ขณะนั่งรถกลับบ้านมุขจรินทร์ นวลจันทร์คิดวนไปมาอยู่ในใจ ข้อเสนอที่สุกิจมีให้ก็ไม่เลว
ถึงหล่อนยังไม่รู้ว่าสุรางคณาเป็นยังไง แต่ดูจากศรีจิตรากับวิภา ก็ไม่น่าเลวร้าย ศรีจิตราเองก็จงรักภักดีกับหล่อน
ถึงจะโง่พอๆกับนีรนุช แต่ก็ยังไว้วางใจได้หลายเรื่อง ส่วนวิภาเอง ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ข้างหล่อนอย่างชัดเจน
แต่ก็เชื่อได้ว่าจะไม่หักหลังหล่อน ดูท่าว่าลูกสาวจากตระกูลบริพนธ์จะมีคุณภาพตามที่สุกิจบอกจริงๆ
ตอนนี้หล่อนต้องหาแขนขาที่จงรักภักดีกับหล่อนเพิ่มให้ได้ จะได้มาช่วยต่อกรกับพวกศัตรูเงียบที่กำลังคืบคลานมาหาหล่อนมากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นพวกคู่แข่งทางธุรกิจหรือญาติห่างๆที่พร้อมจะเข้ามาถล่มหล่อนอยู่ตลอดเวลา แน่นอนว่าพวกญาติของกังวานหลายคนไม่ยอมรับหล่อน
แต่ตอนนี้หล่อนคือผู้ยิ่งใหญ่ของบ้านมุขจรินทร์แล้ว หล่อนจะไม่ยอมกลับไปเป็นคนชั้นต่ำที่ไม่มีอะไรจะกินเมื่อตอนอายุ 18 อีกเป็นอันขาด
ถึงแม้ความจริงจะไม่โหดร้ายอย่างที่หล่อนคิด แต่ความประมาทก็คือหนทางแห่งความตาย หล่อนก้าวมาถึงจุดนี้ได้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว โชคดีมากที่กังวานเป็นคนโง่และต้องการแต่เซ็กส์ โชคดีมากๆที่โลกนี้ผลิตคนโง่แต่รวยอย่างกังวานมาเป็นบันไดให้หล่อนได้ก้าวขึ้นไปสู่ความมั่งคั่งและอำนาจ
เมื่อมีเงิน หล่อนก็สามารถซื้อทุกอย่างได้ ซื้อได้แม้กระทั่งปริญญาตรีและโท เรื่องบริหารธุรกิจก็จ้างที่ปรึกษาเก่งๆให้คุมบังเหียนแทน จริงๆแล้วหล่อนจะไม่ต้องเสียเงินมากมายเลยถ้าดิเรกเป็นคนที่เอาไหนอยู่บ้างในเรื่องการบริหารธุรกิจ พอลองให้ดิเรกได้บริหารดู หล่อนก็ไม่กล้าให้ดิเรกกลับมาบริหารอีกเลย หล่อนเสียดายลูกชายคนโตของหล่อนมาก ดีที่ดำเกิงคอยช่วยดูแลกิจการบางอย่างให้
หล่อนเองก็ไม่กล้าที่จะให้ดิเรกไปทำงานงานที่ไหน ใครเขาจะอยากรับคนอายุ 30 กว่าเข้าทำงาน มันคงสายเกินไปสำหรับดิเรกแล้ว ก็ปล่อยให้กินเงินกงสีไปทั้งผัวทั้งเมียก็แล้วกัน หล่อนกลับมาคิดถึงทางเลือกที่สุกิจหยิบยื่นให้ สุรางคณาเหรอ ... ก็ดีนะ หล่อนคิดในใจ
ถ้าสุรางคณาจะมาเป็นมือขวาของหล่อน หล่อนก็จะไม่รบเร้าสุกิจเรื่องหนี้อีก เงินแค่ 30 ล้านมันเรื่องขี้ประติ๋วจะตายไปถ้าเทียบกับการมีพันธมิตรที่ซื่อสัตย์เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน หล่อนจะรอฟังคำตอบจากสุกิจอย่างใจจดใจจ่อ หล่อนให้เวลาเขาสองอาทิตย์ในการที่สุกิจจะเกลี้ยกล่อมสุรางคณา ถ้าเขาเกลี้ยกล่อมได้ หล่อนจะจัดการกับดิลกเอง
การจัดการกับคนในไม่ยากเหมือนกับคนนอกหรอก เพราะตอนนี้ทั้งดิเรก วิภา อาทิตย์ อรทัยและคนอื่นๆก็ตกอยู่ภายใต้กำมือของหล่อนหมดแล้ว จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด.
...........................
เย็นนั้นอรทัยเฝ้าแต่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ การมีพลอยเข้ามาอยู่ในชายคาบ้าน ถึงหล่อนจะไม่ชอบ แต่ก็ยังไม่ถือว่าเป็นการเสียหาย เด็กอายุ 13 อย่างหล่อน สิ่งที่เกลียดที่สุดก็คือพวกหน้าไหว้หลังหลอก หล่อนเคยแอบได้ยินนวลจันทร์คุยกับเพื่อนของเขาว่า อาทิตย์คือหลานรัก
แต่สำหรับหล่อน นวลจันทร์คิดจะปั้นหล่อนให้เป็นเหมือนเครื่องมือของเขา ถ้าหล่อนเป็นไม่ได้ หล่อนจะต้องกลายเป็นคนที่ไม่มีใครต้องการ
เพื่อนของนวลจันทร์ที่หล่อนเรียกว่าป้ามัดหมี่ ก็เสริมความคิดของนวลจันทร์แล้วก็ด่าว่าหล่อนว่าหล่อนเองถ้าไม่เจริญรอยตามนวลจันทร์ก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กผู้หญิงด้อยค่า หล่อนรู้สึกช้อคกับการรู้ธาตุแท้ของสองคนนี้ ตั้งแต่นั้นมา หล่อนรู้สึกว่านวลจันทร์คือศัตรูของหล่อน ส่วนป้ามัดหมี่ไม่ได้อยู่ในสายตาของหล่อนแล้ว เพราะวันนั้น ตั้งแต่ได้ยินผู้ใหญ่สองคนหลบหลู่ดูหมิ่นหล่อน หล่อนก็ได้จัดการบางอย่างไปแล้ว
หล่อนหยิบตุ๊กตาเด็กผู้หญิงที่หล่อนรัก แล้วรีบเดินออกจากบ้าน หล่อนจำรถของป้ามัดหมี่ได้เป็นอย่างดีทั้งสีและเลขทะเบียน หล่อนรีบเร่งฝีเท้า เดินไปถึงสะพานลอยที่คาดว่าป้ามัดหมี่จะต้องขับรถมาทางนี้ หล่อนเดินขึ้นไปรอบนสะพานลอย มีเวลาถมถืดที่หล่อนจะรอเพื่อทำงานใหญ่ให้เสร็จสิ้น พอถึงเวลาที่รถของป้ามัดหมี่กำลังตรงมาที่สะพานลอย หล่อนไม่รีรอที่จะปล่อยตุ๊กตาเด็กผู้หญิงตัวใหญ่ลงไปบนถนน
ป้ามัดหมี่คงตกใจจึงเบรคกะทันหัน แต่ก็มีผลทำให้รถคันหลังพุ่งชนรถของป้ามัดหมี่อย่างเต็มแรงจนทำให้รถเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว ตรงนั้นเป็นสี่แยกพอดี ทำให้รถที่แล่นมาอย่างเร็วชนกับรถป้ามัดหมี่อย่างเต็มแรงจนป้ามัดหมี่กระเด็นออกนอกรถ ร่างของป้ามัดหมี่ตกลงไปที่พื้นแล้วโดนรถอีกคันแล่นทับจนหัวขาดกระเด็น
อุบัติเหตุในวันนั้นมีรถชนกันทั้งหมดแปดคัน และมีคนเสียชีวิตทั้งหมดสี่ศพ รวมทั้งป้ามัดหมี่ด้วย และนั่นเป็นความสำเร็จครั้งแรกของอรทัย หล่อนยืนมองอยู่บนสะพานลอย เห็นภาพทั้งหมดอย่างกระจ่างตา หล่อนรู้สึกว่ามันสาสมแล้วที่ป้ามัดหมี่ต้องโดนแบบนี้ ส่วนนวลจันทร์ก็ต้องเก็บไว้ก่อน คงต้องดูพฤติกรรมมันไปก่อน
อรทัยพอจะรู้สึกได้ถึงการที่นวลจันทร์ออกอาการข่มพ่อกับแม่ของหล่อน แน่นอนที่อรทัยยอมไม่ได้ ถึงแม้จะเป็นย่า อรทัยก็ไม่ยอม แต่ตอนนี้หล่อนคิดว่าเลี้ยงคนแก่คนนี้ไว้ดูเล่นไปพลางๆก่อน แล้วค่อยหาทางจัดการอีกที ภาพของอรทัยที่ปรากฎต่อสายตาของทุกคนคือเด็กผู้หญิงอายุ 13 ที่หน้าตาน่ารัก ดูสะอาดสะอ้าน ไว้ผมสั้นเรียบร้อย สวยน่ารักราวกับเด็กญี่ปุ่น และไร้เดียงสาเอามากๆ อรทัยต้องการให้ทุกคนคิดแบบนั้นโดยหารู้ไม่ว่าหล่อนเป็นยุวอาชญากรตั้งแต่อายุ 11 แล้ว
................................................................
เมื่อสุกิจกลับมาบ้าน เขาก็เริ่มแผนที่จะเกลี้ยกล่อมสุรางคณาทันที แต่โดนสุรางคณาโต้กลับอย่างรุนแรง
“มันยุคนี้แล้วนะป๋า ไม่มีใครเขาคลุมถุงชนกันอีกแล้ว”
ถึงจะพยายามบอกความจริง แต่เรื่องนึงที่ต้องปกปิดไว้ก็คือเรื่องที่บ้านบริพนธ์เป็นหนี้อยู่
“ดิลกอ่ะ เหมาะกับหนูมากเลยนะ นิสัยก็ดี หล่อก็หล่อ อายุก็ 26 แก่กว่าหนูสองปี ตอนนี้ก็เป็นวิศวกรที่กำลังมีอนาคตไกล หนูเคยได้ยินชื่อไหม ดิลก มุขจรินทร์อ่ะ”
สุรางคณายังโต้กลับอย่างรุนแรง
“ผู้ชายมีออกเต็มประเทศ ทำไมหนูจะต้องมาแต่งงานกับนายดิลก มุขจรินทร์นี่ด้วย ป๋าอย่ามาบังคับหนูเลย ไม่มีทางหรอก”
พอพูดจบ สุรางคณาก็เดินออกจากห้องนั่งเล่นไป ทิ้งให้สุกิจต้องมานั่งปวดหัวอยู่คนเดียว สุกิจให้กำลังใจตัวเอง เขาตั้งใจไว้ว่าต้องพยายามเกลี้ยกล่อมให้สุรางคณาแต่งงานกับดิลกให้ได้ ยังมีเวลาเหลืออีกตั้งสองอาทิตย์ ตอนนี้สุกิจกำลังคิดว่าจะใช้แผนอะไรดีเพื่อทำให้เขาบรรลุเป้าหมาย.
...........................
โปรดติดตามตอนต่อไป
วิมานพาลพยศ ตอนที่ 4
ถึงหล่อนยังไม่รู้ว่าสุรางคณาเป็นยังไง แต่ดูจากศรีจิตรากับวิภา ก็ไม่น่าเลวร้าย ศรีจิตราเองก็จงรักภักดีกับหล่อน
ถึงจะโง่พอๆกับนีรนุช แต่ก็ยังไว้วางใจได้หลายเรื่อง ส่วนวิภาเอง ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ข้างหล่อนอย่างชัดเจน
แต่ก็เชื่อได้ว่าจะไม่หักหลังหล่อน ดูท่าว่าลูกสาวจากตระกูลบริพนธ์จะมีคุณภาพตามที่สุกิจบอกจริงๆ
ตอนนี้หล่อนต้องหาแขนขาที่จงรักภักดีกับหล่อนเพิ่มให้ได้ จะได้มาช่วยต่อกรกับพวกศัตรูเงียบที่กำลังคืบคลานมาหาหล่อนมากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นพวกคู่แข่งทางธุรกิจหรือญาติห่างๆที่พร้อมจะเข้ามาถล่มหล่อนอยู่ตลอดเวลา แน่นอนว่าพวกญาติของกังวานหลายคนไม่ยอมรับหล่อน
แต่ตอนนี้หล่อนคือผู้ยิ่งใหญ่ของบ้านมุขจรินทร์แล้ว หล่อนจะไม่ยอมกลับไปเป็นคนชั้นต่ำที่ไม่มีอะไรจะกินเมื่อตอนอายุ 18 อีกเป็นอันขาด
ถึงแม้ความจริงจะไม่โหดร้ายอย่างที่หล่อนคิด แต่ความประมาทก็คือหนทางแห่งความตาย หล่อนก้าวมาถึงจุดนี้ได้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว โชคดีมากที่กังวานเป็นคนโง่และต้องการแต่เซ็กส์ โชคดีมากๆที่โลกนี้ผลิตคนโง่แต่รวยอย่างกังวานมาเป็นบันไดให้หล่อนได้ก้าวขึ้นไปสู่ความมั่งคั่งและอำนาจ
เมื่อมีเงิน หล่อนก็สามารถซื้อทุกอย่างได้ ซื้อได้แม้กระทั่งปริญญาตรีและโท เรื่องบริหารธุรกิจก็จ้างที่ปรึกษาเก่งๆให้คุมบังเหียนแทน จริงๆแล้วหล่อนจะไม่ต้องเสียเงินมากมายเลยถ้าดิเรกเป็นคนที่เอาไหนอยู่บ้างในเรื่องการบริหารธุรกิจ พอลองให้ดิเรกได้บริหารดู หล่อนก็ไม่กล้าให้ดิเรกกลับมาบริหารอีกเลย หล่อนเสียดายลูกชายคนโตของหล่อนมาก ดีที่ดำเกิงคอยช่วยดูแลกิจการบางอย่างให้
หล่อนเองก็ไม่กล้าที่จะให้ดิเรกไปทำงานงานที่ไหน ใครเขาจะอยากรับคนอายุ 30 กว่าเข้าทำงาน มันคงสายเกินไปสำหรับดิเรกแล้ว ก็ปล่อยให้กินเงินกงสีไปทั้งผัวทั้งเมียก็แล้วกัน หล่อนกลับมาคิดถึงทางเลือกที่สุกิจหยิบยื่นให้ สุรางคณาเหรอ ... ก็ดีนะ หล่อนคิดในใจ
ถ้าสุรางคณาจะมาเป็นมือขวาของหล่อน หล่อนก็จะไม่รบเร้าสุกิจเรื่องหนี้อีก เงินแค่ 30 ล้านมันเรื่องขี้ประติ๋วจะตายไปถ้าเทียบกับการมีพันธมิตรที่ซื่อสัตย์เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน หล่อนจะรอฟังคำตอบจากสุกิจอย่างใจจดใจจ่อ หล่อนให้เวลาเขาสองอาทิตย์ในการที่สุกิจจะเกลี้ยกล่อมสุรางคณา ถ้าเขาเกลี้ยกล่อมได้ หล่อนจะจัดการกับดิลกเอง
การจัดการกับคนในไม่ยากเหมือนกับคนนอกหรอก เพราะตอนนี้ทั้งดิเรก วิภา อาทิตย์ อรทัยและคนอื่นๆก็ตกอยู่ภายใต้กำมือของหล่อนหมดแล้ว จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด.
...........................
เย็นนั้นอรทัยเฝ้าแต่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ การมีพลอยเข้ามาอยู่ในชายคาบ้าน ถึงหล่อนจะไม่ชอบ แต่ก็ยังไม่ถือว่าเป็นการเสียหาย เด็กอายุ 13 อย่างหล่อน สิ่งที่เกลียดที่สุดก็คือพวกหน้าไหว้หลังหลอก หล่อนเคยแอบได้ยินนวลจันทร์คุยกับเพื่อนของเขาว่า อาทิตย์คือหลานรัก
แต่สำหรับหล่อน นวลจันทร์คิดจะปั้นหล่อนให้เป็นเหมือนเครื่องมือของเขา ถ้าหล่อนเป็นไม่ได้ หล่อนจะต้องกลายเป็นคนที่ไม่มีใครต้องการ
เพื่อนของนวลจันทร์ที่หล่อนเรียกว่าป้ามัดหมี่ ก็เสริมความคิดของนวลจันทร์แล้วก็ด่าว่าหล่อนว่าหล่อนเองถ้าไม่เจริญรอยตามนวลจันทร์ก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กผู้หญิงด้อยค่า หล่อนรู้สึกช้อคกับการรู้ธาตุแท้ของสองคนนี้ ตั้งแต่นั้นมา หล่อนรู้สึกว่านวลจันทร์คือศัตรูของหล่อน ส่วนป้ามัดหมี่ไม่ได้อยู่ในสายตาของหล่อนแล้ว เพราะวันนั้น ตั้งแต่ได้ยินผู้ใหญ่สองคนหลบหลู่ดูหมิ่นหล่อน หล่อนก็ได้จัดการบางอย่างไปแล้ว
หล่อนหยิบตุ๊กตาเด็กผู้หญิงที่หล่อนรัก แล้วรีบเดินออกจากบ้าน หล่อนจำรถของป้ามัดหมี่ได้เป็นอย่างดีทั้งสีและเลขทะเบียน หล่อนรีบเร่งฝีเท้า เดินไปถึงสะพานลอยที่คาดว่าป้ามัดหมี่จะต้องขับรถมาทางนี้ หล่อนเดินขึ้นไปรอบนสะพานลอย มีเวลาถมถืดที่หล่อนจะรอเพื่อทำงานใหญ่ให้เสร็จสิ้น พอถึงเวลาที่รถของป้ามัดหมี่กำลังตรงมาที่สะพานลอย หล่อนไม่รีรอที่จะปล่อยตุ๊กตาเด็กผู้หญิงตัวใหญ่ลงไปบนถนน
ป้ามัดหมี่คงตกใจจึงเบรคกะทันหัน แต่ก็มีผลทำให้รถคันหลังพุ่งชนรถของป้ามัดหมี่อย่างเต็มแรงจนทำให้รถเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว ตรงนั้นเป็นสี่แยกพอดี ทำให้รถที่แล่นมาอย่างเร็วชนกับรถป้ามัดหมี่อย่างเต็มแรงจนป้ามัดหมี่กระเด็นออกนอกรถ ร่างของป้ามัดหมี่ตกลงไปที่พื้นแล้วโดนรถอีกคันแล่นทับจนหัวขาดกระเด็น
อุบัติเหตุในวันนั้นมีรถชนกันทั้งหมดแปดคัน และมีคนเสียชีวิตทั้งหมดสี่ศพ รวมทั้งป้ามัดหมี่ด้วย และนั่นเป็นความสำเร็จครั้งแรกของอรทัย หล่อนยืนมองอยู่บนสะพานลอย เห็นภาพทั้งหมดอย่างกระจ่างตา หล่อนรู้สึกว่ามันสาสมแล้วที่ป้ามัดหมี่ต้องโดนแบบนี้ ส่วนนวลจันทร์ก็ต้องเก็บไว้ก่อน คงต้องดูพฤติกรรมมันไปก่อน
อรทัยพอจะรู้สึกได้ถึงการที่นวลจันทร์ออกอาการข่มพ่อกับแม่ของหล่อน แน่นอนที่อรทัยยอมไม่ได้ ถึงแม้จะเป็นย่า อรทัยก็ไม่ยอม แต่ตอนนี้หล่อนคิดว่าเลี้ยงคนแก่คนนี้ไว้ดูเล่นไปพลางๆก่อน แล้วค่อยหาทางจัดการอีกที ภาพของอรทัยที่ปรากฎต่อสายตาของทุกคนคือเด็กผู้หญิงอายุ 13 ที่หน้าตาน่ารัก ดูสะอาดสะอ้าน ไว้ผมสั้นเรียบร้อย สวยน่ารักราวกับเด็กญี่ปุ่น และไร้เดียงสาเอามากๆ อรทัยต้องการให้ทุกคนคิดแบบนั้นโดยหารู้ไม่ว่าหล่อนเป็นยุวอาชญากรตั้งแต่อายุ 11 แล้ว
................................................................
เมื่อสุกิจกลับมาบ้าน เขาก็เริ่มแผนที่จะเกลี้ยกล่อมสุรางคณาทันที แต่โดนสุรางคณาโต้กลับอย่างรุนแรง
“มันยุคนี้แล้วนะป๋า ไม่มีใครเขาคลุมถุงชนกันอีกแล้ว”
ถึงจะพยายามบอกความจริง แต่เรื่องนึงที่ต้องปกปิดไว้ก็คือเรื่องที่บ้านบริพนธ์เป็นหนี้อยู่
“ดิลกอ่ะ เหมาะกับหนูมากเลยนะ นิสัยก็ดี หล่อก็หล่อ อายุก็ 26 แก่กว่าหนูสองปี ตอนนี้ก็เป็นวิศวกรที่กำลังมีอนาคตไกล หนูเคยได้ยินชื่อไหม ดิลก มุขจรินทร์อ่ะ”
สุรางคณายังโต้กลับอย่างรุนแรง
“ผู้ชายมีออกเต็มประเทศ ทำไมหนูจะต้องมาแต่งงานกับนายดิลก มุขจรินทร์นี่ด้วย ป๋าอย่ามาบังคับหนูเลย ไม่มีทางหรอก”
พอพูดจบ สุรางคณาก็เดินออกจากห้องนั่งเล่นไป ทิ้งให้สุกิจต้องมานั่งปวดหัวอยู่คนเดียว สุกิจให้กำลังใจตัวเอง เขาตั้งใจไว้ว่าต้องพยายามเกลี้ยกล่อมให้สุรางคณาแต่งงานกับดิลกให้ได้ ยังมีเวลาเหลืออีกตั้งสองอาทิตย์ ตอนนี้สุกิจกำลังคิดว่าจะใช้แผนอะไรดีเพื่อทำให้เขาบรรลุเป้าหมาย.
...........................
โปรดติดตามตอนต่อไป