วิญญาณ..คือหนึ่งในขันธ์5 เป็นเพียงธาตุรู้
รับรู้การมอง ได้ยิน ลิ้มรส. ใด้กลิ่น กายสัมผัส รับรู้อารมณ์ด้วยใจ จากผัสสะทั้ง6
วิญญาณไม่มีตัวตน แต่ทำไมยังเรียกว่าวิญญาณเร่ร่อน เห็นวิญญาณๆ
ความจริงนั้นคือ เปรต หรือเทวดาบางพวก แม้แต่รายการผีชื่อดัง ยังพูดว่า วิญญาณวนเวียนในบ้าน(เปรต)
คำพูดของพวกเค้ามีอำนาจต่อคนไทยมาก จะทำไห้คนอื่นมีความเห็นผิดไปด้วย
พระพุทธเจ้าบอกกับสาติไว้แล้ว ว่าคนที่ไห้ความเห็นที่ผิดแบบนี้จะบาป
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๔ มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์
๘. มหาตัณหาสังขยสูตร
ว่าด้วยสาติภิกษุมีทิฏฐิลามก
พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรสาติ วิญญาณนั้นเป็นอย่างไร?
สาติภิกษุทูลว่า สภาวะที่พูดได้ รับรู้ได้ ย่อมเสวยวิบากของกรรมทั้งหลาย ทั้งส่วนดีทั้งส่วนชั่วในที่นั้นๆ นั่นเป็นวิญญาณ.
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรโมฆบุรุษ เธอรู้ธรรมอย่างนี้ที่เราแสดงแก่ใครเล่า ดูกรโมฆบุรุษวิญญาณอาศัยปัจจัยประชุมกันเกิดขึ้น เรากล่าวแล้วโดยปริยายเป็นอเนกมิใช่หรือ ความเกิดแห่งวิญญาณ เว้นจากปัจจัย มิได้มี
ดูกรโมฆบุรุษ ก็เมื่อเป็นดังนั้น เธอกล่าวตู่เราด้วยขุดตนเสียด้วย จะประสพบาปมิใช่บุญมากด้วย เพราะทิฏฐิที่ตนถือชั่วแล้ว
ดูกรโมฆบุรุษก็ความเห็นนั้นของเธอ จักเป็นไปเพื่อโทษไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์ตลอดกาลนาน.
ภิกษุสาติ พูดว่าวิญญาณมีตัวตน แถมสามรถรับวิบากกรรมได้อีก ซึ่งไม่ใช่อย่างที่พระศาสดาตรัสไว้
ไม่ได้ตั้งกระทู้ว่าใครน่ะครับ. ในไตรปิฎก มีเขียนไว้แล้ว ทำไมคนไทยยังเรียกว่า. วิญญาณอยู่อีก
มันไปผิดเพี้ยนมาจากใหน จะบอกว่าผิดจากภิกษุสาติก็ไม่น่าใช่เพราะนานมากแล้ว พระศาสดาก็ติเตียนแล้ว
ไม่น่าจะมีภิกษุไหนพูดผิดอีกน่าจะเรียกถูกกันได้แล้ว.. ท่าเข้าใจกันถูกคงจะไม่กลัววิญญาณ จะไปกลัววิญญาณทำไม?
ที่กลัวกันคือเปรต หรือเทวดาบางพวก. แล้วจะกลัวทำไมเราก็เคยเป็นมาแล้วตลอดกาลนาน?
แล้วเดี๋ยวพวกเราตายไปก็มีสิทธิ์ไปเป็นอีก. ผมเคยกลัวพวกนี้ พอเริ่มเข้าใจก็เริ่มเฉยๆแล้ว.
วิญญาณ เร่ร่อนได้ด้วยหรอ..
รับรู้การมอง ได้ยิน ลิ้มรส. ใด้กลิ่น กายสัมผัส รับรู้อารมณ์ด้วยใจ จากผัสสะทั้ง6
วิญญาณไม่มีตัวตน แต่ทำไมยังเรียกว่าวิญญาณเร่ร่อน เห็นวิญญาณๆ
ความจริงนั้นคือ เปรต หรือเทวดาบางพวก แม้แต่รายการผีชื่อดัง ยังพูดว่า วิญญาณวนเวียนในบ้าน(เปรต)
คำพูดของพวกเค้ามีอำนาจต่อคนไทยมาก จะทำไห้คนอื่นมีความเห็นผิดไปด้วย
พระพุทธเจ้าบอกกับสาติไว้แล้ว ว่าคนที่ไห้ความเห็นที่ผิดแบบนี้จะบาป
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๔ มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์
๘. มหาตัณหาสังขยสูตร
ว่าด้วยสาติภิกษุมีทิฏฐิลามก
พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรสาติ วิญญาณนั้นเป็นอย่างไร?
สาติภิกษุทูลว่า สภาวะที่พูดได้ รับรู้ได้ ย่อมเสวยวิบากของกรรมทั้งหลาย ทั้งส่วนดีทั้งส่วนชั่วในที่นั้นๆ นั่นเป็นวิญญาณ.
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรโมฆบุรุษ เธอรู้ธรรมอย่างนี้ที่เราแสดงแก่ใครเล่า ดูกรโมฆบุรุษวิญญาณอาศัยปัจจัยประชุมกันเกิดขึ้น เรากล่าวแล้วโดยปริยายเป็นอเนกมิใช่หรือ ความเกิดแห่งวิญญาณ เว้นจากปัจจัย มิได้มี
ดูกรโมฆบุรุษ ก็เมื่อเป็นดังนั้น เธอกล่าวตู่เราด้วยขุดตนเสียด้วย จะประสพบาปมิใช่บุญมากด้วย เพราะทิฏฐิที่ตนถือชั่วแล้ว
ดูกรโมฆบุรุษก็ความเห็นนั้นของเธอ จักเป็นไปเพื่อโทษไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์ตลอดกาลนาน.
ภิกษุสาติ พูดว่าวิญญาณมีตัวตน แถมสามรถรับวิบากกรรมได้อีก ซึ่งไม่ใช่อย่างที่พระศาสดาตรัสไว้
ไม่ได้ตั้งกระทู้ว่าใครน่ะครับ. ในไตรปิฎก มีเขียนไว้แล้ว ทำไมคนไทยยังเรียกว่า. วิญญาณอยู่อีก
มันไปผิดเพี้ยนมาจากใหน จะบอกว่าผิดจากภิกษุสาติก็ไม่น่าใช่เพราะนานมากแล้ว พระศาสดาก็ติเตียนแล้ว
ไม่น่าจะมีภิกษุไหนพูดผิดอีกน่าจะเรียกถูกกันได้แล้ว.. ท่าเข้าใจกันถูกคงจะไม่กลัววิญญาณ จะไปกลัววิญญาณทำไม?
ที่กลัวกันคือเปรต หรือเทวดาบางพวก. แล้วจะกลัวทำไมเราก็เคยเป็นมาแล้วตลอดกาลนาน?
แล้วเดี๋ยวพวกเราตายไปก็มีสิทธิ์ไปเป็นอีก. ผมเคยกลัวพวกนี้ พอเริ่มเข้าใจก็เริ่มเฉยๆแล้ว.