ตัวคนเดียวแบกเป้ลุยเดี่ยว เนเธอร์แลนด์-สวิส-อิตาลี "อิตาลี วันที่1" "เวนิส เมืองโรแมนติกของฉัน"

ก่อนอื่นต้องขอโทษเพื่อนที่ติดตามที่หายไปนาน ด้วยงานประจำที่วุ่นๆก่อนปิดปีใหม่ ด้วยบางทริปท่กำลังจะเกิดขึ้น
ไม่พร่ามยาวละ ไปติดตามกันได้เลยครับ แฮ่ๆ..

http://ppantip.com/topic/34338921  ตอนที่1 วีซ่าและการเดินทาง
http://ppantip.com/topic/34353426  ตอนที่2 เนเธอร์แลนด์วันที่1
http://ppantip.com/topic/34355076  ตอนที่3 เนเธอร์แลนด์วันที่2
http://ppantip.com/topic/34364373  ตอนที่4 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่1 "Geneva"
http://ppantip.com/topic/34385053  ตอนที่5 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่1 "Geneva" - 2
http://ppantip.com/topic/34390037  ตอนที่6 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่2 "Lausanne - Vevey"
http://ppantip.com/topic/34406378  ตอนที่7 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่2 "มาถึงแล้วนะ อินเทอลาเค่น"
http://ppantip.com/topic/34435175  ตอนที่8 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่3 "อินเทอลาเค่น สวรรค์บนโลก"
http://ppantip.com/topic/34476354  ตอนที่9 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่4 "ท่องสวิสวันสุดท้าย เจอกันอิตาลี"


เพื่อนๆสามารถติดตามทริปต่างๆที่จะเกิดขึ้นของผมแบบ Realtime ได้ที่เฟซเพจได้นะครับ เพราะผมจะมีทริปเล็กๆน้อยๆอยู่เรื่อยๆ
จะได้ติดตามข้อมูลและลุ้นไปด้วยกันที่
http://www.facebook.com/Backpacker.Pu


หลังจากที่เมื่อคืนนอนอย่างทรมารในสถานีรถไฟมิลาน เพราะอากาศเย็นมากๆจนต้องหามุมอาคารหลบหนาว แต่ก็ไม่พ้น ทางสุดท้ายคือนอนขดตัวกับพื้นให้ทุกส่วนของร่างกายอยู่ในเสื้อผ้า เช้าวันนี้เราจะออกเดินทางจากมิลานสู่เมือง"เวนิส" เมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่โรแมนติกที่สุดในโลก



เลือกกันเลยครับจะไปเที่ยวไหน



แหงนหน้าขึ้นมองตารางรถไฟแบบงัวเงียๆ แต่เดี๋ยวก่อน!!! หิวข้าว อยากกินข้าว อยากดื่มกาแฟร้อนๆ อยากกินสเต๊ก อยากกินทุกอย่าง    
ผมเลยเลือกที่จะเข้าไปดื่มกาแฟกับขนมปังเคลือบน้ำตาลก่อน โดยยอมรอรถไฟเที่ยวต่อไป 

ใกล้จะถึงเวลารถไฟขบวนแรกของผมในอิตาลีแล้ว ผมจึงรีบเดินฝ่าผู้คนที่แสนจะคับคั่งในเช้าวันนี้ไปยังชานชาลา รีบก้าวขึ้นไปบนรถไฟที่ตู้ชั้น2 "เอาแล้วสิ ตกลงเราต้องจองที่นั่งรึเปล่าวะเนี่ย?.. ไม่เป็นไรนั่งไปก่อนละกันมีเจ้าของที่มาค่อยลุก" ผมบอกกับตัวเองแบบนั้น
จากมิลานไปเวนิส ใช้เวลาเดินทางราวๆ3ชั่วโมงเศษๆ  แต่ผมรู้สึกระแวงและกังวลตลอดเวลาครับ จนกระทั่ง...เจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วมาถึง!!!


     เจ้าหน้าที่ : ขอตรวจตั๋วด้วยครับ  

     ผม : ได้ครับ...พร้อมทั้งยื่น Italy pass ให้

     เจ้าหน้าที่ : แล้วใบจองที่นั่งคุณล่ะ!!!

     ผม : ผมไม่ได้จองครับ ผมถามเจ้าหน้าที่ขายตั๋วเขาบอกว่าผมไม่ต้องจองก็ได้ถ้าผมต้องการจะยืน 

     เจ้าหน้าที่ : สงสัยคุณจะเข้าใจผิดแล้วล่ะ คุณต้องโดนปรับนะ!!!


เอาแล้วไง "ผมจะโดนปรับ" เอาอีกแล้วนะโชคชะตา โดนตลอดฝนตก

หลังจากที่คุยกับเจ้าหน้าที่และรอเจ้าหน้าที่อีกคนมาดำเนินการต่อผมจึงทำการสอบถามราคาค่าปรับ   ผมโดนปรับ 18 ยูโรครับ
ปกติค่าจองตั๋วจะอยู่ที่ 10 ยูโร ก็โอเคไม่เกินจากค่าจองมากเท่าไหร่ผมยอมรับได้ กลืนน้ำลายเฮือกใหญ่

ก่อนรถไฟจะเข้าสถานีเวนิส จะมีสถานีชื่อคล้ายๆกัน 2-3 สถานี ระวังกันด้วยนะครับเพราะผมเองก็ลงผิดสถานี   
กว่าจะมาถึงได้เล่นซะเหงื่อซึมท่วมตัวกันเลยทีเดียว  ในที่สุดปลายทางของการเดินททางวันนี้ก็มาถึง “เวนิส เมืองที่โรแมนติกที่สุดในโลก!!!”
ณ​ สถานีรถไฟปลายทาง "Venezia S.Lucia"



มาถึงแล้ววววว ไปโรแมนติกกัน ฮ่าาา


เมืองเวนิสสร้างขึ้นจากการเชื่อมเกาะเล็กเกาะน้อย จำนวน 118 เกาะ  เข้าด้วยกันในบริเวณทะเลสาบเวนิเทีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเลอาเดรียติกทางภาคเหนือของประเทศอิตาลี  ทะเลสาบแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งระหว่างปากแม่น้ำโปกับแม่น้ำพลาวิ(ข้อมูลจาก http://www.italysmile.com/travel-in-italy/venezia/)

    ภาพแรกของเวนิสที่ได้สัมผัส ผมไม่ค่อยรู้สึกพิเศษอะไรมากนัก เพราะก็ยังพบผู้คน พบการสัญจร เหมือนกับเมืองที่ผ่านๆมา แต่ผมเฝ้ารอให้ถึงตอนเย็นด้วยหวังว่ามันจะทำให้ผมรู้สึกอินกับเมืองนี้มากกว่านี้   


ลานหน้าสถานีครับ




เอาวะ ถ้ามันไม่รู้สึกโรแมนติกก็ถ่ายรูปแก้เบื่อไป




นกบินผ่านได้จังหวะพอดี ฉันชอบอิสระเหมือนนก555




ความโรแมนติก แกอยู่ไหนฮะ?



เอ้อ เริ่มรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย ^^




สะพานเยอะมากครับ เดินไปหลงไป




ผมเริ่มสัมผัสความเป็นเวนิสได้บ้างแล้วล่ะ




บรรยากาศเหมือนอยู่ในหนังแนวไล่ล่ามากกกก




ตั้งใจถ่ายเสาไฟครับ 555







ถ่ายยากครับภาพนี้ มือสั่น555






บรรยากาศในเวนิสตอนเย็นบอกได้เลยว่าไม่ผิดหวังจริงๆครับ แม้การเดินทางครั้งนี้จะเดินทางมาคนเดียว    แต่มันทำให้ผมรู้สึกมีความสุขมากๆอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว เย็นวันนี้ขณะที่ผมเดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ อากาศเริ่มเย็นขึ้นๆจนทนไม่ไหว ต้องเดินเข้าไปหลบหนาวในสถานีรถไฟเพราะผมสั่นไปทั้งตัวแล้ว ขณะนั้นผมเห็นผู้หญิงคนนึงแบกเป้ใบใหญ่ ใส่บู๊ทสูง วางกระเป๋าลงที่ริมคลองหน้าสถานี หลังจากนั้นก็มีเหตุให้เราได้คุยกันเพราะเธอขอให้ผมถ่ายรูปให้  เราคุยถามไถ่กันไปมา เธอเป็นหมอครับ มาจากแม็กซิโก แต่บ้านเกิดเธออยู่โคลัมเบีย และตอนนี้กำลังจะไปเรียนต่อที่ออสเตรีย "Eliana" นั่นคือชื่อของเพื่อนใหม่ผม   นั่นคือมิตรภาพจากเพื่อนต่างแดนของผมอีกครั้ง   ผมส่งเธอขึ้นรถไฟรอบดึกไปยังออสเตรีย    จากนั้นผมจึงเดินซึมซับบรรยากาศไปเรื่อยๆ ข้ามสะพานไปมาหลายครั้งจนนับไม่ได้ เดินลัดเลาะเข้าซอยโน้นโผล่ซอยนี้ บรรยากาศดูมีมนตร์ขลังดีครับ สลับกับบางความรู้สึกก็น่ากลัว แต่คนก็เดินกันมากมายเช่นกัน  บรรยากาศการเดินแบบเขาวงกตเลยล่ะ  เดินหลงก็ซอยตันเดินหลงก็เจอคลอง    



บรรยากาศมาแล้วครับ นั่งคุยกันริมคลองกับเพื่อนใหม่ของผม








เริ่มโรแมนติกแล้ววว



ผมเดินมุ่งหน้ากลับห้องพัก แต่ต้องไปสะดุดความรู้สึกที่สะพานแห่งหนึ่ง ผู้คนลดความเร็วในการเดินลงแทบจะทุกคน   บางคนถึงกับหยุดและยืนนิ่งๆอยู่บนสะพาน หนึ่งในนั้นก็มีผมนี่แหละครับ  เพราะบนสะพานไม้โค้งสูงแห่งนี้มีลุงคนหนึ่งนั่งเล่นกีตาร์ท้าทายอากาศหนาว เล่นได้เพราะมากๆ ผมรู้สึกได้เพราะผมเองเป็นคนเล่นดนตรีเหมือนกัน ยังไม่หมดแค่นั้นเมื่อบนสะพานมีนักศึกษาสายศิลป์(ผมขอเรียกแบบนี้นะครับ)3-4คน ถือพู่กันสาดสีนั้นสีนี้ลงบนกระดาดโดยใช้ภาพจากแบบเบื้องหน้าที่มองเห็นตัวเป็นแบบ  พวกเธอดูน่ารักทีเดียวเชียว  ภาพเบื้องหน้าที่กำลังถูกวาดผสมกับเสียงดนตรีจากลุงที่เล่นไม่ยอมหยุด รวมกับแสงไฟสีส้มนวลๆของเมืองแห่งนี้ ผสมผสานกับความสวยงามในยามค่ำคืนของเวนิสมันทำให้ผมอินกับทุกสิ่งทุกอย่าง อินกับชื่อเสียง อินกับฉายาเมืองที่โรแมนติกที่สุดในโลก   ผมเข้าใจแล้วว่ามนตร์สเหน่ห์ของเมืองนี้คืออะไร และคำว่า"เมืองที่โรแมนติกที่สุดในโลก" มันเท็จจริงแค่ไหน คืนนี้ผมปฏิเสธคำร่ำลือเหล่านั้นไม่ได้จริงๆ ผมจะคิดถึงมัน ผมจะกลับมารู้สึกแบบนี้อีกครั้งเมื่อผมมีโอกาสอีกครั้ง เพราะผมหลงรักเมืองนี้เข้าแล้ว "เวนิส เมืองที่โรแมนติกที่สุดในโลก"


อากาศเย็นๆแบบนี้ มีคนยืนข้างๆให้อุ่นๆคงจะดีไม่น้อย




มีคนข้างๆให้กุมมือทานความหนาวคงจะสุขไม่น้อย




บางทีก็เหงาดี แต่ก็ยิ้มเบาๆให้กับตัวเอง




เดินกลับห้องแล้วล่ะครับ เดี๋ยวเมืองต่อไปจะตามมานะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่