เมื่องานศพของบิดาผ่านพ้นไป ฮั่วตงลิ้มจึงรับตำแหน่งประมุขพรรคบัวขาวสืบต่อมา
วันนี้หลังพิธีรับตำแหน่ง กราบไหว้ดวงวิญญาปรมาจารย์และบรรพชนในอดีตเสร็จสิ้นลง ฮั่วตงลิ้มค่อยกลับมาที่ห้องพัก หมกเก็บตัวอยู่คนเดียว ล้วงเอาขวดหยกน้ำมันนวดที่หลันเหลยเคยมอบให้ออกมานั่งมอง
ภาพเหตุการณ์ในศาลเจ้าร้าง ยังคงจดจำประทับตราตรึงซึ้งใจ
นับตั้งแต่ใบหน้าสกปรกมอมแมม ชวนตลกขบขันของนางในวันแรกที่ได้พบ จนกระทั่งนางอาบน้ำแต่งตัวน่ารักมาหาเขา จนเขาถึงกับตกตะลึง ความรู้สึกที่มือน้อยๆสัมผัสนวดทายาให้กับเขาอย่างอ่อนโยน ดวงหน้าที่งดงามเยาว์วัย ประกายตาซุกซนไร้เดียงสาของนาง สุ้มเสียงที่ไพเราะเจื้อยแจ้วปานระฆังเงิน…
ทุกประการในตัวนาง ไม่มีสิ่งใดสามารถลบเลือนออกไปจากความทรงจำของเขาได้เลย แม้กายจากมา แต่ใจกลับยิ่งโหยหา ความคิดถึงยิ่งมา ยิ่งพอกพูนเพิ่มขึ้น..ทุกลมหายใจ
...หลันเหลยที่มากน้ำใจ
...หลันเหลยที่นุ่มนวลช่างเอาใจ
...หลันเหลยที่ซุกซน ช่างแง่งอน..นางนั้น
... หลันเหลย…
" หลันเหลย… "
ชายหนุ่มรำพึงชื่อนี้ออกมาอย่างกลัดกลุ้ม ถอนใจแหงนหน้าขึ้นมองเพดาน พึมพำตัดพ้ออย่างปวดร้าว
" …. สวรรค์ท่านไฉนจึงโหดร้ายนัก.. ไฉนจึงไม่ให้ข้าเป็นคนธรรมดาสามัญ ทำไมเมื่อให้ข้าเป็นคนของพรรคบัวขาว ..แล้วต้องบันดาลให้พวกเรา เป็นคนฆ่าล้างครอบครัวของนางด้วย ทำไมต้องบันดาลให้พวกเราเป็นศัตรูกันด้วย
.. ทำไม ..??
และหากพวกท่านประสงค์ให้พวกเราต้องเป็นศัตรูกัน แล้วทำไมต้องบันดาลให้ข้าได้ไปพบและรู้จักนางด้วย…?
.. ทำไม ..?? "
………………………………
ป่วยป๋วยนั้นมีจิตใจผูกพันต่อฮั่วตงลิ้มมานาน คอยกังวลห่วงใยต่อเขาตลอดเวลา วันนี้เห็นอีกฝ่ายท่าทางอ่อนเพลีย หายเข้าไปในห้องหลายชั่วยาม จึงปรุงรังนกตุ๋นชามหนึ่ง ยกมาที่ห้องของเขา
เคาะประตูส่งเสียงเรียก แต่ไร้เสียงขานตอบ ดังนั้นจึงถือวิสาสะ ใช้ความสนิทสนมที่เคยมีกันมาตั้งแต่เยาว์วัยผลักประตูเข้าไป ค่อยพบเห็นฮั่วตงลิ้มนั่งฟุบหน้าหลับอยู่บนโต๊ะ ในมือกำขวดหยกเล็กๆ ใบหนึ่ง ถึงกับงงงันวูบ
แลเห็นใต้ท่อนแขนของเขา มีกระดาษขาวแผ่นหนึ่ง เขียนบทกลอนสั้นๆ เอาไว้
หญิงสาววางถาดน้ำรังนกตุ๋นลงบนโต๊ะ ดึงกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาอ่าน เห็นภายในนั้นเขียนข้อความว่า
" ที่ผ่านมาคงแค่ฝันที่ผ่านเลือน
ไว้คอยเตือนหัวใจให้คอยจำ… "
บทกลอนความหมายลึกซึ้ง สะท้อนอารมณ์แห่งความคะนึงหาและรันทด พลอยสะกดใส่ผู้อ่าน อดรู้สึกเศร้าใจไปด้วยมิได้ ป่วยป๋วยทั้งแปลกใจและงุนงง
คนอย่างฮั่วตงลิ้ม เย็นชาดุจน้ำแข็ง หัวใจสงบราบเรียบไร้ความรู้สึก แม้แต่นางที่เติบโตด้วยกันมากับเขาตั้งแต่เด็ก ก็ไม่เคยเห็นเขาหวั่นไหวต่อผู้ใด และไม่เคยคาดเดาออกว่าในใจของเขากำลังคิดอะไรอยู่
บทกลอนนี้ที่แท้มีเบื้องหลังความเป็นมาอย่างไร หมายถึงผู้ใด ป่วยป๋วยขบคิดเท่าใดก็คิดไม่ออก
ยามนั้น ฮั่วตงลิ้มพลันสะท้านตื่นรู้สึกตัว ผงกศีรษะขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ตวาดว่า
" เจ้ามาทำอะไรที่นี้… "
หญิงสาวใจหายวาบรีบกล่าวว่า
" ขออภัย…ข้าเอารังนกตุ๋นมาให้ท่าน เห็นท่านหลับอยู่จึงมิกล้าปลุก ท่านคงอ่อนเพลียมาก.."
ฮั่วตงลิ้มส่งเสียงอืมเบาๆในลำคอ กล่าวคำ " ขอบคุณ " แต่ครั้นเห็นกระดาษแผ่นนั้นอยู่ในมือนาง ต้องหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ยื่นมือแบขอ กล่าวเสียงเย็นชา
" คืนให้ข้า… "
ป่วยป๋วยส่งกระดาษกลอนคืนให้ อดถามมิได้ว่า
" บทกลอนบทนี้….? "
ฮั่วตงลิ้มชิงตัดบท
" ไม่มีอันใด ข้าแค่เขียนเล่นๆ วันนี้ข้ารู้สึกเพลียมาก อยากพักผ่อน…เจ้าไปได้แล้ว "
" งั้นเชิญท่านประมุข… ข้าขอตัวก่อน… "
กล่าวจบหันกายออกมา ทั้ง ๆที่ในใจยังเต็มไปด้วยความสงสัย
..........................
♥ ♥ .. จอมใจเจ้าบัลลังก์ .. ♥ ♥ [ 5 : คำมั่นสัญญา ]
☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼
☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼ ☼
อ่านตอนก่อนหน้านี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[ขอบคุณ :ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต]
เมื่องานศพของบิดาผ่านพ้นไป ฮั่วตงลิ้มจึงรับตำแหน่งประมุขพรรคบัวขาวสืบต่อมา
วันนี้หลังพิธีรับตำแหน่ง กราบไหว้ดวงวิญญาปรมาจารย์และบรรพชนในอดีตเสร็จสิ้นลง ฮั่วตงลิ้มค่อยกลับมาที่ห้องพัก หมกเก็บตัวอยู่คนเดียว ล้วงเอาขวดหยกน้ำมันนวดที่หลันเหลยเคยมอบให้ออกมานั่งมอง
ภาพเหตุการณ์ในศาลเจ้าร้าง ยังคงจดจำประทับตราตรึงซึ้งใจ
นับตั้งแต่ใบหน้าสกปรกมอมแมม ชวนตลกขบขันของนางในวันแรกที่ได้พบ จนกระทั่งนางอาบน้ำแต่งตัวน่ารักมาหาเขา จนเขาถึงกับตกตะลึง ความรู้สึกที่มือน้อยๆสัมผัสนวดทายาให้กับเขาอย่างอ่อนโยน ดวงหน้าที่งดงามเยาว์วัย ประกายตาซุกซนไร้เดียงสาของนาง สุ้มเสียงที่ไพเราะเจื้อยแจ้วปานระฆังเงิน…
ทุกประการในตัวนาง ไม่มีสิ่งใดสามารถลบเลือนออกไปจากความทรงจำของเขาได้เลย แม้กายจากมา แต่ใจกลับยิ่งโหยหา ความคิดถึงยิ่งมา ยิ่งพอกพูนเพิ่มขึ้น..ทุกลมหายใจ
...หลันเหลยที่มากน้ำใจ
...หลันเหลยที่นุ่มนวลช่างเอาใจ
...หลันเหลยที่ซุกซน ช่างแง่งอน..นางนั้น
... หลันเหลย…
" หลันเหลย… "
ชายหนุ่มรำพึงชื่อนี้ออกมาอย่างกลัดกลุ้ม ถอนใจแหงนหน้าขึ้นมองเพดาน พึมพำตัดพ้ออย่างปวดร้าว
" …. สวรรค์ท่านไฉนจึงโหดร้ายนัก.. ไฉนจึงไม่ให้ข้าเป็นคนธรรมดาสามัญ ทำไมเมื่อให้ข้าเป็นคนของพรรคบัวขาว ..แล้วต้องบันดาลให้พวกเรา เป็นคนฆ่าล้างครอบครัวของนางด้วย ทำไมต้องบันดาลให้พวกเราเป็นศัตรูกันด้วย
.. ทำไม ..??
และหากพวกท่านประสงค์ให้พวกเราต้องเป็นศัตรูกัน แล้วทำไมต้องบันดาลให้ข้าได้ไปพบและรู้จักนางด้วย…?
.. ทำไม ..?? "
………………………………
ป่วยป๋วยนั้นมีจิตใจผูกพันต่อฮั่วตงลิ้มมานาน คอยกังวลห่วงใยต่อเขาตลอดเวลา วันนี้เห็นอีกฝ่ายท่าทางอ่อนเพลีย หายเข้าไปในห้องหลายชั่วยาม จึงปรุงรังนกตุ๋นชามหนึ่ง ยกมาที่ห้องของเขา
เคาะประตูส่งเสียงเรียก แต่ไร้เสียงขานตอบ ดังนั้นจึงถือวิสาสะ ใช้ความสนิทสนมที่เคยมีกันมาตั้งแต่เยาว์วัยผลักประตูเข้าไป ค่อยพบเห็นฮั่วตงลิ้มนั่งฟุบหน้าหลับอยู่บนโต๊ะ ในมือกำขวดหยกเล็กๆ ใบหนึ่ง ถึงกับงงงันวูบ
แลเห็นใต้ท่อนแขนของเขา มีกระดาษขาวแผ่นหนึ่ง เขียนบทกลอนสั้นๆ เอาไว้
หญิงสาววางถาดน้ำรังนกตุ๋นลงบนโต๊ะ ดึงกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาอ่าน เห็นภายในนั้นเขียนข้อความว่า
" ที่ผ่านมาคงแค่ฝันที่ผ่านเลือน
ไว้คอยเตือนหัวใจให้คอยจำ… "
บทกลอนความหมายลึกซึ้ง สะท้อนอารมณ์แห่งความคะนึงหาและรันทด พลอยสะกดใส่ผู้อ่าน อดรู้สึกเศร้าใจไปด้วยมิได้ ป่วยป๋วยทั้งแปลกใจและงุนงง
คนอย่างฮั่วตงลิ้ม เย็นชาดุจน้ำแข็ง หัวใจสงบราบเรียบไร้ความรู้สึก แม้แต่นางที่เติบโตด้วยกันมากับเขาตั้งแต่เด็ก ก็ไม่เคยเห็นเขาหวั่นไหวต่อผู้ใด และไม่เคยคาดเดาออกว่าในใจของเขากำลังคิดอะไรอยู่
บทกลอนนี้ที่แท้มีเบื้องหลังความเป็นมาอย่างไร หมายถึงผู้ใด ป่วยป๋วยขบคิดเท่าใดก็คิดไม่ออก
ยามนั้น ฮั่วตงลิ้มพลันสะท้านตื่นรู้สึกตัว ผงกศีรษะขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ตวาดว่า
" เจ้ามาทำอะไรที่นี้… "
หญิงสาวใจหายวาบรีบกล่าวว่า
" ขออภัย…ข้าเอารังนกตุ๋นมาให้ท่าน เห็นท่านหลับอยู่จึงมิกล้าปลุก ท่านคงอ่อนเพลียมาก.."
ฮั่วตงลิ้มส่งเสียงอืมเบาๆในลำคอ กล่าวคำ " ขอบคุณ " แต่ครั้นเห็นกระดาษแผ่นนั้นอยู่ในมือนาง ต้องหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ยื่นมือแบขอ กล่าวเสียงเย็นชา
" คืนให้ข้า… "
ป่วยป๋วยส่งกระดาษกลอนคืนให้ อดถามมิได้ว่า
" บทกลอนบทนี้….? "
ฮั่วตงลิ้มชิงตัดบท
" ไม่มีอันใด ข้าแค่เขียนเล่นๆ วันนี้ข้ารู้สึกเพลียมาก อยากพักผ่อน…เจ้าไปได้แล้ว "
" งั้นเชิญท่านประมุข… ข้าขอตัวก่อน… "
กล่าวจบหันกายออกมา ทั้ง ๆที่ในใจยังเต็มไปด้วยความสงสัย
..........................