เบื้องหลัง Gadget ระเบิดปรมาณูลูกแรก

.

.
Gadget ระเบิดปรมาณูลูกแรกของโลก 
กระทรวงพลังงานสหรัฐ
.
.
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
.
This Is the Only Color Photo of the 
First Atomic Explosion
.
.
.


เรื่องราวน่าทึ่งของระเบิดปรมาณูลูกแรกของโลก
16 กรกฎาคม พ.ศ. 2488 เวลา 05:29:45 น.
โลกได้ก้าวเข้าสู่ยุคปรมาณูครั้งแรกของโลก
ด้วยการทดสอบอาวุธที่ทรงพลังที่สุดของคน

Gadget ระเบิดปรมาณูลูกแรก มีขนาด 6 ฟุต
ที่มีแกนพลูโทเนียม -239 
โยงยึดด้วยสายเคเบิลเพื่อจุดระเบิด/หย่อนลงมา
ระเบิดลูกนี้มาจากโครงการ Manhattan
ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก Einstein
ผู้คิดค้นสมการสูตรบันลือโลก E = mc2
และทดลองทิ้งระเบิดปรมาณูครั้งแรกใกล้กับ
Alamogordo ในรัฐ New Mexico
.
:
.
.
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
.
Albert Einstein Explains His Formula 
E=MC2 Theory of Special Relativity 
Energy and Mass
.
.

.
.

.
Norris Bradbury ยืนอยู่ข้าง Gadget 
ที่ประกอบบางส่วนบนหอคอยทดสอบ 
.
.
.


หมายเหตุ

มีข่าวกรองว่าเยอรมันกำลังพัฒนาระเบิดปรมาณู
ทำให้สหรัฐอเมริกากลัวเยอรมันจะล้ำหน้าไปก่อน
จึงลงทุนพัฒนาจนสำเร็จก่อนเพื่อน/รัสเซีย
รัสเซียจ๋อย/สงบปากสงบคำไปนานถึง 4 ปี
แต่ด้วยการจารกรรมข้อมูลภายในจากสหรัฐ
ทำให้พัฒนาระเบิดปรมาณูสำเร็จในเวลาต่อมา
ส่วนหนึ่งมาจากนักวิทยาศาสตร์ที่ขายความลับ
ระบุว่า เพื่อสร้างสมดุลอำนาจทางการเมือง

ผู้ดูแลโครงการคือ  พล.อ. Leslie Groves
ผู้อำนวยการ Los Alamos
คือ Robert Oppenheimer นักฟิสิกส์ชาวอเมริกัน
การออกแบบและเปิดตัวโครงการนี้
ใช้ชื่อรหัส Trinity ตามที่  Oppenheimer
เพราะท่านได้รับแรงบันดาลใจจากบทกวีของ John Donne
งบประมาณเริ่มต้นโครงการครั้งแรก 6,000 เหรียญสหรัฐ
และพุ่งทะยานขึ้นเป็น  2 พันล้านเหรียญสหรัฐ
หลังจากที่ Einstein แจ้งข้อกังวลหลายประการว่า
นาซีเยอรมันได้พัฒนาอาวุธเปลี่ยนเกมสงคราม
ใกล้จะสมบูรณ์แบบพร้อมใช้งานแล้ว
(แต่ความจริง Einstein ป๊อดไปเอง/ถูกข่าวลวง
และต่อมามาเป็นแกนนำต่อต้านระเบิดปรมาณู)

ก่อนทำการทดสอบประสิทธิภาพ/ประสิทธิผล
ทีมงานได้สร้างหอคอยเหล็กสูง 100 ฟุต
เพื่อเปิดตัว Gadget  พร้อมกับสร้างบังเกอร์
หอสังเกตการณ์ 3 แห่งระยะห่าง 10,000 หลา
จากหอคอยเหล็ก Department of Energy ระบุ
เพื่อให้นักวิจัยจากโครงการ Manhattan
สามารถเฝ้าระวัง/สังเกตการณ์ได้อย่างปลอดภัย


หนึ่งวันก่อนการทดสอบ
ทีมงานได้ยก Gadget ขึ้นตรงกลางหอคอย
แล้วจัดวางในตำแหน่งที่เหมาะสม
ติดตั้งไว้ตรงใจกลางทะเลทราย
ในเช้าวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2488
สหรัฐอเมริกาได้จุดชนวนระเบิดปรมาณูลูกแรก
ผลการระเบิดทำให้หอเหล็กเหล็กกลายเป็นไอ
ส่งคลื่นกระแทกขนาดใหญ่ข้ามทรายทะเลทราย
และสร้างก้อนเมฆรูปเห็ดขนาดใหญ่
ที่ลอยขึ้นไปในอากาศ 40,000 ฟุต
ตามรายงานของ Department of Energy

ทันทีหลังจากการระเบิด 
Oppenheimer ได้รายงานว่า  ได้ผล
ในการให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการทิ้งระเบิด 
Oppenheimer ได้กล่าวถึงช่วงเวลาที่เกิดระเบิด
ท่านนึกถึงโศลกหนึ่งจากคัมภีร์ภควัทคีตา 
" ตอนนี้ข้า คือ ความตาย คือ ผู้ทำลายล้างโลก "

วันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2488
สหรัฐอเมริกาได้ทิ้งระเบิดปรมาณูขนาด 5 ตัน
ในเมืองฮิโรชิมาของญี่ปุ่น
คร่าชีวิตผู้คนไป 80,000 คนในทันที
และทำให้พื้นที่ 4 ตารางไมล์ของเมืองราบเรียบ
(10.36 ตร.กม หรือ 6,475 ไร่)

เรียบเรียง/ที่มา

https://bit.ly/3CkdRec
https://bit.ly/3wdpqQL
.
.
.

.
.
.
J. Robert Oppenheimer (left) 
and Gen. Leslie R. Groves
examining the remains of a steel tower 
at the Trinity test site in Alamogordo, 
New Mexico, September 1945
.
.

.
แต่ก่อนคนเรายังโง่ ไม่รู้พิษภัยรังสีตกค้าง
.
.

.
.
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
.
The Moment in Time : 
The Manhattan Project
.
.
.


เรื่องเล่าไร้สาระ


โศลกบทที่นิยมของภัควัทคีตา คือ

รบเถิดอรชุน หากท่านตายในสนามรบ

สวรรค์ยังรอท่านอยู่ ยังเปิดประตูรอผู้ปราชัย

แม้นหากว่าท่านชนะความเป็นใหญ่ในแผ่นดินนี้

ทุกพงพื้นปัฐพี รอให้ท่านเข้ามาครอบครอง

โศลกนี้คือ การปลุกระดมให้รบกัน
ระหว่างเพื่อนผองน้องพี่ ลูกศิษย์กับอาจารย์
พ่อแม่ลุงป้าน้าอากับลูกหลานเหลนฆ่ากันเอง
ด้วยเล่ห์กลอุบายที่ชั่วร้ายงัดกันมาซัดกันเต็มที่
แบบการสงครามไม่หน่ายกลยุทธ์
ใครเป็นผู้ชนะ เป็นอันว่า กูไม่ผิด
ชนะคือราชา แพ้คือขี้ข้า
เพราะผู้ชนะเขียนประวัติศาสตร์ทุกยุคทุกสมัย

กลยุทธ์หนึ่งรบสิบ กลวิธีสิบรบหนึ่ง
แบบคนสิบคนรุมกระทืบคนบ้าหนึ่งคน
ตามแนวคิดปฏิวัติของทร้อตสกีร์
ที่ถูกสตาลินถีบหนีไปเม็กซิโก
ก่อนโดยสายลับคอมมี่ตีสนิท
แล้วจามด้วยขวานสับหิมะแบบพวกนักไต่เขา
หลังจากสายลับติดคุกจนพ้นโทษ
ก็กลับไปอยู่ที่รัสเซียแล้วตายที่นั่น
พร้อมกับรับเหรียญกล้าหาญของรัสเซีย
(รูเสีย คำอ่านหนังสือพิมพ์สมัยรัชกาลที่ 5)

แบบสงครามไม่มีความปราณี
ทั้งบุรุษสตรีเด็กเล็กคนชรา
ใครรอดตายก็ถือว่าโชคดีไป
ใครโชคร้ายก็ตายหยังเขียด
.
.

มีนักประวัติศาสตร์วิเคราะห์วรรณคดีเรื่องนี้
สันนิษฐานว่า พวกอารยันที่มาอินเดีย
แล้วเขียนเรื่องราวตำนานนี้ขึ้นมา
เพราะความจริงรบแพ้ในแถบตะวันออกกลาง
ดินแดนของกลุ่มภาษาอินโด-อารยัน
ต้องเร่ร่อนมายึดดินแดนคนด้อยกว่า
เพราะพวกอารยันผลิตดาบเหล็กได้ ควบม้าได้
ย่อมชนะชนพื้นเมืองที่มีดาบสำริด ไม้ ก้อนหิน

แล้วแต่งตำนานปลดปล่อยปมคิด
ความพ่ายแพ้ในอดีต แต่อิงชนะชนพื้นเมืองได้
ด้วยการเสนอแนวคิดสงครามแบบใหม่
ว่าพวกอารยันในโศลกนี้คือ ผู้ชนะในโลกใหม่
แต่พ่ายแพ้ยับเยินในโลกเก่า/แผ่นดินเดิม
เพราะธรรมชาติคนเรา ไม่เหลืออดเหลือทน
หรือลำบากยากแค้นจริง ๆ ทำกินไม่ได้แล้ว
ไม่มีใครจะบอกว่า เรามาย้ายประเทศกันเถอะ


เพราะมีการสืบรากศัพท์หลายคำ
ทางนิรุกติศาสตร์ของภาษาอินโดอารยัน
ที่จำได้ อสูร อหูระ แทนเทพในแถวเปอร์เซีย
แต่กลายเป็นมารในอินเดีย

ตำนานอินเดีย
ตอนกวนเกษียรสมุทร เพื่อได้ยาวิเศษ
กินแล้วไม่ตาย ไม่แก่ แต่หนีกรรมไม่พ้น
เว้นแต่จะนิพพานตามหลักศาสนาพุทธ
การกวนเกษียรสมุทรคราวนั้น
เกิดสิ่งมหัศจรรย์มากมายเหลือคณานับ
เช่น นางอัปสร เมียพระนารายณ์ ครุฑ ยาวิเศษ
เทวดามอมเหล้าเทวดาที่ดูแลน้ำทิพย์
ก่อนขโมยดื่มกินจนเกือบเป็นอมตะ(ไม่ตายจาก มตะ)
ครุฑหลอกนาคเมาเหล้า ก่อนชิงยาวิเศษ
พอนาคสร่างเมาแลบลิ้นเลียยาที่ใบคา
ใบคาบาดลิ้นขาดกลายเป็นบรรพบุรุษงู
ทำให้งูส่วนใหญ่ในโลกมีลิ้นสองแฉก
(คำด่าว่า คนเลว คนเห้ คบไม่ได้)

เทวดาเมาเหล้าเลยรบแพ้/เสียดินแดนสวรรค์
แล้วเทวดาที่รบแพ้ เพราะเมาเหล้า
จึงสาบานตนว่าจะไม่ดื่มเหล้าอีกตลอดกาล
กลายเป็นพวกอสุรา อสูร ในเทวานิยายอินเดีย

จริง ๆ คือ นิยายย้อนแย้งหลอกพวกตนเอง
ว่าเคยรบแพ้เพราะเมาเหล้าจึงกลายเป็นอสูร
ส่วนพวกเทวดากินเหล้าได้ตามเดิม
แต่เทพฮินดูเลยมักจะไม่มีการบนด้วยเหล้า
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่