เลือดเปื้อนปานามา (ตอนที่ 4) จบ

(อ่านบทความเดิมตอนที่แล้วตามลิงก์นี้นะครับ http://ppantip.com/topic/34634117 )


มีคำกล่าวติดหูว่า "ถ้าคุณอยากรู้ว่าสงครามที่อิรักเกิดขึ้นด้วยเหตุใด ให้ย้อนกลับไปดูสงครามที่เกิดกับปานามา"

.....ปานามาในปี 1983 ตกอยู่ภายใต้การระบอบปกครองของนายพล นอริเอกา ซึ่งส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจโดยการลักลอบทำกิจกรรมผิดกฎหมายทุกอย่าง กลุ่มนายทหารยังมีส่วนร่วมในการสังหารและทรมานนักการเมือง ประชาชนชาวปานามาที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามหลายร้อยคน กิจกรรมผิดกฎหมายในปานามาเฟื่องฟูจนเป็นที่น่าตกใจ ทั้งนี้เมื่อนอริเอกา ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการและผู้นำสูงสุด เขาได้อนุมัติให้มีการจัดส่งกองกำลังทหารปานามา ตามคำขอของรัฐบาลโรนัล เรแกน (Ronald Reagan)ของสหรัฐ ซึ่งอนุมัติเงินหลายล้านดอลล่าห์ในการฝึกหน่วยคอมมานโดในปานามา เพื่อลักลอบส่งกองโจรปานามาเข้าร่วมกับกลุ่มกบฏ Contras เข้าบ่อนทำลายรัฐบาลซันดินิสตาในประเทศนิการากัว ในช่วงระหว่างการดำรงตำแหน่ง นายพลนอริเอกา ต้องเดินทางเข้าออกสหรัฐและอังกฤษอยู่บ่อยครั้ง เพราะสหรัฐเองมีเป้าหมายไปยังดินแดนตะวันออกไกล และ นอริเอกา จะมีส่วนร่วมในการส่งทหารปานามา เข้าร่วมโครงการพัฒนาโปรแกรมการฝึกอบรมหน่วยคอมมานโด ด้วยการสนับสนุนจากอิสราเอลเพื่อเข้าปฏิบัติการร่วมกับกลุ่มกบฏในอัฟกานิสถาน และ ร่วมประชุมวางแผนก่อวินาศกรรมพื้นที่ต่างๆ ในอเมริกากลาง อเมริกาใต้อีกด้วย ในขณะที่กิจกรรมผิดกฎหมายในประเทศปานามาได้เฟื่องฟูนั้น มันส่งผลให้ชายแดนของประเทศสหรัฐนั้นประสบปัญหาอาชญากรรม และการค้ายาเสพติดที่แพร่สะพัดออกไปทั่วไมอาร์มี่ แคลิฟอเนียและอีกหลายๆรัฐ ทั้งๆที่ต้นเหตุนั้นเกิดเพราะกลุ่มเจ้าหน้าที่ของ CIA เป็นผู้นำเข้าไปเอง ช่วงนี้เองที่ CIA จึงต้องระวังอย่างยิ่ง ในการติดต่อค้าขายสิ่งผิดกฎหมายกับ นอริเอกา เมื่อเป็นเช่นนี้ นอริเอกา จึงหันไปคุยธุรกิจค้าของเถื่อนกับประเทศจีนไปพลางๆก่อน ซึ่งธุรกิจค้าของเถื่อนกับประเทศจีนนั้น มันทำกำไรอย่างมหาศาลให้ปานามา และสิ่งนี้จึงเป็นที่ระแวงให้แก่สหรัฐอยู่เรื่อยมา…..
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

.....ปานามา ในปี 1985 ภายใต้ระบอบการปกครองเผด็จการทหาร และกลไกขับเคลื่อนระบอบ ยังคงอาศัยกิจกรรมซึ่งผิดต่อกฎหมายทั้งในประเทศปานามาเองและต่างประเทศ กลุ่มนายทหารภายใต้บังคับบัญชาของนายพลนอริเอกา ยังคงมีส่วนร่วมในการลอบสังหารและทรมานนักการเมือง หรือประชาชนชาวปานามาที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามมาโดยตลอด สร้างความไม่พอใจแก่มวลชนปานามามากขึ้นทุกวัน รวมถึงฮิวโก สปาดาโฟรา (Hugo Spadafora) นายแพทย์ฝีปากกล้าอดีตสมาชิกกองโจร ผู้เคยถูกส่งไปก่อวินาศกรรมยังนิการากัวมาแล้ว นายแพทย์ผู้นี้มักจะวิจารณ์การทำงานของคณะรัฐบาลทหารมาโดยตลอด ทั้งในสมัยของ ตอร์ริคอส ก็ยังเคยถูกเขาวิจารณ์ซะยับมาแล้ว แต่นั่น กลับไม่ใช่ในสมัยของนายพลนอริเอกา ซึ่งมีความป่าเถื่อนกว่านายเก่าของเขาหลายร้อยเท่า เมื่อถูกวิจารณ์การทำงานอยู่บ่อยครั้ง นอริเอกา จึงส่งกองกำลัง Panamanian Defense Forces : PDF ไปตามจับกุมตัว สปาดาโฟรา ซึ่งกกดานอยู่ที่คอสตาริกา และผลของปฏิบัติการนี้ทำให้นายแพทย์ฝีปากกล้า หายตัวไปจากวงสังคมซะเฉยๆ ต่อมาในวันที่ 13 กันยายนในปี 1985 จึงมีผู้พบศพเขา ซึ่งมีร่องรอยการถูกทารุณกรรมอย่างหนักไปทั่วทั้งตัว และที่สำคัญ หัวของนายแพทย์ผู้นี้ได้หายไป ต่อมาจึงพบว่าหัวของเขาถูกยัดใส่ในถุงทิ้งไว้ยังที่ทำการไปรษณีย์ เหตุการณ์ป่าเถื่อนแบบนี้จึงเป็นแรงกระตุ้นให้มวลชนปานามาเริ่มแสดงออกถึงการต่อต้าน และเริมเดินขบวนประท้วงขับไล่รัฐบาล แต่นายพลนอริเอกา ซึ่งมีความเผด็จการเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงสั่งประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ และส่งกองกำลังทหารแห่งชาติเข้าสลายการชุมนุมทันที

กลับไปยังทำเนียบขาวสหรัฐอเมริกา

.....ประชาชนและสื่อมวลชน เริ่มตั้งข้อซักถามเกี่ยวกับทิศทางของสหรัฐฯที่มีต่อปานามา และข้อซักถามเกี่ยวกับความเป็นไปได้หรือไม่ ที่เจ้าหน้าที่ CIA บางนาย มีส่วนรู้เห็นหรือความเชื่อมโยงเกี่ยวกับกิจกรรมผิดกฎหมาย ระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯและนายพลนอริเอกา ทั้งๆที่รัฐบาลสหรัฐฯเองมีหลักฐานอย่างแน่นหนา เกี่ยวกับยาเสพติดที่มาจากขบวนการค้ายาในปานามา ซึ่งแพร่กระจายและสร้างความเสียหายต่อไมอามี่และรัฐใกล้เคียง คำถามแบบนี้ มันสั่นคลอนคะแนนเสียงของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งคนใดจะได้รับเลือกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่า เขาจะมีวิธีรับมือหรือแก้ไขปัญหาข้อนี้ให้ประชาชนสหรัฐฯได้มากน้อยเพียงใด ? ภาระความซวยจึงตกมายังประธานาธิบดีโรนัล เรแกน (Ronald Reagan) ซึ่งเคยถูกยิงมาแล้ว เพราะเป็นคนหัวดื้อเรแกน ต้องร่วมมือกับนายทหารหัวกะทิและ CIA เพื่อปูทางให้ประธานาธิบดีคนใหม่ สานต่อโครงการความวิบัติที่ลาตินอเมริกาต่อ ฝ่าย CIA จึงเริ่มวางแผนให้นอริเอกา ลงจากตำแหน่ง ในเมื่อเราสามารถเอานายพลคนนี้ขึ้นไปไว้บนยอดอำนาจได้ ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่เราจะถีบเขาลงมาคืนได้เช่นกัน ในขณะที่ CIA ดำเนินยุทธศาสตร์ไป เรแกนก็ดำเนินกลยุทธ์ไปพร้อมๆกัน ด้วยการประชุมยังสภาคองเกรส โดยขอให้สหรัฐฯสามารถตั้งฐานทัพไว้ยังคลองปานามาได้ต่อ ถึงแม้ในอนาคตข้างหน้าจะได้ส่งมอบคลองปานามาคืนไปแล้วก็ตามที ฝ่ายยุทธศาสตร์ CIAก็ส่งเจ้าหน้าที่เจรจากับตัวแทนปานามา โดยเสนอให้ นอริเอกาลงจากตำแหน่งและลี้ภัยไปที่อื่นเสีย ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ แน่นอนว่า นอริเอกา ไม่เห็นด้วยอย่างเด็ดขาด เขาจึงออกแถลงการณ์ปลุกระดมชาวปานามาให้ต่อต้านสหรัฐฯทันที ม็อบชาวปานามาที่ยังคงภักดีต่อนอริเอกา จึงเริ่มทำลายอาคารสิ่งปลูกสร้างของสหรัฐฯในประเทศปานามา โดยหารู้ไม่ว่า เข้าทางแผนการอ้างความชอบธรรมในการส่งทหารเข้าจับนายพลนอริเอกาต่างหาก

.....ระหว่างนี้เองที่ CIA เริ่มค้นพบเบาะแสและต้องประหลาดใจเป็นอย่างมาก เพราะที่ผ่านมา ไม่ว่าสหรัฐฯจะดำเนินกลยุทธ์ร้ายๆที่ใดของโลก ฝ่ายคอมมิวนิสต์ก็มักจะรู้ทันแผนการทุกครั้งไป นั่นก็เพราะนายพลนอริเอกา เป็นนกสองหัวมาถึง 15 ปี เขาขายข่าวคิวบาให้สหรัฐฯ และก็ขายสหรัฐฯให้คิวบาเช่นกัน CIA จึงต้องเร่งกดดันให้นายพลคนนี้ออกจากปานามาให้จงได้ และดูเหมือนว่านายพลคนนี้ก็เริ่มอ่อนข้อให้กับสหรัฐฯมากขึ้น ต่อมาในวันที่ 17มกราคม ปี 1988 หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส รายงานว่าผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหมอาร์มิเทจ (Richard L. Armitage) ซึ่งได้ทำภารกิจลับในปานามาช่วงต้นเดือนมกราคมแจ้งว่า นายพลนอริเอกา จะขอลี้ภัยออกจากเมืองภายในสามเดือนข้างหน้า แต่ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ปี 1988 เขากลับถูกฟ้องโดยสองคณะลูกขุนของรัฐบาลกลางในแทมปาและไมอามี่ ในข้อหาลักลอบขนยาเสพติดและการดำเนินการฟอกเงินในปานามา มรสุมชีวิตเริ่มถาโถมมาหานายพลคนนี้ เมื่อกลุ่มนายตำรวจซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก CIA เริ่มวางแผนเข้าทำการรัฐประหาร รวมถึงสหรัฐฯเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ ห้ามบริษัทของสหรัฐและรัฐบาลชำระเงินตอบแทนการเช่าคลองให้กับปานามา ในระหว่างที่ประเทศปานามาเริ่มเข้าสู่วิกฤติทางการเมือง สหายเก่าของนอริเอกา นายจอร์จ บุช (ผู้พ่อ) อดีตหัวเรือใหญ่มาเฟีย CIA  ก็สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ และวางแผนลับที่จะส่งทหารเข้าดินแดนปานามา แต่แผนการข่าวกลับรั่วไหล เมื่อสถานีวิทยุและบรรณาธิการข่าวในหนังสือพิมพ์รายวันของคิวบา ได้กระจายข่าวการเตรียมบุกปานามาโดยนาวิกโยธินสหรัฐฯมากกว่า 1,700 นาย และทางรัฐบาลสหรัฐฯเองก็ยืนยันถึงแผนPANAMA 5 ที่ต้องการจับเป็นนายพลนอริเอกามาลงโทษ ทางสมัชชาแห่งชาติปานามจึงออกแถลงการณ์ตอบโต้ โดยอ้างว่าปานามากำลังจะเข้าสู่สงคราม เพราะกองกำลังทหารของสหรัฐฯจำนวนกว่าหนึ่งหมื่นนาย ที่ประจำการอยู่โดยรอบคลองซึ่งถูกกำหนดให้เป็นโซนสีขาวนั้น มีเจตนาละเมิดสนธิสัญญา Torrijos-Cater โดยการแอบฝึกซ้อมรบเพื่อเตรียมการยึดคลองปานามา นายพลนอริเอกา จึงยั่วยุให้ชาวปานามาเข้าต่อต้านทันที ผลของการก่อจลาจลสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินและชีวิตของพลเรือนสหรัฐฯในปานามา

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่