ประสบการณ์ขนหัวลุกเจอกับตัว อาจจะไม่เห็นจังๆ แต่รู้สึกว่าใช่
***เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อปี2550 ผ่านมาแล้ว8ปี สมัยนั้นยังเป็นเพรชชี่อยู่ มมส. และเรื่องเกิดขึ้น ณ ที่หอพักแห่งหนึ่งฝั่งท่าขอนยาง ก่อนจะถึงวงเวียนเข้าม. วันนั้นเป็นวันที่รูมเมทเราไม่อยู่ เลยไปขออิงอาศัยกับพี่สาวเพราะเราไม่กล้านอนคนเดียว พอไปถึงพี่สาวก็พาเราเอาของไปเก็บที่ห้อง (เรามีภาพประกอบข้างในห้องพักแบบคร่าวๆ ) ก่อนจะพาไปกินข้าว ทำธุระปะปังตามประสาวัยรุ่น พอกลับเข้าหอก็ปาไป3ทุ่ม แยกย้ายกันอาบน้ำ จัดตารางเรียน เล่นคอม ก็เกือบๆ5ทุ่ม เตรียมตัวจะเข้านอนกัน ก็เลยสวดมนต์ไหว้พระแผ่เมตตา (สมัยนั้นธรรมะธัมโมมาก แต่ไม่เคยแบบว่าเวลาไปพักที่ไหนแล้วโยนเหรียญซื้อที่ เพราะตอนนั้นเรายังไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เท่าไร ก็คิดแค่ว่าแปลกที่แปลกทาง ก่อนจะนอนก็สวดมนต์ไหว้พระจะได้หลับสบาย)
พอถึงบทแผ่เมตตา เราแผ่ได้ครึ่งบท ไอ้โทรศัพท์เจ้ากรรมดั้นมาดังตอนนี้ (ใครโทรมาวะ แผ่เมตตายังไม่จบเลย รับโทรศัพท์ก่อน แล้วค่อยมาแผ่ใหม่ ตอนจะนอนอีกทีก็ได้วะ) เราก็รับโทรศัพท์แล้วไปนั่งคุยที่ระเบียงหน้าต่างบานเกล็ด #ตามภาพ เรานั่งพิงผนังที่ติดกับหน้าต่างบานเกล็ด (ซึ่งข้างในห้องจะมีโต๊ะวางหนังสือของพี่เมทติดกับผนังบานเกล็ดเช่นกัน) คุยไปคุยมาก็ปาไป5ทุ่มกว่าเกือบเที่ยงคืน เราก็ง่วงละ แต่ก่อนจะวางสาย เราได้ยินเสียงคนเคลื่อนโต๊ะ จับโต๊ะ หรือทำอะไรกับโต๊ะข้างในห้อง ซึ่งโต๊ะนั้นก็คือโต๊ะที่ชิดกับหน้าต่างบานเกล็ด ที่อีกฝั่งหนึ่งเรานั่งพิงอยู่นั่นเอง เราก็ไม่คิดไร คงจะเป็นพี่เมทมาจัดตารางเรียนมั้ง
แกคงลืมจัด หรือจัดของเพิ่มเติม จากนั้นเสียงก็หายไป แต่น่าแปลกใจ ทั้งๆที่ข้างในห้อง ก้ไม่ใหญ่ แต่ทำไมไม่ได้ยินเสียงคนเดินมาที่โต๊ะกันนะ เราก็แค่สงสัย แล้วร่ำลาคนในสาย จากนั้นก็กลับมาสวดแผ่เมตตาก่อนนอนอีกรอบ (แต่เราไม่สวดนะโมสามจบแล้วสวดอะระหังต่อนะ เพราะคิดว่าสวดจบไปแล้วตอนรอบแรก รอบนี้แค่แผ่เมตตาเฉยๆ #ดู๊ดูดูมันคิด ^^")
จากที่คิดไว้ว่าแผ่เมตตาอย่างเดียวพอ แต่เชื่อมั้ย เราคิดผิด ณ ตอนที่พนมมือแผ่เมตตา ไอ้ตาขวาเรา ก็เหลือบเห็น เห็นและรู้สึกนะว่าพี่เมทแกลุกจากที่นอนจริงๆ เพราะได้ยินเสียงเดินลากเท้าอยู่เนี่ยยยย #ข้างหลังกูเองค๊า เหมือนลุกแล้วจะเดินไปไหนวะ ทำไมเสียงหยุดอยู่หลังกูคะ ณ จุดๆนั้น คือแผ่ผิดๆถูกๆ แต่จบแบบไม่สวยงามค่ะ รีบนอน จังหวะที่นอนตะแคงซ้าย เหยดดดดด พี่เมทแกยังนอนอยู่บนเตียงค่ะ ละตะกี้ ใคร๊ลุกจากเตียง เดินลากเท้า ครืดดดดด ครืดดดด หลังกูคะ คือถ้าแบบว่าตอนเราสวดแผ่เมตตาอยู่ละแกกลับมานอนที่เตียง เราต้องเห็นสิ หางตาขวาต้องทำงานสิ ความรู้สึกไวจะตาย แต่นี่ ไม่มีเลยจ้า สรุปว่าใครเดินหลังกู! ตอนนั้นก็คิดไปทั่วทีปทั่วแดนเลยค่ะว่ามันเกิดอะไร ตั้งแต่เสียงลากโต๊ะจัดของ ยันเสียงคนเดินลากเท้า พยายามข่มตานอน ทำใจดีๆ หายใจลึกๆ คิดในแง่ดี แต่ไม่ช่วยอะไรเลยค่ะ จู่ๆก็รู้สึกว่า มีลมเย็นๆ ใกล้ๆคอ (คือตอนนั้นเรานอนตะแคงซ้าย) มีคนหายใจรดต้นคอเราค่ะ แน่นอนว่า ไม่ใช่พี่สาวเราแน่ เพราะอะไรรู้มั้ย เพราะว่าเตียงเราสามเตียงต่อติดกีนก็จริง แต่มันเป็นเตียงเหล็กแล้วเอาที่นอนมาวางทับอีกที ซึ่งในกรณีถ้าพี่สาวจะกลิ้งมานอนเตียงเรา เตียงต้องยวบ หรือได้ยินเสียงเตียง แก็กๆสิค่ะ หรือไม่เตียงก็ต้องหนัก เราต้องรู้สึกดิว่าพี่เข้ามาใกล้เรา แต่นี่ไม่ใช่เลยค่ะ ลมหายใจที่หายใจรดต้นคอเราเนี่ย มันไม่ใช่พี่เราแน่นอน ฟันธง (เดี๋ยวมีเฉลยตอนท้ายคลายข้อสงสัยต่างๆ) เราก็คลุมโปงเลยค่ะ เหงื่อแตกกันเลยทีเดียว คือ ณ เวลาตอนนั้น ตีหนึ่ง กว่าๆ เราก้นึกถึงหน้าพ่อหน้าแม่ นะโมๆ ท่องบทไหนที่ท่องได้ เราท่องหมด ผิดๆถูกๆ แล้วหลับไปตอนไหนไม่รู้ ตื่นขึ้นมางัวเงียๆ พี่ๆทั้งสองคนก็ตื่นเหมือนกัน เราเลยถามพี่ๆ
เรา : พี่ๆเมื่อคืนมีใครมาจัดของที่โต๊ะติดบานเกล็ดมั้ย?
พี่ตอบพร้อมกัน : ไม่นิ
พี่เมทเสริมต่อ : พวกพี่ก็นอนหลับตั้งแต่น้องไปคุยโทรศัพท์ละนะ
เรา : (ปลอบใจตัวเอง) แหมพี่ พี่นอนละเมอรึเปล่า
พี่ๆ : ไม่เคยละเมอจ่ะ ตั้งแต่เกิดมา
เรา ถามพี่เมทต่อ: แล้วตอนหนูสวดมนต์รอบสอง พี่ได้ลุกไปเข้าห้องน้ำรึลุกจากเตียงมั้ย?
พี่เมท : ไม่นะ พี่เป็นคนหลับง่าย หลับสนิทเลยล่ะ ไม่ได้ตื่นนะ มีไรรึเปล่า? ....เราเงียบสักพัก ถามพี่สาวเรา
เรา : พี่ๆ ละพี่ได้มานอนเตียงหนูปะ มานอนใกล้ๆ (จริงๆถามไปงั้น เพราะคำตอบรู้อยู่บะว่าไม่ใช่พี่กูแน่นอน)
พี่ : ไม่ พี่จะไปนอนได้ไง เตียงก็เล็กๆ เอามาติดกัน ขอบเหล็กก็คั่นกลาง พี่ก็นอนเตียงพี่ดิ มีไรเหรอ?
เราก็เลยเล่าเหตุการณ์ ต่างๆนาๆบลาๆ
พี่ก็พากันหัวเราะ พี่เลยบอกว่าโดนละมั้ง แปลกที่นิ แล้วเพิ่งมานอนวันแรก แต่ห้องนี้ไม่มีอะไรนะ ส่วนเรื่องหอพักนี้พี่ก็ไม่รู้ว่ามีรึเปล่าว่ามีคนตายมั้ย พี่ไม่ค่อยสนใจ ในขณะที่พี่พูดไป เราก็เหลือบเห็นพระของพี่ๆที่หัวเตียงค้ะ แต่เตียงเราไม่มี!!!! กระจ่างชัดแจ้งแจ่มแจ่วรึยังละ ทำไมพี่ๆพากันหลับสบายส่วนเรากว่าจะได้นอน...
พี่เมทเลยพูดอีกว่า อาจะเป็นเพราะเราแผ่เมตตาไม่จบบท แต่ดั้นไปรับโทรศัพท์ก่อน เค้า!รอฟังเราแผ่เมตตา แต่เราสวดแผ่แค่ครึ่งบท เค้าคงทำให้รู้ว่าเค้ารอฟังบทแผ่เมตตาอยู่ละมั้ง...แต่หลังจากวันนั้นเมทเรากลับมา เราเลยกลับไปนอนหอ แล้วไม่ไปนอนกับพี่สาวอีกเลย .
จบค่ะ. (ขออภัยที่ใช้คำไม่สุภาพ)
"สวดไม่จบเลยเจอดี"
***เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อปี2550 ผ่านมาแล้ว8ปี สมัยนั้นยังเป็นเพรชชี่อยู่ มมส. และเรื่องเกิดขึ้น ณ ที่หอพักแห่งหนึ่งฝั่งท่าขอนยาง ก่อนจะถึงวงเวียนเข้าม. วันนั้นเป็นวันที่รูมเมทเราไม่อยู่ เลยไปขออิงอาศัยกับพี่สาวเพราะเราไม่กล้านอนคนเดียว พอไปถึงพี่สาวก็พาเราเอาของไปเก็บที่ห้อง (เรามีภาพประกอบข้างในห้องพักแบบคร่าวๆ ) ก่อนจะพาไปกินข้าว ทำธุระปะปังตามประสาวัยรุ่น พอกลับเข้าหอก็ปาไป3ทุ่ม แยกย้ายกันอาบน้ำ จัดตารางเรียน เล่นคอม ก็เกือบๆ5ทุ่ม เตรียมตัวจะเข้านอนกัน ก็เลยสวดมนต์ไหว้พระแผ่เมตตา (สมัยนั้นธรรมะธัมโมมาก แต่ไม่เคยแบบว่าเวลาไปพักที่ไหนแล้วโยนเหรียญซื้อที่ เพราะตอนนั้นเรายังไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เท่าไร ก็คิดแค่ว่าแปลกที่แปลกทาง ก่อนจะนอนก็สวดมนต์ไหว้พระจะได้หลับสบาย)
พอถึงบทแผ่เมตตา เราแผ่ได้ครึ่งบท ไอ้โทรศัพท์เจ้ากรรมดั้นมาดังตอนนี้ (ใครโทรมาวะ แผ่เมตตายังไม่จบเลย รับโทรศัพท์ก่อน แล้วค่อยมาแผ่ใหม่ ตอนจะนอนอีกทีก็ได้วะ) เราก็รับโทรศัพท์แล้วไปนั่งคุยที่ระเบียงหน้าต่างบานเกล็ด #ตามภาพ เรานั่งพิงผนังที่ติดกับหน้าต่างบานเกล็ด (ซึ่งข้างในห้องจะมีโต๊ะวางหนังสือของพี่เมทติดกับผนังบานเกล็ดเช่นกัน) คุยไปคุยมาก็ปาไป5ทุ่มกว่าเกือบเที่ยงคืน เราก็ง่วงละ แต่ก่อนจะวางสาย เราได้ยินเสียงคนเคลื่อนโต๊ะ จับโต๊ะ หรือทำอะไรกับโต๊ะข้างในห้อง ซึ่งโต๊ะนั้นก็คือโต๊ะที่ชิดกับหน้าต่างบานเกล็ด ที่อีกฝั่งหนึ่งเรานั่งพิงอยู่นั่นเอง เราก็ไม่คิดไร คงจะเป็นพี่เมทมาจัดตารางเรียนมั้ง
แกคงลืมจัด หรือจัดของเพิ่มเติม จากนั้นเสียงก็หายไป แต่น่าแปลกใจ ทั้งๆที่ข้างในห้อง ก้ไม่ใหญ่ แต่ทำไมไม่ได้ยินเสียงคนเดินมาที่โต๊ะกันนะ เราก็แค่สงสัย แล้วร่ำลาคนในสาย จากนั้นก็กลับมาสวดแผ่เมตตาก่อนนอนอีกรอบ (แต่เราไม่สวดนะโมสามจบแล้วสวดอะระหังต่อนะ เพราะคิดว่าสวดจบไปแล้วตอนรอบแรก รอบนี้แค่แผ่เมตตาเฉยๆ #ดู๊ดูดูมันคิด ^^")
จากที่คิดไว้ว่าแผ่เมตตาอย่างเดียวพอ แต่เชื่อมั้ย เราคิดผิด ณ ตอนที่พนมมือแผ่เมตตา ไอ้ตาขวาเรา ก็เหลือบเห็น เห็นและรู้สึกนะว่าพี่เมทแกลุกจากที่นอนจริงๆ เพราะได้ยินเสียงเดินลากเท้าอยู่เนี่ยยยย #ข้างหลังกูเองค๊า เหมือนลุกแล้วจะเดินไปไหนวะ ทำไมเสียงหยุดอยู่หลังกูคะ ณ จุดๆนั้น คือแผ่ผิดๆถูกๆ แต่จบแบบไม่สวยงามค่ะ รีบนอน จังหวะที่นอนตะแคงซ้าย เหยดดดดด พี่เมทแกยังนอนอยู่บนเตียงค่ะ ละตะกี้ ใคร๊ลุกจากเตียง เดินลากเท้า ครืดดดดด ครืดดดด หลังกูคะ คือถ้าแบบว่าตอนเราสวดแผ่เมตตาอยู่ละแกกลับมานอนที่เตียง เราต้องเห็นสิ หางตาขวาต้องทำงานสิ ความรู้สึกไวจะตาย แต่นี่ ไม่มีเลยจ้า สรุปว่าใครเดินหลังกู! ตอนนั้นก็คิดไปทั่วทีปทั่วแดนเลยค่ะว่ามันเกิดอะไร ตั้งแต่เสียงลากโต๊ะจัดของ ยันเสียงคนเดินลากเท้า พยายามข่มตานอน ทำใจดีๆ หายใจลึกๆ คิดในแง่ดี แต่ไม่ช่วยอะไรเลยค่ะ จู่ๆก็รู้สึกว่า มีลมเย็นๆ ใกล้ๆคอ (คือตอนนั้นเรานอนตะแคงซ้าย) มีคนหายใจรดต้นคอเราค่ะ แน่นอนว่า ไม่ใช่พี่สาวเราแน่ เพราะอะไรรู้มั้ย เพราะว่าเตียงเราสามเตียงต่อติดกีนก็จริง แต่มันเป็นเตียงเหล็กแล้วเอาที่นอนมาวางทับอีกที ซึ่งในกรณีถ้าพี่สาวจะกลิ้งมานอนเตียงเรา เตียงต้องยวบ หรือได้ยินเสียงเตียง แก็กๆสิค่ะ หรือไม่เตียงก็ต้องหนัก เราต้องรู้สึกดิว่าพี่เข้ามาใกล้เรา แต่นี่ไม่ใช่เลยค่ะ ลมหายใจที่หายใจรดต้นคอเราเนี่ย มันไม่ใช่พี่เราแน่นอน ฟันธง (เดี๋ยวมีเฉลยตอนท้ายคลายข้อสงสัยต่างๆ) เราก็คลุมโปงเลยค่ะ เหงื่อแตกกันเลยทีเดียว คือ ณ เวลาตอนนั้น ตีหนึ่ง กว่าๆ เราก้นึกถึงหน้าพ่อหน้าแม่ นะโมๆ ท่องบทไหนที่ท่องได้ เราท่องหมด ผิดๆถูกๆ แล้วหลับไปตอนไหนไม่รู้ ตื่นขึ้นมางัวเงียๆ พี่ๆทั้งสองคนก็ตื่นเหมือนกัน เราเลยถามพี่ๆ
เรา : พี่ๆเมื่อคืนมีใครมาจัดของที่โต๊ะติดบานเกล็ดมั้ย?
พี่ตอบพร้อมกัน : ไม่นิ
พี่เมทเสริมต่อ : พวกพี่ก็นอนหลับตั้งแต่น้องไปคุยโทรศัพท์ละนะ
เรา : (ปลอบใจตัวเอง) แหมพี่ พี่นอนละเมอรึเปล่า
พี่ๆ : ไม่เคยละเมอจ่ะ ตั้งแต่เกิดมา
เรา ถามพี่เมทต่อ: แล้วตอนหนูสวดมนต์รอบสอง พี่ได้ลุกไปเข้าห้องน้ำรึลุกจากเตียงมั้ย?
พี่เมท : ไม่นะ พี่เป็นคนหลับง่าย หลับสนิทเลยล่ะ ไม่ได้ตื่นนะ มีไรรึเปล่า? ....เราเงียบสักพัก ถามพี่สาวเรา
เรา : พี่ๆ ละพี่ได้มานอนเตียงหนูปะ มานอนใกล้ๆ (จริงๆถามไปงั้น เพราะคำตอบรู้อยู่บะว่าไม่ใช่พี่กูแน่นอน)
พี่ : ไม่ พี่จะไปนอนได้ไง เตียงก็เล็กๆ เอามาติดกัน ขอบเหล็กก็คั่นกลาง พี่ก็นอนเตียงพี่ดิ มีไรเหรอ?
เราก็เลยเล่าเหตุการณ์ ต่างๆนาๆบลาๆ
พี่ก็พากันหัวเราะ พี่เลยบอกว่าโดนละมั้ง แปลกที่นิ แล้วเพิ่งมานอนวันแรก แต่ห้องนี้ไม่มีอะไรนะ ส่วนเรื่องหอพักนี้พี่ก็ไม่รู้ว่ามีรึเปล่าว่ามีคนตายมั้ย พี่ไม่ค่อยสนใจ ในขณะที่พี่พูดไป เราก็เหลือบเห็นพระของพี่ๆที่หัวเตียงค้ะ แต่เตียงเราไม่มี!!!! กระจ่างชัดแจ้งแจ่มแจ่วรึยังละ ทำไมพี่ๆพากันหลับสบายส่วนเรากว่าจะได้นอน...
พี่เมทเลยพูดอีกว่า อาจะเป็นเพราะเราแผ่เมตตาไม่จบบท แต่ดั้นไปรับโทรศัพท์ก่อน เค้า!รอฟังเราแผ่เมตตา แต่เราสวดแผ่แค่ครึ่งบท เค้าคงทำให้รู้ว่าเค้ารอฟังบทแผ่เมตตาอยู่ละมั้ง...แต่หลังจากวันนั้นเมทเรากลับมา เราเลยกลับไปนอนหอ แล้วไม่ไปนอนกับพี่สาวอีกเลย .
จบค่ะ. (ขออภัยที่ใช้คำไม่สุภาพ)