.....จาก “สื่อ” ถึง “ศาล” เครื่องมือทางการเมืองอันทรงประสิทธิภาพที่ยังดำรงอยู่กว่าเจ็ดร้อยปี.....

ในรัชสมัยของสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถ   มีการสั่งประหารขุนนางผู้บริสุทธิ์เป็นจำนวนมากเนื่องมาจาก “บัตรสนเท่ห์”ที่เขียนใส่ความคนอื่นและในหมู่ขุนนางด้วยกันเองแล้วทิ้งไว้ในที่สาธารณะ   จนถึงมีการออกตราพระราชกำหนดเกี่ยวกับบัตรสนเท่ห์ไว้ในพระไอยการลักษณะกบฏศึกในรัชสมัยของพระองค์ไว้ในมาตราที่สองว่า “ผู้ใดรู้ว่าใครๆ ทำความร้ายในแผ่นดินประการใดๆ  ท่านให้ผู้รู้นั้นออกมากล่าวโดยคดีเสาวภาพตามเนื้อความอันรู้นั้น   ท่านมิให้ทำบัดสนเท่ห์แขวนแลทิ้งไว้ในสถานสักอันเลย  ถ้าผู้ใดจับผู้นั้นได้  ท่านให้ฆ่าเสีย...”    และในกฏหมายตราสามดวงมาตราสามว่า “ผู้ใดเหนบัดสนเท่ห์อันตกอยู่ในสถานใดๆ ก็ดี  ผู้ใดได้  ท่านให้ฉีกทิ้งเสียในที่นั้น  ท่านมิให้หยิบไปอ่านดู  มิให้เอาให้ผู้อื่นอ่านจะให้ตัดมือผู้เอามานั้นเสีย...” (กฏหมายตราสามดวง  คือกฏหมายที่ออกในรัชสมัยร.๑  แต่ไม่ใช่กฏหมายที่เขียนใหม่ในรัชสมัยพระองค์อย่างที่หลายท่านเข้าใจ  แต่เป็นการรวบรวมเอากฏหมายต่างๆ ในสมัยอยุธยามาชำระ  เพิ่มเติม เปลี่ยนแปลและปรับปรุง: วัชรานนท์)



เจตนาของของพระราชกำหนดที่ว่านี้ก็เพื่อปกป้องคนบริสุทธิ์จากการถูกกล่าวหาที่ไร้หลักฐานอย่างบัตรสนเทห์   อีกนัยยะหนึ่ง  ก็สื่อให้เห็นอิทธิพลของ “สื่อ” จากบัตรสนเท่ห์ที่มีบทบาทต่อชีวิตของผู้มีอำนาจและรวมไปถึงทิศทางทางการเมืองของรัฐด้วย    กรณีบัตรสนเทห์ “อีกาคาบข่าว” ในช่วงระหว่างเปลี่ยนแผ่นดินใหม่ๆ ในช่วงต้นรัตนโกสินทร์ก็ถึงกับมีการพิพากษาประหารชีวิต เจ้าฟ้ากรมขุนกระษัตรานุชิต หรือเจ้าฟ้าเหม็น  พระโอรสของพระเจ้าตากสินทีเดียว  (รายละเอียดน่าจะพอหาอ่านกันได้ในกรูเกิ้ลนะครับ)   เป็นที่น่าสังเกตุว่า....คนที่นำบัตรสนเทห์มาทิ้งนั้นไม่ใช่ “ผู้ใด” หรือบุคคลใดที่ระบุไว้ในกฏหมายตราสามดวง   หากแต่เป็น “อีกา”.....ก็นับว่าผู้ที่เขียนหรือพบบัตรสนเท่ห์ที่กล่าวหาเจ้าฟ้าเหม็นว่าจะทำการกบฏนั้น “หัวหมอ” ไม่น้อย   โยนไปให้อีกาซึ่งกฏหมายไม่ได้ระบุเอาไว้เลย



บทบาทและอิทธิพลของการใช้ “สื่อ” ต่อการเมืองไทยได้ประจักษ์ชัดเจนขึ้นมาอีกช่วงพฤษภาทมิฬ   การก่อม็อบต่อต้านคณะรสช. ทั้งในรูปธรรมและนามธรรมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพด่านการใช้เทคโนโลยี่สมัยใหม่ “มือถือ”......”ไอ้แหลม” ใช้มือถือเป็นเครื่องมือโจมตีให้ส่งข่าวสาร ทั้งข้อ “เท็จ” และ “จริง” ผ่านมือถือจนถือได้ว่าเป็นส่วนสำคัญในการล้มรัฐบาลของพลเอกสุจินดาทีเดียว



ล่าสุดม็อบราชดำเนิน.....ซึ่งไม่อาจปฏิเสธได้ว่า “สื่อ” ออนไลน์อย่างfacebook , twitter, Instagram มีส่วนอย่างมากในการกระตุ้นให้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองกรุงออกมาชุมนุมจำนวนมาก   และเชื่อว่าส่วนหนึ่งไม่ได้มีเจตนาทางการเมือง  ออกมาชุมนุมเพียงเพื่อการให้ได้ภาพลงออนไลน์   อย่างไรก็แล้วแต่...เฟสบุ๊คก็มีบทบาทไม่น้อยต่อ“จำนวน” ของมวลมหาประชาชนของกกปส.



จริงๆ อยากจะพูดถึง “ศาล” ด้วย...แต่เมื่อพิจารณาแล้ว  เพื่อความปลอดภัยของจขกท.   จึงขอพูดถึงแต่เรื่อง “สื่อ” ไว้แค่ครับ....บทบาทของศาลต่อการเมืองไทยในตอนนี้มีอิทธิพลขนาดไหน....ก็ดูกันออกทุกๆ คนไม่ว่าคุณจะสีไหนก็ตาม

วันเสาร์สบายๆ...นั่งเขียนไปจิ๊บกาแฟไป  ไม่เครียดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่