คิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของประเทศเกาหลีเหนือ กล่าวอ้างว่า ประเทศของเขามีระเบิดไฮโดรเจนอยู่ในคลังแสงแล้ว แต่กลุ่มผู้สังเกตการณ์ไม่เชื่อว่าเป็นความจริง...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน อ้างการเปิดเผยของสำนักข่าวกลางเกาหลี (เคซีเอ็นเอ) ของเกาหลีเหนือ ว่า คิม จอง-อึน กล่าวระหว่างเดินทางเยือนโรงงานอาวุธแห่งหนึ่ง ว่าเกาหลีเหนือได้กลายเป็นรัฐที่มีอำนาจทางอาวุธนิวเคลียร์ ที่พร้อมจะจุดระเบิด ระเบิดปรมาณู และระเบิดไฮโดรเจน (H-bomb) เพื่อปกป้องอธิปไตย และเกียรติภูมิของประเทศ
คำกล่าวอ้างล่าสุดของนายคิม หากเป็นความจริง จะถือเป็นก้าวกระโดดของขีดความสามารถทางนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญหลายคนไม่เชื่อว่าเรื่องนี้เป็นความจริง
นาย จอห์น นิลสัน-ไรท์ หัวหน้าสาขาเอเชียของสถาบัน 'ชัตแธม เฮาส์' สถานบันเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศในกรุงลอนดอนของอังกฤษ ระบุว่า เป็นเรื่องยากที่หาหลักฐานทางเทคนิคเพื่อยืนยันคำกล่าวอ้างของนายคิม แต่ก่อนหน้านี้ เกาหลีเหนือยังทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ที่ใช้พลูโตเนียม ซึ่งใช้ในการสร้างระเบิดเล็กๆ จากปฏิกิริยาฟิชชั่น การก้าวกระโดดไปถึงขั้นเทอร์โมนิวเคลียร์ จึงเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ
ส่วนนาย ลี ชุน-กึน นักวิจัยจากสถาบันนโยบายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ก็แสดงความกังขาในคำพูดของนายคิมเช่นกัน "มันยากที่จะเชื่อว่าเกาหลีเหนือครอบครองระเบิดไฮโดรเจน แต่ผมคิดว่าพวกเขากำลังพัฒนามันอยู่"
ทั้งนี้ ระเบิดปรมาณูเป็นระเบิดชนิดเดียวกับระเบิดที่สหรัฐฯ ใช้โจมตีเมืองฮิโรชิมา และเมืองนางาซากิ ของญี่ปุ่น ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สร้างแรงระเบิดจากปฏิกิริยาฟิชชั่น ซึ่งเป็นการชนกันระหว่างนิวตรอนกับอะตอมของนิวเคลียส จนแตะตัวเป็นนิวคลีไอ (nuclei) 2 ตัว และปลดปล่อยพลังงานออกมา ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ก็ผลิตไฟฟ้าจากปฏิกิริยาฟิชชั่นเช่นกัน
ส่วนระเบิดไฮโดรเจน ใช้ปฏิกิริยาฟิวชั่น ซึ่งเป็นปฏิกิริยาที่สร้างพลังงานแก่ดวงอาทิตย์ และดาวฤกษ์ต่างๆ เกิดจากการการชนกันของนิวคลีไอกลายเป็นนิวเคลียสใหม่ โดยอุปกรณ์ที่ใช้ปฏิกิริยาฟิวชั่นสร้างแรงระเบิดได้รุนแรงกว่าระเบิดปรมาณูมาก
ระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมา เมื่อปี 1945 มีพลังทำลายเทียบเท่าระเบิด ทีเอ็นที หนัก 13,000 ตัน ขณะที่เมื่อครั้งสหรัฐฯ ทดสอบเทอร์โมนิวเคลียร์เป็นครั้งแรกของโลก ที่หมู่เกาะมาร์แชล ในปี 1952 สร้างพลังทำลายเทียบเท่าระเบิดทีเอ็นที 10.1 ล้านตัน หรือสูงกว่าระเบิดที่ฮิโรชิมา 700 เท่า
ที่มา
http://www.thairath.co.th/content/547415
'คิม จอง-อึน' อ้าง เกาหลีเหนือมีระเบิดไฮโดรเจน
คิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของประเทศเกาหลีเหนือ กล่าวอ้างว่า ประเทศของเขามีระเบิดไฮโดรเจนอยู่ในคลังแสงแล้ว แต่กลุ่มผู้สังเกตการณ์ไม่เชื่อว่าเป็นความจริง...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน อ้างการเปิดเผยของสำนักข่าวกลางเกาหลี (เคซีเอ็นเอ) ของเกาหลีเหนือ ว่า คิม จอง-อึน กล่าวระหว่างเดินทางเยือนโรงงานอาวุธแห่งหนึ่ง ว่าเกาหลีเหนือได้กลายเป็นรัฐที่มีอำนาจทางอาวุธนิวเคลียร์ ที่พร้อมจะจุดระเบิด ระเบิดปรมาณู และระเบิดไฮโดรเจน (H-bomb) เพื่อปกป้องอธิปไตย และเกียรติภูมิของประเทศ
คำกล่าวอ้างล่าสุดของนายคิม หากเป็นความจริง จะถือเป็นก้าวกระโดดของขีดความสามารถทางนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญหลายคนไม่เชื่อว่าเรื่องนี้เป็นความจริง
นาย จอห์น นิลสัน-ไรท์ หัวหน้าสาขาเอเชียของสถาบัน 'ชัตแธม เฮาส์' สถานบันเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศในกรุงลอนดอนของอังกฤษ ระบุว่า เป็นเรื่องยากที่หาหลักฐานทางเทคนิคเพื่อยืนยันคำกล่าวอ้างของนายคิม แต่ก่อนหน้านี้ เกาหลีเหนือยังทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ที่ใช้พลูโตเนียม ซึ่งใช้ในการสร้างระเบิดเล็กๆ จากปฏิกิริยาฟิชชั่น การก้าวกระโดดไปถึงขั้นเทอร์โมนิวเคลียร์ จึงเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ
ส่วนนาย ลี ชุน-กึน นักวิจัยจากสถาบันนโยบายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ก็แสดงความกังขาในคำพูดของนายคิมเช่นกัน "มันยากที่จะเชื่อว่าเกาหลีเหนือครอบครองระเบิดไฮโดรเจน แต่ผมคิดว่าพวกเขากำลังพัฒนามันอยู่"
ทั้งนี้ ระเบิดปรมาณูเป็นระเบิดชนิดเดียวกับระเบิดที่สหรัฐฯ ใช้โจมตีเมืองฮิโรชิมา และเมืองนางาซากิ ของญี่ปุ่น ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สร้างแรงระเบิดจากปฏิกิริยาฟิชชั่น ซึ่งเป็นการชนกันระหว่างนิวตรอนกับอะตอมของนิวเคลียส จนแตะตัวเป็นนิวคลีไอ (nuclei) 2 ตัว และปลดปล่อยพลังงานออกมา ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ก็ผลิตไฟฟ้าจากปฏิกิริยาฟิชชั่นเช่นกัน
ส่วนระเบิดไฮโดรเจน ใช้ปฏิกิริยาฟิวชั่น ซึ่งเป็นปฏิกิริยาที่สร้างพลังงานแก่ดวงอาทิตย์ และดาวฤกษ์ต่างๆ เกิดจากการการชนกันของนิวคลีไอกลายเป็นนิวเคลียสใหม่ โดยอุปกรณ์ที่ใช้ปฏิกิริยาฟิวชั่นสร้างแรงระเบิดได้รุนแรงกว่าระเบิดปรมาณูมาก
ระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมา เมื่อปี 1945 มีพลังทำลายเทียบเท่าระเบิด ทีเอ็นที หนัก 13,000 ตัน ขณะที่เมื่อครั้งสหรัฐฯ ทดสอบเทอร์โมนิวเคลียร์เป็นครั้งแรกของโลก ที่หมู่เกาะมาร์แชล ในปี 1952 สร้างพลังทำลายเทียบเท่าระเบิดทีเอ็นที 10.1 ล้านตัน หรือสูงกว่าระเบิดที่ฮิโรชิมา 700 เท่า
ที่มา http://www.thairath.co.th/content/547415