ประเมินผล การลงทุนในช่วงขาลง ตามประเภทของหุ้น เติบโต ปันผล เล่นข่าว และธุรกิจตกต่ำ

กระทู้สนทนา
สวัสดึครับ ผมขอนำเสนอความคืบหน้าจากการลงทุน ในหุ้นที่ผมเคยโพสไปในการลงทุนหุ้นขาลง

ปกติผมเล่นหุ้นในตลาดอเมริกา และตลาดอื่น และเข้ามาซื้อหุ้นตลาดเมืองไทย ในเดือนมกราคา 2514 จาก SET อยู่ที่ 1200 และขายออก ในเดือนกรกฏาคม 2515
เมื่อ SET อยู่ในระดับ 1600 ทั้งนี้ผมคาดการณ์ว่า SET จะมีการปรับตัวของหุ้นลงเนื่องจากการการปรับดอกเบี้ยของ FED  จากข่าวต่างประเทศเพื่อเตือนนักลงทุนที่มาลงทุนในตลาดหุ้นแถบบ้านเรา หรือเรียกว่า Emerging Market อยู่เสมอ

และผมเริ่มเข้าซื้อหุ้นก่อนประชุมเฟต เมื่อ SET ตกลงไปที่แนวรับเดิมประมาณ 1300 ในวันที่ 8 ธันวาคม 2515 อย่างไรก็ตามลาดหุ้นได้ตกไปเรื่อยๆ จนถึงวันที่ 16 ธันวาคม 2515 ที่ระดับ 1270 และปรับตัวกลับขึ้นมาที่ 1310 ในวันที่ 17 ธันวาคม รวมเวลาของการตกลงของหุ้นทั้งหมด 9 วัน

ผมทำการจดบันทึก เพื่อศึกษาแนวโน้มการลงทุนใน SET และหุ้นในประเทศไทยโดยการตั้งตัวแปรเต่างเพื่อคัดกรองหุ้น และจัดกลุ่มหุ้นในการลงทุนเป็น 4 ประเภท และลงทุนกระจายเงินลงทุนในหุ้นกลุ่มต่างๆ และตั้งเพดานการลงทุนประมาณ 150,000 บาทต่อหุ้น โดยการทะยอยซื้อเมื่อราคาทำนิวโลน์ และไม่ซื้อในราคาที่ปรับตัวขึ้นไป
ยกเว้นหุ้นประเภทที่ 4 ที่ผมศึกษาจากกราฟ โดยมีรายละเอียดต่อไปนี้

1) หุ้นเติบโต (Growth Stock) - ผมคัดเลือกหุ้นที่มียอดขายเกินกว่า 1,000 ล้านบาท และมีอัตรากำไรเติบโตติดต่อกันอย่างน้อย 3 ปี ที่อัตรา 100% โดยเลือกหุ้นที่มีกำไรที่สูงเมื่อเทียบกับยอดขายเกิน 30% ขึ้นไป และมีโมเดลธุรกิจที่ดี มีโอกาสเติบโตได้ในอนาคต ผลปรากฏว่ามีหุ้นที่เข้าข่ายของผม คือ BEAUTY และ PLANB
2) หุ้นปันผล (Dividend Stock) โดยเลือกหุ้นที่มีมีปันผลอย่างน้อย 7% โดยเลือกหุ้นที่มีการเติบโตในไตรมาสที่ผ่านมา และต้องมีแนวโน้มธุรกิจที่ดีขึ้น ผลปรากฏว่ามีหุ้นที่เข้าข่าย คือ CSL และ MODERN
3) หุ้นตามข่าว โดยมีการคัดเลือกหุ้น เกี่ยวข้องกับการประมูลพลังงานแสงอาทิตย์ในหน่วยงานราชการ การประมูล 4 จี และการปรับตัวราคาน้ำมันในตลาดโลก โดยมีหุ้น TSE, INTUCH และ PTT เป็นตัวศึกษา
4) หุ้นที่มีผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ออกมาไม่ดี โดยมีหุ้น BANPU และ DEMCO เป็นตัวศึกษา

สรุปผลการศึกษา และผลลัพธ์การลงทุนทั้งหมดจากหุ้นดังกล่าวจากตัวแทนหุ้นทั้ง 10 หุ้น พบว่า

1) หุ้นที่มีการเติบโตดี จะมีการค่อยปรับตัวของราคาหุ้นอยู่ในระดับต่ำ และปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรง
เมื่อภาพรวมของ SET มีการปรับตัวขึ้น อย่างรวดเร็ว
2) หุ้นปันผล จะมีการปรับตัวลงจากค่าเฉลี่ยในระดับใกล้เคียง SET ทั้งนี้เมื่อตลาดปรับตัวขึ้น หุ้นจะมีการปรับตัวขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในอัตราขึ้นที่ต่ำ
3) หุ้นข่าวจะมีความพันผวนขึ้นลงอย่างสูง ตามทิศทางกระแสข่าว
4) หุ้นที่มีผลประกอบการที่ไม่ดี หุ้นจะมีแนวโน้มการปรับตัวลงอย่างเห็นได้ชัด

จากผลลัพธ์ข้างต้น ผมมีสังเกตุว่า- การลงทุนในหุ้นเติบโต จะมีอัตราการปรับตัวลงของหุ้นอย่างช้าๆ ตาม SET (หุ้น BEAYTY มีราคาตกอย่างรุนแรงและเด้งกลับในวันที่ 9 ธันวาคม) และทำราคาปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว เกินกว่า SET จากข้อสังเกตุการลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ หากซื้อหุ้นในช่วงราคาตลาดปรับลง การทะยอยซื้อในราคาที่ถูกของแต่ละวัน โดยไม่ไล่ราคา จะมีโอกาสทำกำไรมากกว่ากลุ่มอื่นๆ
กราฟ BEAUTY [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

สำหรับหุ้นปันผล ราคาหุ้นจะไหลลงอย่างต่อเนื่องตาม SET ที่ปรับตัวลงอย่างสัมพันธ์กัน การซื้อหุ้นและไล่ราคา กับตลาดที่ปรับตัวลงจะมีโอกาสที่เงินลงทุนจะเต็มเพดานที่ตั้งไว้ และหุ้นจะทำราคาต่ำตกลงไปเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันเมื่อตลาดปรับตัวขึ้นราคาจะค่อยปรับราคาขึ้นตาม ทั้งนี้วันที่ 17 ธันวาคม ราคาหุ้นได้กลับมาเท่าเดิม (เท่าทุน) ทั้งนี้มีข้อแนะนำไม่ควรทำการซื้อในช่วงตลาดที่มีทิศทางปรับตัวลง ควรซื้อกลับเมื่อแน่ใจว่าตลาดหุ้นมีทิศทางขาขึ้น ไม่มีความจำเป็นใดๆ ในการลงทุนในตลาดที่ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง
กราฟ CSl [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
การซื้อขายหุ้นที่มีข่าว จะมีการขายและซื้อหุ้น มีราคาที่ปรับตัวขึ้นลงเร็วอย่างมาก ถึงแมัว่าจะเป็น หุ้นที่มี CAP ใหญ่ๆ อย่าง PTT หรือ INTUCH ซึ่งจากข้อสังเกตุจุดเข้าซื้อในช่วง oversold โดยใช้เครื่องมือทางเทคนิค เช่น RSI เข้าช่วย จะช่วยสร้างราคาที่ดี แต่จะต้องมีจุดซื้อขายเข้า-ออกเร็ว โดยสามารถสร้างกำไรอย่างน้อย 15% แต่ในทางกลับกันโอกาสในการขาดทุนก็มีเช่นเดียวกัน
กราฟ PTT [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

สำหรับหุ้นที่มีผลประกอบการไม่ดี มีอัตราการปรับตัวลงของราคาหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ เช่นหุ้น BANPU ราคาตกลงไปที่ 15.00 บาท ในเฉพาะช่วงตลาดที่มีการปรับตัวลง และปรับตัวขึ้นได้ชัากว่า มีข้อสังเกตุว่าในช่วงตลาดขาลง หุ้นประเภทนี้จะทำให้ภาพรวมของพอร์ตเสียหาย
กราฟ BANPU [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

สรุปโดยรวม ในช่วงตลาดที่มีการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง ควรใช้ความระมัดระวังอย่างสูง หรือควรหลีกเลี่ยง หากมีทุนจำกัด ทั้งนี้หุ้นเกือบทุกประเภทจะมีการปรับราคาตามตลาด ทั้งนี้หากจำเป็นการเลือกหุ้นที่มีผลประกอบการที่ดี มีผลในการลดการขาดทุนของพอร์ต และทำกำไรเมื่อตลาดมีการปรับตัวขึ้น ในทางตรงข้ามการลงทุนในหุ้นที่มีผลประกอบการไม่ดี จะสร้างความเสียหายต่อการลงทุนอย่างมาก หุ้นปันผลควรลงทุนเมื่อมั่นใจว่าตลาดมีการปรับตัวขึ้นอย่างชัดเจน สำหรับหุ้นที่เกี่ยวเนื่องกับข่าวการใช้เทคนิคเข้าช่วยมีความจำเป็น

ทั้งนี้ข้อมูลดังกล่าวเป็นแค่ข้อสังเหตุ และเป็นความเห็นส่วนตัว เพื่อการแลกเปลี่ยน ทั้งนี้หุ้นแต่ละตัวมีปัจจัยอื่นๆ ประกอบอีกมากมายมาก

ราคาดังกล่าวมีการเข้าซื้อและทำกำไร ในช่วงเวลาต่างกัน

ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม

การลงทุนในหุ้นมีความเสี่ยง โปรดใช้วิจารณในการลงทุน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่