ทริปนี่เป็นแบ็คแพ็คเน้นประหยัดค่าเดินทางและแวะเที่ยวตามที่ต่างๆเริ่มตั้งแต่วันที่30/12/58- 03/01/59
วันที่ 30 เราขึ้นรถไฟฟรีที่สถานีหัวลำโพง ปรากฎว่าคนแน่นมากต้องยืนจนถึงนครสวรรค์ถึงจะมีที่นั่ง รถออกจากหัวลำโพงตอน 09.20
เราไปถึงพิดโลกตอน 19.00 จากนั้นเดินจากสถานี่รถไฟไปจนถึงวัดราชบูรณะ เป็นโชคดีที่วันนั้นมีงานเทศกาลก็เลยเดินเที่ยวและหามื้อค่ำกินในงาน
งานเลิกประมานเที่ยงคืนเราก็กางเต้นท์ริมแม่น้ำน่าน
วันที่ 31 เราตื่นแต่เช้าและก็เจอโชคดีอีกแล้วเพราะเต้นท์ข้างๆเค้าใจดีแบ่งข้าวให้ คุยไปคุยมาเค้าก็บอกว่าเราสามารถเข้าไปแบ่งข้าวจากที่วัดมากินได้เพราะข้าววัดเยอะมากกินยังไงก้ไม่หมด
จากนั้นเมื่อเก็บของเสร็จก็เดินจากที่พักเต็นท์ไปใหว้ พระพุทธชินราช วัดพระศรีมหาธาตุ แถมบริเวณนั้น ยังมีอีกสองวัดที่ใกล้จนจะเรียกว่าติดกันเลยก็ได้คือ วัดนางพญา กับ วัดราชบูรณะ
จากนั้นก็ขึ้นรถสองแถวสีม่วงจากหน้าวัดพระศรีมหาธาตุ ไปลง บขส.พิดโลก ราคาละ15บาท นั่งรถหวานเย็น จากพิดโลกไปลงอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ราคาคนละ50บาท เราไปตอนเที่ยงทันรถเที่ยว14.20 รถวิ่งเกือบสองชม.ก็ถึงอุทยานประวัติศาสตร์ ตอนนั้นก้เกือบสี่โมงแล้วเราเที่ยวในอุทยานจมืด จากนั้นออกมาหาของกินบริเวณหน้าอุทยาน
หลังจากนั้นเราก็เดินไปตามทางหลวงหมายเลข1272 เพื่อหาที่กางเต้นท์ ในซอยเปรี้ยวมากเพราะมีไฟถนนแค่ร้อยเมตรแรก เราใช้ตะเกียงส่องทางเดินเข้าไปประมาณ 3 กม. ก้เจอจุดกางเต็นท์ คืนนั้นด้วยความเหนื่อยจึงนอนกันตั้งแต่สี่ทุ่ม
วันที่ 1 ตื่นตอนแปดโมง ตากเต็นท์จนถึงเก้าโมงเพราะเต็นท์เปียกน้ำค้าง เมื่อออกเดินตามถนนไปได้ไม่ถึงสิบนาทีก้เจอน้าใจดีจอกรับเราไปส่งให้ใกล้เขาหลวงมากขึ้น และทำให้เราได้เจอกับพี่โจ้กับพี่จุ๋ม พี่ที่รับเราไปจนถึงอุทยานและเป็นผู้ร่วมทริปกับเราตลอดเวลาที่อยู่สุโขทัย
พี่โจ้กับพี่จุ๋มเป็นคนสุโขทัยที่ไปทำงานในกทมและกลับมาเยี่ยมบ้านตอนปีใหม่
ทางขึ้นเขาค่อยข้างสูงขันมากพี่จุ๋มบ่นจะกลับอยู่หลายครั้งแต่สุดท้ายก้ฝืนไปถึงกันจนได้
ระหว่างทางขึ้นเขา เราก็ได้รู้จักกับ น้องแชมป์และน้องแบงค์ ที่มากางเต็นท์กันสองคน พี่โจ้จึงชวนน้องๆกางด้วยกัน
เขาหลวง เป็นเขาสูงจากน้ำทะเล1200เมตร ต้องเดินเท้าจากทำทำการอุทยานเป็นระยะทาง4กม. บนยอดมีอยู่สามยอดเขาคือ เขาแม่ย่า สำหรับดพระอาทิตย์ตก ผานารายณ์ ดูพระอาทิตย์ขึ้น และ ยอดเขาภูกา ที่จะมองห็นทั้งผานารายณ์และเขาแม่ย่า
ตอนกลางคืนก่อกองไฟหูงข้าวต้มมาม่า กินข้าว นอนดูดาว ผิงไฟ อากาศตอนประมาตีสามตีสี่อยู่ที่ประมาณ6-7องศาc ตอนเช้าตื่นไปดูพระอาทิตย์ขึ้น(ต้องฝ่าความหนาวไปน่ะ) กลับมาจุดกางเต็นท์ก็เจอพระธุดงค์มาบิณฑบาตร
#อาหารค้อนข้างแพงมากเป็นไปได้เอาขึ้นไปเองจะดีกว่า น้ำมีให้กรอกฟรี
วันที่ 2 เราลงจากเขาประมาณสิบโมงเพราะต้องตากเต็นท์ให้แห้ง เมื่อลงมาถึงก็ปั๊มพาสปอตร์อุทยานพร้อมเก็บภาพความประทับใจเสร็จ พี่โจก็พาไปแวะกินข้าวพี่บ้านของเค้า บ้านในจังหวัดสุโททัยส่วนใหญ่เป็นบ้านที่มีใต้ถุน และจะมีอ่างล้างเท้าก่อนขึ้นบ้าน อาหารบ้านพี่โจ้อร่อยมาก โดยเฉพาะต้มเค็มฟัก
หลังจากนั้าก็พาเรามาส่งที่บขส.สุโขทัย เราขึ้นรถทัวมาลงบขส.พิดโลกราคาแค่คนละ39บาท และไปนอนรอรถเที่ยวเช้าที่สถานี่รถไฟ
เช้าวันที่สามเราขึ้นรถไฟฟรีกลับกทมตั้งแต่06.05-15.00 และนั่งรถตุ๊กๆไปหมอชิตเพราะขึ้นรถเมย์ไม่เป็น5555
จากนั้นก็ต่อรถกลับชลบุรีอย่างครบ32
สำหรับทริปนี้ขอขอบคุณพี่โจ้กับพี่จุ๋มเป็นอย่างมากที่เป็นพี่เลี้ยงในทริปนี้และลุงทุกคนที่จอดรับพวกเรา
ขอบคุณไอ้อาทเพื่อนร่วมทางใจเหลือล้น
ขอบคุณตัวเองที่ถ้อสังขารขึ้นไป
[/img]
[CR] แบ็คแพ็ค 5วัน4คืน เที่ยวไปเลื่อย เป้าหมายสุดท้าย เขาหลวง อช.รามคำแหง สุโขทัย
ทริปนี่เป็นแบ็คแพ็คเน้นประหยัดค่าเดินทางและแวะเที่ยวตามที่ต่างๆเริ่มตั้งแต่วันที่30/12/58- 03/01/59
วันที่ 30 เราขึ้นรถไฟฟรีที่สถานีหัวลำโพง ปรากฎว่าคนแน่นมากต้องยืนจนถึงนครสวรรค์ถึงจะมีที่นั่ง รถออกจากหัวลำโพงตอน 09.20
เราไปถึงพิดโลกตอน 19.00 จากนั้นเดินจากสถานี่รถไฟไปจนถึงวัดราชบูรณะ เป็นโชคดีที่วันนั้นมีงานเทศกาลก็เลยเดินเที่ยวและหามื้อค่ำกินในงาน
งานเลิกประมานเที่ยงคืนเราก็กางเต้นท์ริมแม่น้ำน่าน
วันที่ 31 เราตื่นแต่เช้าและก็เจอโชคดีอีกแล้วเพราะเต้นท์ข้างๆเค้าใจดีแบ่งข้าวให้ คุยไปคุยมาเค้าก็บอกว่าเราสามารถเข้าไปแบ่งข้าวจากที่วัดมากินได้เพราะข้าววัดเยอะมากกินยังไงก้ไม่หมด
จากนั้นเมื่อเก็บของเสร็จก็เดินจากที่พักเต็นท์ไปใหว้ พระพุทธชินราช วัดพระศรีมหาธาตุ แถมบริเวณนั้น ยังมีอีกสองวัดที่ใกล้จนจะเรียกว่าติดกันเลยก็ได้คือ วัดนางพญา กับ วัดราชบูรณะ
จากนั้นก็ขึ้นรถสองแถวสีม่วงจากหน้าวัดพระศรีมหาธาตุ ไปลง บขส.พิดโลก ราคาละ15บาท นั่งรถหวานเย็น จากพิดโลกไปลงอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ราคาคนละ50บาท เราไปตอนเที่ยงทันรถเที่ยว14.20 รถวิ่งเกือบสองชม.ก็ถึงอุทยานประวัติศาสตร์ ตอนนั้นก้เกือบสี่โมงแล้วเราเที่ยวในอุทยานจมืด จากนั้นออกมาหาของกินบริเวณหน้าอุทยาน
หลังจากนั้นเราก็เดินไปตามทางหลวงหมายเลข1272 เพื่อหาที่กางเต้นท์ ในซอยเปรี้ยวมากเพราะมีไฟถนนแค่ร้อยเมตรแรก เราใช้ตะเกียงส่องทางเดินเข้าไปประมาณ 3 กม. ก้เจอจุดกางเต็นท์ คืนนั้นด้วยความเหนื่อยจึงนอนกันตั้งแต่สี่ทุ่ม
วันที่ 1 ตื่นตอนแปดโมง ตากเต็นท์จนถึงเก้าโมงเพราะเต็นท์เปียกน้ำค้าง เมื่อออกเดินตามถนนไปได้ไม่ถึงสิบนาทีก้เจอน้าใจดีจอกรับเราไปส่งให้ใกล้เขาหลวงมากขึ้น และทำให้เราได้เจอกับพี่โจ้กับพี่จุ๋ม พี่ที่รับเราไปจนถึงอุทยานและเป็นผู้ร่วมทริปกับเราตลอดเวลาที่อยู่สุโขทัย
พี่โจ้กับพี่จุ๋มเป็นคนสุโขทัยที่ไปทำงานในกทมและกลับมาเยี่ยมบ้านตอนปีใหม่
ทางขึ้นเขาค่อยข้างสูงขันมากพี่จุ๋มบ่นจะกลับอยู่หลายครั้งแต่สุดท้ายก้ฝืนไปถึงกันจนได้
ระหว่างทางขึ้นเขา เราก็ได้รู้จักกับ น้องแชมป์และน้องแบงค์ ที่มากางเต็นท์กันสองคน พี่โจ้จึงชวนน้องๆกางด้วยกัน
เขาหลวง เป็นเขาสูงจากน้ำทะเล1200เมตร ต้องเดินเท้าจากทำทำการอุทยานเป็นระยะทาง4กม. บนยอดมีอยู่สามยอดเขาคือ เขาแม่ย่า สำหรับดพระอาทิตย์ตก ผานารายณ์ ดูพระอาทิตย์ขึ้น และ ยอดเขาภูกา ที่จะมองห็นทั้งผานารายณ์และเขาแม่ย่า
ตอนกลางคืนก่อกองไฟหูงข้าวต้มมาม่า กินข้าว นอนดูดาว ผิงไฟ อากาศตอนประมาตีสามตีสี่อยู่ที่ประมาณ6-7องศาc ตอนเช้าตื่นไปดูพระอาทิตย์ขึ้น(ต้องฝ่าความหนาวไปน่ะ) กลับมาจุดกางเต็นท์ก็เจอพระธุดงค์มาบิณฑบาตร
#อาหารค้อนข้างแพงมากเป็นไปได้เอาขึ้นไปเองจะดีกว่า น้ำมีให้กรอกฟรี
วันที่ 2 เราลงจากเขาประมาณสิบโมงเพราะต้องตากเต็นท์ให้แห้ง เมื่อลงมาถึงก็ปั๊มพาสปอตร์อุทยานพร้อมเก็บภาพความประทับใจเสร็จ พี่โจก็พาไปแวะกินข้าวพี่บ้านของเค้า บ้านในจังหวัดสุโททัยส่วนใหญ่เป็นบ้านที่มีใต้ถุน และจะมีอ่างล้างเท้าก่อนขึ้นบ้าน อาหารบ้านพี่โจ้อร่อยมาก โดยเฉพาะต้มเค็มฟัก
หลังจากนั้าก็พาเรามาส่งที่บขส.สุโขทัย เราขึ้นรถทัวมาลงบขส.พิดโลกราคาแค่คนละ39บาท และไปนอนรอรถเที่ยวเช้าที่สถานี่รถไฟ
เช้าวันที่สามเราขึ้นรถไฟฟรีกลับกทมตั้งแต่06.05-15.00 และนั่งรถตุ๊กๆไปหมอชิตเพราะขึ้นรถเมย์ไม่เป็น5555
จากนั้นก็ต่อรถกลับชลบุรีอย่างครบ32
สำหรับทริปนี้ขอขอบคุณพี่โจ้กับพี่จุ๋มเป็นอย่างมากที่เป็นพี่เลี้ยงในทริปนี้และลุงทุกคนที่จอดรับพวกเรา
ขอบคุณไอ้อาทเพื่อนร่วมทางใจเหลือล้น
ขอบคุณตัวเองที่ถ้อสังขารขึ้นไป
[/img]