สวัสดีครับ นี่เป็นกระทู้แรกของ ผมเป็นนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู ปี 5 ครับ ที่จะมาเล่าเรื่องราว ตลอด 1 เทอม แรก หลังจากการที่เราได้ออกไปฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู ณ โรงเรียน
(ไม่ขอเอ่ยชื่อ) แห่งหนึ่งนะครับ โรงเรียนดังกล่าวเป็นโรงเรียนประถม เด็กนักเรียนไม่มาก สิ่งที่อยากจะแชร์ก็คือ ประสบการณ์ที่ได้จากการไปฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูครับ ประสบการณ์จากคนรอบข้างและทุกๆสิ่งผมจะขอเล่าผ่านมุมมองของผมเองครับที่ได้ประสบพบเจอมา และหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆหรือน้องๆ ยังไงก็ลองมาแชร์กันดูครับ
1.เราต้องเตรียมตัวรับสภาพกับคำถามที่ว่า "ยังไม่จบอีกหรอ?" เรียนกี่ปีเนี๊ยะ บลาาาาาาๆๆๆๆ
.
....!!!!!
นั่นแหละครับ เป็นคำถามยอดฮิต เมื่อลูกหลานคนแถวบ้านใกล้เรือนเคียงเรียนจบมีงานทำ แต่เรา กลับใส่ชุดนักศึกษษผูกเนคไท แต่งตัวเรียบร้อยอย่างกับไปเรียน ปี1 ครับเรียนให้ทราบตรงนี้เลยนะครับ ว่า ครุศาสตร์ หรือ ครุศาสตร์บัฑิตเค้าเรียนกัน 5 ปี ครับ ..... เฮ้อออออ น่าเบื่อ (เพื่อนรุ่นเราก็ทำงานหมดและ)
2.ไม่ว่าเราจะได้โรงเรียนอะไร ใกล้ไกล การตื่นเช้าเป็นสิ่งสำคัญ
สำหรับผม โณงเรียนอยู่ไกลจากบ้านพอสมควรครับ ต่อให้เราอยู่ใกล้หรือไกล การตื่นเช้าเป็นสิ่งสำคัญครับ เพราะถ้าเราพลาดไปแค่ 5 นาที นั่นคือ มหันตภัยร้ายชัดๆๆ รถจะติด คนจะวุ่นวาย ปัญหาทุกอย่างจะมารุมเร้า เราสารพัด(นี่ตูสาย 5 นาที) และที่สำคัญ เราฝึกประสบการณ์เต็ม ห้ามสายเกิน 07.30 น. หากเจอโณงเรียนฟิกซ์เรื่องเวลาก็ซวยครับ!!!
สำหรับผม หรือ นอกจากจะต้องตื่นตี 5 แล้ว ยังต้องให้แม่มาส่งป้ายรถเมล์ จากนั้นรอรถเมล์ ต่อรถแดง(2แถว) เข้าโรงเรียน เชื่อเถอะครับสาย 5 นาที รอ รถแดง 20 นาที/คัน และแม่มมีสายเดียวด้วยที่ผ่าน หากวันไหน แอดวานซ์มาสายนะครับ วิมอเตอร์ไซด์เป็นทางเลือกต่อที่ 4 เฮ้ออออ.....
สรุป นั่งรถกว่าจะถึงโรงเรียน 3 ต่อ เพื่อนผมบางคนต้องย้ายหอตามโรงเรียนเพื่อความสะดวกใครได้ใกล้ๆก็ดีไป สำหรับผมนี่เวลาไม่ได้เลยครับ จะมานั่งดูละครถึงสี่ทุ่ม ยากครับ ต้องข่มตานอนตั้งกะ สองทุ่ม สามทุ่ม ถ้าหลังจากนั้น จะเกิดอาการ นอนไม่พอ 5555+
3.ความรู้ทางทฤษฎี ไม่ได้ช่วยเราทุกอย่างเมื่อเจอกับสถานการณ์จริงเวลาออกไปฝึกสอนแล้ว!!!!!
ครับตามนั้นเลย เราเคยมั้ย ใฝ่ฝันอย่างดิบดี เคยทดลองสอนมาก็เยอะ เจอเด็กๆน่ารักๆมาก็มาก เมื่อเราออกมาฝึกสอนจริงๆแล้วนั้น ทุกอย่างตรงกันข้ามทีเดียวเลย 55555+ แต่มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียย้างครับ ถ้าเราทำใจได้ก็ดีไป แต่ถ้าทำไม่ได้ บอกได้อย่างเดียวเลยครับ
"อดทน" ยิ่งเด็กประถมบอกเลย เช่น
ครูครับ ขออนุญาติเหลาดินสอ ....... จากเด็ก 1 คนขอ มันจะตามมาอีก 5-6 คนที่ดินสอหักพร้อมกัน!!!!! เฮ้ยย!!!
ครูครับ ขออนุญาติไปดื่นน้ำ เราอย่าให้ไปเด็ดขาดครับ เพราะ มันจะตามมายิ่งกว่าเชื้ออีโบล่าแพร่อีกครับ ยกมือกันให้พรึ้บบบบบ!!!! 5555+
ครูค่ะ หนูขอไปห้องน้ำ กรณีนี้ ถ้าหลังจากพักเสร็จไม่ควรให้ไปใครครับ เพราะเด็กจะติดนิสัย แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆให้ไปเถอะครับ เด็กประถมอ่ะ เพราะเด็กจะเชื่อเรามากๆๆๆๆบอกไม่ให้ไปก็จะไม่ไปยันโรงเรียนเลิก และก็ฉี่แตก ขี้แตก ตามมา สรุป ....ถ้าเราได้ประจำชั้นคู ครูครับ ครูเช็ดนะครับ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ
แต่ในฐานะที่เราจะไปเป็นครู สิ่งต่างๆเหล่านี้เราต้องแกให้ได้นะครับ เช่น เราควรจะวางกฏไว้เลยตั้งแต่ต้น เพื่อให้เด็กฝังใจไว้
สิ่งที่เคยวาดฝันว่าเด็กจะตั้งใจเรียน คุณ
"คิดผิดครับ" เพราะ ถ้านับจริงๆ มีเด็กไม่ถึงครึ่งหรอกครับที่จะตั้งใจเรียนและฟฟังเราจบ
วิธีง่ายๆครับ กระตุ้นความสนใจไปเลย จับเล่นเกมส์ โยนคำถาม ทำอะไรก้ได้ครับให้เด็กสนุก หัวเราะ (และสอดแทรกเนื้อหาแบบเนียนๆ) เพราะถ้าเด็กๆให้ใจเราเมื่อไหร่ นั่นแหละครับ ง่ายและทีนี้
4.ไม่ว่าเราจะควบคุมอารมณ์ได้มากน้อยเพียงใด ห้ามตี ห้ามใส่อารมณ์ และคุณต้อง อดทน
ดังคำพี่เกดครับ STRONG STRONG STRONG เข้าไว้ครับ ...เรามีกฏนะจริงๆ ห้ามตีเด็ก แต่ถามว่า ในสถานะการณ์บางครั้ง ไม้เรียวก็ช่วยสยบเด็กได้นะครับ เราไม่ได้ตีเพราะอารมณ์ แต่ตีเพราะเหตุผล บางครั้ง รูปแบบนักเรียน แต่ละโรงเรียน พื้นฐาน ปัจจัยต่างๆ มันวัดผลนักเรียนแต่ละคนไม่ได้ครับ ต่างพื้นที่ก็ต่างนักเรียนครับ ง่ายๆโรงเรียนฝนชุมชน กับ โรงเรียนในตัวเมือง พื้นฐานเด็ก ครอบครัว ก็ต่างกันและ (อันนี้ตามความคิดผมนะ) เราวัดไม่ได้ครับ สิ่งสำคัญของเราคือ มีหน้าที่สอน และ อบรม โดยต้องระงับอารมณ์และสงบสติเอาไว้ตลอดครับ ไม่ว่าเด็กจะดื้จะซน จะก้าวร้าว ควรเอาปัจจับต่างๆมาปะรกอบกันและทำความเข้าใจครับ มันจะง่ายต่อการเรียนการสอนเลยแหละ
5.เด็กนักเรียน 1 ห้อง แต่พื้นฐานต่างกัน เราต้องดูแลทั่วถึง
ครับเด็กนักเรียนทุกคนความรู้ไม่เท่ากันครับ บางคนอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ลายมือไม่สวย ต้องมานั่งแกะนั่งอ่าน ทำใจครับ!!!! เราต้องใส่ใจเด็กทุกๆคนของเรา เพราะในเมื่อเรามาเป็นครูแล้ว ยังไงอนาคตจะเป็นไม่เป็น ปัจจุบัน ทุกคนเรียนก "ครู" นำหน้าชื่อเรา เราต้องอย่าละเลยครับ การตีสนิทง่ายๆเลย
-จำชื่อเล่นเด็ก และชื่อจริงซะ
-สอบถามทุกคนรอบข้างเกี่ยวกับตัวเด็กนักเรียน
-ปรึกษาครูพี่เลี้ยงครับ เพราะครูพี่เลี้ยงเรายี่แหละจะรู้ดีที่สุด
6.ห้ามมีปัญหาในโรงเรียน
เคยมีเหตุการณ์มาเยอะครับ ทั้งมาสายเอย มีปัญหาตีเด็กเอย มีปัญหากับผู้ปกครองเอย (ผมก็เกือบๆ) สิ่งเดียวที่เราจะทำได้คือ พูดจาอย่างสุภาพแล้วน้อบน้อม พร้อมกล่าวคำว่า "ขอโทษครับ/ค่ะ" จะผิดจะถูกเราห้ามเถียงครับ นอบน้อมไว้ก่อน ยิ่งเกียงยิ่งเปิดประเด็น ยิ่งจุดชนวนครับ เฉยๆเข้าไว้ หากเหลืออดจริงๆ เราปรึกษาครูพี่เลี้ยง และอาจารย์นิเทศน์ ซะ!!!! แม้กระทั้งเพื่อนต่างสถาบัน สถาบันเดียวกัน หรืออะไร ก็อย่ามีเรื่องดีที่สุดอย่าลืมนะครับ น้องๆเราในอนาคตยังต้องการที่ฝึกประสบการณ์วิชาชีพ
7.ห้ามมีปัญหากับครู โดยเฉพาะ ครูพี่เลี้ยง
ครับอันนี้สำคัญมากๆๆๆๆๆๆๆ ครูพี่เลี้ยงจะชี้เป็นชี้ตายเราเลยแหละครับ คะแนนก็มีผล แต่ถ้าเราโดนส่งกลับก็ game over ครับ แม้กับครูคนอื่นก็ด้วยครับ ต่อให้เราเจอครูแบบไหน เค้าจะถูกกันมั้ย? ไม่เกี่ยวกับเราครับ สังคมทำงานมันมีคนที่ถูกกันและไม่ถูกกันเยอะ แบ่งพรรคแบ่งพวกก็เยอะ แม้แต่สังคมครู เราในฐานะมาฝึกสอน ควรจะทำตัวเป็นน้ำครึ่งแกว้ครับ เค้าใช้อะไรเราก็ทำไปเถอะครับ ต่อให้อีกฝ่ายจะถูกกันมั้ย เค้าใช้อะไรก็ทำไปเลยไม่ต้องสนใจ เน้นวิชานกสองหัว ครับ ฟังอย่างเดียว 55555+ (แต่ไม่ใช่เอาความลับไปบอกคนอื่นนะเดี๋ยวเราซวย) ฟังครับ ฟังไปเถอะ ทำยังไงก็ได้ให้เค้าเอ็นดูเราเป็นดีที่สุดครับ และเราจะมีความสุขกับการทำงานครับ
**********เป็นยังไงครับ นี่ก็เป็นประสบการณ์ที่ผมไปฝึกสอนเทอมที่ 1 มา จริงๆมีอีกเยอะมากๆๆๆๆครับ ทำตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ บางครั้งโดนไปถางหญ้าในสนามเด็กเล่น ปลูกผัก ทำแปลงเกษตร จัดนิทรรศการณ์ ก็โดนมาแล้ว คิดเสียว่าเราจบไปยังไงก็ต้องทำ ประสบการณ์ครับ
ซึ่งผมคิดว่าเราได้อะไรกลับมาเยอะครับ ทั้งเรื่องดีและไม่ดี ยังไงก็แล้วแต่ลองเอาไปเป็นส่วนหนึ่งในการออกไปฝึกสอนดูครับ ไม่เพียงแต่โรงเรียนประถม มัธยมก็ใช้ได้ ตอนนี้ผมก็ไปเทอม2โณงเรียนมัธยมแล้ว อีกไม่กี่เดือนเพื่อนๆรวมทั้งผมก็จะไปเป็นพ่อพิมพ์แม่พิมพ์ของชาติ ยังไงก็อดทนครับ เป็นกำลังใจให้ *********
ใครมีเรื่องแชร์มากกว่านี้ก็บอกได้ครับ มาเล่าสู่กันฟัง หรือระบายออกมาก็ได้นะ 5555555+
สู้ๆๆๆครับ
STRONG! STRONG! STRONG! เข้าไว้
แชร์ประสบการณ์ เป็นนักศึกษาฝึกสอนไม่ได้ "ง่าย" อย่างที่คิด
1.เราต้องเตรียมตัวรับสภาพกับคำถามที่ว่า "ยังไม่จบอีกหรอ?" เรียนกี่ปีเนี๊ยะ บลาาาาาาๆๆๆๆ.....!!!!!
นั่นแหละครับ เป็นคำถามยอดฮิต เมื่อลูกหลานคนแถวบ้านใกล้เรือนเคียงเรียนจบมีงานทำ แต่เรา กลับใส่ชุดนักศึกษษผูกเนคไท แต่งตัวเรียบร้อยอย่างกับไปเรียน ปี1 ครับเรียนให้ทราบตรงนี้เลยนะครับ ว่า ครุศาสตร์ หรือ ครุศาสตร์บัฑิตเค้าเรียนกัน 5 ปี ครับ ..... เฮ้อออออ น่าเบื่อ (เพื่อนรุ่นเราก็ทำงานหมดและ)
2.ไม่ว่าเราจะได้โรงเรียนอะไร ใกล้ไกล การตื่นเช้าเป็นสิ่งสำคัญ
สำหรับผม โณงเรียนอยู่ไกลจากบ้านพอสมควรครับ ต่อให้เราอยู่ใกล้หรือไกล การตื่นเช้าเป็นสิ่งสำคัญครับ เพราะถ้าเราพลาดไปแค่ 5 นาที นั่นคือ มหันตภัยร้ายชัดๆๆ รถจะติด คนจะวุ่นวาย ปัญหาทุกอย่างจะมารุมเร้า เราสารพัด(นี่ตูสาย 5 นาที) และที่สำคัญ เราฝึกประสบการณ์เต็ม ห้ามสายเกิน 07.30 น. หากเจอโณงเรียนฟิกซ์เรื่องเวลาก็ซวยครับ!!!
สำหรับผม หรือ นอกจากจะต้องตื่นตี 5 แล้ว ยังต้องให้แม่มาส่งป้ายรถเมล์ จากนั้นรอรถเมล์ ต่อรถแดง(2แถว) เข้าโรงเรียน เชื่อเถอะครับสาย 5 นาที รอ รถแดง 20 นาที/คัน และแม่มมีสายเดียวด้วยที่ผ่าน หากวันไหน แอดวานซ์มาสายนะครับ วิมอเตอร์ไซด์เป็นทางเลือกต่อที่ 4 เฮ้ออออ.....
สรุป นั่งรถกว่าจะถึงโรงเรียน 3 ต่อ เพื่อนผมบางคนต้องย้ายหอตามโรงเรียนเพื่อความสะดวกใครได้ใกล้ๆก็ดีไป สำหรับผมนี่เวลาไม่ได้เลยครับ จะมานั่งดูละครถึงสี่ทุ่ม ยากครับ ต้องข่มตานอนตั้งกะ สองทุ่ม สามทุ่ม ถ้าหลังจากนั้น จะเกิดอาการ นอนไม่พอ 5555+
3.ความรู้ทางทฤษฎี ไม่ได้ช่วยเราทุกอย่างเมื่อเจอกับสถานการณ์จริงเวลาออกไปฝึกสอนแล้ว!!!!!
ครับตามนั้นเลย เราเคยมั้ย ใฝ่ฝันอย่างดิบดี เคยทดลองสอนมาก็เยอะ เจอเด็กๆน่ารักๆมาก็มาก เมื่อเราออกมาฝึกสอนจริงๆแล้วนั้น ทุกอย่างตรงกันข้ามทีเดียวเลย 55555+ แต่มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียย้างครับ ถ้าเราทำใจได้ก็ดีไป แต่ถ้าทำไม่ได้ บอกได้อย่างเดียวเลยครับ "อดทน" ยิ่งเด็กประถมบอกเลย เช่น
ครูครับ ขออนุญาติเหลาดินสอ ....... จากเด็ก 1 คนขอ มันจะตามมาอีก 5-6 คนที่ดินสอหักพร้อมกัน!!!!! เฮ้ยย!!!
ครูครับ ขออนุญาติไปดื่นน้ำ เราอย่าให้ไปเด็ดขาดครับ เพราะ มันจะตามมายิ่งกว่าเชื้ออีโบล่าแพร่อีกครับ ยกมือกันให้พรึ้บบบบบ!!!! 5555+
ครูค่ะ หนูขอไปห้องน้ำ กรณีนี้ ถ้าหลังจากพักเสร็จไม่ควรให้ไปใครครับ เพราะเด็กจะติดนิสัย แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆให้ไปเถอะครับ เด็กประถมอ่ะ เพราะเด็กจะเชื่อเรามากๆๆๆๆบอกไม่ให้ไปก็จะไม่ไปยันโรงเรียนเลิก และก็ฉี่แตก ขี้แตก ตามมา สรุป ....ถ้าเราได้ประจำชั้นคู ครูครับ ครูเช็ดนะครับ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ
แต่ในฐานะที่เราจะไปเป็นครู สิ่งต่างๆเหล่านี้เราต้องแกให้ได้นะครับ เช่น เราควรจะวางกฏไว้เลยตั้งแต่ต้น เพื่อให้เด็กฝังใจไว้
สิ่งที่เคยวาดฝันว่าเด็กจะตั้งใจเรียน คุณ "คิดผิดครับ" เพราะ ถ้านับจริงๆ มีเด็กไม่ถึงครึ่งหรอกครับที่จะตั้งใจเรียนและฟฟังเราจบ
วิธีง่ายๆครับ กระตุ้นความสนใจไปเลย จับเล่นเกมส์ โยนคำถาม ทำอะไรก้ได้ครับให้เด็กสนุก หัวเราะ (และสอดแทรกเนื้อหาแบบเนียนๆ) เพราะถ้าเด็กๆให้ใจเราเมื่อไหร่ นั่นแหละครับ ง่ายและทีนี้
4.ไม่ว่าเราจะควบคุมอารมณ์ได้มากน้อยเพียงใด ห้ามตี ห้ามใส่อารมณ์ และคุณต้อง อดทน
ดังคำพี่เกดครับ STRONG STRONG STRONG เข้าไว้ครับ ...เรามีกฏนะจริงๆ ห้ามตีเด็ก แต่ถามว่า ในสถานะการณ์บางครั้ง ไม้เรียวก็ช่วยสยบเด็กได้นะครับ เราไม่ได้ตีเพราะอารมณ์ แต่ตีเพราะเหตุผล บางครั้ง รูปแบบนักเรียน แต่ละโรงเรียน พื้นฐาน ปัจจัยต่างๆ มันวัดผลนักเรียนแต่ละคนไม่ได้ครับ ต่างพื้นที่ก็ต่างนักเรียนครับ ง่ายๆโรงเรียนฝนชุมชน กับ โรงเรียนในตัวเมือง พื้นฐานเด็ก ครอบครัว ก็ต่างกันและ (อันนี้ตามความคิดผมนะ) เราวัดไม่ได้ครับ สิ่งสำคัญของเราคือ มีหน้าที่สอน และ อบรม โดยต้องระงับอารมณ์และสงบสติเอาไว้ตลอดครับ ไม่ว่าเด็กจะดื้จะซน จะก้าวร้าว ควรเอาปัจจับต่างๆมาปะรกอบกันและทำความเข้าใจครับ มันจะง่ายต่อการเรียนการสอนเลยแหละ
5.เด็กนักเรียน 1 ห้อง แต่พื้นฐานต่างกัน เราต้องดูแลทั่วถึง
ครับเด็กนักเรียนทุกคนความรู้ไม่เท่ากันครับ บางคนอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ลายมือไม่สวย ต้องมานั่งแกะนั่งอ่าน ทำใจครับ!!!! เราต้องใส่ใจเด็กทุกๆคนของเรา เพราะในเมื่อเรามาเป็นครูแล้ว ยังไงอนาคตจะเป็นไม่เป็น ปัจจุบัน ทุกคนเรียนก "ครู" นำหน้าชื่อเรา เราต้องอย่าละเลยครับ การตีสนิทง่ายๆเลย
-จำชื่อเล่นเด็ก และชื่อจริงซะ
-สอบถามทุกคนรอบข้างเกี่ยวกับตัวเด็กนักเรียน
-ปรึกษาครูพี่เลี้ยงครับ เพราะครูพี่เลี้ยงเรายี่แหละจะรู้ดีที่สุด
6.ห้ามมีปัญหาในโรงเรียน
เคยมีเหตุการณ์มาเยอะครับ ทั้งมาสายเอย มีปัญหาตีเด็กเอย มีปัญหากับผู้ปกครองเอย (ผมก็เกือบๆ) สิ่งเดียวที่เราจะทำได้คือ พูดจาอย่างสุภาพแล้วน้อบน้อม พร้อมกล่าวคำว่า "ขอโทษครับ/ค่ะ" จะผิดจะถูกเราห้ามเถียงครับ นอบน้อมไว้ก่อน ยิ่งเกียงยิ่งเปิดประเด็น ยิ่งจุดชนวนครับ เฉยๆเข้าไว้ หากเหลืออดจริงๆ เราปรึกษาครูพี่เลี้ยง และอาจารย์นิเทศน์ ซะ!!!! แม้กระทั้งเพื่อนต่างสถาบัน สถาบันเดียวกัน หรืออะไร ก็อย่ามีเรื่องดีที่สุดอย่าลืมนะครับ น้องๆเราในอนาคตยังต้องการที่ฝึกประสบการณ์วิชาชีพ
7.ห้ามมีปัญหากับครู โดยเฉพาะ ครูพี่เลี้ยง
ครับอันนี้สำคัญมากๆๆๆๆๆๆๆ ครูพี่เลี้ยงจะชี้เป็นชี้ตายเราเลยแหละครับ คะแนนก็มีผล แต่ถ้าเราโดนส่งกลับก็ game over ครับ แม้กับครูคนอื่นก็ด้วยครับ ต่อให้เราเจอครูแบบไหน เค้าจะถูกกันมั้ย? ไม่เกี่ยวกับเราครับ สังคมทำงานมันมีคนที่ถูกกันและไม่ถูกกันเยอะ แบ่งพรรคแบ่งพวกก็เยอะ แม้แต่สังคมครู เราในฐานะมาฝึกสอน ควรจะทำตัวเป็นน้ำครึ่งแกว้ครับ เค้าใช้อะไรเราก็ทำไปเถอะครับ ต่อให้อีกฝ่ายจะถูกกันมั้ย เค้าใช้อะไรก็ทำไปเลยไม่ต้องสนใจ เน้นวิชานกสองหัว ครับ ฟังอย่างเดียว 55555+ (แต่ไม่ใช่เอาความลับไปบอกคนอื่นนะเดี๋ยวเราซวย) ฟังครับ ฟังไปเถอะ ทำยังไงก็ได้ให้เค้าเอ็นดูเราเป็นดีที่สุดครับ และเราจะมีความสุขกับการทำงานครับ
**********เป็นยังไงครับ นี่ก็เป็นประสบการณ์ที่ผมไปฝึกสอนเทอมที่ 1 มา จริงๆมีอีกเยอะมากๆๆๆๆครับ ทำตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ บางครั้งโดนไปถางหญ้าในสนามเด็กเล่น ปลูกผัก ทำแปลงเกษตร จัดนิทรรศการณ์ ก็โดนมาแล้ว คิดเสียว่าเราจบไปยังไงก็ต้องทำ ประสบการณ์ครับ
ซึ่งผมคิดว่าเราได้อะไรกลับมาเยอะครับ ทั้งเรื่องดีและไม่ดี ยังไงก็แล้วแต่ลองเอาไปเป็นส่วนหนึ่งในการออกไปฝึกสอนดูครับ ไม่เพียงแต่โรงเรียนประถม มัธยมก็ใช้ได้ ตอนนี้ผมก็ไปเทอม2โณงเรียนมัธยมแล้ว อีกไม่กี่เดือนเพื่อนๆรวมทั้งผมก็จะไปเป็นพ่อพิมพ์แม่พิมพ์ของชาติ ยังไงก็อดทนครับ เป็นกำลังใจให้ *********
ใครมีเรื่องแชร์มากกว่านี้ก็บอกได้ครับ มาเล่าสู่กันฟัง หรือระบายออกมาก็ได้นะ 5555555+
สู้ๆๆๆครับ STRONG! STRONG! STRONG! เข้าไว้