ฝนตกอีกแล้ว...
ภาพท้องฟ้าหลังม่านฝนเป็นสีเทาเข้ม เมฆก้อนใหญ่เหลื่อมซ้อนทะมึนดูหนาหนัก สาดซัดน้ำฝนลงมาให้ฝูงชนกลางสนามแตกกระจายกันไปคนละทิศละทาง เบื้องหน้าเป็นสนามสีเขียวเข้ม บริเวณลานที่เคยคลาคล่ำด้วยฝูงชน บัดนี้กลับว่างเปล่า ไร้ผู้คน
“หนาวไหม”
มือหนึ่งยื่นถ้วยเครื่องดื่มชงร้อนให้ เด็กสาวใบหน้าเล็ก ผิวขาว ริมฝีปากสีแดงสด ขมวดคิ้วเรียวบางน้อย ๆ จ้องมองใบหน้าของผู้มาใหม่อย่างสนใจ เด็กหนุ่มตรงหน้ายิ้มให้หล่อนอย่างเป็นมิตร เขาเป็นคนรูปร่างสูงโปร่ง ผมสั้นเกรียน ใบหน้าเหลี่ยมนั้นขรุขระหยาบกร้าน เต็มไปด้วยสิวและผดแดง
“ไปรวมกับเพื่อน ๆ ฝั่งโน้นกันเถอะ ตรงนี้ฝนสาด เดี๋ยวจะไม่สบาย”
เจ้าหน้าสิวยืนรอหล่อนลุกขึ้นยืน มองหล่อนรับถ้วยกระดาษใส่โอวัลติลร้อนไปเก้อ ๆ ก่อนจะออกเดินไปพร้อม ๆ กันกับหล่อน เด็กสาวยิ้มให้เขา แล้วหันมายิ้มกับตัวเอง จิตใจที่เคยหม่นหมองเมื่อครู่ กลับรู้สึกสบายขึ้นทันที เจ้าหน้าสิวตัวสูงดูหล่อขึ้นทันตา เหมือนมีรัศมีประหลาดโอบล้อมตัวเขา สว่างเรืองรอง อบอุ่น
“เธอชื่ออะไรเหรอ”
“ชื่อน้ำ เธอล่ะ”
“เราชื่อนนท์”
หล่อนมองเขาแล้วยิ้ม ‘นนท์’ ‘นนทภัทร’ ชื่อนี้ยังคงอยู่ในใจหล่อนเสมอ โอบกอดหัวใจแห้งแล้งดวงนี้ให้อบอุ่นตลอดมา ร่างสูงเริ่มเดินเร็วขึ้น จนนำหน้าหล่อน ภาพของเขาห่างออกไปเรื่อย ๆ เด็กสาวเดินตามไปเงียบ ๆ จิตใจสงบนิ่ง ราวกับว่าเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้น มาแล้ว ซ้ำแล้วซ้ำอีก
“น้ำจ๋า….”
เสียงใครบางคนเรียกหล่อนอยู่ไม่ไกล ร่างชายอีกคนหนึ่งยืนอยู่บนถนนสายสีเทาเข้ม บนถนนอันเปียกชุ่มด้วยน้ำฝน ร่างสูง ผิวเข้ม ผมหยักศก ตาคมโตดูหล่อเข้มแบบหนุ่มปักษ์ใต้ เขายิ้มให้ ยื่นมือมาให้หล่อน
“ต้น”
ธารามองเขาอย่างลังเล แวบหนึ่งหล่อนรู้สึกดีใจ หล่อนรู้จักเขา แต่ทำไมถึงรู้สึกเจ็บไปด้วย หล่อนยิ้มค้าง..หล่อนดีใจใช่ไหมนี่ แต่ความรู้สึกจี๊ด ๆ ในอกนี้ ทำให้หล่อนรู้สึกเหมือนกับหายใจไม่ออก
“น้ำ”
มือแข็งแรงของคนหน้าตาดีเอื้อมเข้ามาใกล้ ธาราส่ายหน้ารัวเร็ว มือไม้โบกพัลวัน จู่ ๆ สัญชาติญาณการป้องกันตัวของหล่อนก็ทำงานขึ้นโดยอัตโนมัติ หล่อนขยับตัวหนีเขา
“ไม่นะ”
ใบหน้ายิ้มแย้มแต่นัยน์ตาแฝงความมาตรร้าย ใบหน้าหล่อคมของเขาดูบิดเบี้ยวขึ้นมาอย่างประหลาด ชายหนุ่มคนนั้นไม่เหลือเค้าความงดงามของเขาอยู่เลย เขาน่ากลัว
“กรี๊ด”
ธารากรีดร้อง เด็กสาวพบว่าผู้คนตามริมถนนเหล่านั้นหายไปหมด หล่อนหันไปรอบ ๆ ตัว เห็นเพียงแต่ร่างสูงที่ก้าวไว ๆ อยู่เบื้องหน้านั่น เขาหันกลับมามองหล่อน ทอดยิ้ม
“อ้าว มาสิ เร็ว ๆ เปียกหมดแล้ว”
หล่อนใจชื้นขึ้น เสียงสวบสาบเหมือนมีคนย่ำฝีเท้าตามมาด้านหลังกระตุ้นให้ขาเล็ก ๆ ก้าวย่ำไปอย่างเร็ว แต่ดูเหมือนคนข้างหน้าจะก้าวเร็วมาก เขาค่อย ๆ เคลื่อนห่างออกไป ธาราเปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่ง หล่อนวิ่ง วิ่ง และวิ่ง รู้สึกเหนื่อยหอบ หวาดกลัว หล่อนวิ่ง ก่อนจะพบว่า เขาหายไปจากสายตาเสียแล้ว น้ำตาเย็น ๆ ไหลลงอาบแก้มโดยไม่รู้ตัว
“ไอ้ก้าบ!!!!!”
หล่อนตะโกนเรียกเขาสุดเสียง ใช่ ชื่อเขา ภาพเบื้องหน้าไม่เหลืออะไรให้เห็นอีกเลย เขาหายไปจากสายตาของหล่อนไปแล้วจริง ๆ ธาราถลันลุกพรวด หล่อนพบว่าตัวเองนั่งอยู่บนเตียงนอน ภาพฝันอันแสนเจ็บปวดนั้นหายไปแล้ว หล่อนรู้สึกเหมือนโหวงในอก ใจหาย น้ำตายังเปื้อนที่แก้ม ฝันบ้าอะไรกันแบบนี้ หล่อนรู้สึกไม่ดีเลย
หญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง หน้าต่างบนหัวนอนเผยให้เห็นภาพภูเขาสีเขียวหม่นเบื้องหน้า อากาศข้างนอกเย็น ชื้น ฝนตกติดต่อกันร่วมสัปดาห์แล้ว อากาศที่เชียงรายช่วงนี้จะเย็นอย่างนี้เกือบทั้งวัน บางทีอาจจะไม่ใช่ที่ในเมือง อาจจะเป็นแค่ที่บนเขาอย่างที่นี่เท่านั้น รีสอร์ทบนเขา ผาดาวรีสอร์ท.... ที่ ที่หล่อนน.ส. ธารา ในวัย 26 ปี ทำงานอยู่ที่นี่มานับ 3 ปีแล้ว
“เจ๊น้ำฝันร้ายอีกแล้วเหรอคะ”
ดาริกา หรือ ดาด้า ลูกทีมฝ่ายการตลาดคนสนิทของธาราเอ่ยถามในเช้าแรกของการทำงาน หลังวันหยุดสุดสัปดาห์เพิ่งผ่านพ้น ลูกพี่สาวหันมามองหน้าเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“ไม่ต้องมาทำหน้าสงสัยว่าด้ารู้ได้ไงหรอกค่ะ แหม! เจ๊ตะโกนซะดังขนาดนั้น ผนังห้องนอนเราเป็นไม้นะคะ ไม่ใช่ปูน ด้าสะดุ้งตามทุกทีเลย”
หล่อนยื่นถ้วยกาแฟให้ธารา
“พี่ก็เบื่อเหมือนกัน ฝันซ้ำ ๆ อยู่ได้ กะอีเรื่องคนเก่า ๆ”
ธาราจิบกาแฟ เลื่อนดูตารางการจองห้องของรีสอร์ท ตัวเลขช่วงหน้าฝนมันหดหายไปเป็นประจำทุกปี น่าเป็นห่วงรีสอร์ทจริง ๆ ล่วงเลยเดือนแห่งสายฝนมาสองเดือนกว่าแล้ว นักท่องเที่ยวก็โผล่มารับฝนบ้าง โผล่ ๆ ผลุบ ๆ หน้าที่ของผู้จัดการฝ่ายการตลาดก็คือทำตัวเลขยอดจองห้องพักให้มากที่สุด ยอดเงินสูง รีสอร์ทจะได้ดำเนินต่อไปได้อย่างมีความสุข แต่อาการฝันร้าย ฝันซ้ำ ๆ ที่ในฝันเหตุการณ์มักจะเปลี่ยนแต่หน้าคนในฝันไม่เคยเปลี่ยน ฝันบั่นทอนสุขภาพใจแบบนี้ มีผลกับการทำงานของหล่อนไม่น้อยเลย
ภาพฝัน คนหนึ่งเป็นเพื่อน อีกคนเป็นอดีตรักที่เจ็บปวด ไม่รู้หล่อนตั้งใจจะให้ลืมหรือจริง ๆ แล้วตัวเองอยากจะกอดเก็บความทรงจำนี้ไว้กันแน่
หญิงสาวจ้องมองสายฝน สายฝนพรำลงมาแต่เช้ามืด มองเห็นฟ้ามัวครึ้มมาตั้งแต่ยอดดอย ทิวทัศน์จากหน้าต่างสองของอาคารไม้ กรุด้วยกระจกรอบทิศ มองเห็นภูเขาสีเขียวหม่นสลับซับซ้อนนั้นได้อย่างเด่นชัด ในความครึ้มของท้องฟ้า ท่ามกลางความมืดมัวของบรรยากาศ ภูเขาลูกใหญ่ยังคงดูทะมึนขึงขัง ตระหง่านท่ามกลางสภาพอากาศที่แปรปรวนอยู่ได้ทุกวี่วัน ฝนคงกำลังไล่ตามหลังมาอีกห่าใหญ่ เรือนปีกไม้หลังใหญ่น้อยลดหลั่นตามที่ลุ่มที่ดอนในเขตรีสอร์ท แลดูเหงาหงอย เมื่อสายฝนปรายโปรย
ธาราดีดลูกแก้วติดสปริงบนโต๊ะทำงานเล่น หล่อนรู้สึกจิตใจหม่นหมองมาตั้งแต่ตื่นนอนเมื่อเช้านี้แล้ว จะโทษฝันเมื่อคืนนี้ก็เป็นได้นะ
บนโต๊ะทำงาน รูปถ่ายสมัยเรียนจบมหาวิทยาลัยใหม่ ๆ ตั้งอยู่ที่นั่นด้วย รูปภาพกลุ่ม เพื่อนสาว เพื่อนหนุ่ม ยืนกอดคอกันยิ้มกว้างในชุดครุยปีกค้างคาวสีดำ หล่อนจากบ้านมาหลายปี บ้านหล่อนที่ปักษ์ใต้ ใช่...จากมหาวิทยาลัยด้วย มหาวิทยาลัยปักษ์ใต้ ที่มีหนุ่มกรุงเทพในรูปนั้นเป็นหนุ่มในฝัน ฝันจริง ๆ นะ เพราะผ่านไปกี่ปีแล้ว พ่อเพื่อนหนุ่มคนนี้ก็ไม่เคยได้รับรู้หรือรู้สึกรู้สาอะไรกับสาวหมวยเพื่อนร่วมก๊วนคนนี้เลย ว่าแล้วก็เสียดายเวลาเสียจริง ๆ แม้ว่าชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยหล่อนไม่โสด แต่ก็สดใหม่เสมอ รอคนที่ใช่จริง ๆ ที่ยังคงมาไม่ถึงซักที
“ไม่รู้ว่าแกที่โง่ หรือฉันมันเซ่อก็ไม่รู้นะ”
ธารารำพึงรำพันกับรูปถ่ายเบา ๆ ใบหน้าเพื่อนหนุ่มเหมือนจะส่งนัยน์ตายียวนกวนอารมณ์กลับมา หญิงสาวเท้าคางจ้องตาชายหนุ่มในรูปนิ่ง
เวลานี่เป็นเหมือนกับสายน้ำจริง ๆ ไหลผ่านไปแล้วไม่มีวันหวนกลับ ธาราคิดเล่น ๆ ว่า หากหล่อนสามารถย้อนเวลากลับไปได้ หล่อนจะไม่มีวันยอมเสียเวลาไปไล่คว้าความรักที่ไม่เข้าท่าแบบนั้นมาเลย ธารานึกถึงแฟนหนุ่มที่เพิ่งเลิกร้างกันไป แล้วหลับตาสั่นหัวเบา ๆ อยากจะลืมเรื่องเหล่านั้นไปเสียให้หมด หากเป็นไปได้ ในช่วงเวลาที่หล่อนมีโอกาสนั้น หล่อนจะเลือกรัก คนที่หล่อนอยากจะรักจริง ๆ รักที่ผิดหวัง รักจอมปลอมอย่างนั้น อยากจะทิ้งมันไปเสียให้หมด
เมฆลอยต่ำ ฟ้ายังคงขมุกขมัว ฝนตกลงอย่างไม่ขาดสาย จังหวะของสายน้ำหยดลงข้างกระจกเป็นระยะสม่ำเสมอ หลาย ๆ สิ่งที่นี่ทำให้ธารารู้สึกเหมือนกับตัวเองได้มาปลีกวิเวก บางครั้งหล่อนเคยคิดเล่น ๆ ว่า อยากจะลองไปนั่งทำสมาธิบนป่าบนเขาดูบ้างจะได้ถือโอกาสสงบจิตสงบใจไม่ให้ฟุ้งซ่าน นี่แหละหนา คนมีแผลใจ ใจมันคอยแต่จะโหยหา เฝ้าคอยเฝ้ามอง ร่ำร้องอยากจะให้ใจมันแน่นมันเต็มอยู่ตลอดเวลา
สิ่งศักดิ์สิทธิ์บนป่าบนเขาจะมีจริงไหมนะ หล่อนอยากจะตั้งจิตอธิษฐานขอสักครั้งจริง ๆ ขอให้ช่วยเรื่องรักสักหน่อยเถิด ขอรักดี ๆ รักที่อยากได้ ให้สมปรารถนาเหมือนใครคนอื่นเสียเถิด ตาหญิงสาวจ้องมองไปยังรูปภาพคนตัวสูงในชุดครุย จ้องมองในแววตาเขา ราวกับจะสื่อให้เขาได้รับรู้ความตั้งใจของหล่อนด้วย
“เพี้ยง”
ธาราเผลอหลุดปากออกมาเสียงดัง มือขาวพนมแต้อยู่ที่หน้าผากอย่างไม่รู้ตัว
“ทำอะไรอ่ะเจ๊”
ท้องฟ้าเปล่งประกายสว่างวาบ มองเห็นสายฟ้าแตกเป็นเส้นสีทองอยู่ในระยะใกล้ ๆ ธาราสะดุ้งมอง ช่างพอเหมาะพอดีกับคำอธิษฐานของหล่อน หน้าหมวยหันมามองข้างตัว
ลูกน้องสาวคนสนิทกำลังเลิกคิ้วมองหล่อนอย่างแปลกใจ ธารารีบลดมือลง แสร้งเช็ดไปมาตามเสื้อผ้ากลบเกลื่อน
“ไม่มี ไม่มีอะไรนี่”
“ตรู๊ด.....”
เสียงโทรศัพท์ในออฟฟิศดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนา ธารารีบกดเปิดลำโพงโทรศัพท์ ปั้นหน้าตั้งใจทำงานให้สมกับตำแหน่ง กลบลบเรื่องราวบ้าบอที่หล่อนเพิ่งเผลอตัวทำลงไปเมื่อครู่
“มีลูกค้าค่ะ เขาอยากคุยเรื่องห้องพักกับสถานที่จัดกิจกรรม”
เสียงพนักงานสาวหน้าฟร้อนดังให้ได้ยินทั่วกันทั้งออฟฟิศ ธารายิ้มกว้าง สบตากับลูกน้องทั้งสองที่มีแววตาเปล่งประกาย
หนุ่มฝรั่งตาน้ำข้าวรูปร่างล่ำบึ้กแนะนำตัวเองเป็นภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำเขายื่นนามบัตรแนะนำตัว ว่าชื่อ Eric เป็นผู้จัดการ VSP Group บริษัทเอกชนที่รับจัดกิจกรรมให้กับโรงเรียนนานาชาติทั่วโลก
นิยายออนไลน์ เรื่อง มาลย์มายา (รีไรท์)
ภาพท้องฟ้าหลังม่านฝนเป็นสีเทาเข้ม เมฆก้อนใหญ่เหลื่อมซ้อนทะมึนดูหนาหนัก สาดซัดน้ำฝนลงมาให้ฝูงชนกลางสนามแตกกระจายกันไปคนละทิศละทาง เบื้องหน้าเป็นสนามสีเขียวเข้ม บริเวณลานที่เคยคลาคล่ำด้วยฝูงชน บัดนี้กลับว่างเปล่า ไร้ผู้คน
“หนาวไหม”
มือหนึ่งยื่นถ้วยเครื่องดื่มชงร้อนให้ เด็กสาวใบหน้าเล็ก ผิวขาว ริมฝีปากสีแดงสด ขมวดคิ้วเรียวบางน้อย ๆ จ้องมองใบหน้าของผู้มาใหม่อย่างสนใจ เด็กหนุ่มตรงหน้ายิ้มให้หล่อนอย่างเป็นมิตร เขาเป็นคนรูปร่างสูงโปร่ง ผมสั้นเกรียน ใบหน้าเหลี่ยมนั้นขรุขระหยาบกร้าน เต็มไปด้วยสิวและผดแดง
“ไปรวมกับเพื่อน ๆ ฝั่งโน้นกันเถอะ ตรงนี้ฝนสาด เดี๋ยวจะไม่สบาย”
เจ้าหน้าสิวยืนรอหล่อนลุกขึ้นยืน มองหล่อนรับถ้วยกระดาษใส่โอวัลติลร้อนไปเก้อ ๆ ก่อนจะออกเดินไปพร้อม ๆ กันกับหล่อน เด็กสาวยิ้มให้เขา แล้วหันมายิ้มกับตัวเอง จิตใจที่เคยหม่นหมองเมื่อครู่ กลับรู้สึกสบายขึ้นทันที เจ้าหน้าสิวตัวสูงดูหล่อขึ้นทันตา เหมือนมีรัศมีประหลาดโอบล้อมตัวเขา สว่างเรืองรอง อบอุ่น
“เธอชื่ออะไรเหรอ”
“ชื่อน้ำ เธอล่ะ”
“เราชื่อนนท์”
หล่อนมองเขาแล้วยิ้ม ‘นนท์’ ‘นนทภัทร’ ชื่อนี้ยังคงอยู่ในใจหล่อนเสมอ โอบกอดหัวใจแห้งแล้งดวงนี้ให้อบอุ่นตลอดมา ร่างสูงเริ่มเดินเร็วขึ้น จนนำหน้าหล่อน ภาพของเขาห่างออกไปเรื่อย ๆ เด็กสาวเดินตามไปเงียบ ๆ จิตใจสงบนิ่ง ราวกับว่าเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้น มาแล้ว ซ้ำแล้วซ้ำอีก
“น้ำจ๋า….”
เสียงใครบางคนเรียกหล่อนอยู่ไม่ไกล ร่างชายอีกคนหนึ่งยืนอยู่บนถนนสายสีเทาเข้ม บนถนนอันเปียกชุ่มด้วยน้ำฝน ร่างสูง ผิวเข้ม ผมหยักศก ตาคมโตดูหล่อเข้มแบบหนุ่มปักษ์ใต้ เขายิ้มให้ ยื่นมือมาให้หล่อน
“ต้น”
ธารามองเขาอย่างลังเล แวบหนึ่งหล่อนรู้สึกดีใจ หล่อนรู้จักเขา แต่ทำไมถึงรู้สึกเจ็บไปด้วย หล่อนยิ้มค้าง..หล่อนดีใจใช่ไหมนี่ แต่ความรู้สึกจี๊ด ๆ ในอกนี้ ทำให้หล่อนรู้สึกเหมือนกับหายใจไม่ออก
“น้ำ”
มือแข็งแรงของคนหน้าตาดีเอื้อมเข้ามาใกล้ ธาราส่ายหน้ารัวเร็ว มือไม้โบกพัลวัน จู่ ๆ สัญชาติญาณการป้องกันตัวของหล่อนก็ทำงานขึ้นโดยอัตโนมัติ หล่อนขยับตัวหนีเขา
“ไม่นะ”
ใบหน้ายิ้มแย้มแต่นัยน์ตาแฝงความมาตรร้าย ใบหน้าหล่อคมของเขาดูบิดเบี้ยวขึ้นมาอย่างประหลาด ชายหนุ่มคนนั้นไม่เหลือเค้าความงดงามของเขาอยู่เลย เขาน่ากลัว
“กรี๊ด”
ธารากรีดร้อง เด็กสาวพบว่าผู้คนตามริมถนนเหล่านั้นหายไปหมด หล่อนหันไปรอบ ๆ ตัว เห็นเพียงแต่ร่างสูงที่ก้าวไว ๆ อยู่เบื้องหน้านั่น เขาหันกลับมามองหล่อน ทอดยิ้ม
“อ้าว มาสิ เร็ว ๆ เปียกหมดแล้ว”
หล่อนใจชื้นขึ้น เสียงสวบสาบเหมือนมีคนย่ำฝีเท้าตามมาด้านหลังกระตุ้นให้ขาเล็ก ๆ ก้าวย่ำไปอย่างเร็ว แต่ดูเหมือนคนข้างหน้าจะก้าวเร็วมาก เขาค่อย ๆ เคลื่อนห่างออกไป ธาราเปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่ง หล่อนวิ่ง วิ่ง และวิ่ง รู้สึกเหนื่อยหอบ หวาดกลัว หล่อนวิ่ง ก่อนจะพบว่า เขาหายไปจากสายตาเสียแล้ว น้ำตาเย็น ๆ ไหลลงอาบแก้มโดยไม่รู้ตัว
“ไอ้ก้าบ!!!!!”
หล่อนตะโกนเรียกเขาสุดเสียง ใช่ ชื่อเขา ภาพเบื้องหน้าไม่เหลืออะไรให้เห็นอีกเลย เขาหายไปจากสายตาของหล่อนไปแล้วจริง ๆ ธาราถลันลุกพรวด หล่อนพบว่าตัวเองนั่งอยู่บนเตียงนอน ภาพฝันอันแสนเจ็บปวดนั้นหายไปแล้ว หล่อนรู้สึกเหมือนโหวงในอก ใจหาย น้ำตายังเปื้อนที่แก้ม ฝันบ้าอะไรกันแบบนี้ หล่อนรู้สึกไม่ดีเลย
หญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง หน้าต่างบนหัวนอนเผยให้เห็นภาพภูเขาสีเขียวหม่นเบื้องหน้า อากาศข้างนอกเย็น ชื้น ฝนตกติดต่อกันร่วมสัปดาห์แล้ว อากาศที่เชียงรายช่วงนี้จะเย็นอย่างนี้เกือบทั้งวัน บางทีอาจจะไม่ใช่ที่ในเมือง อาจจะเป็นแค่ที่บนเขาอย่างที่นี่เท่านั้น รีสอร์ทบนเขา ผาดาวรีสอร์ท.... ที่ ที่หล่อนน.ส. ธารา ในวัย 26 ปี ทำงานอยู่ที่นี่มานับ 3 ปีแล้ว
“เจ๊น้ำฝันร้ายอีกแล้วเหรอคะ”
ดาริกา หรือ ดาด้า ลูกทีมฝ่ายการตลาดคนสนิทของธาราเอ่ยถามในเช้าแรกของการทำงาน หลังวันหยุดสุดสัปดาห์เพิ่งผ่านพ้น ลูกพี่สาวหันมามองหน้าเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“ไม่ต้องมาทำหน้าสงสัยว่าด้ารู้ได้ไงหรอกค่ะ แหม! เจ๊ตะโกนซะดังขนาดนั้น ผนังห้องนอนเราเป็นไม้นะคะ ไม่ใช่ปูน ด้าสะดุ้งตามทุกทีเลย”
หล่อนยื่นถ้วยกาแฟให้ธารา
“พี่ก็เบื่อเหมือนกัน ฝันซ้ำ ๆ อยู่ได้ กะอีเรื่องคนเก่า ๆ”
ธาราจิบกาแฟ เลื่อนดูตารางการจองห้องของรีสอร์ท ตัวเลขช่วงหน้าฝนมันหดหายไปเป็นประจำทุกปี น่าเป็นห่วงรีสอร์ทจริง ๆ ล่วงเลยเดือนแห่งสายฝนมาสองเดือนกว่าแล้ว นักท่องเที่ยวก็โผล่มารับฝนบ้าง โผล่ ๆ ผลุบ ๆ หน้าที่ของผู้จัดการฝ่ายการตลาดก็คือทำตัวเลขยอดจองห้องพักให้มากที่สุด ยอดเงินสูง รีสอร์ทจะได้ดำเนินต่อไปได้อย่างมีความสุข แต่อาการฝันร้าย ฝันซ้ำ ๆ ที่ในฝันเหตุการณ์มักจะเปลี่ยนแต่หน้าคนในฝันไม่เคยเปลี่ยน ฝันบั่นทอนสุขภาพใจแบบนี้ มีผลกับการทำงานของหล่อนไม่น้อยเลย
ภาพฝัน คนหนึ่งเป็นเพื่อน อีกคนเป็นอดีตรักที่เจ็บปวด ไม่รู้หล่อนตั้งใจจะให้ลืมหรือจริง ๆ แล้วตัวเองอยากจะกอดเก็บความทรงจำนี้ไว้กันแน่
หญิงสาวจ้องมองสายฝน สายฝนพรำลงมาแต่เช้ามืด มองเห็นฟ้ามัวครึ้มมาตั้งแต่ยอดดอย ทิวทัศน์จากหน้าต่างสองของอาคารไม้ กรุด้วยกระจกรอบทิศ มองเห็นภูเขาสีเขียวหม่นสลับซับซ้อนนั้นได้อย่างเด่นชัด ในความครึ้มของท้องฟ้า ท่ามกลางความมืดมัวของบรรยากาศ ภูเขาลูกใหญ่ยังคงดูทะมึนขึงขัง ตระหง่านท่ามกลางสภาพอากาศที่แปรปรวนอยู่ได้ทุกวี่วัน ฝนคงกำลังไล่ตามหลังมาอีกห่าใหญ่ เรือนปีกไม้หลังใหญ่น้อยลดหลั่นตามที่ลุ่มที่ดอนในเขตรีสอร์ท แลดูเหงาหงอย เมื่อสายฝนปรายโปรย
ธาราดีดลูกแก้วติดสปริงบนโต๊ะทำงานเล่น หล่อนรู้สึกจิตใจหม่นหมองมาตั้งแต่ตื่นนอนเมื่อเช้านี้แล้ว จะโทษฝันเมื่อคืนนี้ก็เป็นได้นะ
บนโต๊ะทำงาน รูปถ่ายสมัยเรียนจบมหาวิทยาลัยใหม่ ๆ ตั้งอยู่ที่นั่นด้วย รูปภาพกลุ่ม เพื่อนสาว เพื่อนหนุ่ม ยืนกอดคอกันยิ้มกว้างในชุดครุยปีกค้างคาวสีดำ หล่อนจากบ้านมาหลายปี บ้านหล่อนที่ปักษ์ใต้ ใช่...จากมหาวิทยาลัยด้วย มหาวิทยาลัยปักษ์ใต้ ที่มีหนุ่มกรุงเทพในรูปนั้นเป็นหนุ่มในฝัน ฝันจริง ๆ นะ เพราะผ่านไปกี่ปีแล้ว พ่อเพื่อนหนุ่มคนนี้ก็ไม่เคยได้รับรู้หรือรู้สึกรู้สาอะไรกับสาวหมวยเพื่อนร่วมก๊วนคนนี้เลย ว่าแล้วก็เสียดายเวลาเสียจริง ๆ แม้ว่าชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยหล่อนไม่โสด แต่ก็สดใหม่เสมอ รอคนที่ใช่จริง ๆ ที่ยังคงมาไม่ถึงซักที
“ไม่รู้ว่าแกที่โง่ หรือฉันมันเซ่อก็ไม่รู้นะ”
ธารารำพึงรำพันกับรูปถ่ายเบา ๆ ใบหน้าเพื่อนหนุ่มเหมือนจะส่งนัยน์ตายียวนกวนอารมณ์กลับมา หญิงสาวเท้าคางจ้องตาชายหนุ่มในรูปนิ่ง
เวลานี่เป็นเหมือนกับสายน้ำจริง ๆ ไหลผ่านไปแล้วไม่มีวันหวนกลับ ธาราคิดเล่น ๆ ว่า หากหล่อนสามารถย้อนเวลากลับไปได้ หล่อนจะไม่มีวันยอมเสียเวลาไปไล่คว้าความรักที่ไม่เข้าท่าแบบนั้นมาเลย ธารานึกถึงแฟนหนุ่มที่เพิ่งเลิกร้างกันไป แล้วหลับตาสั่นหัวเบา ๆ อยากจะลืมเรื่องเหล่านั้นไปเสียให้หมด หากเป็นไปได้ ในช่วงเวลาที่หล่อนมีโอกาสนั้น หล่อนจะเลือกรัก คนที่หล่อนอยากจะรักจริง ๆ รักที่ผิดหวัง รักจอมปลอมอย่างนั้น อยากจะทิ้งมันไปเสียให้หมด
เมฆลอยต่ำ ฟ้ายังคงขมุกขมัว ฝนตกลงอย่างไม่ขาดสาย จังหวะของสายน้ำหยดลงข้างกระจกเป็นระยะสม่ำเสมอ หลาย ๆ สิ่งที่นี่ทำให้ธารารู้สึกเหมือนกับตัวเองได้มาปลีกวิเวก บางครั้งหล่อนเคยคิดเล่น ๆ ว่า อยากจะลองไปนั่งทำสมาธิบนป่าบนเขาดูบ้างจะได้ถือโอกาสสงบจิตสงบใจไม่ให้ฟุ้งซ่าน นี่แหละหนา คนมีแผลใจ ใจมันคอยแต่จะโหยหา เฝ้าคอยเฝ้ามอง ร่ำร้องอยากจะให้ใจมันแน่นมันเต็มอยู่ตลอดเวลา
สิ่งศักดิ์สิทธิ์บนป่าบนเขาจะมีจริงไหมนะ หล่อนอยากจะตั้งจิตอธิษฐานขอสักครั้งจริง ๆ ขอให้ช่วยเรื่องรักสักหน่อยเถิด ขอรักดี ๆ รักที่อยากได้ ให้สมปรารถนาเหมือนใครคนอื่นเสียเถิด ตาหญิงสาวจ้องมองไปยังรูปภาพคนตัวสูงในชุดครุย จ้องมองในแววตาเขา ราวกับจะสื่อให้เขาได้รับรู้ความตั้งใจของหล่อนด้วย
“เพี้ยง”
ธาราเผลอหลุดปากออกมาเสียงดัง มือขาวพนมแต้อยู่ที่หน้าผากอย่างไม่รู้ตัว
“ทำอะไรอ่ะเจ๊”
ท้องฟ้าเปล่งประกายสว่างวาบ มองเห็นสายฟ้าแตกเป็นเส้นสีทองอยู่ในระยะใกล้ ๆ ธาราสะดุ้งมอง ช่างพอเหมาะพอดีกับคำอธิษฐานของหล่อน หน้าหมวยหันมามองข้างตัว
ลูกน้องสาวคนสนิทกำลังเลิกคิ้วมองหล่อนอย่างแปลกใจ ธารารีบลดมือลง แสร้งเช็ดไปมาตามเสื้อผ้ากลบเกลื่อน
“ไม่มี ไม่มีอะไรนี่”
“ตรู๊ด.....”
เสียงโทรศัพท์ในออฟฟิศดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนา ธารารีบกดเปิดลำโพงโทรศัพท์ ปั้นหน้าตั้งใจทำงานให้สมกับตำแหน่ง กลบลบเรื่องราวบ้าบอที่หล่อนเพิ่งเผลอตัวทำลงไปเมื่อครู่
“มีลูกค้าค่ะ เขาอยากคุยเรื่องห้องพักกับสถานที่จัดกิจกรรม”
เสียงพนักงานสาวหน้าฟร้อนดังให้ได้ยินทั่วกันทั้งออฟฟิศ ธารายิ้มกว้าง สบตากับลูกน้องทั้งสองที่มีแววตาเปล่งประกาย
หนุ่มฝรั่งตาน้ำข้าวรูปร่างล่ำบึ้กแนะนำตัวเองเป็นภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำเขายื่นนามบัตรแนะนำตัว ว่าชื่อ Eric เป็นผู้จัดการ VSP Group บริษัทเอกชนที่รับจัดกิจกรรมให้กับโรงเรียนนานาชาติทั่วโลก