ทริปอิตาลี 14 วัน ตอนที่ 3 Venice , Murano , Palazzo ducale
ลิงค์ตอนที่ 1
https://ppantip.com/topic/37689577
ลิงค์ตอนที่ 2
https://ppantip.com/topic/37690919
ขอออกตัวว่าภาพถ่ายเราไม่สวยนะคะ เพราะทั้งทริปใช้ไอโฟน กับโน๊ตถ่ายไม่มีกล้องแบบนักท่องเที่ยวคนอื่น เราถ่ายเพื่อความทรงจำของเราเอง อาจจะอวดใครไม่ได้ แต่ก็เอามาอวด55555
เรานั่งรถไฟความเร็วสูงมาจากฟลอเร้นซ์ ใช้เวลาสองชั่วโมงนิดๆก็ถึง Venice หรือ Venezia ประมาณบ่ายสามโมงเราออกจากสถานีรถไฟ Venezia S. Lucia ภาพแรกที่เห็นคือสวยงามมาก ตื่นตาตื่นใจ และวันนี้อากาศดีมาก แดดแรงจัด ท้องฟ้าใสกระจ่าง โอ้.. ตั้งแต่มาถึงอิตาลี เพิ่งมีวันนี้ที่ฟ้าใสขนาดนี้ และแดดก็แรงจัดมาก
รูป
วิวหน้าสถานีรถไฟค่ะสวยมาก อย่าว่าแต่เราคนไทยที่ตื่นเต้น เห็นฝรั่งเดินออกมาจากสถานีรถไฟ เห็นภาพตรงหน้าทิ้งกระเป๋ายกกล้องขึ้นถ่ายรูปกันใหญ่ ก็โล่งใจที่เราไม่รู้สึกว่าตัวเองบ้านนอกสักเท่าไหร่ 555555
โรงแรมเราต้องเดินข้ามสะพานใหญ่ แล้วเดินเรียบคลองไปประาณห้าร้อยเมตรก็ถึง เราไม่อยากพักไกลมากเพราะพักแค่สองคืน ไม่อยากลากกระเป๋าขึ้นเรือ เพราะรู้มาว่าต้องจ่ายค่าเอากระเป๋าขึ้นเรือด้วย เลยพักแถวใกล้ๆท่าเรืออยากไปไหนก็นั่งเรือไปสบายๆ
เราเช็คอินเอากระเป๋าไปเก็บเรียบร้อยแล้วก็ออกเดินสำรวจเวนิส เราเดินไปเริ่มต้นแถวสถานีรถไฟ แล้วเดินเรียบคลองใหญ่แล้วก็เดินเข้าตรอกเล็กๆ แฟนเราเห็นมีป้ายบอกทางว่าไป San Marco ก็เอะใจว่ามันเดินไปถึงเหรอ? ไกลแค่ไหน? เพราะที่รู้มาว่ามันค่อนข้างไกล ถ้าเริ่มจากสถานีรถไฟ แต่เราสองคนก็ไม่มีอะไรจะทำในวันนี้ และก็ว่าจะเดินเล่นอยู่แล้ว เราก็เลยตัดสินใจเดินตามทางที่ป้ายบอกไปเรื่อยๆ ในใจแค่อยากเดินชมบ้านเมืองเขาไม่คิดว่าจะเดินไปถึงจริงๆ เพราะทางเดินเป็นตรอกซอกซอย ซอกแซกไปเรื่อยๆ
เราเดินตามป้ายไปเรื่อยๆโดยไม่มีแผนที่ ทางเดินประมาณนี้เข้าตรอกซอกซอยซอกแซกไปเรื่อย ข้ามสะพานไม่รู้กี่สะพานเป็นคลองเล็กๆ
เราสองคนเดินแบบไม่มีแผนที่เพราะยังไม่ได้ซื้อ เราเดินตามป้ายบอกทางแค่นั้นจริงๆ จนเดินมาถึงสะพานใหญ่ๆ บนสะพานมีร้านค้าเยอะแยะมากมาย ด้วยความที่เราไม่มีแผนที่ เราไม่รู้ว่าสะพานนี้ชื่ออะไร แต่ลักษณะเหมือนสะพาน Ponte vechio ที่ฟลอเร้นซ์ (มารู้ทีหลังว่าสะพานนี้คือ Ponte di Rialto หลังจากที่ซื้อแผนที่แล้ว) แล้วเราก็เดินต่อไป จนถึงจัตุรัสเล็กๆ มีอนุสาวรีย์ของ Carlo Goldoni แล้วป้ายบอกทางก็หายไป อีกอย่างมันก็เริ่มเย็นมากแล้วเราเลยตัดสินใจเดินกลับ ทั้งๆที่รู้ว่า San Marco อยู่อีกไม่ไกลเลย ความรู้สึกมันบอก แต่ยังไงพรุ่งนี้เราก็จะไปอยู่แล้ว เราก็เลยเดินกลับทางเดิมผ่านร้านพิซซ่าน่ากินมากเลยซื้อติดมือกลับมา
สะพาน Ponte di Rialto ถ่ายวิวจากสะพานมาด้วย
จัตุรัสที่เราหลงและไปต่อไม่ถูกเพราะป้ายบอกทางหายไปแล้ว อีกอย่างก็เริ่มค่ำแล้ว ยังไงพรุ่งนี้เราก็ต้องไปอยู่แล้วจึงตัดสินใจเดินกลับ
ก่อนถึงโรงแรมแฟนตัดใจซื้อแผนที่ 2ยูโร แล้วเราก็ดูแผนที่เห็นเส้นทางที่เราเดิน เป็นไปตามคาดอีกแค่ไม่ถึงสองร้อยเมตรเราก็จะถึงซานมาร์โคแล้ว ในแผนที่มีเส้นทางเดินเท้าไปซานมาร์โค น่าจะเดินสะดวกกว่าเส้นทางที่เราเดินเพราะตรอกซอกซอยเยอะเกินอาจหลงได้ง่ายๆ แต่โชคดีที่แฟนเราเป็นพวกจำทางเก่งมาก เก่งการดูแผนที่ด้วย ใครเดินเที่ยวเวนิสโดยไม่มีแผนที่เป็นต้องหลง แต่แฟนเราไม่พาหลง(ใครเครดิตนางหน่อย อิอิ) ซึ่งถ้าเรามาคนเดียวหลงตั้งแต่สองซอยแรกแล้ว รู้สึกอุ่นใจที่มีเธอร่วมทางเดิน 555555
ตอนแรกเรากับแฟนก็กะว่าจะซื้อ Venice Pass 24 Hour 20 ยูโร นั่งเรือได้ไม่จำกัดทั้งวัน ส่วนค่าเรือต่อเที่ยว 7.5 ยูโร (เห็นค่าเรือแล้วขนลุกมาก) แต่จากการที่ได้เดินมาแล้ว ระยะทางจากสถาณี Venezia S. Lucia ไป San Marco สามารถเดินได้สบายๆ (สำหรับเรากับแฟน) เราก็เลยตัดสินใจไม่ซื้อพาส คือจะเดินประหยัดดี 555555
เช้านี้เราตื่นแต่เช้าทานอาหารเช้าของโรงแรมก็ออกเดินเท้าไปที่แรกเลยคือ Pazzo ducale ใช่ค่ะ พิพิธภัณฑ์ เรียกอีกอย่างว่า Doge Palace (อ่านว่าดอดจ์พาเลซ ไม่ใช่ด็อก นะคะ) ที่แห่งนี้เคยเป็นวังที่อยู่อาศัยของดยุคผู้ครองนครเวนิส สมัยที่เวนิซคือสาธารณรัฐปกครองตนเอง เราเดินจากโรงแรมมาจนถึงจัตุรัสซานมาร์โค ระหว่างทางเจอตลาดเช้าขายอาหารทะเล สดๆใหม่ๆจากเรือเลย ปลาหมึก กุ้งตัวใหญ่มากตลาดคึกคักมาก เห็นแล้วอยากกินเลย55555
โบสถ์เซนต์มาร์ค สวยมากหรูหราอลังการ
รูป
ภาพหอระฆัง
และหอระฆังแห่งนี้ ใครสาวก Inferno จะรู้ว่าตัวร้ายมาโดดตึกฆ่าตัวตายที่หอคอยแห่งนี้นี่เอง สูงลิบเลยตกมาก็ตายแหง
รูปหอคอย
ถ้าใครหาว่าเรางก เรางกเพราะต้องมาจ่ายค่าเข้าพิพิธภัณฑ์ แต่ละที่ก็คนละเกือบยี่สิบยูโร
รูป
ที่นี่เป็นวังเก่าฉะนั้นภายในจะหรูหรามาก เพดานนี่เคลือบด้วยทองคำแท้นะคะ
รูป
เข้าพิพิธภัณฑ์มาหลายที่ ต้องขอบอกว่าอิตาลีนี่ "มีของ" จริงๆ เพราะเราไม่รู้สึกเสียดายค่าเข้าเลย ทุกๆแห่งล้วนมีของดี ที่พร้อมจะอวดและทำให้เราทึ่งได้ทุกที่เลยจริงๆ
ส่วนนี้เป็นเหมือน สภา ที่ให้ผู้แทนข้าราชการมาประชุม จุคนได้มากถึงพันกว่าคน
ในนี้ยังมี ส่วนที่เป็นศาลตัดสินคดี และมีคุก..ใช่ค่ะ คุก ที่ไว้ขังนักโทษ และคุกนี้สร้างบนสะพานเลยค่ะ
เดินชมไปเรื่อยๆ ก็มาเจอส่วนที่เป็นคุก คุกอยู่บนสะพาน ตอนนี้เราเดินอยู่ในคุกที่สร้างขึ้นบนสะพาน ที่เรียกสะพานนี้ว่า Bridges of sighs หรือ “สะพานถอนหายใจ” ชื่อจริงคือ Ponte di Sospiri คือใครเห็นสะพานนี้ก็ต้องถอนหายใจเพราะเป็นที่คุมขัง กักขังซึ่งเสรีภาพไว้ภายใน เรามองออกไปจากรูเล็กๆที่เขาทำให้นักโทษส่องออกไป พวกเขาจะเจ็บปวดแค่ไหนที่เบื้องหน้าคือทะเล..แต่พวกเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะออกไปสูดอากาศภายนอก เฮ้อ...ถอนหายใจจริงๆน่ะแหละ
ทางเดินในส่วนที่เป็นคุก ทางแคบมาก ก่อแน่นหนา
ระหว่างทางจะมีห้องแคบๆเป็นห้องขังเล็กและแคบมากค่ะ น่ากลัว
เราส่องกล้องผ่านช่องเหล็กดัด เห็นวิวภายนอกสวยงามมาก นักโทษก็คงมองวิวภายนอกจากช่องนี้
รูปสะพาน Bridges of sight จากภายนอกค้นมาจากกูเกิ้ล เราไม่มีโอกาสถ่ายรูปสะพานนี้มา เพราะตอนแรกไม่รู้มาค้นเจอทีหลัง
เดี๋ยวมาต่อนะคะ หมดโควต้า
ทริปอิตาลี 14 วัน ตอนที่ 3 Venice , Murano , Palazzo ducale
ลิงค์ตอนที่ 1 https://ppantip.com/topic/37689577
ลิงค์ตอนที่ 2 https://ppantip.com/topic/37690919
ขอออกตัวว่าภาพถ่ายเราไม่สวยนะคะ เพราะทั้งทริปใช้ไอโฟน กับโน๊ตถ่ายไม่มีกล้องแบบนักท่องเที่ยวคนอื่น เราถ่ายเพื่อความทรงจำของเราเอง อาจจะอวดใครไม่ได้ แต่ก็เอามาอวด55555
เรานั่งรถไฟความเร็วสูงมาจากฟลอเร้นซ์ ใช้เวลาสองชั่วโมงนิดๆก็ถึง Venice หรือ Venezia ประมาณบ่ายสามโมงเราออกจากสถานีรถไฟ Venezia S. Lucia ภาพแรกที่เห็นคือสวยงามมาก ตื่นตาตื่นใจ และวันนี้อากาศดีมาก แดดแรงจัด ท้องฟ้าใสกระจ่าง โอ้.. ตั้งแต่มาถึงอิตาลี เพิ่งมีวันนี้ที่ฟ้าใสขนาดนี้ และแดดก็แรงจัดมาก
รูป วิวหน้าสถานีรถไฟค่ะสวยมาก อย่าว่าแต่เราคนไทยที่ตื่นเต้น เห็นฝรั่งเดินออกมาจากสถานีรถไฟ เห็นภาพตรงหน้าทิ้งกระเป๋ายกกล้องขึ้นถ่ายรูปกันใหญ่ ก็โล่งใจที่เราไม่รู้สึกว่าตัวเองบ้านนอกสักเท่าไหร่ 555555
โรงแรมเราต้องเดินข้ามสะพานใหญ่ แล้วเดินเรียบคลองไปประาณห้าร้อยเมตรก็ถึง เราไม่อยากพักไกลมากเพราะพักแค่สองคืน ไม่อยากลากกระเป๋าขึ้นเรือ เพราะรู้มาว่าต้องจ่ายค่าเอากระเป๋าขึ้นเรือด้วย เลยพักแถวใกล้ๆท่าเรืออยากไปไหนก็นั่งเรือไปสบายๆ
เราเช็คอินเอากระเป๋าไปเก็บเรียบร้อยแล้วก็ออกเดินสำรวจเวนิส เราเดินไปเริ่มต้นแถวสถานีรถไฟ แล้วเดินเรียบคลองใหญ่แล้วก็เดินเข้าตรอกเล็กๆ แฟนเราเห็นมีป้ายบอกทางว่าไป San Marco ก็เอะใจว่ามันเดินไปถึงเหรอ? ไกลแค่ไหน? เพราะที่รู้มาว่ามันค่อนข้างไกล ถ้าเริ่มจากสถานีรถไฟ แต่เราสองคนก็ไม่มีอะไรจะทำในวันนี้ และก็ว่าจะเดินเล่นอยู่แล้ว เราก็เลยตัดสินใจเดินตามทางที่ป้ายบอกไปเรื่อยๆ ในใจแค่อยากเดินชมบ้านเมืองเขาไม่คิดว่าจะเดินไปถึงจริงๆ เพราะทางเดินเป็นตรอกซอกซอย ซอกแซกไปเรื่อยๆ
เราเดินตามป้ายไปเรื่อยๆโดยไม่มีแผนที่ ทางเดินประมาณนี้เข้าตรอกซอกซอยซอกแซกไปเรื่อย ข้ามสะพานไม่รู้กี่สะพานเป็นคลองเล็กๆ
เราสองคนเดินแบบไม่มีแผนที่เพราะยังไม่ได้ซื้อ เราเดินตามป้ายบอกทางแค่นั้นจริงๆ จนเดินมาถึงสะพานใหญ่ๆ บนสะพานมีร้านค้าเยอะแยะมากมาย ด้วยความที่เราไม่มีแผนที่ เราไม่รู้ว่าสะพานนี้ชื่ออะไร แต่ลักษณะเหมือนสะพาน Ponte vechio ที่ฟลอเร้นซ์ (มารู้ทีหลังว่าสะพานนี้คือ Ponte di Rialto หลังจากที่ซื้อแผนที่แล้ว) แล้วเราก็เดินต่อไป จนถึงจัตุรัสเล็กๆ มีอนุสาวรีย์ของ Carlo Goldoni แล้วป้ายบอกทางก็หายไป อีกอย่างมันก็เริ่มเย็นมากแล้วเราเลยตัดสินใจเดินกลับ ทั้งๆที่รู้ว่า San Marco อยู่อีกไม่ไกลเลย ความรู้สึกมันบอก แต่ยังไงพรุ่งนี้เราก็จะไปอยู่แล้ว เราก็เลยเดินกลับทางเดิมผ่านร้านพิซซ่าน่ากินมากเลยซื้อติดมือกลับมา
สะพาน Ponte di Rialto ถ่ายวิวจากสะพานมาด้วย
จัตุรัสที่เราหลงและไปต่อไม่ถูกเพราะป้ายบอกทางหายไปแล้ว อีกอย่างก็เริ่มค่ำแล้ว ยังไงพรุ่งนี้เราก็ต้องไปอยู่แล้วจึงตัดสินใจเดินกลับ
ก่อนถึงโรงแรมแฟนตัดใจซื้อแผนที่ 2ยูโร แล้วเราก็ดูแผนที่เห็นเส้นทางที่เราเดิน เป็นไปตามคาดอีกแค่ไม่ถึงสองร้อยเมตรเราก็จะถึงซานมาร์โคแล้ว ในแผนที่มีเส้นทางเดินเท้าไปซานมาร์โค น่าจะเดินสะดวกกว่าเส้นทางที่เราเดินเพราะตรอกซอกซอยเยอะเกินอาจหลงได้ง่ายๆ แต่โชคดีที่แฟนเราเป็นพวกจำทางเก่งมาก เก่งการดูแผนที่ด้วย ใครเดินเที่ยวเวนิสโดยไม่มีแผนที่เป็นต้องหลง แต่แฟนเราไม่พาหลง(ใครเครดิตนางหน่อย อิอิ) ซึ่งถ้าเรามาคนเดียวหลงตั้งแต่สองซอยแรกแล้ว รู้สึกอุ่นใจที่มีเธอร่วมทางเดิน 555555
ตอนแรกเรากับแฟนก็กะว่าจะซื้อ Venice Pass 24 Hour 20 ยูโร นั่งเรือได้ไม่จำกัดทั้งวัน ส่วนค่าเรือต่อเที่ยว 7.5 ยูโร (เห็นค่าเรือแล้วขนลุกมาก) แต่จากการที่ได้เดินมาแล้ว ระยะทางจากสถาณี Venezia S. Lucia ไป San Marco สามารถเดินได้สบายๆ (สำหรับเรากับแฟน) เราก็เลยตัดสินใจไม่ซื้อพาส คือจะเดินประหยัดดี 555555
เช้านี้เราตื่นแต่เช้าทานอาหารเช้าของโรงแรมก็ออกเดินเท้าไปที่แรกเลยคือ Pazzo ducale ใช่ค่ะ พิพิธภัณฑ์ เรียกอีกอย่างว่า Doge Palace (อ่านว่าดอดจ์พาเลซ ไม่ใช่ด็อก นะคะ) ที่แห่งนี้เคยเป็นวังที่อยู่อาศัยของดยุคผู้ครองนครเวนิส สมัยที่เวนิซคือสาธารณรัฐปกครองตนเอง เราเดินจากโรงแรมมาจนถึงจัตุรัสซานมาร์โค ระหว่างทางเจอตลาดเช้าขายอาหารทะเล สดๆใหม่ๆจากเรือเลย ปลาหมึก กุ้งตัวใหญ่มากตลาดคึกคักมาก เห็นแล้วอยากกินเลย55555
โบสถ์เซนต์มาร์ค สวยมากหรูหราอลังการ
รูป ภาพหอระฆัง
และหอระฆังแห่งนี้ ใครสาวก Inferno จะรู้ว่าตัวร้ายมาโดดตึกฆ่าตัวตายที่หอคอยแห่งนี้นี่เอง สูงลิบเลยตกมาก็ตายแหง
รูปหอคอย
ถ้าใครหาว่าเรางก เรางกเพราะต้องมาจ่ายค่าเข้าพิพิธภัณฑ์ แต่ละที่ก็คนละเกือบยี่สิบยูโร
รูป
ที่นี่เป็นวังเก่าฉะนั้นภายในจะหรูหรามาก เพดานนี่เคลือบด้วยทองคำแท้นะคะ
รูป
เข้าพิพิธภัณฑ์มาหลายที่ ต้องขอบอกว่าอิตาลีนี่ "มีของ" จริงๆ เพราะเราไม่รู้สึกเสียดายค่าเข้าเลย ทุกๆแห่งล้วนมีของดี ที่พร้อมจะอวดและทำให้เราทึ่งได้ทุกที่เลยจริงๆ
ส่วนนี้เป็นเหมือน สภา ที่ให้ผู้แทนข้าราชการมาประชุม จุคนได้มากถึงพันกว่าคน
ในนี้ยังมี ส่วนที่เป็นศาลตัดสินคดี และมีคุก..ใช่ค่ะ คุก ที่ไว้ขังนักโทษ และคุกนี้สร้างบนสะพานเลยค่ะ
เดินชมไปเรื่อยๆ ก็มาเจอส่วนที่เป็นคุก คุกอยู่บนสะพาน ตอนนี้เราเดินอยู่ในคุกที่สร้างขึ้นบนสะพาน ที่เรียกสะพานนี้ว่า Bridges of sighs หรือ “สะพานถอนหายใจ” ชื่อจริงคือ Ponte di Sospiri คือใครเห็นสะพานนี้ก็ต้องถอนหายใจเพราะเป็นที่คุมขัง กักขังซึ่งเสรีภาพไว้ภายใน เรามองออกไปจากรูเล็กๆที่เขาทำให้นักโทษส่องออกไป พวกเขาจะเจ็บปวดแค่ไหนที่เบื้องหน้าคือทะเล..แต่พวกเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะออกไปสูดอากาศภายนอก เฮ้อ...ถอนหายใจจริงๆน่ะแหละ
ทางเดินในส่วนที่เป็นคุก ทางแคบมาก ก่อแน่นหนา
ระหว่างทางจะมีห้องแคบๆเป็นห้องขังเล็กและแคบมากค่ะ น่ากลัว
เราส่องกล้องผ่านช่องเหล็กดัด เห็นวิวภายนอกสวยงามมาก นักโทษก็คงมองวิวภายนอกจากช่องนี้
รูปสะพาน Bridges of sight จากภายนอกค้นมาจากกูเกิ้ล เราไม่มีโอกาสถ่ายรูปสะพานนี้มา เพราะตอนแรกไม่รู้มาค้นเจอทีหลัง
เดี๋ยวมาต่อนะคะ หมดโควต้า