ปีที่แล้วพึ่งตั้งกระทู้ไป ปีนี้มีเรื่องมาเตือนใจเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ เรื่องบัตรเครดิต และ บัตรกดเงินสดครับ เรื่องมีอยุ่ว่า
1. เมื่อต้นปีผมทำบัตรเครดิต และ บัตรกด เงินสด รวม 6 ใบ ใบละ 150,000 ถึง 200,000 รวมเป็นเงิน 1 ล้านบาทพอดี ในตอนนั้นคิดว่าลองสมัครไปดูหลายๆที่ ประมาณ 9 ที่พร้อมๆกัน (เพราะพึ่งหลุดจากแบล๊กลิสต์) ปรากฏว่า ผ่านทั้งหมด 6 ใบ อีก 3 ไม่ผ่านผมไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอะไรแต่เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับเครดิตบูโร ในใจคิดว่าเอาไว้ใช้จ่ายฉุกเฉิน เพราะบัตรแต่ละใบที่สมัครไม่เสียรายปี แค่เพียงใช้ยอดถึงที่กำหนด
2. ตอนได้มาใบแรก ผมก็รูดไปเที่ยวต่างประเทศเลย ซึ่งตอนนั้นพึ่งจ่ายหนี้หมด เหลือแค่ผ่อนรถ กับให้เงินที่บ้านเท่านั้น ผมรูดซื้อของที่อยากซื้อ ไปเที่ยวทุกที่ที่อยากไป แค่เดือนแรก ผมรูดไป 2 แสนกว่าบาท ตอนนั้นยังคิดว่าชิวๆ จ่ายขั้นต่ำแค่เดือนละ 2 หมื่นกว่าบาท แปบเดียวก็หมด ผมพาทั้งครอบครัวไปเที่ยวต่างประเทศ พ่อ แม่ และน้องของผม ซึ่งตอนนั้นรู้สึกมีความสุขมากๆครับ หลังจากที่ผ่านเรื่องเลวร้ายอะไรมาเยอะ
3. ตอนไปเที่ยวต่างประเทศ ก็รูดซื้อของให้ที่บ้าน พาไปกินอาหารขึ้นชื่อ สถานที่ดังๆ คือผมพาครอบครัวไปเองครับ เพราะเคยไปมาแล้ว และคิดว่าสนุกกว่าไปกับทัวร์ จบทริป ผมรูดไปอีก แสนกว่าบาท ภายในระยะเวลา 3 เดือน ผมรูดบัตรไปเกือบ 4 แสน และคิดว่าจะไม่รูดเพิ่มอีก แต่ตอนนั้นยังไม่เคยกดเงินสดออกมาครับ แต่ก็จ่ายขั้นต่ำอยุ่
4. ผมเริ่มคิดจะทำธุรกิจ (อีกแล้ว) พอดีมีรุ่นพี่ที่รุจักปล่อยเซ้งร้านขายชายี่ห้อหนึ่ง เนื่องจากรุ่นพี่จะไปอยู่ต่างประเทศ ค่าเซ้งรวมอุปกรณ์ทุกอย่าง 400,000 หลังจากที่สำรวจมาหลายอาทิตย์ ผมจะไปร้านแกหลังเลิกงาน กับเสาร์ อาทิตย์ครับ คนก็มาซื้อเยอะ เดือนนึงรุ่นพี่บอกว่ากำไรประมาณ 2-3 หมื่น หักทุกอย่างแล้ว ตอนนั้นก็คิดว่าปีนึงก็คืนทุนแล้ว เป็นอะไรที่น่าสนใจมาก จึงตัดสินใจเซ้งร้านต่อ
5. ผมมีเงินสดตอนนั้นอยุ่แค่ 30,000 บาท และกดเงินสดมาจากบัตรรวม 400,000 เป็นค่าเซ้งร้าน และมีค่าตกแต่งร้านเพิ่มนิดหน่อย ลูกจ้าง 2 คนก็คนเดิมครับที่ทำงานกับพี่ซึ่งไม่ต้องสอนอะไรเพิ่ม ค่าจ้างตอนนั้นคนละ 400 บาทต่อวัน ขายตั้งแต่ 10 โมงเช้า ถึง 2 ทุ่ม บางช่วงลูกค้าน้อย ผมก็ให้สลับๆกันได้ ค่าเช่าที่เดือนละ 15,000 บาท ค่าไฟก็เดือนละ 7,000 กว่าบาท เป็นแค่ซอกเล็กๆแต่ค่าที่แพงมาก เพราะคนพลุกพล่าน แต่เสาร์ อาทิตย์ คนจะน้อยว่าเวลาทำงาน
6. เริ่มต้นขาย ก็ขายดีนะครับ วันธรรมดาได้เกือบ 100 แก้ว ไม่รวมทอปปิ้ง เสาร์ อาทิตย์ ประมาณ 50 แก้ว ยอมรับเลยครับว่าเป็นอะไรที่เหนื่อยมาก เนื่องจากผมมีงานประจำ ต้องซื้อของเอง เชคของเอง คอยแก้ปัญหาทุกๆอย่างที่เกิดกับร้าน บางครั้งก็ต้องเข้ามาชงชาเอง 1-2 เดือนแรก กำไร เดือนละ 30,000 กว่าบาท ก็พยายามเอาไปจ่าย บัตรที่รูดและกดออกมา แต่ระหว่างนั้นผมก็ยังคงรูดใช้จ่ายไปเรื่อยๆ
7. เข้าเดือนที่ 3 ผมเริ่มรู้สึกแปลกๆคือของในร้านมันจะหมดเร็วกว่าปกติ แต่ยอดขายได้เท่าเดิม เลยเริ่มสงสัยว่ามีลูกจ้างจะเอาของออกจากร้านไป อ่อระหว่างนั้นก็มีลูกจ้างมาใหม่เรื่อยๆครับ บางคนกลับบ้านต่างจังหวัด บางคนต้องไปเลี้ยงลูก ผมพยายามดูกล้องแต่ก็จับไม่ได้ว่าเป็นเพราะอะไร ตอนนั้นยังคิดว่าคนชงมือใหม่มือหนักใส่เยอะ เลยไม่ได้สนใจอะไรมาก แต่กำไรลดลงมาเยอะ
เดี๋ยวมาต่อนะครับ ขออนุญาตกลับบ้านก่อน
ไม่ถึง 1 ปี เป็นหนี้บัตรเครดิต 1 ล้าน รู้ตัวอีกทีเป็นโรคซึมเศร้าเกือบฆ่าตัวตาย
1. เมื่อต้นปีผมทำบัตรเครดิต และ บัตรกด เงินสด รวม 6 ใบ ใบละ 150,000 ถึง 200,000 รวมเป็นเงิน 1 ล้านบาทพอดี ในตอนนั้นคิดว่าลองสมัครไปดูหลายๆที่ ประมาณ 9 ที่พร้อมๆกัน (เพราะพึ่งหลุดจากแบล๊กลิสต์) ปรากฏว่า ผ่านทั้งหมด 6 ใบ อีก 3 ไม่ผ่านผมไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอะไรแต่เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับเครดิตบูโร ในใจคิดว่าเอาไว้ใช้จ่ายฉุกเฉิน เพราะบัตรแต่ละใบที่สมัครไม่เสียรายปี แค่เพียงใช้ยอดถึงที่กำหนด
2. ตอนได้มาใบแรก ผมก็รูดไปเที่ยวต่างประเทศเลย ซึ่งตอนนั้นพึ่งจ่ายหนี้หมด เหลือแค่ผ่อนรถ กับให้เงินที่บ้านเท่านั้น ผมรูดซื้อของที่อยากซื้อ ไปเที่ยวทุกที่ที่อยากไป แค่เดือนแรก ผมรูดไป 2 แสนกว่าบาท ตอนนั้นยังคิดว่าชิวๆ จ่ายขั้นต่ำแค่เดือนละ 2 หมื่นกว่าบาท แปบเดียวก็หมด ผมพาทั้งครอบครัวไปเที่ยวต่างประเทศ พ่อ แม่ และน้องของผม ซึ่งตอนนั้นรู้สึกมีความสุขมากๆครับ หลังจากที่ผ่านเรื่องเลวร้ายอะไรมาเยอะ
3. ตอนไปเที่ยวต่างประเทศ ก็รูดซื้อของให้ที่บ้าน พาไปกินอาหารขึ้นชื่อ สถานที่ดังๆ คือผมพาครอบครัวไปเองครับ เพราะเคยไปมาแล้ว และคิดว่าสนุกกว่าไปกับทัวร์ จบทริป ผมรูดไปอีก แสนกว่าบาท ภายในระยะเวลา 3 เดือน ผมรูดบัตรไปเกือบ 4 แสน และคิดว่าจะไม่รูดเพิ่มอีก แต่ตอนนั้นยังไม่เคยกดเงินสดออกมาครับ แต่ก็จ่ายขั้นต่ำอยุ่
4. ผมเริ่มคิดจะทำธุรกิจ (อีกแล้ว) พอดีมีรุ่นพี่ที่รุจักปล่อยเซ้งร้านขายชายี่ห้อหนึ่ง เนื่องจากรุ่นพี่จะไปอยู่ต่างประเทศ ค่าเซ้งรวมอุปกรณ์ทุกอย่าง 400,000 หลังจากที่สำรวจมาหลายอาทิตย์ ผมจะไปร้านแกหลังเลิกงาน กับเสาร์ อาทิตย์ครับ คนก็มาซื้อเยอะ เดือนนึงรุ่นพี่บอกว่ากำไรประมาณ 2-3 หมื่น หักทุกอย่างแล้ว ตอนนั้นก็คิดว่าปีนึงก็คืนทุนแล้ว เป็นอะไรที่น่าสนใจมาก จึงตัดสินใจเซ้งร้านต่อ
5. ผมมีเงินสดตอนนั้นอยุ่แค่ 30,000 บาท และกดเงินสดมาจากบัตรรวม 400,000 เป็นค่าเซ้งร้าน และมีค่าตกแต่งร้านเพิ่มนิดหน่อย ลูกจ้าง 2 คนก็คนเดิมครับที่ทำงานกับพี่ซึ่งไม่ต้องสอนอะไรเพิ่ม ค่าจ้างตอนนั้นคนละ 400 บาทต่อวัน ขายตั้งแต่ 10 โมงเช้า ถึง 2 ทุ่ม บางช่วงลูกค้าน้อย ผมก็ให้สลับๆกันได้ ค่าเช่าที่เดือนละ 15,000 บาท ค่าไฟก็เดือนละ 7,000 กว่าบาท เป็นแค่ซอกเล็กๆแต่ค่าที่แพงมาก เพราะคนพลุกพล่าน แต่เสาร์ อาทิตย์ คนจะน้อยว่าเวลาทำงาน
6. เริ่มต้นขาย ก็ขายดีนะครับ วันธรรมดาได้เกือบ 100 แก้ว ไม่รวมทอปปิ้ง เสาร์ อาทิตย์ ประมาณ 50 แก้ว ยอมรับเลยครับว่าเป็นอะไรที่เหนื่อยมาก เนื่องจากผมมีงานประจำ ต้องซื้อของเอง เชคของเอง คอยแก้ปัญหาทุกๆอย่างที่เกิดกับร้าน บางครั้งก็ต้องเข้ามาชงชาเอง 1-2 เดือนแรก กำไร เดือนละ 30,000 กว่าบาท ก็พยายามเอาไปจ่าย บัตรที่รูดและกดออกมา แต่ระหว่างนั้นผมก็ยังคงรูดใช้จ่ายไปเรื่อยๆ
7. เข้าเดือนที่ 3 ผมเริ่มรู้สึกแปลกๆคือของในร้านมันจะหมดเร็วกว่าปกติ แต่ยอดขายได้เท่าเดิม เลยเริ่มสงสัยว่ามีลูกจ้างจะเอาของออกจากร้านไป อ่อระหว่างนั้นก็มีลูกจ้างมาใหม่เรื่อยๆครับ บางคนกลับบ้านต่างจังหวัด บางคนต้องไปเลี้ยงลูก ผมพยายามดูกล้องแต่ก็จับไม่ได้ว่าเป็นเพราะอะไร ตอนนั้นยังคิดว่าคนชงมือใหม่มือหนักใส่เยอะ เลยไม่ได้สนใจอะไรมาก แต่กำไรลดลงมาเยอะ
เดี๋ยวมาต่อนะครับ ขออนุญาตกลับบ้านก่อน