บทความโดย : คุณชายมะนาว..กับหุ้นสายสีลม
ในบทความครั้งที่แล้วผมได้กล่าวถึง กลยุทธ์ในการกำหนดเป้าหมายและแผนการลงทุน เพื่อให้เราสามารถวางกลยุทธ์จัดพอร์ตการลงทุนของเราได้อย่างมีเป้าหมายที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นไปแล้ว
ท่านสามารถติดตามอ่านบทความก่อนหน้าได้จาก facebook หรือ blog ของผมได้ครับ
สำหรับในบทความนี้จะเป็นตอนสุดท้ายของบทความชุด “กลยุทธ์จัดพอร์ตการลงทุน” ซึ่งจะเป็นการสรุปประเด็นสำคัญต่างๆที่ได้กล่าวมาแล้ว และข้อคิดต่างๆซึ่งเป็นสิ่งที่ท่านควรจะให้ความสนใจ
ในการจัดพอร์ตการลงทุนนั้น ท่านจำเป็นต้องประเมินตัวเองเสียก่อนว่าตัวเราเองมีความรู้ความสามารถ มีเวลาให้กับตลาดหุ้นมากน้อยแค่ไหน
1. หากท่านเป็นนักลงทุนรายใหม่ที่เพิ่งเข้ามาสู่ตลาดหุ้น
แน่นอนว่าตัวท่านเองยังไม่มีความรู้ความสามารถที่ดีพอในเรื่องของการตัดสินใจลงทุน ดังนั้น หุ้นที่เหมาะสมต่อการลงทุนสำหรับตัวท่านมากที่สุดคือ “หุ้นปันผล” ( Dividend Stock) โดยให้เลือกหุ้นที่มีอัตราการจ่ายเงินปันผลมากกว่า 5% ขึ้นไป
กลยุทธ์ในการจัดพอร์ตการลงทุนของท่านจึงควรเน้นหนักไปที่ “หุ้นปันผล” ราว 80% ของเงินลงทุนทั้งหมดที่ท่านมี ส่วน 20% ที่เหลือควรลงทุนใน “หุ้นฟื้นตัว” (Turnaround Stock) หรือ เลือกหุ้นที่มี Volume การซื้อขายมากๆ ที่มีการเคลื่อนไหวของราคาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการฝึกจับจังหวะการซื้อขายและฝึกควบคุมอารมณ์ของตัวท่านเองจากความผันผวนของตลาด โดย “ไม่คาดหวังในผลกำไร” สิ่งที่คาดหวังคือการ “เรียนรู้การควบคุมอารมณ์และจับจังหวะการซื้อขาย” เท่านั้น
2. หากท่านเป็นนักลงทุนที่ไม่มีเวลาให้กับตลาดหุ้น
หุ้นที่เหมาะสมต่อการลงทุนสำหรับตัวท่านมากที่สุดคือ“หุ้นปันผล” (Dividend Stock) โดยเลือกหุ้นที่มีอัตราการจ่ายเงินปันผลมากกว่า 5% ขึ้นไป และ หากท่านมีความรู้ในการคัดเลือกหุ้นอยู่บ้าง หุ้นอีกประเภทหนึ่งที่เหมาะสมต่อการลงทุนสำหรับตัวท่านนั่นก็คือ “หุ้นเติบโต” (Growth Stock)
กลยุทธ์ในการจัดพอร์ตการลงทุนของท่านจึงควรเน้นหนักไปที่ “หุ้นปันผล” ราว 70% – 80% ของเงินลงทุนทั้งหมดที่ท่านมี ส่วน 20% – 30% ที่เหลือควรลงทุนใน “หุ้นเติบโต” (Growth Stock)
3. หากท่านเป็นนักลงทุนที่มีความรู้ในด้านการลงทุนและมีเวลาให้กับตลาดหุ้น
หุ้นที่เหมาะสมต่อการลงทุนสำหรับตัวท่านมากที่สุดคือ “หุ้นเติบโต” (Growth Stock) และ “หุ้นฟื้นตัว” (Turnaround Stock)
กลยุทธ์ในการจัดพอร์ตการลงทุนของท่านควรมีการให้น้ำหนักระหว่าง “หุ้นเติบโต” (Growth Stock) : “หุ้นฟื้นตัว” (Turnaround Stock) ในสัดส่วน 2 : 1
พอร์ตการลงทุนที่ดีนั้นไม่ควรจะมีจำนวนหุ้นมากจนเกินไป ควรมีจำนวนหุ้นอยู่ในพอร์ตเพียง 3 – 5 ตัวเท่านั้น หรืออย่างมากก็ไม่ควรเกิน 10 ตัว เพราะจำนวนหุ้นที่มากจนเกินไปจะทำให้ท่านไม่สามารถที่จะดูแลหุ้นเหล่านั้นได้อย่างทั่วถึง ซึ่งจะทำให้เกิดความผิดพลาดในการลงทุนได้ง่าย
ในการลงทุนที่จะทำให้ประสบความสำเร็จนั้นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งนั่นก็คือ การวางแผนการลงทุนที่มีเป้าหมายของการลงทุนที่ชัดเจน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่นักลงทุนมักจะละเลย เพราะการกำหนดแผนการลงทุนที่ชัดเจนนั้น จะทำให้ท่าน “รู้ตัว” ในสิ่งที่ท่านกำลังทำอยู่ และมี “เป้าหมาย” ของการลงทุนที่ชัดเจนไม่ไขว้เชวไปตามการผันผวนของตลาด ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะนำท่านไปสู่เป้าหมายของ ความสำเร็จในการลงทุนได้ในที่สุด
ขอบพระคุณทุกท่านที่กรุณาติดตาม หากไม่รังเกียจกรุณาช่วยกด Like facebook หรือช่วยแชร์ ส่งต่อสิ่งดีๆเหล่านี้ให้กับสังคมด้วยนะครับ และขอเชิญมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแฟนเพจ..สังคมเล็กๆที่อบอุ่น เพื่อเป็นกำลังใจในการสร้างสรรค์สิ่งดีๆคืนให้กับสังคมต่อไป.
บทความโดย : คุณชายมะนาว..กับหุ้นสายสีลม
กลยุทธ์จัดพอร์ตการลงทุน ตอนที่ 8 (ตอนจบ) : โดย คุณชายมะนาว..กับหุ้นสายสีลม
ในบทความครั้งที่แล้วผมได้กล่าวถึง กลยุทธ์ในการกำหนดเป้าหมายและแผนการลงทุน เพื่อให้เราสามารถวางกลยุทธ์จัดพอร์ตการลงทุนของเราได้อย่างมีเป้าหมายที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นไปแล้ว
ท่านสามารถติดตามอ่านบทความก่อนหน้าได้จาก facebook หรือ blog ของผมได้ครับ
สำหรับในบทความนี้จะเป็นตอนสุดท้ายของบทความชุด “กลยุทธ์จัดพอร์ตการลงทุน” ซึ่งจะเป็นการสรุปประเด็นสำคัญต่างๆที่ได้กล่าวมาแล้ว และข้อคิดต่างๆซึ่งเป็นสิ่งที่ท่านควรจะให้ความสนใจ
ในการจัดพอร์ตการลงทุนนั้น ท่านจำเป็นต้องประเมินตัวเองเสียก่อนว่าตัวเราเองมีความรู้ความสามารถ มีเวลาให้กับตลาดหุ้นมากน้อยแค่ไหน
1. หากท่านเป็นนักลงทุนรายใหม่ที่เพิ่งเข้ามาสู่ตลาดหุ้น
แน่นอนว่าตัวท่านเองยังไม่มีความรู้ความสามารถที่ดีพอในเรื่องของการตัดสินใจลงทุน ดังนั้น หุ้นที่เหมาะสมต่อการลงทุนสำหรับตัวท่านมากที่สุดคือ “หุ้นปันผล” ( Dividend Stock) โดยให้เลือกหุ้นที่มีอัตราการจ่ายเงินปันผลมากกว่า 5% ขึ้นไป
กลยุทธ์ในการจัดพอร์ตการลงทุนของท่านจึงควรเน้นหนักไปที่ “หุ้นปันผล” ราว 80% ของเงินลงทุนทั้งหมดที่ท่านมี ส่วน 20% ที่เหลือควรลงทุนใน “หุ้นฟื้นตัว” (Turnaround Stock) หรือ เลือกหุ้นที่มี Volume การซื้อขายมากๆ ที่มีการเคลื่อนไหวของราคาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการฝึกจับจังหวะการซื้อขายและฝึกควบคุมอารมณ์ของตัวท่านเองจากความผันผวนของตลาด โดย “ไม่คาดหวังในผลกำไร” สิ่งที่คาดหวังคือการ “เรียนรู้การควบคุมอารมณ์และจับจังหวะการซื้อขาย” เท่านั้น
2. หากท่านเป็นนักลงทุนที่ไม่มีเวลาให้กับตลาดหุ้น
หุ้นที่เหมาะสมต่อการลงทุนสำหรับตัวท่านมากที่สุดคือ“หุ้นปันผล” (Dividend Stock) โดยเลือกหุ้นที่มีอัตราการจ่ายเงินปันผลมากกว่า 5% ขึ้นไป และ หากท่านมีความรู้ในการคัดเลือกหุ้นอยู่บ้าง หุ้นอีกประเภทหนึ่งที่เหมาะสมต่อการลงทุนสำหรับตัวท่านนั่นก็คือ “หุ้นเติบโต” (Growth Stock)
กลยุทธ์ในการจัดพอร์ตการลงทุนของท่านจึงควรเน้นหนักไปที่ “หุ้นปันผล” ราว 70% – 80% ของเงินลงทุนทั้งหมดที่ท่านมี ส่วน 20% – 30% ที่เหลือควรลงทุนใน “หุ้นเติบโต” (Growth Stock)
3. หากท่านเป็นนักลงทุนที่มีความรู้ในด้านการลงทุนและมีเวลาให้กับตลาดหุ้น
หุ้นที่เหมาะสมต่อการลงทุนสำหรับตัวท่านมากที่สุดคือ “หุ้นเติบโต” (Growth Stock) และ “หุ้นฟื้นตัว” (Turnaround Stock)
กลยุทธ์ในการจัดพอร์ตการลงทุนของท่านควรมีการให้น้ำหนักระหว่าง “หุ้นเติบโต” (Growth Stock) : “หุ้นฟื้นตัว” (Turnaround Stock) ในสัดส่วน 2 : 1
พอร์ตการลงทุนที่ดีนั้นไม่ควรจะมีจำนวนหุ้นมากจนเกินไป ควรมีจำนวนหุ้นอยู่ในพอร์ตเพียง 3 – 5 ตัวเท่านั้น หรืออย่างมากก็ไม่ควรเกิน 10 ตัว เพราะจำนวนหุ้นที่มากจนเกินไปจะทำให้ท่านไม่สามารถที่จะดูแลหุ้นเหล่านั้นได้อย่างทั่วถึง ซึ่งจะทำให้เกิดความผิดพลาดในการลงทุนได้ง่าย
ในการลงทุนที่จะทำให้ประสบความสำเร็จนั้นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งนั่นก็คือ การวางแผนการลงทุนที่มีเป้าหมายของการลงทุนที่ชัดเจน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่นักลงทุนมักจะละเลย เพราะการกำหนดแผนการลงทุนที่ชัดเจนนั้น จะทำให้ท่าน “รู้ตัว” ในสิ่งที่ท่านกำลังทำอยู่ และมี “เป้าหมาย” ของการลงทุนที่ชัดเจนไม่ไขว้เชวไปตามการผันผวนของตลาด ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะนำท่านไปสู่เป้าหมายของ ความสำเร็จในการลงทุนได้ในที่สุด
ขอบพระคุณทุกท่านที่กรุณาติดตาม หากไม่รังเกียจกรุณาช่วยกด Like facebook หรือช่วยแชร์ ส่งต่อสิ่งดีๆเหล่านี้ให้กับสังคมด้วยนะครับ และขอเชิญมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแฟนเพจ..สังคมเล็กๆที่อบอุ่น เพื่อเป็นกำลังใจในการสร้างสรรค์สิ่งดีๆคืนให้กับสังคมต่อไป.
บทความโดย : คุณชายมะนาว..กับหุ้นสายสีลม