ปกติ ผมจะเห็นลูกศิษย์วัดธรรมกาย นำบทความโฆษณาของวัดมาโพสต์บ่อยๆ ทุกครั้งไม่เคยสนใจเลยครับเพราะรู้ว่าเป็นเรื่องไร้สาระ แต่บังเอิญครั้งนี้ได้ลองอ่านดู พอได้อ่านแล้วก็รู้สึกว่าน่าเป็นห่วงกว่าที่คิด
ผมทำเป็น Spoil เพื่อไม่ให้กระทู้ยืดยาว และขีดเส้นใต้คำว่า "ความสุข" ไว้ ลองคลิกอ่านดูก่อนนะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สุขอื่นนอกจากใจหยุดนิ่งไม่มี ใจที่สงบหยุดนิ่งจะเป็นต้นทางแห่งความสุขและความสำเร็จที่แท้จริง
ที่ปัจจุบันเขาแสวงหาไปเรื่อย ๆ เพราะไปเจอที่มันไม่ดี มันก็พร่อง ถมเท่าไรก็ไม่รู้จักเต็ม ถอนเท่าไรก็ไม่รู้จักเตียน กระหายอยู่เรื่อย ๆ และชาวโลกมักจะดับความกระหายด้วยน้ำทะเล กระหายทีก็ดื่มน้ำทะเล ดื่มเท่าไรก็ไม่หายกระหาย เพราะมันเค็ม แต่เมื่อไรเจอน้ำฝน เจอน้ำสะอาด เมื่อนั้นมันถึงจะดับความกระหายได้ความเร่าร้อนในใจเช่นเดียวกัน กระหายที่ทำให้ใจพร่องเป็นนิจ มันจะหมดไปเมื่อเข้าถึงพระธรรมกาย ที่พระธรรมกายดีก็เพราะท่านเป็นของแท้ เป็นแหล่งกำเนิดแห่งความสุขที่แท้จริงไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย เป็นนิรันดร์ แต่ของนอกกายที่แสวงหากัน ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ สิ่งของ ล้วนตกอยู่ในไตรลักษณ์เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เดี๋ยวก็ผุก็พัง เมื่อมันผุมันพังมันก็ทุกข์ ก็พร่องเข้าไปเรื่อย ๆ พักเดียวก็หายเห่อต้องหาใหม่อีกแล้ว ฉะนั้นที่เราต้องมาแสวงหา
มนุษย์ทุกคนในโลกล้วนแสวงหาความสุขด้วยกันทั้งสิ้น บ้างก็แสวงหาจากการดื่ม จากการกิน จากการเที่ยว หรือจากการได้รับของที่ถูกใจ แต่ความสุขเหล่านั้น เป็นความสุขชั่วคราว ไม่ยั่งยืน เมื่อได้รับแล้วต้องแสวงหากันใหม่อยู่ร่ำไป ถ้าจะเรียกให้ถูก ต้องเรียกว่าเป็นความเพลินมากกว่า แล้วอะไรคือความสุขที่แท้จริง อยู่ที่ไหน มีลักษณะอย่างไรบ้าง
ความสุขที่แท้จริง ต้องเป็นความสุขที่เป็นอมตะ แล้วเป็นความสุขที่เข้าถึงได้ สัมผัสได้ นั่นคือความสุขที่เกิดจากการเข้าถึงพระรัตนตรัยภายใน เป็นสุขล้วนๆ ที่ปราศจากความโลภ ความโกรธ ความหลง เป็นความสุขที่คู่ไปกับความบริสุทธิ์ จะเข้าถึงความสุขนี้ได้ ด้วยวิธีการทำใจให้หยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกายเท่านั้น เหมือนอย่างพระมหากัปปินะ เมื่อมีความสุขภายในแล้ว ท่านมักจะอุทานอยู่เสมอๆ ว่า “สุขจริงหนอ สุขจริงหนอ”
เมื่อเข้าถึงพระรัตนตรัยได้ ความทุกข์ทั้งหลายก็จะดับไป เหมือนคบเพลิงที่จุ่มลงไปในน้ำ เมื่อไฟแห่งความทุกข์ดับไป ก็จะมีแต่ความสุขล้วนๆ ไม่มีทุกข์เจือเลย ที่เรียกว่าเอกันตบรมสุข เพราะฉะนั้นเป้าหมายของชีวิต คือจะต้องเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวให้ได้
ที่พึ่งที่แท้จริงของมนุษย์ และสรรพสัตว์ทั้งหลาย ที่ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพทั้งสาม คือ พระรัตนตรัย ได้แก่ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ สามอย่างนี้มีอยู่ในตัวของมนุษย์ทุกคนในโลก เมื่อได้เข้าถึงแล้ว เราจะมีความสุข จะรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย และจะรู้จักคำว่า พอ เกิดความสันโดษขึ้นในใจ แม้ไม่ได้ร่ำรวยทรัพย์สินเงินทอง ก็ไม่รู้สึกว่าอดอยากยากจน ไม่อยากได้ของของใคร เพราะมีชีวิตที่เต็มเปี่ยม ไม่มีความพร่องแล้ว
เมื่อใจตั้งมั่นอยู่ในกลางพระรัตนตรัย ความสุขจะพรั่งพรูอยู่ตลอดเวลา หลับเป็นสุข ตื่นเป็นสุข นั่ง นอน ยืน เดินเป็นสุขทุกอิริยาบถ เราจะพบความอัศจรรย์ว่า แหล่งกำเนิดแห่งความสุขทั้งมวลที่เราปรารถนานั้น จริงๆ แล้วมารวมประชุม อยู่ในกลางกาย ซึ่งเป็นที่ตั้งที่ถาวรของใจ เมื่อนำใจของเรากลับมาสู่ที่ตั้งดั้งเดิม คือ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ แล้ว ก็จะพบกับความสุขที่แท้จริง ซึ่งแตกต่างจากสิ่งที่เราเคยสัมผัสผ่านมา และเราจะเปรียบเทียบได้ว่า สิ่งที่เราเคยรู้สึกนั้นเป็นเพียงความสนุก ความเพลินชั่วครั้งชั่วคราว ถ้าจะเป็นความสุข ก็เป็นสุขแค่เพียงเล็กน้อย ไม่ใช่ความสุขที่ยิ่งใหญ่ หรือสุขแท้จริงที่เราปรารถนา
หากเรานำใจกลับมาหยุดนิ่งอยู่ในที่ตั้งดั้งเดิม ใจจะมีความสบาย มีความสุข เป็นความสุขอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน ยอมรับว่า นี่คือ สิ่งที่เราแสวงหา เป็นอารมณ์ที่มีความสุขจนกระทั่งไม่อยากได้อะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทอง ลาภ ยศ สรรเสริญ อะไรต่างๆ เหล่านั้น อยากจะหยุดนิ่งอยู่กับอารมณ์ชนิดนี้เพียงอย่างเดียว
เมื่อมีความรู้สึกอย่างนี้เกิดขึ้น ใจก็เคลื่อนเข้าไปข้างใน ในที่สุดก็เข้าถึงกายต่างๆ พบกายภายใน กายในกาย เวทนาในเวทนา สุขจังเลย สุขขึ้นไปเรื่อยๆ จิตในจิตก็สุกใสสว่าง ธรรมในธรรมก็ละเอียดเข้าไปเรื่อยๆ อาศัยการหยุดการนิ่งนี่แหละเป็นตัวสำเร็จ
เมื่อเราเข้ามาสู่แหล่งของความสุขภายในที่แท้จริงบ่อยๆ อยู่กับสิ่งนี้บ่อยๆ ไม่ว่าจะทำกิจกรรม ในอิริยาบถต่างๆ จะนั่ง นอน ยืน เดิน กิน ดื่ม ทำ พูด คิด หยุดนิ่ง ลิ้มรส เหยียดแขน คู้แขน หรือจะทำอะไรก็แล้วแต่ จะมีแต่ความสุข เพราะใจเป็นสุข
เพราะฉะนั้น ถ้าเราอยากจะเข้าถึงความสุขที่แท้จริง ถึงความเต็มเปี่ยมของชีวิต ไม่แสวงหาอะไรอีก เราต้องหมั่นทำใจหยุดใจนิ่ง ให้เข้าถึงพระรัตนตรัยภายในให้ได้
การเกิดมาในภพชาตินี้ของทุกคน เป็นภพชาติแห่งความสุขสมปรารถนา ให้เรามาร่วมกันเจริญสมาธิ(Meditation)ภาวนา ให้บ้านของเราเป็นที่ชุมนุมของผู้มีบุญ ที่จะมากลั่นกาย วาจา ใจ เพื่อให้เข้าถึงพระรัตนตรัยภายใน แล้วกระแสแห่งความบริสุทธิ์ที่เกิดจากการประพฤติธรรม จะรวมตัวกันกลั่นโลกนี้ให้เป็นโลกแก้วที่บริสุทธิ์ผ่องใส ให้ทุกคนมีความสุข ความเบิกบานใจ โดยมีพระรัตนตรัยเป็นสรณะ เป็นที่พึ่ง ที่ระลึกตลอดไป
พระธรรมเทศนาโดย :
พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
*มก. หัตถกสูตร เล่ม ๓๔ หน้า ๑๔๒
ปรากฏว่า เต็มไปด้วยคำโฆษณาชวนเชื่อให้คนหลงไหลในความสุขครับ ไม่พูดถึงว่าทุกข์ที่แท้จริงในศาสนาพุทธคืออะไร
ไม่รู้ว่า ลูกศิษย์วัดธรรมกายเข้าใจด้วยว่า พ่อแม่ตายก็มีความสุข ลูกตายก็มีความสุข คนรักตายก็มีความสุข กิจการล้มละลายก็มีความสุข บ้านไฟไหม้หรือถูกโจรปล้นก็มีความสุข เป็นมะเร็งก็สุข โดนรถชนแขนขาดขาขาดก็มีความสุข ฯลฯ ด้วยหรือเปล่านะครับ
ธัมมชโยบอกว่า "...มนุษย์ทุกคนในโลกล้วนแสวงหาความสุขด้วยกันทั้งสิ้น บ้างก็แสวงหาจากการดื่ม จากการกิน จากการเที่ยว หรือจากการได้รับของที่ถูกใจ..." นั่นไม่ใช่หลักศาสนาพุทธครับ ศาสนาพุทธพูดถึงเรื่อง แก่ เจ็บ ตาย การพลัดพรากสูญเสียสิ่งที่รัก ฯลฯ ทุกอย่างล้วนเป็นทุกข์ทั้งสิ้น
เจตนาที่ผมตั้งกระทู้ ไม่ได้หวังตอบโต้ใดๆ เพราะไม่เก่งเรื่องถามมาตอบไป แต่อยากชี้ให้เห็นวิธีการที่วัดธรรมกายหลอกให้คนสนใจ เพราะผมเชื่อว่า คนที่ต่อต้านธรรมกายมักจะไม่ได้อ่านโฆษณาไร้สาระเหล่านี้ ซึ่งอาจทำให้คนที่เพิ่งเริ่มศึกษาธรรมะและหลงไปอ่านไม่มีโอกาสได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง
ผมคิดในแง่ลบไว้ก่อนว่า คนที่เอามาโพสต์รู้ดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ (คือรู้ว่าสิ่งที่เขียนมานี้ไม่ใช่ศาสนาพุทธ) แต่หากไม่รู้ ก็บอกมานะครับ น่าจะมีคนให้ความรู้ที่ถูกต้องได้
เมื่อผมได้อ่านโฆษณาชวนเชื่อของวัดธรรมกายเป็นครั้งแรก
ผมทำเป็น Spoil เพื่อไม่ให้กระทู้ยืดยาว และขีดเส้นใต้คำว่า "ความสุข" ไว้ ลองคลิกอ่านดูก่อนนะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ปรากฏว่า เต็มไปด้วยคำโฆษณาชวนเชื่อให้คนหลงไหลในความสุขครับ ไม่พูดถึงว่าทุกข์ที่แท้จริงในศาสนาพุทธคืออะไร
ไม่รู้ว่า ลูกศิษย์วัดธรรมกายเข้าใจด้วยว่า พ่อแม่ตายก็มีความสุข ลูกตายก็มีความสุข คนรักตายก็มีความสุข กิจการล้มละลายก็มีความสุข บ้านไฟไหม้หรือถูกโจรปล้นก็มีความสุข เป็นมะเร็งก็สุข โดนรถชนแขนขาดขาขาดก็มีความสุข ฯลฯ ด้วยหรือเปล่านะครับ
ธัมมชโยบอกว่า "...มนุษย์ทุกคนในโลกล้วนแสวงหาความสุขด้วยกันทั้งสิ้น บ้างก็แสวงหาจากการดื่ม จากการกิน จากการเที่ยว หรือจากการได้รับของที่ถูกใจ..." นั่นไม่ใช่หลักศาสนาพุทธครับ ศาสนาพุทธพูดถึงเรื่อง แก่ เจ็บ ตาย การพลัดพรากสูญเสียสิ่งที่รัก ฯลฯ ทุกอย่างล้วนเป็นทุกข์ทั้งสิ้น
เจตนาที่ผมตั้งกระทู้ ไม่ได้หวังตอบโต้ใดๆ เพราะไม่เก่งเรื่องถามมาตอบไป แต่อยากชี้ให้เห็นวิธีการที่วัดธรรมกายหลอกให้คนสนใจ เพราะผมเชื่อว่า คนที่ต่อต้านธรรมกายมักจะไม่ได้อ่านโฆษณาไร้สาระเหล่านี้ ซึ่งอาจทำให้คนที่เพิ่งเริ่มศึกษาธรรมะและหลงไปอ่านไม่มีโอกาสได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง
ผมคิดในแง่ลบไว้ก่อนว่า คนที่เอามาโพสต์รู้ดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ (คือรู้ว่าสิ่งที่เขียนมานี้ไม่ใช่ศาสนาพุทธ) แต่หากไม่รู้ ก็บอกมานะครับ น่าจะมีคนให้ความรู้ที่ถูกต้องได้