สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
การปิดกิจการก็เป็นการปรับตัวอย่างหนึ่งครับ การปิดกิจการไม่ใช้ความพ่ายแพ้ หรือ การขายหน้า มันเป็นสิ่งที่ทำยากมากเมื่อคุณต้องละทิ้ง ปล่อยวางเป็น skill ที่ไม่ใช้ทุกคนก็ทำได้ การปิดกิจการไม่ได้หมายความว่าคุณจบแล้วแต่อาจเป็นการจำศีลเพื่อรอการกลับมาใหม่
ผมเห็น เพื่อน sme หลายคน ลุย จนกระสุนหมด กลายเป็นตัวแดง ที่นี้จะปิดเค้าก็ไม่ให้คุณปิดแล้ว
ผมเห็น เพื่อน sme หลายคน ลุย จนกระสุนหมด กลายเป็นตัวแดง ที่นี้จะปิดเค้าก็ไม่ให้คุณปิดแล้ว
ความคิดเห็นที่ 8
เจอแบบนี้มาก่อน ต้องปรับตัวค่ะ คู่แข่งมาเปิดร้านขายเหมือนกันอยู่ติดกัน
แล้วไปซื้อห้องฝั่งตรงข้าม ตัดราคาลดลงจนอยู่ไม่ได้แต่เขาดันอยู่ได้แปลกดี
สุดท้ายไม่เห็นประโยชน์ของการทำสงครามราคา เลยขายโละกิจการ คู่แข่งเห็นเราโละกิจการดีใจออกนอกหน้า
พอเราเปลี่ยนไปลงทุนอย่างอื่นชนิดพลิกขั้ว กิจการเจริญขึ้นเรื่อยๆรวยเงียบๆ ไปซื้อตึกนอกตลาด ซื้อบ้านเดี่ยว ย้ายออกไปอยู่ข้างนอกปิดร้านเดิมในตลาดทิ้งไว้เฉยๆ
วันหนึ่งมาปิดป้ายขายตึกที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรนี้เสีย คู่งแข่งเดินมาถามซื้อว่าจะช่วยซื้อ4ล้าน หุหุ
อีกสามวันถัดมาพี่ชายขับเบนซ์ป้ายแดงมาเอาป้ายลง คนก็นึกว่าขายแล้ว วันรุ่งขึ้นคนเช่ามาทำกิจการใหม่มาเปิดกิจการเลย
คู่แข่งมาถามแม่เลยว่าจะขอซื้อ5ล้านจะขายไหม แม่บอกให้ไปไกลๆไม่อยากคุยด้วย ตอนนี้เก็บกินค่าเช่าตึกสบายไปค่ะ ปัจจุบันมีตึกให้เช่า2แห่ง
กิจการค้าขายทำมาแต่เด็กพอกันทีปล่อยให้7/11ฟาดฟันร้านค้าปลีกกันไป
กิจการปัจจุบัน ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมากนักแค่ให้เงินทำงานแทนเท่านั้นเอง กับเก็บค่าเช่ากันไป
การทำกิจการเล็กๆสิ่งที่สำคัญที่สุดห้ามเป็นหนี้ กับมีกระแสเงินสดให้ท่วมมูลค่ากิจการเสมอ
ถ้ากิจการที่ทำไปดูท่าเป็นตะวันตกดิน อย่ารอให้ลับฟ้าค่ะ มองหาลู่ทางใหม่ๆอยู่เสมอ แต่ที่แน่นอนที่สุดต้องมีเงินทุนค่ะ
โชคดีที่แม่เป็นคนรุ่นเก่าที่ไม่ชอบเข้าแบงค์ มีเงินสดซื้อตึกตลอด เวลาซื้ออะไรเป็นเงินสดก้อนใหญ่แสดงว่ามีอำนาจในการใช้จ่าย จะทำอะไรง่ายไปหมดค่ะ
แล้วไปซื้อห้องฝั่งตรงข้าม ตัดราคาลดลงจนอยู่ไม่ได้แต่เขาดันอยู่ได้แปลกดี
สุดท้ายไม่เห็นประโยชน์ของการทำสงครามราคา เลยขายโละกิจการ คู่แข่งเห็นเราโละกิจการดีใจออกนอกหน้า
พอเราเปลี่ยนไปลงทุนอย่างอื่นชนิดพลิกขั้ว กิจการเจริญขึ้นเรื่อยๆรวยเงียบๆ ไปซื้อตึกนอกตลาด ซื้อบ้านเดี่ยว ย้ายออกไปอยู่ข้างนอกปิดร้านเดิมในตลาดทิ้งไว้เฉยๆ
วันหนึ่งมาปิดป้ายขายตึกที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรนี้เสีย คู่งแข่งเดินมาถามซื้อว่าจะช่วยซื้อ4ล้าน หุหุ
อีกสามวันถัดมาพี่ชายขับเบนซ์ป้ายแดงมาเอาป้ายลง คนก็นึกว่าขายแล้ว วันรุ่งขึ้นคนเช่ามาทำกิจการใหม่มาเปิดกิจการเลย
คู่แข่งมาถามแม่เลยว่าจะขอซื้อ5ล้านจะขายไหม แม่บอกให้ไปไกลๆไม่อยากคุยด้วย ตอนนี้เก็บกินค่าเช่าตึกสบายไปค่ะ ปัจจุบันมีตึกให้เช่า2แห่ง
กิจการค้าขายทำมาแต่เด็กพอกันทีปล่อยให้7/11ฟาดฟันร้านค้าปลีกกันไป
กิจการปัจจุบัน ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมากนักแค่ให้เงินทำงานแทนเท่านั้นเอง กับเก็บค่าเช่ากันไป
การทำกิจการเล็กๆสิ่งที่สำคัญที่สุดห้ามเป็นหนี้ กับมีกระแสเงินสดให้ท่วมมูลค่ากิจการเสมอ
ถ้ากิจการที่ทำไปดูท่าเป็นตะวันตกดิน อย่ารอให้ลับฟ้าค่ะ มองหาลู่ทางใหม่ๆอยู่เสมอ แต่ที่แน่นอนที่สุดต้องมีเงินทุนค่ะ
โชคดีที่แม่เป็นคนรุ่นเก่าที่ไม่ชอบเข้าแบงค์ มีเงินสดซื้อตึกตลอด เวลาซื้ออะไรเป็นเงินสดก้อนใหญ่แสดงว่ามีอำนาจในการใช้จ่าย จะทำอะไรง่ายไปหมดค่ะ
ความคิดเห็นที่ 83
เทรนด์มันเปลี่ยนไปแล้วค่ะ เราสังเกตมาสองสามปีแล้วพึ่งถึงบางอ้อ
ช่วงนี้จะเป็นช่วงเปลี่ยนวัย คือ คนที่เกิด 1990 เป็นต้นมา จะเริ่มเป็นผู้ใหญ่ เริ่มกิน เริ่มใช้ เริ่มเป็นหนี้ เริ่มเป็นกำลังก้อนใหม่ๆที่สำคัญในสังคม
ซึ่งยุคนี้มากับเทคโนโลยี มากับไลฟ์สไตล์แบบใหม่ เปลี่ยนขั้วนิสัยกับคนยุคก่อนเลย เช่น
คนยุคนี้...
- เวลาจะซื้ออะไร ไปห้างเป็นหลัก ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า ซื้อมือถือ เสื้อผ้า เครื่องสำอางก็ซื้อตามดรักสโตร์ (watsons boots) เพราะมีเยอะ สะดวก
สถานธนานุบาล คืออะไร บางคนแทบไม่รู้จัก จะกดเงิน ดูหนัง กินข้าว คือไปห้างหมด เพราะไปแล้วมีครบ โมเดิร์นเทรดล้วนๆค่ะ
- คนยุคนี้ไม่อ่านหนังสือพิมพ์กันแล้ว อัพเดทข่าวกันทาง FB twitter เว็บไซต์ นิตยสารก็เช่นกัน แถวบ้านเราร้านใหญ่ที่ขายนิตยสารปิดไปแล้ว
- คนยุคนี้มักดูทีวีย้อนหลังกัน เพราะไม่มีโฆษณาเยอะ ดูเมื่อไหร่ก็ได้ ดูผ่านไอโฟนไอแพดได้เลย สะดวก เน็ตเร็วไวไฟก็ลื่นปรื๊ด
ไม่มานั่งรอดูทีวีกันแล้ว คนที่ยังดูอยู่ก็มีค่ะ แต่คนยุคนนี้นิยมดูย้อนหลังกันมากขึ้น ทำให้โฆษณาหลายๆตัวต้องเข้าถึงผู้บริโภคทางอื่น
- คนยุคนี้แทบจะไม่เดินตลาดสดกัน เดี๋ยวนี้ซื้อของตามซุปเปอร์กันหมด ต่างจังหวัดก็มี tops express มากขึ้น เพราะถูกกว่า เย็นกว่า บรรยากาศดีกว่า ราคาเท่าๆกับตลาดสด
- คนยุคนี้แทบไม่เดินตลาดนัดกันแล้ว เพราะมีงานแฟร์ งานสตรีทแฟร์ งานศิลปะเก๋ๆ ที่เปิดใจกลางเมืองต่างๆ
งานที่ชอบจัดที่พารากอนครั้งละวันสองวัน ค่าเช่าที่หลักหมื่นนะคะ น้องสาวเพื่อนเคยไปตั้งร้านขาย วันเดียวขายได้หลายหมื่น
- คนนิยมซื้อของออนไลน์กันตั้งแต่เฟซบุ๊กเปิดตลาด เพราะซื้อได้ทั่วประเทศ ไม่ต้องไปเดินเลือกให้เมื่อยและไม่รู้ว่าจะเจอที่ถูกใจมั้ย
ตลาดออนไลน์มาเกยถึงที่ แค่คลิกก็ปิดการขายได้แล้ว ร้านออนไลน์มีขายถึงโรตีสายไหมอะคิดดู อยากกินไรเดี๋ยวนี้ก็เสิร์ชเอา
- ร้านอาหารที่รสชาติดีๆ มีฝีมือ ก็ผันตัวเข้าโมเดิร์นเทรด แต่งร้านให้เก๋นิดนึง เอาใจคนชอบถ่ายรูป ฮิปสเตอร์ทั้งหลาย คนก็เข้าร้านแน่น
แล้วร้านก๋วยเตี๋ยวทั่วไป ถ้าไม่ได้ขาจร คิดว่าจะดึงคนจากที่ไหนมากินล่ะ
- คนยุคนี้ไม่นิยมซื้อของฝากกันแล้ว ของฝากกลายเป็นของคนแก่ ยิ่งของโอทอป ของพื้นบ้านนะ กลุ่มลูกค้าจะยิ่งลดจำนวนลงเรื่อยๆ
เพราะคนรุ่นใหม่ไม่นิยม ไม่ได้มองว่ามันสวยน่าซื้อ คนรุ่นใหม่จะชอบของดีไซน์สวยๆ เก๋ๆ อีกแนวนึงไปเลย เท่าที่สังเกต
- คนรุ่นใหม่เวลาจะเที่ยว ก็มักไปกันเอง เพราะข้อมูลข่าวสารถึงกัน เข้าถึงง่าย มีรีวิวให้อ่าน มีรูปให้ดู มีให้ตามรอยกันเป็นไกด์ไลน์
ไม่ค่อยนิยมทัวร์กันแล้ว นิยมไปเองมากกว่า เพราะอิสระ ฮิปเต้อร์ได้ตามสบาย
เราค่อนข้างมั่นใจว่า เทรนด์มันเปลี่ยนแล้วค่ะ พฤติกรรมผู้บริโภคที่เป็นคนส่วนใหญ่กำลังจะเปลี่ยนไป
คุณจะทำยังไงต่อ ก็ไม่มีใครตอบได้
ไม่ว่าจะเศรษฐกิจจะเป็นยังไง มันจะมีคนที่ขายดีมาก ขายดีพอได้ ขายได้ ขายแทบไม่ได้ และเจ๊งเสมอ
ตอนที่เศรษฐกิจดีโครตๆ ก็มีคนเจ๊งค่ะ ไม่ใช่ว่าจะสำเร็จกันหมด
แม้แต่ตอนที่วิกฤตสุดๆก็ตาม ยังไงมันก็จะมีพวกนึงที่ได้ประโยชน์หรือไม่เสียอะไรเลยเช่นกัน
ก็ต้องสู้ค่ะ ดิ้นรนกันไป ธุรกิจมันก็มีรอบของมัน คุณอยู่มากี่ปี กี่เดือน อาจถึงรอบของมันแล้วก็ได้
ถ้าไหวแล้ว อยู่จนมันเข้าเนื้อ ก็ปิดกิจการไป จะทนขาดทุนทำไม อยากสู้ต่อ ก็หาลู่ทางใหม่ มันก็มีวงจรแค่นี้แหละ
ดูโนเกียเป็นตัวอย่างละกันค่ะ
ช่วงนี้จะเป็นช่วงเปลี่ยนวัย คือ คนที่เกิด 1990 เป็นต้นมา จะเริ่มเป็นผู้ใหญ่ เริ่มกิน เริ่มใช้ เริ่มเป็นหนี้ เริ่มเป็นกำลังก้อนใหม่ๆที่สำคัญในสังคม
ซึ่งยุคนี้มากับเทคโนโลยี มากับไลฟ์สไตล์แบบใหม่ เปลี่ยนขั้วนิสัยกับคนยุคก่อนเลย เช่น
คนยุคนี้...
- เวลาจะซื้ออะไร ไปห้างเป็นหลัก ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า ซื้อมือถือ เสื้อผ้า เครื่องสำอางก็ซื้อตามดรักสโตร์ (watsons boots) เพราะมีเยอะ สะดวก
สถานธนานุบาล คืออะไร บางคนแทบไม่รู้จัก จะกดเงิน ดูหนัง กินข้าว คือไปห้างหมด เพราะไปแล้วมีครบ โมเดิร์นเทรดล้วนๆค่ะ
- คนยุคนี้ไม่อ่านหนังสือพิมพ์กันแล้ว อัพเดทข่าวกันทาง FB twitter เว็บไซต์ นิตยสารก็เช่นกัน แถวบ้านเราร้านใหญ่ที่ขายนิตยสารปิดไปแล้ว
- คนยุคนี้มักดูทีวีย้อนหลังกัน เพราะไม่มีโฆษณาเยอะ ดูเมื่อไหร่ก็ได้ ดูผ่านไอโฟนไอแพดได้เลย สะดวก เน็ตเร็วไวไฟก็ลื่นปรื๊ด
ไม่มานั่งรอดูทีวีกันแล้ว คนที่ยังดูอยู่ก็มีค่ะ แต่คนยุคนนี้นิยมดูย้อนหลังกันมากขึ้น ทำให้โฆษณาหลายๆตัวต้องเข้าถึงผู้บริโภคทางอื่น
- คนยุคนี้แทบจะไม่เดินตลาดสดกัน เดี๋ยวนี้ซื้อของตามซุปเปอร์กันหมด ต่างจังหวัดก็มี tops express มากขึ้น เพราะถูกกว่า เย็นกว่า บรรยากาศดีกว่า ราคาเท่าๆกับตลาดสด
- คนยุคนี้แทบไม่เดินตลาดนัดกันแล้ว เพราะมีงานแฟร์ งานสตรีทแฟร์ งานศิลปะเก๋ๆ ที่เปิดใจกลางเมืองต่างๆ
งานที่ชอบจัดที่พารากอนครั้งละวันสองวัน ค่าเช่าที่หลักหมื่นนะคะ น้องสาวเพื่อนเคยไปตั้งร้านขาย วันเดียวขายได้หลายหมื่น
- คนนิยมซื้อของออนไลน์กันตั้งแต่เฟซบุ๊กเปิดตลาด เพราะซื้อได้ทั่วประเทศ ไม่ต้องไปเดินเลือกให้เมื่อยและไม่รู้ว่าจะเจอที่ถูกใจมั้ย
ตลาดออนไลน์มาเกยถึงที่ แค่คลิกก็ปิดการขายได้แล้ว ร้านออนไลน์มีขายถึงโรตีสายไหมอะคิดดู อยากกินไรเดี๋ยวนี้ก็เสิร์ชเอา
- ร้านอาหารที่รสชาติดีๆ มีฝีมือ ก็ผันตัวเข้าโมเดิร์นเทรด แต่งร้านให้เก๋นิดนึง เอาใจคนชอบถ่ายรูป ฮิปสเตอร์ทั้งหลาย คนก็เข้าร้านแน่น
แล้วร้านก๋วยเตี๋ยวทั่วไป ถ้าไม่ได้ขาจร คิดว่าจะดึงคนจากที่ไหนมากินล่ะ
- คนยุคนี้ไม่นิยมซื้อของฝากกันแล้ว ของฝากกลายเป็นของคนแก่ ยิ่งของโอทอป ของพื้นบ้านนะ กลุ่มลูกค้าจะยิ่งลดจำนวนลงเรื่อยๆ
เพราะคนรุ่นใหม่ไม่นิยม ไม่ได้มองว่ามันสวยน่าซื้อ คนรุ่นใหม่จะชอบของดีไซน์สวยๆ เก๋ๆ อีกแนวนึงไปเลย เท่าที่สังเกต
- คนรุ่นใหม่เวลาจะเที่ยว ก็มักไปกันเอง เพราะข้อมูลข่าวสารถึงกัน เข้าถึงง่าย มีรีวิวให้อ่าน มีรูปให้ดู มีให้ตามรอยกันเป็นไกด์ไลน์
ไม่ค่อยนิยมทัวร์กันแล้ว นิยมไปเองมากกว่า เพราะอิสระ ฮิปเต้อร์ได้ตามสบาย
เราค่อนข้างมั่นใจว่า เทรนด์มันเปลี่ยนแล้วค่ะ พฤติกรรมผู้บริโภคที่เป็นคนส่วนใหญ่กำลังจะเปลี่ยนไป
คุณจะทำยังไงต่อ ก็ไม่มีใครตอบได้
ไม่ว่าจะเศรษฐกิจจะเป็นยังไง มันจะมีคนที่ขายดีมาก ขายดีพอได้ ขายได้ ขายแทบไม่ได้ และเจ๊งเสมอ
ตอนที่เศรษฐกิจดีโครตๆ ก็มีคนเจ๊งค่ะ ไม่ใช่ว่าจะสำเร็จกันหมด
แม้แต่ตอนที่วิกฤตสุดๆก็ตาม ยังไงมันก็จะมีพวกนึงที่ได้ประโยชน์หรือไม่เสียอะไรเลยเช่นกัน
ก็ต้องสู้ค่ะ ดิ้นรนกันไป ธุรกิจมันก็มีรอบของมัน คุณอยู่มากี่ปี กี่เดือน อาจถึงรอบของมันแล้วก็ได้
ถ้าไหวแล้ว อยู่จนมันเข้าเนื้อ ก็ปิดกิจการไป จะทนขาดทุนทำไม อยากสู้ต่อ ก็หาลู่ทางใหม่ มันก็มีวงจรแค่นี้แหละ
ดูโนเกียเป็นตัวอย่างละกันค่ะ
ความคิดเห็นที่ 2
ต้องปรับตัวเก่งครับ ตอนนี้การขายของทางออนไลน์แย่งส่วนแบ่งตลาดมาขึ้นเรื่อยๆครับ
ใคร ปรับตัวไม่เป็นตายอย่างเดียว
ปล บ้านเช่าผมทุกหลัง 8 หลัง ตอนนี้เต็มหมดทุกหลังครับ ต้องรู้จักขายของครับ
เมื่อก่อนก็ปักป้าย เอเจนซี่ flipkey เวปนายหน้า airbnp etc
คนมาดูแล้วไม่เช่าก็ต้งปรับปรุงบ้าน
ปรับปรุงบ้านแล้วคนไม่เช่าก็ ต้องดูคุ่แข่ง แล้วลดราคา
ลดราคาแล้วไม่มีใครเช่าอีก ก็ต้องหาแบบรายวันเข้าพัก
ไม่มีตนเช่าอีกก็หาลูกค้าจากต่างประเทศ
etc
วันก่อนพาลูกชายไปซื้อการ์ด แวนการ์ด ในจังหวัดมีขายอยู่ 2 ร้าน แม่จ้าวร้านขยของเล่นเด็กผู้ชายทุกอย่างกำไรดีมาก
ลูกไปซื้อกล่องใส่การ์ดกล่องพลาสติกธรรมดากล่องละ 200 การ์ดแผ่นที่เล่านก็ชุด 150
เด็กเข้าร้านไม่ขาดสายผมยืนดูอยู่ 15 นาที เด็กมาซื้อไป 5 ราย คือร้านแกมีทุกอย่างจริงๆ
ขณะที่ร้านข้างๆขายเตรื่องไฟฟ้าเงียบกริป ก็เดี๋ยวนี้เขาไปซื้อ modern trade กันหมดแล้ว
คือ ผมว่ามันขึ้นอยู่กับคนและการปรับตัว ด้วยครับ
ใคร ปรับตัวไม่เป็นตายอย่างเดียว
ปล บ้านเช่าผมทุกหลัง 8 หลัง ตอนนี้เต็มหมดทุกหลังครับ ต้องรู้จักขายของครับ
เมื่อก่อนก็ปักป้าย เอเจนซี่ flipkey เวปนายหน้า airbnp etc
คนมาดูแล้วไม่เช่าก็ต้งปรับปรุงบ้าน
ปรับปรุงบ้านแล้วคนไม่เช่าก็ ต้องดูคุ่แข่ง แล้วลดราคา
ลดราคาแล้วไม่มีใครเช่าอีก ก็ต้องหาแบบรายวันเข้าพัก
ไม่มีตนเช่าอีกก็หาลูกค้าจากต่างประเทศ
etc
วันก่อนพาลูกชายไปซื้อการ์ด แวนการ์ด ในจังหวัดมีขายอยู่ 2 ร้าน แม่จ้าวร้านขยของเล่นเด็กผู้ชายทุกอย่างกำไรดีมาก
ลูกไปซื้อกล่องใส่การ์ดกล่องพลาสติกธรรมดากล่องละ 200 การ์ดแผ่นที่เล่านก็ชุด 150
เด็กเข้าร้านไม่ขาดสายผมยืนดูอยู่ 15 นาที เด็กมาซื้อไป 5 ราย คือร้านแกมีทุกอย่างจริงๆ
ขณะที่ร้านข้างๆขายเตรื่องไฟฟ้าเงียบกริป ก็เดี๋ยวนี้เขาไปซื้อ modern trade กันหมดแล้ว
คือ ผมว่ามันขึ้นอยู่กับคนและการปรับตัว ด้วยครับ
ความคิดเห็นที่ 9
เอาจริงนะ sme ตอนนี้ ตายเรียบ ทุกวิกฤต ก็จะมีคนทั้งขายดีและไม่ดี แต่รอบนี้ sme ส่วนใหญ่ค้าขายลำบากมาก...ของผมโสหุ้นสูง สู้แม่ค้าริมถนนที่มาตั้งขายฟรีๆไม่ได้ ราคาเล่นเอาแบบจุกอก (แน่นอนมีแต่ค่าจ่ายเทศกิจและxxx) แต่คนทำมาค้าขายตรงไปตรงมา ซวยครับต้นทุนสูงกว่าเค้า ไหนจะภาษีอีก ร้านย้ายไม่ได้ ตึกอาคารย้ายไม่ได้แต่แผลริมถนนย้ายสบายๆ ค้าขายตอนกลางคืนไม่มีราชการหน้าไหนมาเก็บภาษี มีแต่พวกเหลือบมาเก็บเช้าๆประจำวันอยู่แล้ว
ผมว่าตอนนี้ มันเห็นได้ชัดในการแบ่งกลุ่มเลยนะ ศก แบบนี้ ที่บอกร้านอาหารดังๆเช่น mk fuji ขายดี ส่วนตัวมองว่าตอนปี 40 พวกนี้ก็ขายดี อีกอย่างมันสะท้อนว่า ความเหลื่อมล้ำมันมีมากขึ้นเรื่อยๆ ร้านสมบูรณ์ buffet แพงๆก็เห็นคนกินเยอะ ร้านอาหารที่พารากอน แน่นมาก ถ้าดูแค่นี้แล้วเอามาสะท้อนทั้งหมด ก็ไม่ต้องมีดัชนงดัชนีอะไรแล้ว ตามภูธรคุยกับเพื่อนๆก็บ่นกันมากว่า แย่ลงไปมาก ปรับตัวได้ก็ช่วยได้พอควร ค่าใช้จ่ายก็ลดลง อย่างเพื่อน ครอบครัวมันกิน MK บ่อย เดี๋ยวนี้เดือนละครั้ง ทำกินกันเองในบ้าน รถส่วนตัวเคยใช้หลายคันตอนนี้ก็ลดลงใช้คัน2คัน เก็บเงินไว่จ่ายค่าซ่อม น้ำมันรถส่งของแทน
หวังว่า sme จะไม่เจอพวกราชการมาซำเติมรีดเลือดกว่าเดิม ในงวดปัญชีปีนี้
ผมว่าตอนนี้ มันเห็นได้ชัดในการแบ่งกลุ่มเลยนะ ศก แบบนี้ ที่บอกร้านอาหารดังๆเช่น mk fuji ขายดี ส่วนตัวมองว่าตอนปี 40 พวกนี้ก็ขายดี อีกอย่างมันสะท้อนว่า ความเหลื่อมล้ำมันมีมากขึ้นเรื่อยๆ ร้านสมบูรณ์ buffet แพงๆก็เห็นคนกินเยอะ ร้านอาหารที่พารากอน แน่นมาก ถ้าดูแค่นี้แล้วเอามาสะท้อนทั้งหมด ก็ไม่ต้องมีดัชนงดัชนีอะไรแล้ว ตามภูธรคุยกับเพื่อนๆก็บ่นกันมากว่า แย่ลงไปมาก ปรับตัวได้ก็ช่วยได้พอควร ค่าใช้จ่ายก็ลดลง อย่างเพื่อน ครอบครัวมันกิน MK บ่อย เดี๋ยวนี้เดือนละครั้ง ทำกินกันเองในบ้าน รถส่วนตัวเคยใช้หลายคันตอนนี้ก็ลดลงใช้คัน2คัน เก็บเงินไว่จ่ายค่าซ่อม น้ำมันรถส่งของแทน
หวังว่า sme จะไม่เจอพวกราชการมาซำเติมรีดเลือดกว่าเดิม ในงวดปัญชีปีนี้
แสดงความคิดเห็น
เศรษฐกิจช่างโหดร้าย! คู่แข่งปิดกิจการทุกสาขาภายใน 5 เดือน
ล่าสุด เมื่อสักครู่ ตอนกำลังเช็คราคาอาคารพาณิชย์เพื่อจะขายทรัพย์สินของตัวเองเพื่อมาหมุนเวียนธุรกิจ ก็ไปเจอโฆษณาขายอาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง แต่เอ๊ะ สีอาคารมันคุ้นๆ กดดูเข้าไป แม่เจ้า นั่นมันสาขาใหญ่ของคู่แข่งเรานี้ แอบดู facebook ของเจ้าของก็ดูหน้าตาสดชื่นตลอด (แม้ว่าจะทราบมานานว่าแกเริ่มสภาพคล่องมีปัญหาเมื่อ 5-6 เดือนก่อน)
ตอนนี้รู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ เพราะเราไม่ได้แข่งกันด้วยฝีมือ แต่เพราะสิ่งที่ควบคุมไม่ได้คือ เศรษฐกิจซบเซา คนไม่ใช้เงินเลย ตอนนี้ต่อให้เทวดาก็เอาไม่อยู่แล้ว อย่าบอกว่าต้องปรับตัวเลยครับ เพราะสถานการณ์แบบนี้ ถ้าจะอยู่รอดต้องทำแบบผมคือ พนักงาน 7-8 คน เหลือแค่ 1 คน ภายในเวลา 6-7 เดือน แล้วทำทุกอย่างที่เหลือ เงินไม่พอหมุนเอาของมาขาย สภาพเหมือนร้านที่มีของวางขายแบบขายของเล่น เพราะของมีน้อย ผมอาจจะไม่ถึงกับปิดกิจการในตอนนี้เพราะทำทุกอย่างเอง แต่ถ้าเป็นอย่างนี้อีก 12 เดือน ผมก็ต้องบายเหมือนกัน
ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าของ sme ทุกท่าน โดยเฉพาะรายเล็กๆครับ