กระทู้นี้ ผมก็จะมารีวิว การหอบสังขาร ขึ้นเขาหลวงสุโขทัย ให้เพื่อนๆ ได้เป็นแนวทางก่อนการไปเที่ยวกันนะครับ
***** เขาหลวงสุโขทัย ****** ชื่อนี้... ที่นักเดินป่าส่วนใหญ่ ที่พึ่งเริ่มเดินป่ามักจะเลือกเป็นที่ทดสอบร่างกายเป็นอันดับแรกๆ
ว่า... จะไปต่อหรือขายอุปกรณ์ทิ้ง ... 555
ชื่ออย่างเป็นทางการ มีนามว่า "อุทยานแห่งชาติรามคำแหง" เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 18 ของไทย น่าจะเปิดตั้งแต่ปี 2523
ปากเล่าไม่เท่าไปเอง อุทยานเปิด 05.30 น. เริ่มเดินขึ้นเขา 07.00น.- 14.00น. เขาหลวงขึ้นชื่นเรื่องของความโหด ระยะทางแค่ 3.7 กม. แต่บอกเลย
ทางขึ้นชัน 45-90องศา ตลอดทาง บนเขาหลวงจะมีร้านค้าสวัสดิการเล็กๆ มีน้ำดื่ม ข้าวไข่เจียว มาม่า มีน้ำร้อนบริการฟรี ช่วงเช้ากับเย็น
มีห้องน้ำแยกชายหญิง ห้องน้ำมีหลายห้อง สะดวกอยู่ครับ แต่เป๊บซี่เย็นๆ ไม่มีแน่นอน...555
*** ค่าใช้จ่ายในการเดินขึ้นเขาหลวง
- ค่าเข้าอุทยาน คนละ 40
- ค่าพื้นที่กางเต็นท์คนละ 30/คน/คืน
- ค่ามัดจำขยะ 200 บาท จะคืนตอนลง
- ค่าจ้างลูกหาบ กก.ละ 25
จุดเช็คอินบนเขาหลวง (ระยะทางจากจุดกางเต็นท์)
- เขาพระเจดีย์ 750 เมตร
- เขาพระแม่ย่า 980 เมตร <ชมพระอาทิตย์ตก>
- ผานารายณ์ 400 เมตร
- เขาภูกา 2200 เมตร ตรงนี้ผมไม่ได้เดินไปนะครับ เพราะร่างกายไม่ไหว... 555
ทางอุทยานฯ จะเปิดให้เริ่มเดินขึ้นได้ตั้งแต่แปดโมงเช้า
ระหว่างนี้ก็จัดแจงแบ่งสัมภาระให้ลูกหาบที่นัดเอาไว้ล่วงหน้า
เริ่มจากการเก็บสัมภาระ และจัดกระเป๋า แนะนำให้เอาเฉพาะสิ่งของที่จำเป็นไปเท่านั้นนะครับ ผมออกเดินทางจากกรุงเทพ ตอน 2 ทุ่ม
ถึงทางเขาอุทยานฯ ประมาณ ตี1 ครับ เลยกางเต้นนอนพักเอาแรงกันก่อน เพื่อรอให้เช้า....
06:00 น. พร้อมเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดอินเดียน่าโจนส์ ยืดเส้นบิดขี้เกียจเตรียมลุย
7:00 น. เริ่มรายงานตัวและลงทะเบียน ทานอาหารเช้าที่ครัวของอุทยาน มีบริการอาหารห่อระหว่างทางด้วยนะครับสามารถสั่งได้เลย
8:00 น. ทีมเราเริ่มออกเดินทาง.............
หลังจากออกเดินทางไปได้ 500 เมตรแรก ผมบอกเลย เหมือนจะตาย หายใจไม่ทัน ร่างกายปรับสภาพยังไม่ได้ ด้วยน้ำหนักตัว 96 กิโล หัวเขาก็ไม่ดี...
กระเป๋าก็หนัก 16 กิโลกว่าๆ แถมแบกแก็ดเจ็ต มาเต็มอัตราศึก.... 555 เริ่มเข้าใจประโยคที่ว่า "กูจะมาลำบากทำไมเหนี่ยยยยยย"
พอนั่งพักเกือบ ครึ่งชั่วโมง ผมก็ทำใจได้ บวกกับแรงยุ ของเพื่อนๆ ก็เริ่มออกเดินทางต่อ ( แบบไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ ... ฮาๆๆๆ ) และแล้วววววววววววววววว ผมก็ผ่านกิโลเมตรแรกไปได้.... เลยขอเพื่อนๆ นั่งพักซักพัก
11.30 น. พวกเราก็ถึงจุดชมวิว... บอกตรงๆ เลยครับ ผมเดินกันช้ามาก จนรู้สึกผิดกับเพื่อนๆ เลยที่ต้องมารอ และเดินไปพร้อมๆ กัน ตอนนี้ เราพึ่งเดินได้ กิโลกว่า และเหลือระยะทางอีกกว่า 2 กิโลเมตร ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างครับเลยทำให้เราเดินช้า นั้นคือผมเอง .... 555
หลังจากนี้เส้นทางเริ่มชันขึ้น เดินเหนื่อยกว่าเดิม แต่ร่างกายเริ่มปรับตัวได้แล้ว จังหวะการหายใจก็ดีขึ้น และแล้วพวกเราก็เดินมาถึง จุดที่ต้องเช็คอินกันทุกคนเมื่อมาถึงตรงนี้ คือ จุดพักไทรงาม ซึ่งระยะทางถึงตรงนี้ก็ประมาณ 3 กิโล เราเหลือระยะทางที่ต้องเดินอีก 900 เมตร ก็จะถึงจุดหมาย
15.30 น. และแล้วเราก็ได้มาถึงจุดพักกางเต็นท์ บอกตรงๆครับเหนื่อยมาก แต่เมื่อเห็นวิวแล้วก็หายเหนื่อย จริงหรือเปล่าไม่รู้ ส่วนผมยังเหนื่อยเหมือนเดิม ฮ่าๆ หลังจากที่กางเต็นท์ จัดเตรียมสัมภาระและอุปกรณ์เรียบร้อย ก็เดินขึ้นไปจุดชมวิว แล้วก็ถ่ายรูปกันเล็กๆน้อยๆครับ ตามประสานักท่องเที่ยว พระอาทิตย์ตกที่นี่ ไม่รู้จะอธิบายยังไง อยากให้ทุกคนได้มาสัมผัสได้มาเห็นเอาเอง เพราะการอธิบายให้เป็นความพูดแล้วก็นึกตาม มันบรรยายไม่ถูก
ขอบคุณสำหรับการเดินทาง บนเขาหลวงสุโขทัยเส้นทางที่สูงและชัน แต่เราก็สามารถมาได้แบกสังขารมาจริงๆ หลังจากนี้ไม่ได้ถ่ายรูปอะไรเยอะครับ ในใจผม อยากกลับบ้านอย่างเดียว ฮ่าๆๆ แล้วพบกันทริปต่อไปครับ......
--- 08-2021 ประสบการณ์แบกสังขารขึ้นเขาหลวงสุโขทัย ----
***** เขาหลวงสุโขทัย ****** ชื่อนี้... ที่นักเดินป่าส่วนใหญ่ ที่พึ่งเริ่มเดินป่ามักจะเลือกเป็นที่ทดสอบร่างกายเป็นอันดับแรกๆ
ว่า... จะไปต่อหรือขายอุปกรณ์ทิ้ง ... 555
ชื่ออย่างเป็นทางการ มีนามว่า "อุทยานแห่งชาติรามคำแหง" เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 18 ของไทย น่าจะเปิดตั้งแต่ปี 2523
ปากเล่าไม่เท่าไปเอง อุทยานเปิด 05.30 น. เริ่มเดินขึ้นเขา 07.00น.- 14.00น. เขาหลวงขึ้นชื่นเรื่องของความโหด ระยะทางแค่ 3.7 กม. แต่บอกเลย
ทางขึ้นชัน 45-90องศา ตลอดทาง บนเขาหลวงจะมีร้านค้าสวัสดิการเล็กๆ มีน้ำดื่ม ข้าวไข่เจียว มาม่า มีน้ำร้อนบริการฟรี ช่วงเช้ากับเย็น
มีห้องน้ำแยกชายหญิง ห้องน้ำมีหลายห้อง สะดวกอยู่ครับ แต่เป๊บซี่เย็นๆ ไม่มีแน่นอน...555
*** ค่าใช้จ่ายในการเดินขึ้นเขาหลวง
- ค่าเข้าอุทยาน คนละ 40
- ค่าพื้นที่กางเต็นท์คนละ 30/คน/คืน
- ค่ามัดจำขยะ 200 บาท จะคืนตอนลง
- ค่าจ้างลูกหาบ กก.ละ 25
จุดเช็คอินบนเขาหลวง (ระยะทางจากจุดกางเต็นท์)
- เขาพระเจดีย์ 750 เมตร
- เขาพระแม่ย่า 980 เมตร <ชมพระอาทิตย์ตก>
- ผานารายณ์ 400 เมตร
- เขาภูกา 2200 เมตร ตรงนี้ผมไม่ได้เดินไปนะครับ เพราะร่างกายไม่ไหว... 555
ทางอุทยานฯ จะเปิดให้เริ่มเดินขึ้นได้ตั้งแต่แปดโมงเช้า
ระหว่างนี้ก็จัดแจงแบ่งสัมภาระให้ลูกหาบที่นัดเอาไว้ล่วงหน้า
เริ่มจากการเก็บสัมภาระ และจัดกระเป๋า แนะนำให้เอาเฉพาะสิ่งของที่จำเป็นไปเท่านั้นนะครับ ผมออกเดินทางจากกรุงเทพ ตอน 2 ทุ่ม
ถึงทางเขาอุทยานฯ ประมาณ ตี1 ครับ เลยกางเต้นนอนพักเอาแรงกันก่อน เพื่อรอให้เช้า....
06:00 น. พร้อมเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดอินเดียน่าโจนส์ ยืดเส้นบิดขี้เกียจเตรียมลุย
7:00 น. เริ่มรายงานตัวและลงทะเบียน ทานอาหารเช้าที่ครัวของอุทยาน มีบริการอาหารห่อระหว่างทางด้วยนะครับสามารถสั่งได้เลย
8:00 น. ทีมเราเริ่มออกเดินทาง.............
หลังจากออกเดินทางไปได้ 500 เมตรแรก ผมบอกเลย เหมือนจะตาย หายใจไม่ทัน ร่างกายปรับสภาพยังไม่ได้ ด้วยน้ำหนักตัว 96 กิโล หัวเขาก็ไม่ดี...
กระเป๋าก็หนัก 16 กิโลกว่าๆ แถมแบกแก็ดเจ็ต มาเต็มอัตราศึก.... 555 เริ่มเข้าใจประโยคที่ว่า "กูจะมาลำบากทำไมเหนี่ยยยยยย"
พอนั่งพักเกือบ ครึ่งชั่วโมง ผมก็ทำใจได้ บวกกับแรงยุ ของเพื่อนๆ ก็เริ่มออกเดินทางต่อ ( แบบไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ ... ฮาๆๆๆ ) และแล้วววววววววววววววว ผมก็ผ่านกิโลเมตรแรกไปได้.... เลยขอเพื่อนๆ นั่งพักซักพัก
11.30 น. พวกเราก็ถึงจุดชมวิว... บอกตรงๆ เลยครับ ผมเดินกันช้ามาก จนรู้สึกผิดกับเพื่อนๆ เลยที่ต้องมารอ และเดินไปพร้อมๆ กัน ตอนนี้ เราพึ่งเดินได้ กิโลกว่า และเหลือระยะทางอีกกว่า 2 กิโลเมตร ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างครับเลยทำให้เราเดินช้า นั้นคือผมเอง .... 555
หลังจากนี้เส้นทางเริ่มชันขึ้น เดินเหนื่อยกว่าเดิม แต่ร่างกายเริ่มปรับตัวได้แล้ว จังหวะการหายใจก็ดีขึ้น และแล้วพวกเราก็เดินมาถึง จุดที่ต้องเช็คอินกันทุกคนเมื่อมาถึงตรงนี้ คือ จุดพักไทรงาม ซึ่งระยะทางถึงตรงนี้ก็ประมาณ 3 กิโล เราเหลือระยะทางที่ต้องเดินอีก 900 เมตร ก็จะถึงจุดหมาย
15.30 น. และแล้วเราก็ได้มาถึงจุดพักกางเต็นท์ บอกตรงๆครับเหนื่อยมาก แต่เมื่อเห็นวิวแล้วก็หายเหนื่อย จริงหรือเปล่าไม่รู้ ส่วนผมยังเหนื่อยเหมือนเดิม ฮ่าๆ หลังจากที่กางเต็นท์ จัดเตรียมสัมภาระและอุปกรณ์เรียบร้อย ก็เดินขึ้นไปจุดชมวิว แล้วก็ถ่ายรูปกันเล็กๆน้อยๆครับ ตามประสานักท่องเที่ยว พระอาทิตย์ตกที่นี่ ไม่รู้จะอธิบายยังไง อยากให้ทุกคนได้มาสัมผัสได้มาเห็นเอาเอง เพราะการอธิบายให้เป็นความพูดแล้วก็นึกตาม มันบรรยายไม่ถูก
ขอบคุณสำหรับการเดินทาง บนเขาหลวงสุโขทัยเส้นทางที่สูงและชัน แต่เราก็สามารถมาได้แบกสังขารมาจริงๆ หลังจากนี้ไม่ได้ถ่ายรูปอะไรเยอะครับ ในใจผม อยากกลับบ้านอย่างเดียว ฮ่าๆๆ แล้วพบกันทริปต่อไปครับ......