จะรู้สึกอย่างไรถ้าได้เป็นเจ้าของภูเขาทั้งลูก คงรู้สึกเหมือนผมล่ะมั้งที่อย่างน้อยก็เคยเป็นเจ้าของ “เขาหลวงสุโขทัย” หนึ่งวันบนขุนเขาสูงที่มีเพียงผมคนเดียวกับเสียงธรรมชาติเพียวๆ ไม่มีสิ่งใดรบกวน
เขาหลวงลูกนั้นนั่นแหละ ลูกที่ฮิตระเบิดน้อยกว่า ภูกระดึง ภูสอยดาว หน่อยนึง เขาหลวงที่วันเสาร์ เราต้องรีบเดินขึ้นเพื่อไปจองที่กางเต็นท์ดีๆ ขืนช้าเดี๋ยวจะได้ทำเลไม่สะดวก แต่เขาที่ฮิตแบบนั้นมีผมเพียงคนเดียวได้ยังไง เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังครับ
ทริปนี้ใจจริงแค่อยากหาที่เดินป่าสักแห่ง ไปวันธรรมดา ไปคนเดียวได้ เพราะรู้สึกเหมือนแข้งขาชักอ่อนซ้อมเกินไปแล้ว ไม่ได้เดินป่าขึ้นเขามาตั้งสองเดือนกว่าๆ คิดเด็ดสะระตี่ ไม่มีที่ไหนเหมาะเท่ากับ เขาหลวงสุโขทัย อุทยานแห่งชาติรามคำแหง เพราะที่เคยไปมาก่อนหนึ่งครั้งมีเวลาน้อยไม่ได้ดั่งใจ
ถ้าจะแก้มือตอนนี้เหมาะสมที่สุด ว่าแล้วจัดกระเป๋าโลด
(1)
ทริปนี้ต้นเดือนตุลาคม ผมเดินทางลำพังจากโคราช ขึ้นรถทัวร์รอบหัวค่ำมาลงพิษณุโลกประมาณตีสาม แล้วค่อยต่อรถ มาถึงสุโขทัยตอนตีห้า ... ช่างเงียบเหงาสำหรับสถานีขนส่งผู้โดยสารเมืองประวัติศาสตร์
การขึ้นเขาหลวงต้องไปที่ทำการอุทยานแห่งชาติรามคำแหง อำเภอคีรีมาศ ห่างจากตัวเมืองสุโขทัยไปทางใต้ 30 กิโลเมตร พี่วินมาเลียบเคียงเสนอราคา 300 บาท เป็นราคาเรตปกติครับ ที่ทราบมาก็คิดเท่านี้แหละ แต่เพราะผมมีเวลาเหลือเฟือจะรีบไปใย
เห็นป้ายท่ารถคีรีมาศ แล้วยังมีรถตู้ไปนครสวรรค์ซึ่งต้องผ่านคีรีมาศ แต่รอแล้วรอเล่าจนฟ้าสว่างกระจ่างแจ้ง เดินไปกินข้าวก็แล้ว ยังไม่มีวี่แววรถจะมา สอบถามคนแถวนั้นบอกว่าแบบนี้แหละเพราะที่นี่คนน้อย
7.30 น. ยังคงนิ่งสนิท เลยต้องร่วมหอลงโรงกับพี่วินแหละครับ 300 บาท แพงหรือเปล่า เทียบกับความสะดวก เส้นทาง และระยะทาง ผมว่าโอเคนะ ไม่ใช่ราคาประหยัด แต่สมน้ำสมเนื้ออยู่
ระหว่างทางบนอานหลังพี่วิน เขาหลวงเด่นตระหง่านอยู่ข้างๆ
ประมาณครึ่งชั่วโมงจาก บขส.สุโขทัย ก็ถึงด่านเก็บค่าธรรมเนียมอุทยานฯ 40 บาท ควักจ่ายให้เรียบร้อย ตอนนี้มีประกันอุบัติเหตุที่อุทยานฯ ร่วมกับกรุงไทยด้วยแค่ 10 บาท คุ้มครองอุบัติเหตุที่เกิดระหว่างเดินป่า น่าสนใจมาก แต่ผมมีประกันอุบัติเหตุส่วนตัวอยู่แล้วเลยไม่มีความจำเป็นต้องทำ
เข้ามาด้านในเรียบร้อย สิ่งแรกที่ต้องทำคือลงทะเบียน จ่ายค่าธรรมเนียมค้างแรม 30 บาท ต่อคน ต่อคืน (ผมค้างสองคืนก็ 60 บาท) หากจะเช่าอุปกรณ์ต่างๆ ก็ติดต่อที่นี่ มีมัดจำขยะอีก 200 บาท ซึ่งจะได้คืนตอนนำขยะกลับลงมา คนที่ต้องการลูกหาบก็เคลียร์ให้เสร็จตรงนี้เช่นกัน ราคา 25-30 บาท ไม่น่าจะเกินนี้ ผมลืมถามมาครับเพราะไม่ได้ใช้บริการ
วันนี้ผมลงทะเบียนพร้อมกับน้องอีกสองคนจากเชียงราย คิดว่าหลังจากนั้นคงมีคนอื่นทยอยตามขึ้นมาบ้าง สุดท้ายสรุปว่าคืนนั้นมีแค่เราสามคนเท่านั้น
ไม่ไกลศูนย์บริการนักท่องเที่ยวมีร้านสวัสดิการ ถ้าจะซื้อของเล็กๆ น้อยๆ ก่อนขึ้นเขาก็จัดการซะ หรือสั่งข้าวกลางวันเป็นเสบียงก็ตามสบาย บางคนอาจเดินเร็วถึงก่อนหิว แต่สำหรับผมรู้ตัวว่างานนี้ช้าแน่นอน เอาข้าวไปตุนไว้หนึ่งห่อดีที่สุด
เอาล่ะขึ้นเป้ได้แล้ว งวดนี้ 19 กิโลกรัม รวมกล้องทั้งเซ็ต ถือว่าปกติ ไม่น้อยแต่ไม่มากกว่าที่เคยแบก
ระยะทางขึ้นเขาหลวง 3.7 กิโลเมตร เป็นทางชันส่วนใหญ่ ช่วงราบมีน้อย แต่ไม่ถือว่าโหดหินมากเพราะอุทยานฯ ทำบันไดและราวช่วยพยุงตัวตลอดทาง ถึงอย่างนั้นก็ไม่เรียกว่าง่าย แบกเป้ขึ้นเขาไม่มีที่ไหนง่ายหรอกครับ
ข้อดีอีกอย่างของเขาหลวงคือมีน้ำสะอาดซึ่งสามารถเติมดื่มตลอดครึ่งทางแรก เป็นน้ำจากตาน้ำซึ่งอุทยานฯ ต่อท่อลงมาเก็บในถังเป็นจุดๆ การเดินที่นี่จึงไม่ต้องพกน้ำขึ้นไปเยอะ แค่มีขวดไว้เติมระหว่างทางก็พอ
ผมมีเวลาเหลือเฟือ แถมยังง่วนถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอ เปลี่ยนกล้องไปเปลี่ยนกล้องมา ตั้งขาตั้งให้วุ่นวาย ได้ใช้เวลาแบบไม่ต้องเร่ง เป็นข้อดีของการขึ้นเขาแต่เช้า แถมค้างตั้งสองคืน
ประมาณชั่วโมงครึ่งถึงจุดพักชมวิวตรงนี้ 1.6 จาก 3.7 กิโลเมตร มีนักท่องเที่ยวสวนทางมากลุ่มใหญ่ สอบถามว่าเมื่อเช้าไม่มีหมอก ซึ่งไม่น่าประหลาดใจเพราะอากาศดูแห้งๆ ไม่ชื้นเท่าไหร่
เดินไป พักไป ถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอไป บ่ายโมงครึ่งมาถึงจุดนี้ ไทรงาม ต้นไทรยักษ์ใหญ่อลังการมาก ไม่ไกลกันมีถ้ำเล็กๆ มุดเข้าไปดูสักหน่อย ด้านในมีเทวรูปพระแม่ย่าประดิษฐานอยู่
พระแม่ย่าคือใคร? จากความเชื่อน่าจะหมายถึงนางเสือง พระมเหสีของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ หรือพระราชมารดาของพ่อขุนรามคำแหง ซึ่งเป็นที่เคารพของชาวสุโขทัยนั่นเอง มีศาลพระแม่ย่าอยู่ที่อำเภอคีรีมาศด้วย น่าเสียดายที่ผมไม่มีโอกาสแวะเวียนไปสักการะ เพราะรถคีรีมาศไม่มาสักที
จากไทรงามขึ้นทางชันอีกสักพักจะเป็นทางราบยาวแล้วล่ะ พอผ่านปล่องนางนาค (นางพญานาคนะไม่ใช่นางนาคพระโขนง) ไปอีกแต่ 400 เมตร ก็จะถึงที่หมายลานกางเต็นท์ของเรา
เหนื่อยไม่ใช่เล่น สรุปเวลารวมของผมห้าชั่วโมง บ้าไปแล้ว (ฮา...) อย่างที่บอกครับเดินเรื่อยๆ ถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอตลอดทาง แต่ช้าขนาดนี้ยังแค่บ่ายสองโมงครึ่ง แถมค้างตั้งสองคืน เวลามันเหลือจะเฟือ
ป้ายบอก 1,200 เมตร แต่จุดที่ลานกางเต็นท์ไม่ถึงตัวเลขที่ว่าหรอกครับ ต้องไปตามยอดเขาต่างๆ ที่จะอยู่สูงกว่านี้อีกนิดหน่อย
จากการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ นักวิ่งเทรลเจ๋งๆ ทำเวลาดีสุดแค่ 45 นาที ถ้าวิ่งเทรลทั่วไปอยู่ที่ราวชั่วโมงเศษ ส่วนนักท่องเที่ยวหากแบกของเองเดินขึ้นเร็วๆ ก็ประมาณสองชั่วโมงนิดๆ ใครเป็นสายทำเวลาก็เชิญลองวัดตัวเองดูครับ
บนลานกางเต็นท์มีบ้านพักเจ้าหน้าที่ ติดต่อขอรับของเช่ากันตรงนี้ และหากต้องการซื้อของกินเล็กๆ น้อยๆ มาม่า ปลากระป๋อง น้ำอัดลม ก็มีขายอยู่ครับ
ที่นี่มีห้องน้ำเยอะพอสมควร อาจไม่ได้ดีเลิศ แต่ก็สะอาดและถือว่าดีมากแล้วสำหรับการขึ้นมานอนบนเขา ส่วนเรื่องน้ำไม่ต้องห่วง ถ้าไม่แล้งจัดจริงๆ ที่นี่ไม่เคยขาด มีกินมีใช้ตลอด ใครไม่กล้าดื่มตรงๆ ก็กรองสักหน่อย หรือจะต้มกินก็แล้วแต่สะดวก
ผมกางเต็นท์เสร็จก็นั่งๆ นอนๆ พักผ่อนตามสบาย บรรยากาศเงียบสงบสุดยอดไปเลย
บนเขาหลวงมียอดเขาสี่ยอด เขานารายณ์ (พระอาทิตย์ขึ้น) เขาเจดีย์ เขาพระแม่ย่า (พระอาทิตย์ตก) และเขาภูกา เส้นทางวนรอบเป็นวงกลม รวมระยะทางทั้งหมดราว 4 กิโลเมตร ซึ่งผมมานอนสองคืนก็เพื่อเก็บให้ครบทุกยอดแบบไม่ต้องรีบนี่แหละครับ
ตกเย็นวอร์มอัพสักหน่อย เดินไปดูพระอาทิตย์ตกที่เขาพระแม่ย่า ระยะทางกิโลเดียว เส้นทางขึ้นๆ ลงๆ นิดหน่อยได้เหงื่อพอสมควร
เขาพระแม่ย่าอยู่ตรงกลางของยอดเขาทั้งสี่ เพื่อนรวมลานกางเต็นท์สองคนไปรออยู่ก่อนแล้ว คุยกันไปคุยกันมาได้ความว่าพรุ่งนี้พวกเขาลงแต่เช้า ซึ่งหมายความว่ามีผมคนเดียวเดินเที่ยวเส้นทางศึกธรรมชาติรอบๆ เพราะกลุ่มใหม่ที่ขึ้นมาคงไม่มีใครเดินตั้งแต่วันแรกที่มาถึงแน่นอน
พระอาทิตย์ตกวันนี้สวยดีจริงๆ ยอดข้างหน้าที่เห็นคือเขาภูกาครับ
กลับมาที่เต็นท์ก็กินดินเนอร์ง่ายๆ มาคนเดียวไม่รู้จะซื้อของสดมาทำให้เมื่อยทำไม ต้มมาม่า โรยน้ำพริกนิดหน่อยอร่อยแล้ว
คืนนี้ฟ้าเปิดดาวสวยมากครับ ทางช้างเผือกเห็นได้ในช่วงหัวค่ำพาดผ่านกลางกบาล ตรงลานกางเต็นท์ถ่ายดาวลำบากหน่อยเพราะเจ้าหน้าที่เปิดไฟส่องสว่างจนถึงสี่ทุ่ม ซึ่งถ้าจะให้ดีเดินไปตรงลานจอด ฮ. หรือเขานารายณ์ ก็ได้
แต่ผมไม่ได้ไปหรอกครับ แบตหมด... แบตกล้องน่ะหรือ เปล่า... แบตตัวเองนี่แหละ หมดแล้ว (ฮา...) ขอหามุมถ่ายที่ลานกางเต็นท์แล้วกัน ได้แค่ไหนแค่นั้นพอ
[CR] เขาหลวงสุโขทัย ในวันที่ “เขา” เป็นของผม
จะรู้สึกอย่างไรถ้าได้เป็นเจ้าของภูเขาทั้งลูก คงรู้สึกเหมือนผมล่ะมั้งที่อย่างน้อยก็เคยเป็นเจ้าของ “เขาหลวงสุโขทัย” หนึ่งวันบนขุนเขาสูงที่มีเพียงผมคนเดียวกับเสียงธรรมชาติเพียวๆ ไม่มีสิ่งใดรบกวน
เขาหลวงลูกนั้นนั่นแหละ ลูกที่ฮิตระเบิดน้อยกว่า ภูกระดึง ภูสอยดาว หน่อยนึง เขาหลวงที่วันเสาร์ เราต้องรีบเดินขึ้นเพื่อไปจองที่กางเต็นท์ดีๆ ขืนช้าเดี๋ยวจะได้ทำเลไม่สะดวก แต่เขาที่ฮิตแบบนั้นมีผมเพียงคนเดียวได้ยังไง เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังครับ
ทริปนี้ใจจริงแค่อยากหาที่เดินป่าสักแห่ง ไปวันธรรมดา ไปคนเดียวได้ เพราะรู้สึกเหมือนแข้งขาชักอ่อนซ้อมเกินไปแล้ว ไม่ได้เดินป่าขึ้นเขามาตั้งสองเดือนกว่าๆ คิดเด็ดสะระตี่ ไม่มีที่ไหนเหมาะเท่ากับ เขาหลวงสุโขทัย อุทยานแห่งชาติรามคำแหง เพราะที่เคยไปมาก่อนหนึ่งครั้งมีเวลาน้อยไม่ได้ดั่งใจ
ถ้าจะแก้มือตอนนี้เหมาะสมที่สุด ว่าแล้วจัดกระเป๋าโลด
ทริปนี้ต้นเดือนตุลาคม ผมเดินทางลำพังจากโคราช ขึ้นรถทัวร์รอบหัวค่ำมาลงพิษณุโลกประมาณตีสาม แล้วค่อยต่อรถ มาถึงสุโขทัยตอนตีห้า ... ช่างเงียบเหงาสำหรับสถานีขนส่งผู้โดยสารเมืองประวัติศาสตร์
การขึ้นเขาหลวงต้องไปที่ทำการอุทยานแห่งชาติรามคำแหง อำเภอคีรีมาศ ห่างจากตัวเมืองสุโขทัยไปทางใต้ 30 กิโลเมตร พี่วินมาเลียบเคียงเสนอราคา 300 บาท เป็นราคาเรตปกติครับ ที่ทราบมาก็คิดเท่านี้แหละ แต่เพราะผมมีเวลาเหลือเฟือจะรีบไปใย
เห็นป้ายท่ารถคีรีมาศ แล้วยังมีรถตู้ไปนครสวรรค์ซึ่งต้องผ่านคีรีมาศ แต่รอแล้วรอเล่าจนฟ้าสว่างกระจ่างแจ้ง เดินไปกินข้าวก็แล้ว ยังไม่มีวี่แววรถจะมา สอบถามคนแถวนั้นบอกว่าแบบนี้แหละเพราะที่นี่คนน้อย
7.30 น. ยังคงนิ่งสนิท เลยต้องร่วมหอลงโรงกับพี่วินแหละครับ 300 บาท แพงหรือเปล่า เทียบกับความสะดวก เส้นทาง และระยะทาง ผมว่าโอเคนะ ไม่ใช่ราคาประหยัด แต่สมน้ำสมเนื้ออยู่
ระหว่างทางบนอานหลังพี่วิน เขาหลวงเด่นตระหง่านอยู่ข้างๆ
ประมาณครึ่งชั่วโมงจาก บขส.สุโขทัย ก็ถึงด่านเก็บค่าธรรมเนียมอุทยานฯ 40 บาท ควักจ่ายให้เรียบร้อย ตอนนี้มีประกันอุบัติเหตุที่อุทยานฯ ร่วมกับกรุงไทยด้วยแค่ 10 บาท คุ้มครองอุบัติเหตุที่เกิดระหว่างเดินป่า น่าสนใจมาก แต่ผมมีประกันอุบัติเหตุส่วนตัวอยู่แล้วเลยไม่มีความจำเป็นต้องทำ
เข้ามาด้านในเรียบร้อย สิ่งแรกที่ต้องทำคือลงทะเบียน จ่ายค่าธรรมเนียมค้างแรม 30 บาท ต่อคน ต่อคืน (ผมค้างสองคืนก็ 60 บาท) หากจะเช่าอุปกรณ์ต่างๆ ก็ติดต่อที่นี่ มีมัดจำขยะอีก 200 บาท ซึ่งจะได้คืนตอนนำขยะกลับลงมา คนที่ต้องการลูกหาบก็เคลียร์ให้เสร็จตรงนี้เช่นกัน ราคา 25-30 บาท ไม่น่าจะเกินนี้ ผมลืมถามมาครับเพราะไม่ได้ใช้บริการ
วันนี้ผมลงทะเบียนพร้อมกับน้องอีกสองคนจากเชียงราย คิดว่าหลังจากนั้นคงมีคนอื่นทยอยตามขึ้นมาบ้าง สุดท้ายสรุปว่าคืนนั้นมีแค่เราสามคนเท่านั้น
ไม่ไกลศูนย์บริการนักท่องเที่ยวมีร้านสวัสดิการ ถ้าจะซื้อของเล็กๆ น้อยๆ ก่อนขึ้นเขาก็จัดการซะ หรือสั่งข้าวกลางวันเป็นเสบียงก็ตามสบาย บางคนอาจเดินเร็วถึงก่อนหิว แต่สำหรับผมรู้ตัวว่างานนี้ช้าแน่นอน เอาข้าวไปตุนไว้หนึ่งห่อดีที่สุด
เอาล่ะขึ้นเป้ได้แล้ว งวดนี้ 19 กิโลกรัม รวมกล้องทั้งเซ็ต ถือว่าปกติ ไม่น้อยแต่ไม่มากกว่าที่เคยแบก
ระยะทางขึ้นเขาหลวง 3.7 กิโลเมตร เป็นทางชันส่วนใหญ่ ช่วงราบมีน้อย แต่ไม่ถือว่าโหดหินมากเพราะอุทยานฯ ทำบันไดและราวช่วยพยุงตัวตลอดทาง ถึงอย่างนั้นก็ไม่เรียกว่าง่าย แบกเป้ขึ้นเขาไม่มีที่ไหนง่ายหรอกครับ
ข้อดีอีกอย่างของเขาหลวงคือมีน้ำสะอาดซึ่งสามารถเติมดื่มตลอดครึ่งทางแรก เป็นน้ำจากตาน้ำซึ่งอุทยานฯ ต่อท่อลงมาเก็บในถังเป็นจุดๆ การเดินที่นี่จึงไม่ต้องพกน้ำขึ้นไปเยอะ แค่มีขวดไว้เติมระหว่างทางก็พอ
ผมมีเวลาเหลือเฟือ แถมยังง่วนถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอ เปลี่ยนกล้องไปเปลี่ยนกล้องมา ตั้งขาตั้งให้วุ่นวาย ได้ใช้เวลาแบบไม่ต้องเร่ง เป็นข้อดีของการขึ้นเขาแต่เช้า แถมค้างตั้งสองคืน
ประมาณชั่วโมงครึ่งถึงจุดพักชมวิวตรงนี้ 1.6 จาก 3.7 กิโลเมตร มีนักท่องเที่ยวสวนทางมากลุ่มใหญ่ สอบถามว่าเมื่อเช้าไม่มีหมอก ซึ่งไม่น่าประหลาดใจเพราะอากาศดูแห้งๆ ไม่ชื้นเท่าไหร่
เดินไป พักไป ถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอไป บ่ายโมงครึ่งมาถึงจุดนี้ ไทรงาม ต้นไทรยักษ์ใหญ่อลังการมาก ไม่ไกลกันมีถ้ำเล็กๆ มุดเข้าไปดูสักหน่อย ด้านในมีเทวรูปพระแม่ย่าประดิษฐานอยู่
พระแม่ย่าคือใคร? จากความเชื่อน่าจะหมายถึงนางเสือง พระมเหสีของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ หรือพระราชมารดาของพ่อขุนรามคำแหง ซึ่งเป็นที่เคารพของชาวสุโขทัยนั่นเอง มีศาลพระแม่ย่าอยู่ที่อำเภอคีรีมาศด้วย น่าเสียดายที่ผมไม่มีโอกาสแวะเวียนไปสักการะ เพราะรถคีรีมาศไม่มาสักที
จากไทรงามขึ้นทางชันอีกสักพักจะเป็นทางราบยาวแล้วล่ะ พอผ่านปล่องนางนาค (นางพญานาคนะไม่ใช่นางนาคพระโขนง) ไปอีกแต่ 400 เมตร ก็จะถึงที่หมายลานกางเต็นท์ของเรา
เหนื่อยไม่ใช่เล่น สรุปเวลารวมของผมห้าชั่วโมง บ้าไปแล้ว (ฮา...) อย่างที่บอกครับเดินเรื่อยๆ ถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอตลอดทาง แต่ช้าขนาดนี้ยังแค่บ่ายสองโมงครึ่ง แถมค้างตั้งสองคืน เวลามันเหลือจะเฟือ
ป้ายบอก 1,200 เมตร แต่จุดที่ลานกางเต็นท์ไม่ถึงตัวเลขที่ว่าหรอกครับ ต้องไปตามยอดเขาต่างๆ ที่จะอยู่สูงกว่านี้อีกนิดหน่อย
จากการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ นักวิ่งเทรลเจ๋งๆ ทำเวลาดีสุดแค่ 45 นาที ถ้าวิ่งเทรลทั่วไปอยู่ที่ราวชั่วโมงเศษ ส่วนนักท่องเที่ยวหากแบกของเองเดินขึ้นเร็วๆ ก็ประมาณสองชั่วโมงนิดๆ ใครเป็นสายทำเวลาก็เชิญลองวัดตัวเองดูครับ
บนลานกางเต็นท์มีบ้านพักเจ้าหน้าที่ ติดต่อขอรับของเช่ากันตรงนี้ และหากต้องการซื้อของกินเล็กๆ น้อยๆ มาม่า ปลากระป๋อง น้ำอัดลม ก็มีขายอยู่ครับ
ที่นี่มีห้องน้ำเยอะพอสมควร อาจไม่ได้ดีเลิศ แต่ก็สะอาดและถือว่าดีมากแล้วสำหรับการขึ้นมานอนบนเขา ส่วนเรื่องน้ำไม่ต้องห่วง ถ้าไม่แล้งจัดจริงๆ ที่นี่ไม่เคยขาด มีกินมีใช้ตลอด ใครไม่กล้าดื่มตรงๆ ก็กรองสักหน่อย หรือจะต้มกินก็แล้วแต่สะดวก
ผมกางเต็นท์เสร็จก็นั่งๆ นอนๆ พักผ่อนตามสบาย บรรยากาศเงียบสงบสุดยอดไปเลย
บนเขาหลวงมียอดเขาสี่ยอด เขานารายณ์ (พระอาทิตย์ขึ้น) เขาเจดีย์ เขาพระแม่ย่า (พระอาทิตย์ตก) และเขาภูกา เส้นทางวนรอบเป็นวงกลม รวมระยะทางทั้งหมดราว 4 กิโลเมตร ซึ่งผมมานอนสองคืนก็เพื่อเก็บให้ครบทุกยอดแบบไม่ต้องรีบนี่แหละครับ
ตกเย็นวอร์มอัพสักหน่อย เดินไปดูพระอาทิตย์ตกที่เขาพระแม่ย่า ระยะทางกิโลเดียว เส้นทางขึ้นๆ ลงๆ นิดหน่อยได้เหงื่อพอสมควร
เขาพระแม่ย่าอยู่ตรงกลางของยอดเขาทั้งสี่ เพื่อนรวมลานกางเต็นท์สองคนไปรออยู่ก่อนแล้ว คุยกันไปคุยกันมาได้ความว่าพรุ่งนี้พวกเขาลงแต่เช้า ซึ่งหมายความว่ามีผมคนเดียวเดินเที่ยวเส้นทางศึกธรรมชาติรอบๆ เพราะกลุ่มใหม่ที่ขึ้นมาคงไม่มีใครเดินตั้งแต่วันแรกที่มาถึงแน่นอน
พระอาทิตย์ตกวันนี้สวยดีจริงๆ ยอดข้างหน้าที่เห็นคือเขาภูกาครับ
กลับมาที่เต็นท์ก็กินดินเนอร์ง่ายๆ มาคนเดียวไม่รู้จะซื้อของสดมาทำให้เมื่อยทำไม ต้มมาม่า โรยน้ำพริกนิดหน่อยอร่อยแล้ว
คืนนี้ฟ้าเปิดดาวสวยมากครับ ทางช้างเผือกเห็นได้ในช่วงหัวค่ำพาดผ่านกลางกบาล ตรงลานกางเต็นท์ถ่ายดาวลำบากหน่อยเพราะเจ้าหน้าที่เปิดไฟส่องสว่างจนถึงสี่ทุ่ม ซึ่งถ้าจะให้ดีเดินไปตรงลานจอด ฮ. หรือเขานารายณ์ ก็ได้
แต่ผมไม่ได้ไปหรอกครับ แบตหมด... แบตกล้องน่ะหรือ เปล่า... แบตตัวเองนี่แหละ หมดแล้ว (ฮา...) ขอหามุมถ่ายที่ลานกางเต็นท์แล้วกัน ได้แค่ไหนแค่นั้นพอ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้