ในช่วงนี้ถ้ามี “ข่าวลือ” หรือมีการประกาศว่าบริษัทจะทำ “Solar Farm” ราคาหุ้นก็มักจะ “วิ่งระเบิด” ว่าที่จริงแค่บอกว่าบริษัทจะหันมาทำกิจการ “พลังงานทดแทน” ราคาหุ้นก็ “วิ่ง” แล้ว ดูเหมือนว่านักลงทุนหรือคนเล่นหุ้นจำนวนมากต่างก็คิดว่าพลังงานทดแทนนั้นเป็นธุรกิจที่มีอนาคตที่สดใสและเติบโตมาก ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ คนคิดว่าบริษัทที่จะทำพลังงานทดแทนนั้น จะต้องประสบความสำเร็จและจะมีกำไรที่เติบโตมาก ดังนั้น ค่า PE ที่ให้กับหุ้นก็จะสูงลิ่ว บางทีเป็นหลายสิบเท่า หรือบางทีก็เป็นร้อยเท่า ทำให้คนที่เข้าไปเล่น “รวย” ไปตาม ๆ กัน แต่ความเป็นจริงนั้น ราคาหุ้นก็อาจจะขึ้นไปในระยะสั้นเพียงแค่ไม่กี่เดือนหรือน้อยกว่านั้นซึ่งทำให้คนที่เข้าไปเล่นในช่วงที่ราคาขึ้นไปแล้วขาดทุน บางบริษัทที่ดูมี “น้ำหนัก” เช่น บริษัทมีใบอนุญาตหรือมีสัญญาที่จะขายพลังงานให้กับหน่วยงานรัฐชัดเจนแล้วในระดับหนึ่ง ราคาหุ้นก็อาจจะวิ่งไปได้ยาวและอาจจะสูงอยู่ได้นานเป็นปีหรืออาจจะมากกว่านั้น อย่างไรก็ตาม จากการวิเคราะห์ดูถึงผลตอบแทนที่บริษัทจะได้จากการลงทุนในเรื่องพลังงานทดแทนแล้วเราก็จะพบว่า ผลตอบแทนที่แท้จริงของแต่ละโครงการก็เป็นผลตอบแทน “ปกติ” เช่น ประมาณ 10% ต่อปี บวก-ลบ จากเงินลงทุน ดังนั้น มูลค่าของกิจการหรือราคาหุ้นก็ไม่ควรจะขึ้นไปมาก แต่การที่หุ้นวิ่งขึ้นไปมากนั้น ผมคิดว่ามันคงมีลักษณะของการเป็นหุ้น “ขายฝัน” หรือเป็น “Concept Stock”(CS)
เรื่องของ CS นั้น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดเวลาโดยเฉพาะในยามที่ตลาดหุ้นบูมเป็นกระทิง หุ้นที่จะเป็น CS นั้น จะเป็นบริษัทที่อยู่ในธุรกิจที่กำลังเป็นแนวโน้มหรือเป็นเทรนด์ใหม่ของเศรษฐกิจหรือสังคม ดังนั้น การเติบโตจะสูงมากและยังไม่มีผู้ชนะที่เด็ดขาดหรือชัดเจนหรือยังไม่รู้ว่าใครจะล้มเหลว ทุกบริษัทต่างก็มี “ความฝันที่ยิ่งใหญ่” นั่นคือ บริษัทจะเติบโตและทำกำไรเพิ่มขึ้นมหาศาล บริษัทที่อยู่ในตำแหน่งที่ดีก็จะมีคนเข้าไปซื้อมากมายทำให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นเหนือกว่ามูลค่าจากการประเมินราคาทุกวิธี บริษัทที่ดูเหมือนว่ายังไม่มีประสบการณ์พอหรือมีขนาดเล็กเองก็ยังได้ราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นเพียงแค่เอ่ยว่าจะเข้ามาทำธุรกิจหรือแค่เปลี่ยนชื่อบริษัท มาดูกันว่าอะไรที่เป็น เคยเป็น หรือมีโอกาสที่จะกลายเป็น Concept Stock ได้
กลุ่มแรกก็คือสิ่งที่ผมขึ้นต้นบทความนั่นก็คือ พลังงานทดแทน นี่คือ CS ที่กำลังร้อนแรงมากในตลาดหุ้นไทย ในระดับโลกเองนั้น ผมไม่ได้ศึกษาว่ากลุ่มหุ้นที่ทำพลังงานทดแทนนั้นเป็นหุ้น CS หรือไม่ ความรู้สึกก็คืออาจจะไม่ เพราะผมคิดว่าเรื่องนี้ในประเทศพัฒนานั้นมีการทำกันมานานแล้ว เทคโนโลยีเองก็ไม่ได้มีอะไรที่เป็นลักษณะของการ “ปฏิวัติ” อุตสาหกรรมพลังงานอะไร ว่าที่จริงในช่วงหลังที่มีการค้นพบวิธีการขุดก๊าซธรรมชาติ Shale Gas ที่ทำให้ได้ก๊าซราคาถูกในอเมริกา เทรนด์ของพลังงานทดแทนก็อาจจะชะลอตัวได้ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร การผลิตพลังงานทดแทนนั้น อาจจะไม่ใช่ธุรกิจที่ทำกำไรอะไรได้มากมายนัก เหตุผลอาจจะเพราะว่ามันยังเป็นพลังงานที่ยังไม่สามารถผลิตในเชิงพาณิชย์ล้วน ๆ ได้ ดังนั้น มันจึงไม่สามารถโตและทำกำไรได้ได้ด้วยตัวเอง
CS ที่มักจะก่อให้เกิดความร้อนแรงของราคาหุ้นกลุ่มต่อมาก็คือ หุ้น “Turnaround” นี่คือหุ้นของบริษัทที่ถูกทำให้ “ฟื้นตัว” จากภาวะวิกฤติของบริษัทโดยเฉพาะจากผู้บริหารและผู้ถือหุ้นกลุ่มใหม่ที่มีศักยภาพทางการเงิน การฟื้นธุรกิจนั้นเองส่วนมากก็เป็นลักษณะของการเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่ทำอยู่ บ่อยครั้งก็เป็นการนำกิจการที่มีกำไรมาใส่ในบริษัทซึ่งทำให้ดูเหมือนว่าบริษัทจะประสบความสำเร็จในการฟื้นตัวอย่างแน่นอน ผลก็คือ คนก็แห่กันมาเล่นหุ้นและทำให้ราคาปรับตัวขึ้นไปมากมาย บางทีเป็นสิบเท่าในเวลาไม่นาน องค์ประกอบของความสำเร็จในการฟื้นกิจการอีกอย่างหนึ่งที่เริ่มจะมองเห็นในช่วงเร็ว ๆ นี้ก็คือ การมี “Turnaround Artist” หรือนักฟื้นกิจการที่นักลงทุนเชื่อถือว่าจะสามารถทำการให้ประสบความสำเร็จ อย่างน้อยในด้านของการเพิ่มราคาหุ้นในระยะเวลาอันสั้น
CS อีกกลุ่มหนึ่งที่มีบางสิ่งบางอย่างใกล้เคียงกับหุ้นฟื้นตัวก็คือหุ้น “นัก Takeover” หรือบริษัทจดทะเบียนที่ใช้กลยุทธ์การเติบโตที่รวดเร็วโดยการซื้อกิจการไม่ว่าจะเป็นกิจการใหม่ที่เกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องกับกิจการเดิม หรือเป็นการเทคโอเวอร์กิจการแบบเดียวกันซึ่งก็จะยิ่งดีขึ้นไปอีกเนื่องจากบริษัทอาจจะได้ประโยชน์ในด้านของ Economies of Scale หรือการทำให้บริษัทมีขนาดใหญ่ขึ้นจนเกิดการประหยัดในด้านของต้นทุน บริษัทที่ทำการ “เทคโอเวอร์อย่างต่อเนื่อง” ดูเหมือนจะกลายเป็น CS ที่ตลาดให้มูลค่าที่สูงลิ่วและโตขึ้นไปเรื่อย ๆ ในช่วงเร็ว ๆ นี้ และก็เช่นเดียวกับเรื่องของหุ้น Turnaround ก็ก่อให้เกิด “Takeover Artist” หรือ “ศิลปิน” หรือเซียนทางด้านการควบรวมกิจการ ซึ่งก็จะกลายเป็นมหาเศรษฐีในแวดวงตลาดหุ้นไทย
หุ้นที่อาจจะถือว่าเป็น Concept Stock กลุ่มหนึ่งของตลาดหุ้นไทยโดยเฉพาะในอดีตย้อนหลังไปซัก 10 ปีก็คือหุ้นกลุ่ม Modern Trade หรือค้าปลีกสมัยใหม่ นี่คือบริษัทจดทะเบียนที่ค้าปลีกสินค้าผ่านเครือข่ายทั่วประเทศซึ่งเริ่มเติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็วแทนร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม เมื่อแนวคิดนี้เริ่มต้นขึ้นมาก็จะพบว่าเกิดจากสินค้าจำเป็นก่อน ต่อมาสินค้าอย่างอื่นก็เริ่มซื้อขายผ่าน Modern Trade มากขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นกระแส หุ้นในตลาดที่ทำธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่เกือบทุกตัวก็ทยอยปรับตัวขึ้นไปจากหุ้นที่มีค่า PE ประมาณ 10 เท่าหรือต่ำกว่าก็กลายเป็นหุ้นที่มี PE สูงลิ่วหลายสิบเท่าจนถึงปัจจุบัน
หุ้นที่จะเป็น CS นั้น น่าจะเป็นสิ่งที่นักลงทุนที่หวังสร้างผลกำไรหรือผลตอบแทนสูงต่างก็แสวงหา แนวทางนั้นน่าจะอยู่ที่การมองไปข้างหน้า ดูว่าอะไรเป็นสิ่งที่เราขาดแคลนและต้องการเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาสำคัญของประเทศหรือสังคมในขณะที่ผู้เล่นหรือผู้ผลิตหรือให้บริการมีไม่พอ ในอีกด้านหนึ่งการมองหา CS ก็อาจจะต้องเป็นเรื่องของการสังเกตหรือติดตามเหตุการณ์หรือเรื่องราวที่เกิดขึ้นรอบตัว มองว่ามีสินค้าใหม่อะไรที่คนกำลังเริ่มใช้มากขึ้นและมีแนวโน้มว่าจะใช้ต่อไปอีกนานและมีผู้ให้บริการที่เป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีศักยภาพสูงในการเข้ามาให้บริการหรือแข่งขัน แต่แม้ว่าเราจะชำนาญหรือมีประสบการณ์มากเพียงไรก็ยังเป็นเรื่องยากอยู่ดีที่จะบอกได้ชัดเจนว่าอะไรจะเป็น CS ในอนาคต ถ้าจะให้ผมเดาว่าภาคไหนของธุรกิจหรืออุตสาหกรรมอะไรที่น่าสนใจและอาจจะมีโอกาสเกิด CS ได้ ผมก็คิดว่าเรื่องของ Logistic ที่เกี่ยวกับการคมนาคมขนส่งเป็นกลุ่มหนึ่ง อีกกลุ่มหนึ่งก็อาจจะเป็นเรื่องของการขายปลีกผ่านช่องทางที่เกี่ยวข้องกับอินเตอร์เน็ตก็อาจจะมาได้ ว่าที่จริงในต่างประเทศก็เกิดขึ้นแล้ว นอกจากนั้นก็อาจจะมีเรื่องของธุรกิจที่ “ก้าวสู่ประชาคมอาเซียน” ที่ใกล้จะรวมเป็นหนึ่งเดียว เป็นต้น
ก่อนที่จะจบบทความผมคงต้องเตือนให้เห็นถึง “อันตราย” จากการเล่นหุ้น CS ด้วยว่ามันมาพร้อม ๆ กับผลตอบแทนสูงที่คาดว่าจะได้รับ ว่าที่จริงคนที่ขาดทุนอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ เหตุผลก็เพราะว่าเมื่อกลายเป็น “Concept” ไปแล้ว นักลงทุนก็มักคิดไปว่าหุ้นทุกตัวที่ทำธุรกิจหรือมีแนวทางการทำธุรกิจแบบนั้นก็จะต้องดีหรือประสบความสำเร็จไปด้วยซึ่งไม่จริง ดังนั้น ถ้าเราเข้าไปซื้อหุ้นโดยโดยเฉพาะที่ราคาขึ้นไปสูงมากแล้วเราก็อาจจะขาดทุนได้มาก นอกจากนั้น ค่าที่คนเชื่อและเข้าไปเล่นมาก ก็มีโอกาสที่จะเกิดการ “ฉ้อฉล” โดยผู้บริหารบริษัทเจ้าเล่ห์บางคนที่ต้องการ “ปั่นหุ้น” โดยอาศัย Concept ที่กำลังเป็นที่นิยม ตัวอย่างหุ้น Enron ในธุรกิจพลังงาน และหุ้น World Com ในกลุ่มสื่อสารของอเมริกาควรจะเป็นเรื่องเตือนใจพวกเราให้ระมัดระวังเป็นพิเศษเวลาคิดเล่นหุ้น CS
การลงทุนในหุ้นฟองสบู่ solar farm (บทความ ดร.นิเวศน์ )
เรื่องของ CS นั้น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดเวลาโดยเฉพาะในยามที่ตลาดหุ้นบูมเป็นกระทิง หุ้นที่จะเป็น CS นั้น จะเป็นบริษัทที่อยู่ในธุรกิจที่กำลังเป็นแนวโน้มหรือเป็นเทรนด์ใหม่ของเศรษฐกิจหรือสังคม ดังนั้น การเติบโตจะสูงมากและยังไม่มีผู้ชนะที่เด็ดขาดหรือชัดเจนหรือยังไม่รู้ว่าใครจะล้มเหลว ทุกบริษัทต่างก็มี “ความฝันที่ยิ่งใหญ่” นั่นคือ บริษัทจะเติบโตและทำกำไรเพิ่มขึ้นมหาศาล บริษัทที่อยู่ในตำแหน่งที่ดีก็จะมีคนเข้าไปซื้อมากมายทำให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นเหนือกว่ามูลค่าจากการประเมินราคาทุกวิธี บริษัทที่ดูเหมือนว่ายังไม่มีประสบการณ์พอหรือมีขนาดเล็กเองก็ยังได้ราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นเพียงแค่เอ่ยว่าจะเข้ามาทำธุรกิจหรือแค่เปลี่ยนชื่อบริษัท มาดูกันว่าอะไรที่เป็น เคยเป็น หรือมีโอกาสที่จะกลายเป็น Concept Stock ได้
กลุ่มแรกก็คือสิ่งที่ผมขึ้นต้นบทความนั่นก็คือ พลังงานทดแทน นี่คือ CS ที่กำลังร้อนแรงมากในตลาดหุ้นไทย ในระดับโลกเองนั้น ผมไม่ได้ศึกษาว่ากลุ่มหุ้นที่ทำพลังงานทดแทนนั้นเป็นหุ้น CS หรือไม่ ความรู้สึกก็คืออาจจะไม่ เพราะผมคิดว่าเรื่องนี้ในประเทศพัฒนานั้นมีการทำกันมานานแล้ว เทคโนโลยีเองก็ไม่ได้มีอะไรที่เป็นลักษณะของการ “ปฏิวัติ” อุตสาหกรรมพลังงานอะไร ว่าที่จริงในช่วงหลังที่มีการค้นพบวิธีการขุดก๊าซธรรมชาติ Shale Gas ที่ทำให้ได้ก๊าซราคาถูกในอเมริกา เทรนด์ของพลังงานทดแทนก็อาจจะชะลอตัวได้ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร การผลิตพลังงานทดแทนนั้น อาจจะไม่ใช่ธุรกิจที่ทำกำไรอะไรได้มากมายนัก เหตุผลอาจจะเพราะว่ามันยังเป็นพลังงานที่ยังไม่สามารถผลิตในเชิงพาณิชย์ล้วน ๆ ได้ ดังนั้น มันจึงไม่สามารถโตและทำกำไรได้ได้ด้วยตัวเอง
CS ที่มักจะก่อให้เกิดความร้อนแรงของราคาหุ้นกลุ่มต่อมาก็คือ หุ้น “Turnaround” นี่คือหุ้นของบริษัทที่ถูกทำให้ “ฟื้นตัว” จากภาวะวิกฤติของบริษัทโดยเฉพาะจากผู้บริหารและผู้ถือหุ้นกลุ่มใหม่ที่มีศักยภาพทางการเงิน การฟื้นธุรกิจนั้นเองส่วนมากก็เป็นลักษณะของการเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่ทำอยู่ บ่อยครั้งก็เป็นการนำกิจการที่มีกำไรมาใส่ในบริษัทซึ่งทำให้ดูเหมือนว่าบริษัทจะประสบความสำเร็จในการฟื้นตัวอย่างแน่นอน ผลก็คือ คนก็แห่กันมาเล่นหุ้นและทำให้ราคาปรับตัวขึ้นไปมากมาย บางทีเป็นสิบเท่าในเวลาไม่นาน องค์ประกอบของความสำเร็จในการฟื้นกิจการอีกอย่างหนึ่งที่เริ่มจะมองเห็นในช่วงเร็ว ๆ นี้ก็คือ การมี “Turnaround Artist” หรือนักฟื้นกิจการที่นักลงทุนเชื่อถือว่าจะสามารถทำการให้ประสบความสำเร็จ อย่างน้อยในด้านของการเพิ่มราคาหุ้นในระยะเวลาอันสั้น
CS อีกกลุ่มหนึ่งที่มีบางสิ่งบางอย่างใกล้เคียงกับหุ้นฟื้นตัวก็คือหุ้น “นัก Takeover” หรือบริษัทจดทะเบียนที่ใช้กลยุทธ์การเติบโตที่รวดเร็วโดยการซื้อกิจการไม่ว่าจะเป็นกิจการใหม่ที่เกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องกับกิจการเดิม หรือเป็นการเทคโอเวอร์กิจการแบบเดียวกันซึ่งก็จะยิ่งดีขึ้นไปอีกเนื่องจากบริษัทอาจจะได้ประโยชน์ในด้านของ Economies of Scale หรือการทำให้บริษัทมีขนาดใหญ่ขึ้นจนเกิดการประหยัดในด้านของต้นทุน บริษัทที่ทำการ “เทคโอเวอร์อย่างต่อเนื่อง” ดูเหมือนจะกลายเป็น CS ที่ตลาดให้มูลค่าที่สูงลิ่วและโตขึ้นไปเรื่อย ๆ ในช่วงเร็ว ๆ นี้ และก็เช่นเดียวกับเรื่องของหุ้น Turnaround ก็ก่อให้เกิด “Takeover Artist” หรือ “ศิลปิน” หรือเซียนทางด้านการควบรวมกิจการ ซึ่งก็จะกลายเป็นมหาเศรษฐีในแวดวงตลาดหุ้นไทย
หุ้นที่อาจจะถือว่าเป็น Concept Stock กลุ่มหนึ่งของตลาดหุ้นไทยโดยเฉพาะในอดีตย้อนหลังไปซัก 10 ปีก็คือหุ้นกลุ่ม Modern Trade หรือค้าปลีกสมัยใหม่ นี่คือบริษัทจดทะเบียนที่ค้าปลีกสินค้าผ่านเครือข่ายทั่วประเทศซึ่งเริ่มเติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็วแทนร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม เมื่อแนวคิดนี้เริ่มต้นขึ้นมาก็จะพบว่าเกิดจากสินค้าจำเป็นก่อน ต่อมาสินค้าอย่างอื่นก็เริ่มซื้อขายผ่าน Modern Trade มากขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นกระแส หุ้นในตลาดที่ทำธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่เกือบทุกตัวก็ทยอยปรับตัวขึ้นไปจากหุ้นที่มีค่า PE ประมาณ 10 เท่าหรือต่ำกว่าก็กลายเป็นหุ้นที่มี PE สูงลิ่วหลายสิบเท่าจนถึงปัจจุบัน
หุ้นที่จะเป็น CS นั้น น่าจะเป็นสิ่งที่นักลงทุนที่หวังสร้างผลกำไรหรือผลตอบแทนสูงต่างก็แสวงหา แนวทางนั้นน่าจะอยู่ที่การมองไปข้างหน้า ดูว่าอะไรเป็นสิ่งที่เราขาดแคลนและต้องการเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาสำคัญของประเทศหรือสังคมในขณะที่ผู้เล่นหรือผู้ผลิตหรือให้บริการมีไม่พอ ในอีกด้านหนึ่งการมองหา CS ก็อาจจะต้องเป็นเรื่องของการสังเกตหรือติดตามเหตุการณ์หรือเรื่องราวที่เกิดขึ้นรอบตัว มองว่ามีสินค้าใหม่อะไรที่คนกำลังเริ่มใช้มากขึ้นและมีแนวโน้มว่าจะใช้ต่อไปอีกนานและมีผู้ให้บริการที่เป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีศักยภาพสูงในการเข้ามาให้บริการหรือแข่งขัน แต่แม้ว่าเราจะชำนาญหรือมีประสบการณ์มากเพียงไรก็ยังเป็นเรื่องยากอยู่ดีที่จะบอกได้ชัดเจนว่าอะไรจะเป็น CS ในอนาคต ถ้าจะให้ผมเดาว่าภาคไหนของธุรกิจหรืออุตสาหกรรมอะไรที่น่าสนใจและอาจจะมีโอกาสเกิด CS ได้ ผมก็คิดว่าเรื่องของ Logistic ที่เกี่ยวกับการคมนาคมขนส่งเป็นกลุ่มหนึ่ง อีกกลุ่มหนึ่งก็อาจจะเป็นเรื่องของการขายปลีกผ่านช่องทางที่เกี่ยวข้องกับอินเตอร์เน็ตก็อาจจะมาได้ ว่าที่จริงในต่างประเทศก็เกิดขึ้นแล้ว นอกจากนั้นก็อาจจะมีเรื่องของธุรกิจที่ “ก้าวสู่ประชาคมอาเซียน” ที่ใกล้จะรวมเป็นหนึ่งเดียว เป็นต้น
ก่อนที่จะจบบทความผมคงต้องเตือนให้เห็นถึง “อันตราย” จากการเล่นหุ้น CS ด้วยว่ามันมาพร้อม ๆ กับผลตอบแทนสูงที่คาดว่าจะได้รับ ว่าที่จริงคนที่ขาดทุนอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ เหตุผลก็เพราะว่าเมื่อกลายเป็น “Concept” ไปแล้ว นักลงทุนก็มักคิดไปว่าหุ้นทุกตัวที่ทำธุรกิจหรือมีแนวทางการทำธุรกิจแบบนั้นก็จะต้องดีหรือประสบความสำเร็จไปด้วยซึ่งไม่จริง ดังนั้น ถ้าเราเข้าไปซื้อหุ้นโดยโดยเฉพาะที่ราคาขึ้นไปสูงมากแล้วเราก็อาจจะขาดทุนได้มาก นอกจากนั้น ค่าที่คนเชื่อและเข้าไปเล่นมาก ก็มีโอกาสที่จะเกิดการ “ฉ้อฉล” โดยผู้บริหารบริษัทเจ้าเล่ห์บางคนที่ต้องการ “ปั่นหุ้น” โดยอาศัย Concept ที่กำลังเป็นที่นิยม ตัวอย่างหุ้น Enron ในธุรกิจพลังงาน และหุ้น World Com ในกลุ่มสื่อสารของอเมริกาควรจะเป็นเรื่องเตือนใจพวกเราให้ระมัดระวังเป็นพิเศษเวลาคิดเล่นหุ้น CS