“อะไรนะเจ๊...นี่หนูต้องไปด้วยเหรอ”
ดาด้าร้องเสียงสูงขณะนั่งมองลูกพี่สาวนั่งแปรงผมในชุดนอน หลังมื้อค่ำในโรงแรมกลางดอยพนักงานทั้งหลายก็ยังคงมีชีวิตอยู่ในรีสอร์ท ดาด้าเป็นแขกประจำที่มักจะแวะมาเยี่ยมเยียน พูดคุยและบางคราวถึงกับหลับคาห้องลูกพี่สาวไปเลย
“แหม..ไปแป๊บเดียว พี่อยากให้แกกับสบชัยได้ไปดูโซนในป่าเวลาเรามีลูกค้าที่สนใจกิจกรรมในป่า เราจะได้อธิบายได้”
ธาราอธิบาย มองดูหน้าลูกน้องนิ่วหน้าอย่างขบขันพลางเดินไปหยิบกระเป๋าเป้มาจัดเตรียมของ
“เราไม่ต้องไปนอนไม่ใช่เหรอเจ๊ แล้วเจ๊เอาของไปด้วยทำไมน่ะ”
“โฮ้ย...ก็เอาไปเผื่องั้นแหละเข้าป่าดูต้นน้ำเผื่อตกน้ำตกท่าจะได้มีเสื้อผ้าเปลี่ยน แต่พวกคุณอิริคกับลุงชาติน่ะ ถึงขั้นเอาเต็นท์ไปเลยนะ เขาต้องนอนดูบรรยากาศกลางคืนด้วยแต่พี่ไม่เอาว่ะ กลัว”
ลูกพี่ส่ายหน้าทำท่าขนลุกแต่ลูกน้องสาวกลับกอดหมอนทำตาลุกวาว
“ว้าย..นอนด้วยเหรอเจ๊...โรแมนติกอ่ะ หนูอยากนอนมั่ง อิอิ เผลอ ๆ ดึก ๆจะแกล้งมุดเต็นท์พ่อหนุ่มเกาหลี
สร้างซีรีย์มันคาป่ามันซะเลย ฮิ้ว”
ลูกพี่สาวมองค้อน
“เราไม่ได้ไปนอน...เราแค่ไปส่ง แล้วก็กลับ”
ดาด้าเบ้ปาก แอบบ่น
“ก็เป็นแต่แบบนี้..คานถึงได้แน่นนักไง..ฮึ”
ดาริกากลับห้องไปแล้ว ธารานั่งเล่นอยู่ที่โต๊ะทำงาน เม็ดฝนกระเซ็นเป็นฝอยที่กระจกหน้าต่างสีชา ภายนอกมืดมิดจนแทบจะมองอะไรไม่เห็น หญิงสาวคิดถึงนนทภัทร เขาดูดีขึ้นมาก จริง ๆ ที่จริงแล้วก่อนหน้านี้เขาแทบจะไม่มีอะไรที่น่าเกลียดเลยนอกไปเสียจากหน้าที่เต็มไปด้วยสารพัดสิว จนมองเห็นแค่เค้าหน้าคมและแววตาที่เปล่งประกายนั่น รูปร่างสูง กล้ามเนื้อแน่น บุคลิกที่ร่าเริงสดใส เออหนอ...แค่สิวหายออร่าก็ปรากฎ หล่อนเองก็ได้สัมผัสกับเพื่อนหนุ่มคนนี้มาแล้วนานถึงสี่ปี ว่าต่อให้เขาจะหน้าตายับเยินแค่ไหน เขาก็ยังเป็นที่หมายปองของกระเทยทุกรุ่นในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่รู้ว่าจะมีสาว ๆ บางนางแอบชอบเขา เหมือนที่ตัวหล่อนที่แอบฝันถึงเขามาตลอดด้วยหรือเปล่า...
อะไรบางอย่างสะท้อนเป็นเงาอยู่ที่หน้าต่าง...
ธาราหันไปมอง มันเป็นมือสีขาวบางเคลื่อนไหวช้า ๆ ที่เงากระจกสีชานั่น
หญิงสาวแทบหยุดหายใจ หล่อนทำงานที่นี่มาเกือบ 3 ปี เรื่องผีเรื่องสางนั้นไม่เคยมีให้เห็นมาก่อนเลย หล่อนกระเถิบตัวหนีจากโต๊ะข้างหน้าต่างก่อนจะพบว่ามือนั้นก็กระตุกตามหล่อนมาด้วย เมื่อหล่อนจับมือตัวเองไว้แนบอกจึงได้เห็นว่า เงานั้นเป็นมือของตัวเอง....
ธาราถอนใจโล่งอก ใจยังคงเต้นรัวเหมือนตีกลอง หล่อนรู้สึกว่าตัวเองนี่ชักจะบ้าไปทุกวันแล้ว หล่อนหมุนตัวกลับไปที่เตียงนอน ก่อนจะพบว่าหล่อนกำลังหันไปประจันหน้ากับใครคนหนึ่งที่ยืนอยู่ที่นั่น!!
คนตรงหน้าเป็นหญิงสาว หล่อนสวมชุดผ้าฝ้ายสีดำลายแดงแบบชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง ผิวขาวซีด หล่อนยิ้มเหยียดริมฝีปากบาง มองไม่เห็นฟัน ตาที่ไร้แววนั้นยังคงฉายให้เห็นความขี้เล่น ผมเกล้ามวยสูงพันด้วยผ้าผูกกระดิ่งเสียงดังกรุ๋งกริ๋งให้ได้ยินยามลมพัด ธาราผงะถอยหลัง
“คุณเป็นใครน่ะ! เข้า... เข้ามาในห้องฉันได้ยังไง!!”
ธาราอยากจะพูดออกไปว่า ออกไปจากห้องฉันนะ! แต่ความรู้สึกบางอย่างเตือนตัวเองอยู่ในใจว่าอย่าพูดอะไรแบบนั้น หญิงคนนั้นเขม้นมองหล่อนนิ่ง นางดูเหมือนหญิงชาวเขา ทว่าใบหน้าสวยซีดขาว ยิ้มแบบไม่เห็นฟันค้างอยู่อย่างนั้น ... นิ่ง เหมือนภาพวาด ค่อย ๆ ยกมือประสานกันช้า ๆ ที่เอว นาทีนี้เองที่ธาราสังเกตเห็นนิ้วก้อยของนาง นิ้วเรียวซีดมีด้ายเส้นสีแดงเล็ก ๆ พันโดยรอบ ปล่อยปลายเชือกยาวเลื้อยลงพื้น ธารามองหาปลายเชือกแต่พบว่ามันจากหายไปจากสายตาเหมือนมันยาวเลยออกไปจากประตูห้อง
นางจุปากเบา ๆ เตือนสติ สีหน้ายังคงเดิม ไม่ขยับแม้แต่ริมฝีปาก สายตาของนางเลื่อนจากใบหน้าของธารามาเป็นที่มือ พลอยดึงสายตาของธาราให้เลื่อนลงมองตาม ที่มือของธาราก็ปรากฎด้ายสีแดงเช่นเดียวกัน แต่ทว่ามันไม่ได้มีเพียงเส้นบาง ๆ เพียงเส้นเดียวเหมือนอย่างหญิงชาวเขานั้น มันกลับเป็นด้ายสีแดงพันระโยงระยางครบทุกนิ้วบนมือข้างซ้ายของหล่อน
“เฮ้ย!! นี่มันอะไรกันเนี่ย!!”
ธาราตกใจมาก หล่อนชูนิ้วมือที่เต็มไปด้วยด้ายสีแดงนั้นขึ้น ปลายของมันยาวลากลงพื้นต่อไปไกลถึงไหนไม่รู้ได้ รู้แต่หล่อนพยายามที่จะดึงมันออกไป ทว่าด้ายเหล่านั้นกลับพันธนาการหล่อนให้มากขึ้นไปอีก ธารากรีดเหมือนคนเสียสติ เสียงหัวเราะเบา ๆ จากหญิงชาวเขาตรงหน้า ดูครื้นเครง แต่บาดลึกเข้าไปในใจ เสียงแหลมเล็กดังก้องทั่วห้อง
“คู่หมายหลายหน้า เสาะหาบ่เหมือนใจ๋ ...”
ธาราออกแรงกระชากด้ายที่นิ้วมือสุดแรง ก่อนจะพบว่าตัวเองนอนลืมตาโพลงอยู่ในความมืด เหงื่อผุดพรายเต็มหน้าผาก ทั้งที่อากาศหนาวเย็น เสียงฝนข้างนอกตกพรำ ๆ
หล่อนนอนอยู่บนเตียง มือที่ค้างอยู่ในอากาศนั้นว่างเปล่า ไร้วี่แววของเศษด้ายใด ๆ คนตัวเล็กหายใจแรงจนอกโยน เสียงลมหายใจกระแทกจากทางปากเหมือนคนวิ่งมาราธอน มันเป็นเพียงแค่ความฝัน หล่อนแค่ฝันไปเท่านั้น....
นิยายออนไลน์ มาลย์มายา รีไรท์ ตอน 3
ดาด้าร้องเสียงสูงขณะนั่งมองลูกพี่สาวนั่งแปรงผมในชุดนอน หลังมื้อค่ำในโรงแรมกลางดอยพนักงานทั้งหลายก็ยังคงมีชีวิตอยู่ในรีสอร์ท ดาด้าเป็นแขกประจำที่มักจะแวะมาเยี่ยมเยียน พูดคุยและบางคราวถึงกับหลับคาห้องลูกพี่สาวไปเลย
“แหม..ไปแป๊บเดียว พี่อยากให้แกกับสบชัยได้ไปดูโซนในป่าเวลาเรามีลูกค้าที่สนใจกิจกรรมในป่า เราจะได้อธิบายได้”
ธาราอธิบาย มองดูหน้าลูกน้องนิ่วหน้าอย่างขบขันพลางเดินไปหยิบกระเป๋าเป้มาจัดเตรียมของ
“เราไม่ต้องไปนอนไม่ใช่เหรอเจ๊ แล้วเจ๊เอาของไปด้วยทำไมน่ะ”
“โฮ้ย...ก็เอาไปเผื่องั้นแหละเข้าป่าดูต้นน้ำเผื่อตกน้ำตกท่าจะได้มีเสื้อผ้าเปลี่ยน แต่พวกคุณอิริคกับลุงชาติน่ะ ถึงขั้นเอาเต็นท์ไปเลยนะ เขาต้องนอนดูบรรยากาศกลางคืนด้วยแต่พี่ไม่เอาว่ะ กลัว”
ลูกพี่ส่ายหน้าทำท่าขนลุกแต่ลูกน้องสาวกลับกอดหมอนทำตาลุกวาว
“ว้าย..นอนด้วยเหรอเจ๊...โรแมนติกอ่ะ หนูอยากนอนมั่ง อิอิ เผลอ ๆ ดึก ๆจะแกล้งมุดเต็นท์พ่อหนุ่มเกาหลี
สร้างซีรีย์มันคาป่ามันซะเลย ฮิ้ว”
ลูกพี่สาวมองค้อน
“เราไม่ได้ไปนอน...เราแค่ไปส่ง แล้วก็กลับ”
ดาด้าเบ้ปาก แอบบ่น
“ก็เป็นแต่แบบนี้..คานถึงได้แน่นนักไง..ฮึ”
ดาริกากลับห้องไปแล้ว ธารานั่งเล่นอยู่ที่โต๊ะทำงาน เม็ดฝนกระเซ็นเป็นฝอยที่กระจกหน้าต่างสีชา ภายนอกมืดมิดจนแทบจะมองอะไรไม่เห็น หญิงสาวคิดถึงนนทภัทร เขาดูดีขึ้นมาก จริง ๆ ที่จริงแล้วก่อนหน้านี้เขาแทบจะไม่มีอะไรที่น่าเกลียดเลยนอกไปเสียจากหน้าที่เต็มไปด้วยสารพัดสิว จนมองเห็นแค่เค้าหน้าคมและแววตาที่เปล่งประกายนั่น รูปร่างสูง กล้ามเนื้อแน่น บุคลิกที่ร่าเริงสดใส เออหนอ...แค่สิวหายออร่าก็ปรากฎ หล่อนเองก็ได้สัมผัสกับเพื่อนหนุ่มคนนี้มาแล้วนานถึงสี่ปี ว่าต่อให้เขาจะหน้าตายับเยินแค่ไหน เขาก็ยังเป็นที่หมายปองของกระเทยทุกรุ่นในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่รู้ว่าจะมีสาว ๆ บางนางแอบชอบเขา เหมือนที่ตัวหล่อนที่แอบฝันถึงเขามาตลอดด้วยหรือเปล่า...
อะไรบางอย่างสะท้อนเป็นเงาอยู่ที่หน้าต่าง...
ธาราหันไปมอง มันเป็นมือสีขาวบางเคลื่อนไหวช้า ๆ ที่เงากระจกสีชานั่น
หญิงสาวแทบหยุดหายใจ หล่อนทำงานที่นี่มาเกือบ 3 ปี เรื่องผีเรื่องสางนั้นไม่เคยมีให้เห็นมาก่อนเลย หล่อนกระเถิบตัวหนีจากโต๊ะข้างหน้าต่างก่อนจะพบว่ามือนั้นก็กระตุกตามหล่อนมาด้วย เมื่อหล่อนจับมือตัวเองไว้แนบอกจึงได้เห็นว่า เงานั้นเป็นมือของตัวเอง....
ธาราถอนใจโล่งอก ใจยังคงเต้นรัวเหมือนตีกลอง หล่อนรู้สึกว่าตัวเองนี่ชักจะบ้าไปทุกวันแล้ว หล่อนหมุนตัวกลับไปที่เตียงนอน ก่อนจะพบว่าหล่อนกำลังหันไปประจันหน้ากับใครคนหนึ่งที่ยืนอยู่ที่นั่น!!
คนตรงหน้าเป็นหญิงสาว หล่อนสวมชุดผ้าฝ้ายสีดำลายแดงแบบชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง ผิวขาวซีด หล่อนยิ้มเหยียดริมฝีปากบาง มองไม่เห็นฟัน ตาที่ไร้แววนั้นยังคงฉายให้เห็นความขี้เล่น ผมเกล้ามวยสูงพันด้วยผ้าผูกกระดิ่งเสียงดังกรุ๋งกริ๋งให้ได้ยินยามลมพัด ธาราผงะถอยหลัง
“คุณเป็นใครน่ะ! เข้า... เข้ามาในห้องฉันได้ยังไง!!”
ธาราอยากจะพูดออกไปว่า ออกไปจากห้องฉันนะ! แต่ความรู้สึกบางอย่างเตือนตัวเองอยู่ในใจว่าอย่าพูดอะไรแบบนั้น หญิงคนนั้นเขม้นมองหล่อนนิ่ง นางดูเหมือนหญิงชาวเขา ทว่าใบหน้าสวยซีดขาว ยิ้มแบบไม่เห็นฟันค้างอยู่อย่างนั้น ... นิ่ง เหมือนภาพวาด ค่อย ๆ ยกมือประสานกันช้า ๆ ที่เอว นาทีนี้เองที่ธาราสังเกตเห็นนิ้วก้อยของนาง นิ้วเรียวซีดมีด้ายเส้นสีแดงเล็ก ๆ พันโดยรอบ ปล่อยปลายเชือกยาวเลื้อยลงพื้น ธารามองหาปลายเชือกแต่พบว่ามันจากหายไปจากสายตาเหมือนมันยาวเลยออกไปจากประตูห้อง
นางจุปากเบา ๆ เตือนสติ สีหน้ายังคงเดิม ไม่ขยับแม้แต่ริมฝีปาก สายตาของนางเลื่อนจากใบหน้าของธารามาเป็นที่มือ พลอยดึงสายตาของธาราให้เลื่อนลงมองตาม ที่มือของธาราก็ปรากฎด้ายสีแดงเช่นเดียวกัน แต่ทว่ามันไม่ได้มีเพียงเส้นบาง ๆ เพียงเส้นเดียวเหมือนอย่างหญิงชาวเขานั้น มันกลับเป็นด้ายสีแดงพันระโยงระยางครบทุกนิ้วบนมือข้างซ้ายของหล่อน
“เฮ้ย!! นี่มันอะไรกันเนี่ย!!”
ธาราตกใจมาก หล่อนชูนิ้วมือที่เต็มไปด้วยด้ายสีแดงนั้นขึ้น ปลายของมันยาวลากลงพื้นต่อไปไกลถึงไหนไม่รู้ได้ รู้แต่หล่อนพยายามที่จะดึงมันออกไป ทว่าด้ายเหล่านั้นกลับพันธนาการหล่อนให้มากขึ้นไปอีก ธารากรีดเหมือนคนเสียสติ เสียงหัวเราะเบา ๆ จากหญิงชาวเขาตรงหน้า ดูครื้นเครง แต่บาดลึกเข้าไปในใจ เสียงแหลมเล็กดังก้องทั่วห้อง
“คู่หมายหลายหน้า เสาะหาบ่เหมือนใจ๋ ...”
ธาราออกแรงกระชากด้ายที่นิ้วมือสุดแรง ก่อนจะพบว่าตัวเองนอนลืมตาโพลงอยู่ในความมืด เหงื่อผุดพรายเต็มหน้าผาก ทั้งที่อากาศหนาวเย็น เสียงฝนข้างนอกตกพรำ ๆ
หล่อนนอนอยู่บนเตียง มือที่ค้างอยู่ในอากาศนั้นว่างเปล่า ไร้วี่แววของเศษด้ายใด ๆ คนตัวเล็กหายใจแรงจนอกโยน เสียงลมหายใจกระแทกจากทางปากเหมือนคนวิ่งมาราธอน มันเป็นเพียงแค่ความฝัน หล่อนแค่ฝันไปเท่านั้น....