่บางทีเรารู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ ไปเชื่อตำนานอะไรต่อมิอะไรเยอะแยะไปหมด สมัยก่อนเราต้องเข้าใจนะว่า ไฟฟ้า ความเจริญ มันไม่เหมือนสมัยนี้ ยิ่งตามชนบท ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย ไฟฟ้าไม่มีใช้ ฉะนั้นในความมืด บางทีเห็นอะไรไป ก็จินตนาการไปตามความคิดตัวเอง ยกตัวอย่างเรื่องแต่งของผมสักเรื่องนึงละกัน สมมุติ มีตัวละคร ชื่อ ตามี ตามีอยู่ชนบท ไม่มีไฟฟ้าใช้ ตอนกลางคืนมืดมิดสนิท วันนึง ตามี เดินทางกลับบ้านตอนดึก เห็นต้นมะพร้าว ไหวเอน ไปตามลม ดูคล้ายกับผีเปรต แค่นี้จบ ตามี กลับถึงบ้านนอน คร่อกกก เช้าวันต่อมา ตามี ไปนั่งกินเหล้า กับเพื่อนๆ ก็เอาเรื่อง เมื่อคืนไปเล่าให้เพื่อนๆฟังในวงเหล้า ว่า เมื่อคืนเดินกลับบ้าน หลอนมาก มองไปที่ต้นมะพร้าว มันไหวเอน คล้ายผีเปรตเลย
หลอนสุดๆ เพื่อนตามี ได้ฟัง เอาเรื่อง พวกนี้ไปเล่าต่อเล่นๆ คนที่หนึ่งเล่า ตามีเดินกลับบ้านตอนดึก เจอต้นมะพร้าวไหวเอน คล้ายผีเปรต แกรีบโกยอ้าวเลย (ตามนิสัยคนบางทีชอบเติมแต่งสิ่งที่เล่าไป) คนที่สองเอาไปเล่าต่อ เขาว่ามีคนเดินกลับบ้านตอนกลางคืนเจอผีเปรต (สารเริ่มเปลี่ยนแหละ) คนที่สามเอาไปเล่าต่อ ระวังนะเดินกลับบ้านตอนคืนแถวนั้น มีคนเจอผีเปรตขอส่วนบุญนะ คนที่สี่ ห้า หก เล่าเอาไปเล่าต่อ สุดท้ายเป็นไง สถานที่ตรงนั้นกลายเป็นที่น่ากลัวไปเลย กลายเป็นเรื่องเล่าทีเล่าต่อๆกันมาจากยายสู่แม่ แม่สู่ลูกกลายเป็นตำนานซะงั้น ตำนานเกิดจากเรื่องแบบนี้ก็อาจมีเยอะแยะไป ฉะนั้นเราคนสมัยนี้ฉลาดกว่าคนสมัยก่อนเยอะ ต้องรู้จักคิดวิเคราะห์ ไม่ใช่เชื่อเพราะว่าเขาเกิดมาก่อนเรา อาบน้ำร้อนมาก่อนเรา เชื่อสิ คนสมัยก่อนไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลความรู้ได้ ง่ายเหมือนสมัยเรา ฉะนั้นเราอยู่ในยุคที่เทคโนโลยีมีความก้าวหน้ามาก เราต้องฉลาดที่จะเชื่อ
ตำนานต่างๆ