ในรัชสมัยของสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถ มีการสั่งประหารขุนนางผู้บริสุทธิ์เป็นจำนวนมากเนื่องมาจาก “บัตรสนเท่ห์”ที่เขียนใส่ความคนอื่นและในหมู่ขุนนางด้วยกันเองแล้วทิ้งไว้ในที่สาธารณะ จนถึงมีการออกตราพระราชกำหนดเกี่ยวกับบัตรสนเท่ห์ไว้ในพระไอยการลักษณะกบฏศึกในรัชสมัยของพระองค์ไว้ในมาตราที่สองว่า
“ผู้ใดรู้ว่าใครๆ ทำความร้ายในแผ่นดินประการใดๆ ท่านให้ผู้รู้นั้นออกมากล่าวโดยคดีเสาวภาพตามเนื้อความอันรู้นั้น ท่านมิให้ทำบัดสนเท่ห์แขวนแลทิ้งไว้ในสถานสักอันเลย ถ้าผู้ใดจับผู้นั้นได้ ท่านให้ฆ่าเสีย...” และในกฏหมายตราสามดวงมาตราสามว่า
“ผู้ใดเหนบัดสนเท่ห์อันตกอยู่ในสถานใดๆ ก็ดี ผู้ใดได้ ท่านให้ฉีกทิ้งเสียในที่นั้น ท่านมิให้หยิบไปอ่านดู มิให้เอาให้ผู้อื่นอ่านจะให้ตัดมือผู้เอามานั้นเสีย...” (กฏหมายตราสามดวง คือกฏหมายที่ออกในรัชสมัยร.๑ แต่ไม่ใช่กฏหมายที่เขียนใหม่ในรัชสมัยพระองค์อย่างที่หลายท่านเข้าใจ แต่เป็นการรวบรวมเอากฏหมายต่างๆ ในสมัยอยุธยามาชำระ เพิ่มเติม เปลี่ยนแปลและปรับปรุง:
วัชรานนท์)
เจตนาของของพระราชกำหนดที่ว่านี้ก็เพื่อปกป้องคนบริสุทธิ์จากการถูกกล่าวหาที่ไร้หลักฐานอย่างบัตรสนเทห์ อีกนัยยะหนึ่ง ก็สื่อให้เห็นอิทธิพลของ “สื่อ” จากบัตรสนเท่ห์ที่มีบทบาทต่อชีวิตของผู้มีอำนาจและรวมไปถึงทิศทางทางการเมืองของรัฐด้วย กรณีบัตรสนเทห์ “อีกาคาบข่าว” ในช่วงระหว่างเปลี่ยนแผ่นดินใหม่ๆ ในช่วงต้นรัตนโกสินทร์ก็ถึงกับมีการพิพากษาประหารชีวิต เจ้าฟ้ากรมขุนกระษัตรานุชิต หรือเจ้าฟ้าเหม็น พระโอรสของพระเจ้าตากสินทีเดียว (รายละเอียดน่าจะพอหาอ่านกันได้ในกรูเกิ้ลนะครับ) เป็นที่น่าสังเกตุว่า....คนที่นำบัตรสนเทห์มาทิ้งนั้นไม่ใช่ “ผู้ใด” หรือบุคคลใดที่ระบุไว้ในกฏหมายตราสามดวง หากแต่เป็น “อีกา”.....ก็นับว่าผู้ที่เขียนหรือพบบัตรสนเท่ห์ที่กล่าวหาเจ้าฟ้าเหม็นว่าจะทำการกบฏนั้น “หัวหมอ” ไม่น้อย โยนไปให้อีกาซึ่งกฏหมายไม่ได้ระบุเอาไว้เลย
บทบาทและอิทธิพลของการใช้ “สื่อ” ต่อการเมืองไทยได้ประจักษ์ชัดเจนขึ้นมาอีกช่วงพฤษภาทมิฬ การก่อม็อบต่อต้านคณะรสช. ทั้งในรูปธรรมและนามธรรมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพด่านการใช้เทคโนโลยี่สมัยใหม่ “มือถือ”......”ไอ้แหลม” ใช้มือถือเป็นเครื่องมือโจมตีให้ส่งข่าวสาร ทั้งข้อ “เท็จ” และ “จริง” ผ่านมือถือจนถือได้ว่าเป็นส่วนสำคัญในการล้มรัฐบาลของพลเอกสุจินดาทีเดียว
ล่าสุดม็อบราชดำเนิน.....ซึ่งไม่อาจปฏิเสธได้ว่า “สื่อ” ออนไลน์อย่างfacebook , twitter, Instagram มีส่วนอย่างมากในการกระตุ้นให้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองกรุงออกมาชุมนุมจำนวนมาก และเชื่อว่าส่วนหนึ่งไม่ได้มีเจตนาทางการเมือง ออกมาชุมนุมเพียงเพื่อการให้ได้ภาพลงออนไลน์ อย่างไรก็แล้วแต่...เฟสบุ๊คก็มีบทบาทไม่น้อยต่อ“จำนวน” ของมวลมหาประชาชนของกกปส.
จริงๆ อยากจะพูดถึง “ศาล” ด้วย...แต่เมื่อพิจารณาแล้ว เพื่อความปลอดภัยของจขกท. จึงขอพูดถึงแต่เรื่อง “สื่อ” ไว้แค่ครับ....บทบาทของศาลต่อการเมืองไทยในตอนนี้มีอิทธิพลขนาดไหน....ก็ดูกันออกทุกๆ คนไม่ว่าคุณจะสีไหนก็ตาม
วันเสาร์สบายๆ...นั่งเขียนไปจิ๊บกาแฟไป ไม่เครียดๆ
.....จาก “สื่อ” ถึง “ศาล” เครื่องมือทางการเมืองอันทรงประสิทธิภาพที่ยังดำรงอยู่กว่าเจ็ดร้อยปี.....
เจตนาของของพระราชกำหนดที่ว่านี้ก็เพื่อปกป้องคนบริสุทธิ์จากการถูกกล่าวหาที่ไร้หลักฐานอย่างบัตรสนเทห์ อีกนัยยะหนึ่ง ก็สื่อให้เห็นอิทธิพลของ “สื่อ” จากบัตรสนเท่ห์ที่มีบทบาทต่อชีวิตของผู้มีอำนาจและรวมไปถึงทิศทางทางการเมืองของรัฐด้วย กรณีบัตรสนเทห์ “อีกาคาบข่าว” ในช่วงระหว่างเปลี่ยนแผ่นดินใหม่ๆ ในช่วงต้นรัตนโกสินทร์ก็ถึงกับมีการพิพากษาประหารชีวิต เจ้าฟ้ากรมขุนกระษัตรานุชิต หรือเจ้าฟ้าเหม็น พระโอรสของพระเจ้าตากสินทีเดียว (รายละเอียดน่าจะพอหาอ่านกันได้ในกรูเกิ้ลนะครับ) เป็นที่น่าสังเกตุว่า....คนที่นำบัตรสนเทห์มาทิ้งนั้นไม่ใช่ “ผู้ใด” หรือบุคคลใดที่ระบุไว้ในกฏหมายตราสามดวง หากแต่เป็น “อีกา”.....ก็นับว่าผู้ที่เขียนหรือพบบัตรสนเท่ห์ที่กล่าวหาเจ้าฟ้าเหม็นว่าจะทำการกบฏนั้น “หัวหมอ” ไม่น้อย โยนไปให้อีกาซึ่งกฏหมายไม่ได้ระบุเอาไว้เลย
บทบาทและอิทธิพลของการใช้ “สื่อ” ต่อการเมืองไทยได้ประจักษ์ชัดเจนขึ้นมาอีกช่วงพฤษภาทมิฬ การก่อม็อบต่อต้านคณะรสช. ทั้งในรูปธรรมและนามธรรมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพด่านการใช้เทคโนโลยี่สมัยใหม่ “มือถือ”......”ไอ้แหลม” ใช้มือถือเป็นเครื่องมือโจมตีให้ส่งข่าวสาร ทั้งข้อ “เท็จ” และ “จริง” ผ่านมือถือจนถือได้ว่าเป็นส่วนสำคัญในการล้มรัฐบาลของพลเอกสุจินดาทีเดียว
ล่าสุดม็อบราชดำเนิน.....ซึ่งไม่อาจปฏิเสธได้ว่า “สื่อ” ออนไลน์อย่างfacebook , twitter, Instagram มีส่วนอย่างมากในการกระตุ้นให้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองกรุงออกมาชุมนุมจำนวนมาก และเชื่อว่าส่วนหนึ่งไม่ได้มีเจตนาทางการเมือง ออกมาชุมนุมเพียงเพื่อการให้ได้ภาพลงออนไลน์ อย่างไรก็แล้วแต่...เฟสบุ๊คก็มีบทบาทไม่น้อยต่อ“จำนวน” ของมวลมหาประชาชนของกกปส.
จริงๆ อยากจะพูดถึง “ศาล” ด้วย...แต่เมื่อพิจารณาแล้ว เพื่อความปลอดภัยของจขกท. จึงขอพูดถึงแต่เรื่อง “สื่อ” ไว้แค่ครับ....บทบาทของศาลต่อการเมืองไทยในตอนนี้มีอิทธิพลขนาดไหน....ก็ดูกันออกทุกๆ คนไม่ว่าคุณจะสีไหนก็ตาม
วันเสาร์สบายๆ...นั่งเขียนไปจิ๊บกาแฟไป ไม่เครียดๆ