[Spoil] The Lobster จะมาสปอยล์ทุกฉาก วิเคราะห์ทุกซีน วิจารณ์ทุกมุม เพื่อนๆล่ะดูแล้วคิดไงกันบ้าง^^

ไปดู The Lobster มาในวันลอยกระทงที่ผ่านมาล่ะ สปอยล์ทุกซีนนะคะ หนังเรื่องนี้อินดี้มากกกกกกกก และมันเป็นหนังเสียดสีจิกกัดสังคมได้เจ็บแสบฝุดๆ และโคตรจะจริง แล้วแทนที่จะนำเสนอแบบตรงๆอย่างหนังเรื่อง American Beauty แต่หนังเลือกที่จะนำเสนอแบบกวนๆ ผ่านสัญลักษณ์ต่างๆให้คนดูมองหาและตีความกันเอง ก็แปลกดีนะ ลูกเล่นของบทหนังนี่คือแพรวพราวมาก นับได้ว่านี้เป็นหนึ่งในหนังที่ดูยากมาก และหนังไม่ได้เข้าข้างฝ่ายไหนนะ คือมีโดนด่าด้วยกันทั้งคู่ ทั้งฝ่ายที่โสดและไม่โสด

มันเป็นหนังสงครามค่ะ สงคราม “คนโสด” กะ “คนมีคู่” (ไม่ใช่สงคราม “คนโสด” กะ “คนมีความรัก” นะ เพราะพอดูหนังจบ ก็เข้าใจเลยว่า คนมีคู่กับคนมีความรักไม่จำเป็นต้องเป็นคนๆเดียวกัน อันที่จริง หนังสื่อสารออกมาอย่างใจร้ายด้วยซ้ำว่า น้อยครั้งที่คนสองจำพวกนี้จะเป็นคนๆเดียวกัน หนังเค้าสื่อแรงจิงๆ)

เปิดเรื่องด้วยฉากหญิงสูงอายุคนนึงขับรถไปเพื่อจะไปฆ่าลาตัวนึง เพราะความโมโหอะไรสักอย่างที่มีกับเจ้าลาตัวนั้น (ฉากนี้เหมือนแค่ต้องการเปิดเรื่องแบบฉีกอารมณ์คนดูเฉยๆ แบบปลุกให้ตื่นและเป็นการสัญญาว่า เตรียมรอดูอะไรแปลกใหม่ที่หนังกำลังจะนำเสนอได้เลย ที่บอกแบบนี้เพราะหนังไม่ได้พูดถึงหญิงชรากับเจ้าลาที่น่าสงสารอีกเลยว่าเป็นใคร หรือเคยเป็นใคร โกรธอะไรกันมาจ๊ะ หนังให้ดูแค่นี้)

ตัดมาที่ เดวิด(พี่โคลิน เรื่องนี้พี่แกเพิ่มน้ำหนักซะหมดหล่อจำแทบไม่ได้) ชายที่เพิ่งถูกเมียทิ้งไปหาชายอื่น เค้าถามตัวละคร(offscreen)ถึงชายชู้คนนั้นว่า ชายคนนั้นเป็นยังไง สายตาสั้นหรือเปล่า แล้วใส่แว่นหรือคอนแทคส์เลนส์ (ถามแปลกๆเนอะ และเน้นถามอยู่แค่เรื่องนี้ซะด้วย?!?!)

พอโดนทิ้ง เดวิดจึงต้องถูกพาไปที่ The Hotel เพื่อหาคู่ให้ได้ภายใน 45 วัน ถ้าหาไม่ได้ เค้าจะต้องกลายเป็นสัตว์ที่เค้าเลือกไว้ โดยเค้ายังพาสุนัขไปอยู่ด้วย ชื่อ บ๊อบ ซึ่งอันที่จริงมันคือพี่ชายของเขาที่เคยมาที่โรงแรมแห่งนี้และหาคู่ไม่ได้เลยต้องกลายเป็นหมาหลังครบ 45 วันนั่นเอง บรรยากาศในโรงแรมเงียบเหงาและเย็นชามาก(เอ๊ะ ทำไมนะ) ในโรงแรมมีตัวละครโดดเด่น(แต่ไม่ค่อยมีชื่อเรียกกันค่ะ)คือ
-    ฝ่ายคนโสด นอกจากพระเอก ได้แก่ ชายขากะเผลก, สาวเลือดกำเดาไหล, สาวชอบกินบิสกิต, สาวนักล่าโหด, สาวผมสวย
-    ฝ่ายโรงแรม ได้แก่ ผจก โรงแรม กับสามีของนาง และมีmaidประจำโรงแรมอีกหนึ่งคน

สำหรับเหตุผลที่พระเอกเลือกจะไปเป็น lobster นั้น พระเอกบอก ผจก โรงแรมว่า เพราะ lobster มีอายุยืนเป็นร้อยปี ได้อยู่ในทะเล(พระเอกชอบทะเลและการว่ายน้ำ) ผสมพันธุ์ได้ตลอด และก็มีเลือดเป็นสีฟ้าซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนเป็นคนชนชั้นสูง(Blue blood)

ที่โรงแรม มีกิจกรรมสนับสนุนให้คนมีคู่มากมาย เช่น งานเต้นรำ การอบรมข้อดีของการมีคู่และข้อเสียของการเป็นโสด (แต่รูปแบบการอบรมจะมีบรรยากาศแบบเหมือนการล้างสมองมากกว่า) ตลอดจนมีกิจกรรมการออกล่าคนโสดด้วยปืน(!!) เป็นปืนยาสลบค่ะ(แล้วไปๆ) แต่ก็ล่ากันโหดอยู่ดี ถ้าล่าได้กี่คนก็จะได้จำนวนวันของการเป็นคนเพิ่ม เรียกได้ว่า ล่าเพื่อนคนโสดด้วยกันเพื่อต่ออายุความเป็นคนของตัวเอง

ชายขากะเผลกไม่ต้องการกลายเป็นสัตว์ จึงไปจีบสาวเลือดกำเดาไหล โดยแกล้งทำร้ายตัวเองให้เลือดกำเดาไหลบ่อยๆ เพื่อให้มี something in common กับสาวเลือดกำเดา นางหลงเชื่อ คุยไปคุยมา จนได้เป็นคู่กัน ทางโรงแรมจึงประกาศแสดงความยินดีและย้ายทั้งคู่ไปอยู่ด้วยกันในห้องคู่ และต่อด้วยเรือยอต์ช(ด่านทดสอบสุดท้าย)ตามลำดับ

ส่วนสาวผมสวยผู้เป็นเพื่อนสนิทกับสาวเลือดกำเดาไหลยังหาคู่ไม่ได้ จนพอถึงวันสุดท้ายของนาง ตามกฎจะได้รับอนุญาตให้ทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ ซึ่งวันนี้เอง ที่สาวเลือดกำเดาไหลถือกระดาษที่ร่างสุนทรพจน์มาอย่างดีเพื่อมาบรรยายให้สาวผมสวยฟังว่า เธอเสียใจแค่ไหน และเธอและคู่ของเธอจะไม่ลืมนึกถึงสาวผมสวย บลาๆๆ แบบสไตล์เพื่อนรักทำใส คือจริงๆจะมาเย้ยหยัน จนสาวผมสวยทนไม่ไหว ตบหน้าเพื่อนทำใสไปหนึ่งฉาด(ดีค่ะดี) แล้ววันรุ่งขึ้น พอสาวผมสวยต้องกลายเป็นม้าไปแล้ว สาวเลือดกำเดาก็พาชายขากะเผลก คู่ของนาง ไปหาเจ้าม้า ก่อนที่นางจะทำเป็นลูบหงลูบหัวบอกลาเจ้าม้า คือจะมาเยาะเย้ยงั้นสินะ แล้วค่อยเดินกลับมามุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งกะชายขากะเผลกต่อ (นี้เป็นฉากที่หนังเน้นอยู่)

ทางด้านสาวชอบกินบิสกิต มักจะมาจีบและให้ท่า(สารพัด) กะเดวิด พระเอกของเรา แต่พระเอกไม่เล่นด้วย และไม่ชอบนางเอามากๆ หาทางหนีสุดชีวิต จนนางเนียนบ่นให้ฟังว่า จะฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดตึกโรงแรมถ้าหาคู่ไม่ได้ ซึ่งต่อมานางก็ทำจริงๆ

เดวิด(ผู้เริ่มกลัวหาคู่ไม่ได้ จึงใช้วิธีเดียวกับชายขากะเผลก) ใช้การฆ่าตัวตายของสาวบิสกิตเป็นช่องทางในการจีบสาวนักล่าโหด(นางโหดเพราะนางเย็นชามากและสามารถล่าคนโสดด้วยปืนยาสลบได้สถิติสูงสุดในโรงแรม) โดยพระเอกสร้างภาพว่า ตัวเองเป็นคนโหดเหี้ยมเหมือนกัน ผ่านการพูดจาสาปแช่งสาวกินบิสกิตให้ตายทรมานๆ และสร้างภาพความเป็นคนโหดแบบนี้ไปสักพัก จนสาวนักล่าโหดตกลงเป็นคู่กับเดวิดของเรา เพราะมี something in common
พระเอกของเราก็แอ๊บโหดไปเรื่อยๆ แม้แต่ไปทำร้ายเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ(OMG!) แต่แล้วสาวนักล่าโหดก็ทดสอบเดวิดด้วยการฆ่าบ๊อบ(อย่างทรมาน) เจ้าหมาที่เป็นพี่ชายของพระเอก พระเอกแอ๊บโหดต่อไม่ไหว ร้องไห้ออกมา นางจึงจับได้ และพาพระเอกไปหา ผจก โรงแรมเพื่อรับการลงโทษ แต่พระเอกได้รับความช่วยเหลอจาก maid โรงแรมจึงหนีมาได้ และจับสาวนักล่าโหดไปเป็นเปลี่ยนเป็นสัตว์อะไรซักอย่างแต่หนังไม่เฉลยว่าให้นางเป็นตัวอะไร

พระเอกหนีออกจากโรงแรมมาเจอกลุ่ม Loner เป็นกลุ่มคนโสดที่อาศัยอยู่ในป่า เหมือนพวกนอกรีตอะไรประมาณนั้น โดยมีหัวหน้าสุดเคร่งครัด (Lea Seydoux สาวบอนด์ภาคล่าสุด) โดยกลุ่มนี้ตรงข้ามกับ The Hotel โดยกลุ่มนี้ ห้ามมีคู่ ห้ามเต้นรำด้วยกัน คุยกันได้แต่ห้ามจีบกัน เป็นเพื่อนกันได้อย่างเดียว ถ้าฝ่าฝืนจะเจอบทลงโทษสุดโหด และทุกคนต้องขุดหลุมฝังศพตัวเอง จะไม่มีใครขุดให้ใคร และถ้าใครตาย เพื่อนๆจะแค่เอาดินกลบหลุมให้ค่ะ เวลากลุ่มนี้ส่งตัวแทนเข้าไปในเมืองเพื่อซื้อข้าวของที่จำเป็น ต้องไปกันเป็นคู่ชายหญิงหลอกให้เหมือนว่าเป็นสามีภรรยากัน เพราะไม่งั้นจะโดนจับ!!! คือถ้าเห็นคนยืนคนเดียว จนท สามารถเดินเข้าไปขอดูใบทะเบียนสมรสได้ว่า โสดหรือแต่งงานแล้ว (โลกช่างโหดร้าย T-T)

ในกลุ่มนี้ มีสาวผมดำอยู่คนนึงที่พระเอกสนใจ และยิ่งพอรู้ว่าเธอสายตาสั้น(เหมือนพระเอกของเราเช่นกัน) เค้ายิ่งชอบนางเข้าไปใหญ่(??) นอกจากนี้ พอพระเอกเกิดระแวงว่า จะมีคนมีจีบเธอ หรือนางกำลังมีใจให้ใครหรือเปล่า พระเอกระแวงมากเลยว่าชายคนนั้นสายตาสั้นหรือเปล่า จนใช้กำลังบังคับกับชายคนนั้นจนพระเอกแน่ใจว่า ชายคนนั้นสายตาปกติ พระเอกของเราโล่งใจมากค่ะ(??)

หนังยังเฉลยอีกว่า Maid โรงแรมแท้จริงแล้วเป็นไส้ศึก เพราะนางเป็นสมาชิกของกลุ่ม Loner

กลุ่ม Loner ทำการบุกไปที่ The hotel เพื่อปฎิบัติภารกิจล้างแค้น โดยหัวหน้าสาวได้จัดการกับ ผจก โรงแรมและสามี โดยถามฝ่ายสามีว่า ระหว่างสองคน ใครน่าจะอยู่คนเดียวได้มากกว่า พอสามีเลือกตัวเอง หัวหน้ากลุ่ม Loner ก็ให้ปืนไปยิงภรรยาตัวเองทิ้ง ก่อนที่จะเฉลยว่า แท้จริงแล้วปืนไม่มีลูก แล้วกลุ่ม Loner ก็จากไป ส่วนเดวิดรับอาสาไปจัดการคู่ชายขากะเผลกและสาวเลือดกำเดาไหล โดยเดวิดไปแฉเรื่องที่ชายขากะเผลกแกล้งเลือดกำเดาไหลมาตลอดเวลา ก่อนเดวิดจะจากไป

ในขณะที่อยู่ในกลุ่ม Loner ความสัมพันธ์ระหว่างสาวผมดำสายตาสั้นกับพระเอกเดวิดของเราก็พัฒนาไปเรื่อยๆ แต่แล้ววันนึง หัวหน้าสาวของกลุ่ม Loner จับได้ เพราะมีคนเจอ diary ที่สาวสายตาสั้นทำตกไว้ นางจึงไปเนียนขู่พระเอกด้วยการสั่งให้พระเอกขุดหลุมฝังศพตัวเอง และหลอกพาสาวสายตาสั้นไปทำผ่าตัดทำเลสิคในเมืองให้สายตาเป็นปกติ แต่จริงๆแล้วพาไปให้หมอทำให้นางตาบอด (โหดจุง) พอพระเอกรู้ความจริง วันหนึ่งพระเอกจึงคิดแผนหนีไปกับนางเอก โดยไปแอบทำร้ายหัวหน้ากลุ่ม(นังตัวแสบ)จนสลบไป แล้วจึงแอบหนีไปกับนางเอก

ในฉากจบ ที่ทั้งสองหนีกันมาถึงในตัวเมือง พระเอกกำลังจะไปทำให้ตัวเองตาบอดเหมือนกับนางเอก (โดยการใช้มีดแทงตาตัวเอง!!!) แต่หนังไม่ให้เห็นฉากนั้น แล้วหนังก็ตัดกลับมาฉากที่นางเอกนั่งรอพระเอกกลับออกมาจากห้องน้ำ จากนั้นหนังก็จบ โดยไม่ได้ให้เห็นว่า สรุปพระเอกได้ทำให้ตัวเองตาบอดหรือเปล่า หรือว่าพระเอกกลับออกมาหานางเอกมั๊ย คือจบแบบที่ทำให้นึกถึงหนัง Inception ที่ก็ไม่เฉลยให้เคลียร์ไปเลยว่าสรุปคือยังไง ซึ่งจุดนี้ก็เป็นหนึ่งในฉากที่หนังทิ้งความเป็นไปได้ไว้มากมายให้ตีความกันเอาเอง.....
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
ทำไมหนังไม่ให้เห็นฉากจบว่าสรุปแล้วพระเอกได้ทำตัวเองตาบอดเหมือนนางเอกหรือเปล่า.....

อันนี้แรงจริง คืออย่างที่บอกไป “ความสายตาสั้น” ในเรื่อง The Lobster คือตัวแทนของ “คุณสมบัติที่มองหาในคู่ของเรา” ซึ่งอาจเป็นอะไรก็ได้ แล้วแต่คน แต่ถ้าวันนึงคนที่เราชอบดันทำคุณสมบัติบางประการในตัวเขาที่เราชอบมากนักหนาหล่นหายไป ไม่ว่าตั้งใจหรือไม่ เรายังพร้อมจะ “ไปต่อ” กันหรือเปล่า เช่น ในปัจจุบัน ก็มีหลายคู่ที่คบกันเพราะคุณสมบัติอย่างความรวย ดังนั้น พอฝ่ายนึงขาดคุณสมบัติดังกล่าวไป ถึงจุดๆนึง อีกฝ่ายพร้อมจะขาดคุณสมบัติดังกล่าวไปด้วยกันหรือเปล่าล่ะ อันนี้ ความเป็นไปได้ช่างมากมายนักค่ะ หนังจึงเลือกจบแบบทิ้งความไปได้ไว้มากมายเหลือเกิน.....
ความคิดเห็นที่ 23
เพิ่งเดินออกจากโรงมาหมาดๆ นั่งคิดกลับมาตลอดทาง คือ รู้สึกว่าหนังพูดเรื่องหนึ่ง ซ้ำหนักๆตลอดเวลา แต่เราคิด
คำไม่ออก จนมาเจอคำหนึ่งของ คุณ จขกท "คุณสมบัติ" ทำไมโลกนี้มันช่างหมกมุ่นกับ"คุณสมบัติ"นัก
เป็นสิ่งที่เรารู้สึกกับหนังเรื่องนี้

กลุ่มคนโสดอยากมีคู่ คนมีคู่ และกลุ่มคนทำงานที่โรงแรม ทำให้นึกถึงคำถาม มีแฟนรึยัง แต่งงานเมื่อไหร่ล่ะ
โดยเฉพาะป้าเจ้าของโรงแรมที่ช่างทำให้นึกถึง คนป้าๆที่มักจู่โจมด้วยคำถามแบบนี้เสมอ การมีคู่ คือ"คุณสมบัติ"
ที่มนุษย์ต้องมี และต้องการจะมี คือสิ่งที่คนกลุ่มนี้ยึดมั่น รวมไปถึงคนทั่วไปที่ได้รับการยอมรับอยู่ในเมืองเช่นกัน
การมีคู่ จึงเป็นบรรทัดฐานของสังคม เป็นคุณสมบัติที่คนส่วนใหญ่หมกมุ่นเหลือเกิน

กลุ่มคนโสด เริ่ด เชิด ก็บ้า"คุณสมบัติ"ไม่แพ้กัน พวกเราแข็งแกร่งพอที่จะอยู่คนเดียว ตายคนเดียว และจริงใจ
ดีกว่าอยู่แบบเปลือกๆแบบที่สังคมตัดสินว่าดี มองผ่านๆก็รู้สึกว่าเท่ห์ดี เป็นกลุ่มคนเท่ห์ๆในสังคม แต่มันเริ่มจะ
ลามปามเหยียดหยามคนอื่นว่า ไร้คุณสมบัติ และไม่แข็งแกร่งพอ จนบางครั้งเข้าใจไปเองว่าตัวเองมีหน้าที่ไป
กระเทาะเปลือกชาวบ้าน นี่ก็บ้าจนคุกคามคนอื่นเกินไป

สุดท้าย ... พระเอก ชายผู้หมกมุ่นกับคุณสมบัติสายตาสั้น เสียเหลือเกิน ... เราเห็นว่าจริงๆแล้วพระเอกก็เคยปรับ
เพิ่มคุณสมบัติตัวเองแบบสุดโต่ง เพื่อให้มีคู่ แต่สุดท้ายแล้ว คือ ไม่ไหว จนกระทั่งเจอใครสักคนที่มีคุณสมบัติตรงกัน
แบบที่ไม่ต้องปรับเปลี่ยนอะไร จนเข้าใจว่า เราเกิดมาเพื่อกันและกัน ... คำถามสุดท้ายในเรื่อง จึงเกิดขึ้น ด้วย
เงื่อนไขที่สุดโต่งในการเปลี่ยนแปลง สำหรับเรา ทางเลือกตอนจบมีสามทาง
1. เลือกที่จะ มองไม่เห็น จริงๆ  เพื่อพิสูจน์สิ่งที่เชื่อมาตลอดว่า คุณสมบัติ เป็นสิ่งสำคัญอย่างแท้จริงในการมีคู่
2. เลือกที่จะทิ้งเธอไว้อย่างนั้น เพราะ ไม่มีคุณสมบัติที่เข้ากันแล้ว คุณสมบัติจึงเป็นเพียงเครื่องมือในการหาคู่เท่านั้น
3. เลือกเดินกลับไปโกหกว่า ฉันมองไม่เห็นเหมือนเธอแล้ว อย่างที่คนทั่วๆไป(ในเรื่อง)เขาทำกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่