[CR] ‎รุ่นพี่‬ ‎หรือจะเรียกว่า เป็นกิ๊กกับผี‬ ดี

รุ่นพี่‬ / ‎เป็นกิ๊กกับผี‬



How Much I Like It : 6.5/10
How Good It Actually Is : 7.0/10

- นี่คือหนังเรื่องใหม่ของคุณวิศิษฏ์ ศาสน์เที่ยง หนึ่งในผู้กำกับหนังไทยในดวงใจ (ชอบหมานครมากกกก) ที่มีกลิ่นอายของเรื่องเขย่าขวัญตามแบบฉบับญี่ปุ่นแผงอยู่เต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะเป็นตัวเอกที่เป็นคู่หูสืบวิญญาณ ที่ชวนให้คิดถึงการ์ตูนเรื่องวิญญาณทะเล้น (陵子の心霊事件簿) ของอ. จิเอะ ชิโนะฮาระ ที่นางเอกนักเรียนม.ปลายต้องสืบคดีร่วมกับวิญญาณพระเอกที่สิงอยู่ในร่างแมว อีกทั้งยังมีการคลี่คลายคดีลึกลับซับซ้อนซ่อนปมแค้นที่เกิดขึ้นในโรงเรียนคาทอลิกหญิงที่ชวนให้คิดถึงการ์ตูนคินดะอิจิ นิยาย suspense หลายเรื่องของญี่ปุ่น ตลอดจนหนังพิงค์ฟิลม์ยุค 70 ที่มักมีโรงแรมแคทอลิกหรือแม่ชีเป็นฉากหลัง แต่ถึงกระนั้นหนังก็ยังใส่ความเป็นไทยในแบบของคุณวิศิษฏ์ลงไป จนได้รสชาติแปลกใหม่ที่แปร่ง ๆ หรือพูดตามตรงก็คือยังไม่ลงตัวนัก

- ปัญหาของตัวหนังอยู่ที่หนังเล่าเส้นเรื่องถึง 3 เส้น ที่เวิร์กแค่บางเส้น และก็เวิร์กแค่เป็นช่วง ๆ เท่านั้น เส้นเรื่องแรกคือความสัมพันธ์ระหว่างนางเอกกับเพื่อนสนิทที่เป็นคนนอกคอกเหมือนกัน เส้นเรื่องที่พยายามพูดถึงประเด็นการกลั่นแกล้งกันในโรงเรียนและความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวระหว่างครูกับนักเรียนนี้ ดูด้อยไปถนัดใจเมื่อเทียบกับสื่อที่พูดประเด็นคล้าย ๆ กันได้สมจริงและดีกว่ามากอย่าง Hormones อาจเป็นเพราะบทส่วนที่พยายามปูความสัมพันธ์ระหว่างเด็กสาวสองคนนี้ดูแสนจะไม่เป็นธรรมชาติ บทพูดไม่เข้าปากตัวละคร สถานการณ์ก็ดูจัดสร้างไม่สมจริง อีกทั้งวิธีการถ่ายทำฉากมอนทาจประกอบเพลงที่เพื่อนสองคนไปถ่ายเซลฟี่กันตามที่ต่าง ๆ ก็ดูขัดเขิน ตลก ไม่เข้ากับอารมณ์ส่วนอื่น ๆ ของหนัง จนแทบจะทำให้ความเป็นเอกภาพของหนังเสียไป บทที่เกี่ยวกับครูชั่วก็จงใจจัดสร้าง ตัวละครดูมีมิติเดียว แถมนักแสดงยังเล่นใหญ่ เล่นชัดเกินจนไม่สมจริง ทำให้ทุกองค์ประกอบดูล้นจนเป็นละคร แต่ที่แย่ที่สุดคือเส้นเรื่องนี้แทบไม่ได้เกี่ยวกับพล็อตหลักซึ่งเป็นการคลี่คลายคดีของหนังเท่าไหร่เลย เหมือนใส่เข้ามาเพื่อพูดถึงประเด็นสังคมในยุคนี้ ซึ่งก็พูดได้ตื้นเขินไม่ลึกซึ้ง และเพื่อให้นางเอกพอดูมีมิติขึ้นนิดหน่อยเท่านั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเส้นเรื่องนี้แทบไม่ได้ส่งผลต่อการกระทำอะไรของตัวเอกในเส้นเรื่องหลักเลย (ถ้าจะให้ดี ให้นางเอกรู้สึกผิดที่ให้ความสำคัญกับผู้ชายมากกว่าเพื่อน จนเกิดเรื่องเป็นอุปสรรคของความสัมพันธ์ จะดีกว่ายัดตัวละครหมอโนที่โคตรล้นโคตรแบนและไร้เหตุผลในการดำรงอยู่ในหนัง --นอกจากเป็นมือที่สามของความสัมพันธ์ของตัวเอก-- เข้ามาแบบไร้สติเช่นนี้) จะตัดออกไปก็ไม่ทำให้เรื่องเสียแต่อย่างใด ทำให้ส่วนนี้เป็นส่วนเกินของหนังที่พอดูจบแล้วพูดตามตรงว่าไม่มีอาจจะดีกว่า

- เส้นเรื่องส่วนที่สองที่เป็นโรแมนซ์ระหว่างนางเอกกับพระเอกก็ไปไม่ถึงฝั่งด้วยการออกแบบ visual ของตัวละครที่พังพาบ ไม่สมจริง บทพูดที่เชยกระประดักประเดิด สถานการณ์ที่ยัดเยียด ไม่เป็นธรรมชาติ ความไร้เคมีระหว่างนักแสดง ตลอดจนฝีมือของนักแสดงที่ยังเล่นไม่ได้อารมณ์ อย่างแรกที่ติดใจตั้งแต่ดูตัวอย่างคือทำไมต้องดีไซน์ตัวรุ่นพี่ให้ออกมาดูเกาหลีทั้งหน้าผมผิวและเสื้อผ้า ราวกับหลุดออกมาจาก F4 ฉบับเกาหลี อย่างไรอย่างนั้น ในเรื่องรุ่นพี่มาจากยุคเมื่อ 30 ปีที่แล้วซึ่งน่าจะเป็นกลางยุค 80 ถ้าจะให้สมเหตุผล รุ่นพี่ควรหล่อให้สมกับเป็นไอดอลยุคนั้น ไม่ใช่หล่อแบบเกาหลีที่เชยไปแล้ว 5 ปีแบบนี้ พอลุคมันไม่น่าเชื่อว่าฮีเป็นคนยุคนั้น ทุกอย่างเลยไม่น่าเชื่อถือล้มครืนไปตาม ๆ กัน ยิ่งคาแรคเตอร์รุ่นพี่ไม่มีที่มาที่ไป จะลึกลับออกแนวเท่ตามคาแรคเตอร์ก็ไม่ใช่ ดันนิสัยเป็นคนมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งตามสไตล์เกาหลีสมัยนี้อีก คาแรคเตอร์นี้เลยดูไม่มีความลึก ไม่มีความรู้สึกนึกคิดเป็นของตัวเอง ไม่มีความเป็นมนุษย์จริง ๆ ดูเป็นคาแรคเตอร์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์เนื้อเรื่องเท่านั้น แม้หนังจะพยายามใช้มุกรักต่างสมัยมาดีไซน์ฉากกุ๊กกิ๊กให้ดูมีอะไรมากขึ้น ซึ่งก็เป็นไอเดียที่ครีเอทดี แต่น่าเสียดายอย่างยิ่งที่หนังใช้ศักยภาพดึงความกุ๊กกิ๊กแบบรักข้ามยุคออกมาได้แค่กระปิดกระปอย ในเมื่อคนดูไม่เชื่อว่าพระเอกเป็นคนยุคก่อน จะบิ๊วยังไงก็ได้แค่ผิว ๆ ไม่กระแทกใจคนดู ถ้าดีไซน์ตัวรุ่นพี่ให้เป็นลุคแบบหนุ่ย อำพล, วรุฒ วรธรรม, บิลลี่ โอแกน, ขจรศักดิ์ รัตนนิสสัย หรือแนวพระเอกหนังศุภักษร ใส่เสื้อเชิ๊ตโคร่ง ๆ เสื้อผ้าหน้าผมแบบยุค 80 แต่ออกมาหล่อ น่าจะดูสมจริงกว่า แถมจะได้คนดูอีกกลุ่มอายุด้วย พอการออกแบบคาแรคเตอร์ไม่น่าเชื่อถือ ต่อให้มีสถานการณ์ที่ตัวละครต้องมาอยู่ด้วยกันเพื่อรักกันอยู่เต็มเรื่อง ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นก็ไม่น่าเชื่ออยู่ดี ฉากไคลแม็กซ์ที่คนดูควรจะลุ้นวาบหวาม ตลอดจนเศร้าึงไปกับบทสรุปความสัมพันธ์ในตอนจบ ก็เลยเบาโหวง ไร้น้ำหนัก ขาดทั้งอารมณ์ร่วมและความดราม่าอย่างน่าเสียดาย

- เส้นเรื่องที่สามซึ่งเป็นเส้นเรื่องหลักเกี่ยวกับการสืบคดีตลอดจนเรื่องผีต่าง ๆ เป็นเส้นเรื่องที่แข็งแรงและน่าสนใจที่สุด ที่โดดเด่นมากคือดีไซน์ของผี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เห็นอย่างชัดเจนว่าได้รับแรงบันดาลใจจากจุนจิ อิโต้ รวมถึง "ผีป๊อปคอร์น" ที่ทั้งขำทั้งน่ากลัว ขอยกให้ทั้งซีเควนซ์นั้นเป็นซีเควนซ์ที่น่าสนใจที่สุดในเรื่องเลย ที่น่าสนใจอีกอย่างคือข้อจำกัดความสามารถของวิญญาณ ทั้งเรื่องการเคลื่อนไหวที่ต้องอิงกับสถานที่ในยุคที่ตาย และการที่ถ้าเห็นวิญญาณได้แสดงว่าใกล้ตาย ที่ก็เอามาใช้สร้างสถานการณ์คับขัน และความน่ากลัวได้ประปราย แต่สุดท้ายก็มีอะไรต่อมิอะไรที่วิญญาณทำได้แต่ไม่ได้รับการอธิบายอีกเยอะแยะอยู่ดี ในส่วนของคดีก็ถือว่าซับซ้อนซ่อนเงื่อนในระดับที่น่าพอใจ มีนัยยะแฝงเรื่องการเมือง ทั้งเรื่องคนตายที่ไม่ได้รับความยุติธรรม ความทรงจำเกี่ยวกับอาชญากรรมที่ขาดหาย ความจริงที่ไม่มีใครได้รับรู้ ที่น่าสนใจคือตัวละครทุกตัวในส่วนของคดีต่างเคลมว่าตัวเองเป็น "คนดี" ถูกเอารัดเอาเปรียบกันหมดทุกคน แม้ตัวละครที่ไม่ได้มีโอกาสแก้ต่างให้ตัวเองอย่างท่านหญิงก็ดูเป็นคนดี ดูเป็นเหยื่ออาชญากรรม แต่พอ "ความจริง" เปิดเผยแล้วแล้วทุกตัวละครต่างเป็นคนร้าย เป็นฆาตกร เป็นคนเลวด้วยกันทั้งสิ้น ถือเป็นคดีที่สะท้อนภาวะหน้าไหว้หลังหลอก ผักชีโรยหน้า ต่อหน้ามะพลับลับหลังตะโกของสังคมไทย ตลอดจนภาวะความคิดของผู้ใหญ่ไทยที่มักดูถูกเด็กวัยรุ่นเป็น "เด็กเมื่อวานซืน" ได้ดี และเจ็บแสบพอสมควร แต่องค์ประกอบที่น่าผิดหวังของเส้นเรื่องนี้คือวิธีการสืบคดีและการคลี่คลายคดีที่ดูจะง่ายดาย ไร้ชั้นเชิง ไม่ได้เปิดโอกาสให้คนดูคิดตามและปะติดปะต่อเองเท่าไหร่ แต่ใช้วิธีให้ตัวละครไปค้นเจอข้อมูลทั้งโดยบังเอิญและผ่าน plot device ที่แสนจะสะดวกสบายในการเล่าเรื่องอย่างความสามารถในการ "ดมกลิ่นวิญญาณ" ของนางเอก ซึ่งดูจะเป็น Deux ex machina ที่ถูกใช้หลายครั้งไปหน่อย ตลอดจนคุณหมอโนที่เป็นถึงหมอแต่ไม่รู้หรือไงว่าการจีบเด็กม.ปลายอาจโดนคดีพรากผู้เยาว์ได้ง่าย ๆ โดนหลอกให้สืบข้อมูลหลายต่อหลายครั้ง ก็ยังดักดาน ปล่อยให้ตัวเองโดนเด็กจูงจมูกอยู่นั่นละ (อย่างที่บอกคือตัวหมอนี่ไม่ใช่คาแรคเตอร์จริง ๆ แต่เป็น plot device ที่มีหน้าที่คอยป้อนข้อมูล และสร้างคอนฟลิคหึงหวงระหว่างพระเอกกับนางเอกเท่านั้น) แถมหลายครั้งตัวละครเอกทั้งสองยังใช้วิธีคาดการณ์ เดาสุ่ม โดยปราศจากหลักฐานชัดเจน และก็เหมาเอาว่าสิ่งที่ตัวเองคาดเป็น "ความจริง" สร้างความกังขาให้กับคนดูอย่างเราว่า ถึงเวลาแล้วตัวละครก็ทึกทัก "สร้างความจริง" ตามความเข้าใจและการคาดเดาของตัวเอง โดยยังพยายาม "ค้นหาความจริง" ไม่พอหรือเปล่า แต่สิ่งที่ติดใจเราที่สุดคือ การที่สุดท้ายเส้นเรื่องนี้ก็ตกหลุมเดียวกันกับ "กาหลมหรทึก" และนิยายคินดะอิจิแทบทุกเรื่อง คือคลี่คลายเรื่องง่าย ๆ ด้วยการใช้วิธีให้ Big Bad ทั้งหลักและรองออกมาสารภาพความผิดก่อนจะฆ่าตัวเอกในฉากไคลแม็กซ์ ซึ่งพอเรื่องเปิดเผยแล้วกลายเป็นว่าตัวละครแทบทุกตัวเป็น Plot device หมดเลย ทุกอย่างถูกจัดสร้างเพื่อปิดบังการรับรู้ของคนดู โดยเน้นความสมเหตุสมผลของแรงจูงใจของตัวละครตอนเฉลยเรื่องราว (อีนี่แค้นไอ้นั่นเลยฆ่าไอ้โน่น ไอ้โน้นอยากปกปิดความผิดของตัวเองเลยฆ่าอีนั่น ฯลฯ) มากกว่าจะเน้นตรรกะหรือความเป็นไปได้ของเหตุการณ์จริง ๆ (ในชีวิตจริง คนจะตัดสินใจฆ่าหรือแก้ปัญหากันง่าย ๆ อย่างนั้นไหม) ซึ่งก็เข้าใจได้เพราะหนังแนวนี้หลายเรื่องก็ใช้วิธีผูกเรื่องแบบนี้ แต่เรื่องนี้มันดันไม่เนียน จนจับได้แบบ real time ยิ่งนักแสดงแต่ละคนเล่นใหญ่มาก เลยยิ่งดูละค้อนละคร ไม่อินหรือสะเทือนใจไปกับชะตากรรมของตัวละครใด ๆ

- งานด้านเทคนิคของหนังอยู่ในขั้นดี ถ่ายทำดี ถ่ายภาพสวยงาม องค์ประกอบศิลป์ดูตั้งอกตั้งใจ ทั้งด้านการใช้สีและแสงเป็นสัญญะ และการตัดต่อใช้เสียงเพื่อเร้าอารมณ์คนดู นักแสดงรุ่นใหม่เล่นกันใช้ได้บ้าง (พลอยชมพู/พระเอก/กลุ่มตัวร้าย) ไม่ไหวบ้าง (เพื่อนนางเอก/หมอโน/คุณครู) รุ่นใหญ่ก็ทำได้ดีตามข้อจำกัดของบทที่ได้รับ แต่เนื่องจากโดยรวมเล่นใหญ่ และนักแสดงรุ่นเด็กที่เป็นตัวเอกไม่ได้มีเสน่ห์หรือเคมีต่อกันพอที่จะปกปิดความอ่อนด้อยของเรื่องราวหลายอย่างได้ ภาพรวมออกมาจึงไม่ได้อยู่ในขั้นน่าพอใจนัก

- ตอนดูมีความรู้สึกว่างานนี้คุณวิศิษฏ์ได้โจทย์มาให้ทำหนังตลาด ซึ่งถามว่าอะไรขายได้ง่ายที่สุด ณ วินาทีนี้คือหนังวัยรุ่นกุ๊กกิ๊กกับหนังผี หนังเรื่องนี้เลยถูกดีไซน์ขึ้นมาโดยบังคับมีองค์ประกอบเหล่านี้ ไม่ได้เป็นอะไรที่คุณวิศิษฏ์อยากทำด้วย passion จริง ๆ หนังมันเลยมีความไม่ลงตัวอยู่เยอะ เหมือนให้คนเก่งต้องมาทำอะไรที่ไม่ค่อยถนัด เลยมีส่วนที่เวิร์กบ้าง ไม่เวิร์กบ้าง แต่ถามว่าดูสนุกดูเพลินไหม ก็ได้อยู่ ไม่แย่ ไม่เสียดายเงิน แต่ก็ไม่อินและรู้สึกสะดุดระคนขัดใจกับหลาย ๆ องค์ประกอบในหนังอยู่เกือบตลอดเวลา ยิ่งพอออกมาจากโรงแล้วคิดย้อนไปถึงเรื่องราวอะไรหลาย ๆ อย่าง ก็ยิ่งขัดใจ มีความรู้สึกว่าถ้าเอาโจทย์เดียวกันนี้ไปให้ผู้เชี่ยวชาญหนังวัยรุ่นอย่าง GTH ทำ น่าจะทำออกมาได้ดีกว่านี้ แม้หนังจะขาด visual และมุมมองตามแบบคุณวิศิษฏ์ไปก็ตาม

- สรุปก็คือไม่เสียดายเงิน แต่ก็ไม่ปลื้ม ใครเป็นแฟนของคุณวิศิษฏ์ อยากไปดูก็ไปดูเถอะ อาจจะชอบก็ได้ งานนี้อาจไม่ค่อยถูกใจเรา แต่เราก็ยังเป็นแฟนของคุณวิศิษฏ์และจะตามดูหนังของเขาไปเรื่อย ๆ เพราะเราเชื่อว่าถ้าได้โจทย์ที่ถนัดมากกว่านี้ เราจะได้ดูหนังที่แตกต่างและสมบูรณ์ในแทบทุกด้านอย่างหมานครมาประดับวงการภาพยนตร์ไทยอีกครั้ง
ชื่อสินค้า:   ‎รุ่นพี่‬
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่