ขอเกริ่นก่อนเลยว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนที่รักในอาชีพครูไม่ใช่ไม่ชอบนะ แต่กลัวว่าจะไปทำหน้าที่นั่นได้ไม่ดี กลัวจะไปทำให้อาชีพครูต้องแปดเปื้อน (จริงๆก็ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายขนาดนั่นแต่แค่โลกส่วนตัวสูง ไม่ค่อยชอบกฏระเบียบ) วันแรกที่ก้าวเข้าสู่ชีวิต นศ.ฝึกสอนนั่นมันช่างอึดอัดเสียเหลือเกิน แต่ก็ไม่เป็นไร คิดแค่ว่าวันแรกยังปรับตัวไม่ได้ เดี๋ยววันต่อๆไปก็คงจะดีเอง ตอนแรกเจอเพื่อน นศ.ด้วยกันแก็เริ่มเย็นใจว่าอย่างน้อยเราก็มีเพื่อนฝึกงาน แต่รู้จักกันไม่ถึงอาทิตย์ก็ทำให้ไม่อยากรู้จักต่อแล้ว เพราะเขาเป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วอึดอัดโคตรๆ เห้อ!!ก็เลยเหมือนต้องอยู่คนเดียว แต่ก็ดี สบายใจดี
ช่วงแรกที่ฝึกสอน นร.ก็โอเคนะ ตอนแรกแอบกลัวนิดๆ เพราะเห็นคนพูดกันเยอะว่า นร.ดื้อ แสบ ซน ยิ่งพวกเด็กที่ทางบ้านมีปัญหาจะยิ่งควบคุมได้ยาก และนั่นก็คือคำที่บอกกันต่อๆมาทั้งจากครูและพวกที่ผ่านการฝึกสอนมาก่อน แต่เราเองก็เหมือนโรคจิตนิดๆ ที่พอได้ยินเขาบอกแบบนั่นเหมือนท้าทายและมั่นใจว่ายังไงเราก็สามารถควบคุมเด็กพวกนั่นได้แน่ๆ
และแล้วก็เป็นไปตามที่คิดไว้ หลายอาทิตย์ที่ฝึกสอนทำให้เด็กที่ถูกกล่าวว่าแสบๆนั่นต่างก็ให้ความเคารพเราอย่างดี แต่ไม่ได้จะมาคุยนะว่าเก่งที่ปราบเด็กได้ เพียงแต่จะบอกว่าเราไม่เคยมองงว่าเด็กพวกนั่นเป็นเด็กที่มีปัญหาเหมือนกับที่ได้ยินมาเลย แต่กลับมองเหมือนน้องๆมากกว่าเลยทำให้คุยได้ทุกเรื่องกับเด็ก ไม่วางตัวว่าฉันเป็นครูเธอห้ามพูดแบบนั่น ห้ามทำแบบนี้ ห้ามมีกิริยาอย่างนั่นกับฉัน แต่เรากลับวางตัวเป็นครูอีกแบบหนึ่งมากกว่า คือเล่นได้ คุยได้ แต่ให้เป็นเวลาและกาละเทศะแค่นั่นเอง เพียงแค่ไม่ถึงเดือนเด็กๆก็เริ่มสนิทกับเราและพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ตอนนี้เลยเริ่มผูกพันธ์กับเด็กและเริ่มรู้แล้วว่าทำไมคนเป็นครูถึงทิ้งเด็กไม่ได้ มันไม่ได้เพียงแค่หน้าที่สอนเท่านั่นแต่มันต้องเป็นอะไรที่มากกว่าสอน มากกว่าคำว่าครู เป็นเหมือนญาติคนหนึ่งเลยก็ว่าได้
แต่วันนี้เรารู้สึกสงสารเด็ก นร.คนหนึ่งมากๆที่โดนครูคนหนึ่งดุใส่ ดุมากๆด้วย ดุจนเราที่นั่งอยู่ในห้องด้วยสงสารจริงๆ เขาใจว่ามันเป็นวิธีการควบคุมเด็กอย่างหนึ่งของเขา แต่เราก็ยังรู้สึกสงสาร นร.คนนั่นอยู่ดี แอบคิดย้อนกลับไปถึงตัวเราเองในสมัยที่เป็นเด็กแล้วโดนครูเรียกไปว่าแบบโหดๆนั่นแล้วมันเลยทำให้รู้สึกว่ามันช่างไม่ยุติธรรมเลยครูน่าจะมีเหตุผลให้มากๆกว่านี้หรือไม่ควรใช้แต่วิธีดุด่าเด็กอย่างเดียว ในความรู้สึกของเราที่เคยสอนเด็กคนนั่นมาคือเขาไม่ได้เป็นคนเกเรอะไรเลย เพียงแต่วัยของเขาอยู่ในช่วงปรับเปลี่ยน พูดแล้วก็สงสารจริงๆนะ เพราะครูเขาดันไปขู่บอกว่าจะไม่รับเด็กเรียนต่อ จะโทรบอกผู้ปกครอง สารพัดจะขู่ ป่านนี้เด็กมันคงกลัวหัวหดไปแล้วแหละ
ประสบการณ์ของ นศ.ฝึกสอน
ช่วงแรกที่ฝึกสอน นร.ก็โอเคนะ ตอนแรกแอบกลัวนิดๆ เพราะเห็นคนพูดกันเยอะว่า นร.ดื้อ แสบ ซน ยิ่งพวกเด็กที่ทางบ้านมีปัญหาจะยิ่งควบคุมได้ยาก และนั่นก็คือคำที่บอกกันต่อๆมาทั้งจากครูและพวกที่ผ่านการฝึกสอนมาก่อน แต่เราเองก็เหมือนโรคจิตนิดๆ ที่พอได้ยินเขาบอกแบบนั่นเหมือนท้าทายและมั่นใจว่ายังไงเราก็สามารถควบคุมเด็กพวกนั่นได้แน่ๆ
และแล้วก็เป็นไปตามที่คิดไว้ หลายอาทิตย์ที่ฝึกสอนทำให้เด็กที่ถูกกล่าวว่าแสบๆนั่นต่างก็ให้ความเคารพเราอย่างดี แต่ไม่ได้จะมาคุยนะว่าเก่งที่ปราบเด็กได้ เพียงแต่จะบอกว่าเราไม่เคยมองงว่าเด็กพวกนั่นเป็นเด็กที่มีปัญหาเหมือนกับที่ได้ยินมาเลย แต่กลับมองเหมือนน้องๆมากกว่าเลยทำให้คุยได้ทุกเรื่องกับเด็ก ไม่วางตัวว่าฉันเป็นครูเธอห้ามพูดแบบนั่น ห้ามทำแบบนี้ ห้ามมีกิริยาอย่างนั่นกับฉัน แต่เรากลับวางตัวเป็นครูอีกแบบหนึ่งมากกว่า คือเล่นได้ คุยได้ แต่ให้เป็นเวลาและกาละเทศะแค่นั่นเอง เพียงแค่ไม่ถึงเดือนเด็กๆก็เริ่มสนิทกับเราและพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ตอนนี้เลยเริ่มผูกพันธ์กับเด็กและเริ่มรู้แล้วว่าทำไมคนเป็นครูถึงทิ้งเด็กไม่ได้ มันไม่ได้เพียงแค่หน้าที่สอนเท่านั่นแต่มันต้องเป็นอะไรที่มากกว่าสอน มากกว่าคำว่าครู เป็นเหมือนญาติคนหนึ่งเลยก็ว่าได้
แต่วันนี้เรารู้สึกสงสารเด็ก นร.คนหนึ่งมากๆที่โดนครูคนหนึ่งดุใส่ ดุมากๆด้วย ดุจนเราที่นั่งอยู่ในห้องด้วยสงสารจริงๆ เขาใจว่ามันเป็นวิธีการควบคุมเด็กอย่างหนึ่งของเขา แต่เราก็ยังรู้สึกสงสาร นร.คนนั่นอยู่ดี แอบคิดย้อนกลับไปถึงตัวเราเองในสมัยที่เป็นเด็กแล้วโดนครูเรียกไปว่าแบบโหดๆนั่นแล้วมันเลยทำให้รู้สึกว่ามันช่างไม่ยุติธรรมเลยครูน่าจะมีเหตุผลให้มากๆกว่านี้หรือไม่ควรใช้แต่วิธีดุด่าเด็กอย่างเดียว ในความรู้สึกของเราที่เคยสอนเด็กคนนั่นมาคือเขาไม่ได้เป็นคนเกเรอะไรเลย เพียงแต่วัยของเขาอยู่ในช่วงปรับเปลี่ยน พูดแล้วก็สงสารจริงๆนะ เพราะครูเขาดันไปขู่บอกว่าจะไม่รับเด็กเรียนต่อ จะโทรบอกผู้ปกครอง สารพัดจะขู่ ป่านนี้เด็กมันคงกลัวหัวหดไปแล้วแหละ