ที่ต้องการแชร์ประสบการเรื่องนี้เพราะหาข้อมูลบางอันไม่ชัดเจน และเผื่อเป็นประโยชน์ครับ
สาเหตุการขาด จากการเล่นวอลเลย์บอล จังหวะกระโดดตีบอล มีความรู้สึกเจ็บบริเวณเข่า ต้องหามกันออกมานอกสนาม ตอนนั้นยังไม่ทราบสาเหตุ ยังไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร ตอนเกิดเป็นช่วงเวลาเย็น เลยไปพบหมอที่โรงพยาบาลประกันสังคม เป็นหมอเวร หมอทำการ X-ray แล้วแจ้งผลว่า กระดูกไม่มีปัญหาอะไร น่าจะเข่าซ้น พันเข่าไว้ ให้ยาแก้ปวดมากิน หลังจากนั้น อาการปวดหายไป แต่มีความรู้สึกยังเจ็บจี๊ดๆ อยู่ที่เข่า และไม่สามารถนั้งชันเข่าไหว้พระได้ ผ่านไป 1 เดือน อาการเจ็บเริ่มทุเลา ก็เลยกลับไปลองเล่นวอลเลย์อีกครั้ง แต่กระโดดแค่ครั้งเดียว เจ็บที่เข่ามาก จึงไปหาหมออีกครั้ง
พบหมอ วันที่ไปหาหมอรอบสอง เป็นหมอข้อและกระดูก หมอถามอาการ ลองขยับขา แล้วบอกว่า ให้ไปพบหมออีกท่านที่เป็นหมอศัลยกรรมกระดูก พอไปพบหมออีกท่าน หมอขยับเข่าดูบอกว่าเอ็นไขว้หน้าน่าจะขาด ให้ทำการ MRI หมอส่งไปทำ MRI ที่ประชาชื่น นำผลไปพบหมออีกครั้ง หมอบอกเอ็นไข้วหน้าขาด แนะนำให้ผ่าตัด ตอนนั้นถามหมอว่า จะผ่าเลยหรือไม่ ผมยังไม่แน่ใจ เลยแจ้งหมอว่าขอกลับไปเครียเรื่องงานก่อน หมอเลยนัดให้พบอีกครั้ง ก่อนวันไปพบหมอตามนัดก็หาข้อมูล เกี่ยวกับการผ่าตัดเอ็นไขว้หน้าจาก อินเตอร์เนต ซึ่งมีเยอะแยะไปหมด จนสุดท้ายตัดสินใจผ่าตัด ทำเรื่องลาที่ทำงาน และเตรียมตัวเข้าผ่าตัด และวันที่หมอนัดก็แจ้งว่าจะผ่าตัด
การผ่าตัด ก่อนวันผ่าตัด 1 วัน ไปนอนโรงพยาบาล พยาบาลแจ้งให้งดอาหารตอนเที่ยงคืน ประมาณตีห้า พยาบาลมาให้น้ำเกลือเตรียมผ่าตัด พยาบาลแจ้งว่า จะผ่าตัดช่วงเวลาประมาณ 09.00 น. พอถึงเวลา มีรถเข็นมารับ พาไปที่รอห้องเตีรยมการผ่าตัด เริ่มผ่าตัดประมาณ 11.00 น. พยาบาลพาไปที่ห้องผ่าตัด บรรยากาศคล้ายตลาดนัด เสียงเจี้ยวจ้าวไปหมด นอนรอสักพัก พยาบาลเอาอะไรไม่รู้แปะที่ตัวและมีที่วัดชีพจรมาหนีบที่นิ้ว มีที่วัดความดันมัดที่แขน จากนั้นให้หันข้างและ งอเข่า พยาบาลบอกว่า จะทำการบล๊อกหลัง (อันนี้ผมกังวลมาก เพราะอ่านในอินเตอร์เนตบอกว่า ถ้าหลังจากผ่าตัดแล้วฉี่ไม่ออก จะมีการสวนท่อฉี่) ตอนแรกนึกว่า บล๊อกหลังจะเจ็บ แต่ผมนี่ไม่รู้สึกเจ็บเลย เฉย ๆมาก พอฉีดยาชาเข้าไป พยาบาลบอกให้พลิกตัวจัดท่า แล้วเริ่มผ่าตัด ตอนที่ช่วงล่างชาๆ ไม่มีความรู้สึกอะไร แต่จิตสำนึกของผมนี่กลัวๆ เลยทำให้ตัวสั่น ๆ ได้ยินเสียงพยาบาลว่า ขอสวนฉี่นะ ตอนนั้นไม่รู้สึกอะไรแล้วไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาสวนตอนใหน หมอผ่าตัดไปสักพัก ก็ให้ดูไปจอ บอกว่า เอ็นไขว้หน้าขาดนะ หมอนรองกระดูกไม่เป็นอะไร แล้วชี้ ๆให้ดู ผ่านไปสักพัก ก็ให้ดูอีก บอกว่า อันนี้ทำให้ใหม่แล้ว ทำการผ่าตัดไปประมาณ 1.30 ชม. ผ่าตัดเสร็จหมอให้เบอร์โทรร้านที่ต้องซื้อสนับเข่า หมอบอกราคาถูก (ประมาณ 2000 บาท) หลังจากนั้นไปพักที่ห้องพักหลังผ่าตัด ประมาณ 1 ชม. พยาบาลก็พาไปห้องพักที่เราจองไว้ ช่วงนั้นนอนนิ่ง ๆ ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าเขายังสวนฉี่เราอยู่ เพราะยาชายังไม่หมดฤทธิ์ เวลาประมาณ 17.00 น. พยาบาล บอกให้ลุกขึ้นนั่ง ผมลองขยับขาดู ข้างที่ผ่า ขยับไม่ได้ รู้สึกเจ็บมาก หลังยาชาหมด แล้วก็รู้สึกแปร๊บ ๆ บริเวณที่สวนฉี่ด้วย เพราะเขายังไม่เอาออก มีสายเลือดอีกกระปุก ที่ต่อออกมากจากบริเวณผ่าตัด พยาบาลบอกว่าจะได้ดูว่าเลือดหยุดใหลหรือไม่ ถ้าหยุดก็กลับบ้านได้ ตอนนั้นนอนไม่หลับ ขอยาแก้ปวดไป แต่กลางคืนนอนได้ปกติ ไม่ปวดเท่าไหร่ พักอยู่ที่โรงพยาบาล 3 คืน วันที่ 2 หลังผ่าพยาบาลมาดึงสายสวนฉี่ออก (ตอนดึงออกนี่ พระเจ้า เจ็บมาก)พร้อมขู่ว่า ถ้าฉี่ไม่ออก ต้องสวนอีก ผมนี่พยายามอย่างหนักเลย แต่จิง ๆ ไม่ยากเลย เพราะผ่านไปหลายวันยาชาไม่มีผลแล้ว ฉี่ออกสบาย หลังจากนั้นก็เตรียมตัวออกเพื่อมาพักที่ห้องเช่า ก่อนออกหมอถอดสายเลือดออก และให้ใส่เฝีอกอ่อนพร้อมสนับเข่า ปรับองศาไปที่ศูนย์องศา ลองใช้ไม่ค้ำ หมอนัดอีกครั้งหลังผ่า 3 สัปดาห์
ผมใช้สิทธิประกันสังคม ทุกอย่างไม่เสียค่าใช้จ่าย ยกเว้นเรื่องห้องพิเศษที่เกินสิทธิจากประกันสังคม
ช่วงพักฟื้น นอนอย่างเดียว มีความรู้สึกเมื่อย ๆ ก้อได้แค่พลึกตัวไปมา ลำบากสุดตอนเข้าห้องน้ำ ปวดหนักต้องเข้า แต่ปวดฉี่ก็อฉี่ใส่ที่เตรียมไว้ (คนที่ผ่าต้องมีคนดูแลนะครับ เพราะทำอะไรไม่ได้เลย จะลุกจะนั่งลำบากมาก) หาข้อมูลในอินเตอร์เนตเรื่องกายภาพบำบัด เนื่องจากหมอไม่ได้บอกอะไรเลย กลัวว่าจะกลับมาเดินไม่ได้ ก็เลยทำตามที่ศึกษาบ้าง ระยะแรกที่กังวลคือ ยกขาจากพื้นไม่ได้ ไม่มีแรง กังวลมาก หาข้อมูลในอินเตอร์เนต ก็ไม่ชัดเจนเท่าไหร่ ก็พยายามยกบ้างเหยียดบ้าง หัดเดินด้วยไม้เท้าทุกวัน ตอนนั้นเป็นเผือกอ่อน ได้แต่เช็ดตัว วันใหนอยากอาบน้ำสระผม ก็เอาถุงพลาสติกคลุมเฝือกอ่อน แล้วอาบ รู้สึกสดชื้นมาก
วันหมอนัดครั้งที่ 1 (หลังผ่าตัดประมาณ 15 วัน)หมอดูแผลแล้วบอกแผลแห้งแล้ว หมอบอกให้ตั้งสนับเข่าไปที่ 30 องศา และให้ตัดใหม (จิงๆ จะเรียกใหมหรือเปล่าไม่รู้ มันคือแม๊กคล้ายแม๊กเย็บกระดาษนี่แหละ) ตอนนั้นก็กลัวๆ เหมือนกัน ว่าจะเจ็บมากมั้ย พอไปเอาแม๊กออกจิง ๆ ไม่เจ็บเลยสักนิด แค่รู้สึกเสียวหน่อย ๆ เท่านั้นเอง 555 ขำตัวเอง กังวลกว่าตอนสวนฉี่ด้วย เสร็จแล้วกลับห้องเช่า หมอนัดอีก 1 เดือน
หลังกลับจากพบหมอพยายามยกขาขึ้นจากพื้น ปรากฏว่ายกขึ้นได้ ดีใจมาก หายกังวลไป ช่วงนี้เริ่มที่จะไม่ใช้ไม้ค้ำ หัดเดินโดยไม่ใช้ไม้เท่าประมาณ 10 นาที ยังปวดๆอยู่ พยามงอเข่าให้ได้ตามนั้น แต่ว่าผมแอบปรับเป็น 45 องศา เพราะเตรียมตัวจะไปทำงาน (ต้องขับมอเตอร์ไซไปทำงาน ถ้างอ 30 องศา ขับไม่ได้) จนวันทำงานมาถึงก้อมาทำงานแบบกะเผลกๆ ทำงานไปสักพักเริ่มเดินได้ดีขึ้น จะมีปัญหาเวลาขึ้นลงบันไดค่อนข้างลำบาก แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร
วันหมอนัดครั้งที่ 2 (หลังผ่าตัดได้ประมาณ 45 วัน) ตอนนี้เดินโดยไม่ต้องใช้ไม้ค้ำ หมอดูแล้วบอกว่า ให้เอาที่ล็อคองศาออกเลย และเมื่อครบ 60 วัน ให้เริ่มจ๊อกกิ้ง วันละ 1 กิโลเมตร แล้วนัดอีกที 1 เดือน หมดบอกจะลองดึงขาทดสอบความหลวมของเข่า
หลังจากกลับจากพบหมอ ตอนนั้นเดินดีขึ้นแล้ว แต่ยังตึงๆอยู่พยายามงอเข่าให้ได้มากที่สุด ตอนนั้นได้ประมาณ 60 องศา พอถึงวันที่ต้องวิ่ง ก็ตื่นแต่เช้าไปสวนสาธารณะ ตอนวิ่งก้าวแรกๆ ก้อกังวลกลัวเจ็บ แรกๆไม่กล้าลงน้ำหนัก พอสักพักก้อปล่อยไปตามธรรมชาติ (ตอนวิ่งยังใส่สนับเข่าอยู่นะครับ) ผมเดิน 1 กิโลวิ่งอีก 1 กิโล พอสามสี่วันผ่านไปก็เพิ่มระยะเป็น 3 กิโล วิ่งบ้างเดินบ้าง ตอนนี้กล้าลงน้ำหนักมากขึ้นแล้ว
วันหมอนัดครั้งที่ 3 (หลังผ่าตัดได้ประมาณ 65 วัน)หมอลองดึงเขา บอกว่าเขาไม่หลวมแน่นดี ไม่ต้องใส่สนับเข่าแล้วให้ถอดได้เลย ให้ออกกำลังกาย เป็นปั่นจักรยานหรือวิ่งเหมือนเดิมก็ได้ และครบหกเดือนถึงไปเล่นกีฬาได้ ตอนนี้กังวลเรื่องการงอเข่าได้แค่ 90 องศา ถามคุณหมอ คุณหมอบอกว่า ไม่ต้องกังวล ถ้าถอดแล้วสักพักจะค่อย ๆงอได้จนเป็นปกติ
ตอนนี้ปัญหาคือขาข้างที่ผ่าลีบ จึงพยายามออกกำลังกายเยอะ ๆ จะได้กลับไปเล่นวอลเลย์ได้อีกครั้ง
สำหรับคนที่ตัดสินใจผ่าตัด หรือ กำลังตัดสินใจผ่าตัด ข้อมูลใน อินเตอร์เนต ดูได้เพื่อเป็นข้อมูล แต่อาจไม่ตรงกับสภาพร่างกายของคนๆนั้นก็ได้
เช่น มีคนไข้บางคนผ่าก่อนผมแค่วันเดียว แต่ร่างกายเขาฟื้นเร็วมาก สามารถเดินได้เกือบเป็นปกติแล้ว อีกคนผ่าก่อนผมเกือบสัปดาห์ ตอนนี้ยังไม่สามารถเดินได้เลย ต้องใช้ไม้คำอยู่ ผมว่าทั้งนี้ให้ปฏิบัติตามหมอเจ้าของไข้เพราะเขาจะทราบดีว่าร่างกายของแต่ละคนเป็นยังไง ท่านใดมีข้อสงสัยที่ผมสามารถตอบได้ IB มาได้เลยนะครับ ยินดีตอบตามประสบการณ์ตรงเท่าที่สามารถตอบได้
แชร์ประสบการ ผ่าตัดเอ็นไขว้หน้า
สาเหตุการขาด จากการเล่นวอลเลย์บอล จังหวะกระโดดตีบอล มีความรู้สึกเจ็บบริเวณเข่า ต้องหามกันออกมานอกสนาม ตอนนั้นยังไม่ทราบสาเหตุ ยังไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร ตอนเกิดเป็นช่วงเวลาเย็น เลยไปพบหมอที่โรงพยาบาลประกันสังคม เป็นหมอเวร หมอทำการ X-ray แล้วแจ้งผลว่า กระดูกไม่มีปัญหาอะไร น่าจะเข่าซ้น พันเข่าไว้ ให้ยาแก้ปวดมากิน หลังจากนั้น อาการปวดหายไป แต่มีความรู้สึกยังเจ็บจี๊ดๆ อยู่ที่เข่า และไม่สามารถนั้งชันเข่าไหว้พระได้ ผ่านไป 1 เดือน อาการเจ็บเริ่มทุเลา ก็เลยกลับไปลองเล่นวอลเลย์อีกครั้ง แต่กระโดดแค่ครั้งเดียว เจ็บที่เข่ามาก จึงไปหาหมออีกครั้ง
พบหมอ วันที่ไปหาหมอรอบสอง เป็นหมอข้อและกระดูก หมอถามอาการ ลองขยับขา แล้วบอกว่า ให้ไปพบหมออีกท่านที่เป็นหมอศัลยกรรมกระดูก พอไปพบหมออีกท่าน หมอขยับเข่าดูบอกว่าเอ็นไขว้หน้าน่าจะขาด ให้ทำการ MRI หมอส่งไปทำ MRI ที่ประชาชื่น นำผลไปพบหมออีกครั้ง หมอบอกเอ็นไข้วหน้าขาด แนะนำให้ผ่าตัด ตอนนั้นถามหมอว่า จะผ่าเลยหรือไม่ ผมยังไม่แน่ใจ เลยแจ้งหมอว่าขอกลับไปเครียเรื่องงานก่อน หมอเลยนัดให้พบอีกครั้ง ก่อนวันไปพบหมอตามนัดก็หาข้อมูล เกี่ยวกับการผ่าตัดเอ็นไขว้หน้าจาก อินเตอร์เนต ซึ่งมีเยอะแยะไปหมด จนสุดท้ายตัดสินใจผ่าตัด ทำเรื่องลาที่ทำงาน และเตรียมตัวเข้าผ่าตัด และวันที่หมอนัดก็แจ้งว่าจะผ่าตัด
การผ่าตัด ก่อนวันผ่าตัด 1 วัน ไปนอนโรงพยาบาล พยาบาลแจ้งให้งดอาหารตอนเที่ยงคืน ประมาณตีห้า พยาบาลมาให้น้ำเกลือเตรียมผ่าตัด พยาบาลแจ้งว่า จะผ่าตัดช่วงเวลาประมาณ 09.00 น. พอถึงเวลา มีรถเข็นมารับ พาไปที่รอห้องเตีรยมการผ่าตัด เริ่มผ่าตัดประมาณ 11.00 น. พยาบาลพาไปที่ห้องผ่าตัด บรรยากาศคล้ายตลาดนัด เสียงเจี้ยวจ้าวไปหมด นอนรอสักพัก พยาบาลเอาอะไรไม่รู้แปะที่ตัวและมีที่วัดชีพจรมาหนีบที่นิ้ว มีที่วัดความดันมัดที่แขน จากนั้นให้หันข้างและ งอเข่า พยาบาลบอกว่า จะทำการบล๊อกหลัง (อันนี้ผมกังวลมาก เพราะอ่านในอินเตอร์เนตบอกว่า ถ้าหลังจากผ่าตัดแล้วฉี่ไม่ออก จะมีการสวนท่อฉี่) ตอนแรกนึกว่า บล๊อกหลังจะเจ็บ แต่ผมนี่ไม่รู้สึกเจ็บเลย เฉย ๆมาก พอฉีดยาชาเข้าไป พยาบาลบอกให้พลิกตัวจัดท่า แล้วเริ่มผ่าตัด ตอนที่ช่วงล่างชาๆ ไม่มีความรู้สึกอะไร แต่จิตสำนึกของผมนี่กลัวๆ เลยทำให้ตัวสั่น ๆ ได้ยินเสียงพยาบาลว่า ขอสวนฉี่นะ ตอนนั้นไม่รู้สึกอะไรแล้วไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาสวนตอนใหน หมอผ่าตัดไปสักพัก ก็ให้ดูไปจอ บอกว่า เอ็นไขว้หน้าขาดนะ หมอนรองกระดูกไม่เป็นอะไร แล้วชี้ ๆให้ดู ผ่านไปสักพัก ก็ให้ดูอีก บอกว่า อันนี้ทำให้ใหม่แล้ว ทำการผ่าตัดไปประมาณ 1.30 ชม. ผ่าตัดเสร็จหมอให้เบอร์โทรร้านที่ต้องซื้อสนับเข่า หมอบอกราคาถูก (ประมาณ 2000 บาท) หลังจากนั้นไปพักที่ห้องพักหลังผ่าตัด ประมาณ 1 ชม. พยาบาลก็พาไปห้องพักที่เราจองไว้ ช่วงนั้นนอนนิ่ง ๆ ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าเขายังสวนฉี่เราอยู่ เพราะยาชายังไม่หมดฤทธิ์ เวลาประมาณ 17.00 น. พยาบาล บอกให้ลุกขึ้นนั่ง ผมลองขยับขาดู ข้างที่ผ่า ขยับไม่ได้ รู้สึกเจ็บมาก หลังยาชาหมด แล้วก็รู้สึกแปร๊บ ๆ บริเวณที่สวนฉี่ด้วย เพราะเขายังไม่เอาออก มีสายเลือดอีกกระปุก ที่ต่อออกมากจากบริเวณผ่าตัด พยาบาลบอกว่าจะได้ดูว่าเลือดหยุดใหลหรือไม่ ถ้าหยุดก็กลับบ้านได้ ตอนนั้นนอนไม่หลับ ขอยาแก้ปวดไป แต่กลางคืนนอนได้ปกติ ไม่ปวดเท่าไหร่ พักอยู่ที่โรงพยาบาล 3 คืน วันที่ 2 หลังผ่าพยาบาลมาดึงสายสวนฉี่ออก (ตอนดึงออกนี่ พระเจ้า เจ็บมาก)พร้อมขู่ว่า ถ้าฉี่ไม่ออก ต้องสวนอีก ผมนี่พยายามอย่างหนักเลย แต่จิง ๆ ไม่ยากเลย เพราะผ่านไปหลายวันยาชาไม่มีผลแล้ว ฉี่ออกสบาย หลังจากนั้นก็เตรียมตัวออกเพื่อมาพักที่ห้องเช่า ก่อนออกหมอถอดสายเลือดออก และให้ใส่เฝีอกอ่อนพร้อมสนับเข่า ปรับองศาไปที่ศูนย์องศา ลองใช้ไม่ค้ำ หมอนัดอีกครั้งหลังผ่า 3 สัปดาห์
ผมใช้สิทธิประกันสังคม ทุกอย่างไม่เสียค่าใช้จ่าย ยกเว้นเรื่องห้องพิเศษที่เกินสิทธิจากประกันสังคม
ช่วงพักฟื้น นอนอย่างเดียว มีความรู้สึกเมื่อย ๆ ก้อได้แค่พลึกตัวไปมา ลำบากสุดตอนเข้าห้องน้ำ ปวดหนักต้องเข้า แต่ปวดฉี่ก็อฉี่ใส่ที่เตรียมไว้ (คนที่ผ่าต้องมีคนดูแลนะครับ เพราะทำอะไรไม่ได้เลย จะลุกจะนั่งลำบากมาก) หาข้อมูลในอินเตอร์เนตเรื่องกายภาพบำบัด เนื่องจากหมอไม่ได้บอกอะไรเลย กลัวว่าจะกลับมาเดินไม่ได้ ก็เลยทำตามที่ศึกษาบ้าง ระยะแรกที่กังวลคือ ยกขาจากพื้นไม่ได้ ไม่มีแรง กังวลมาก หาข้อมูลในอินเตอร์เนต ก็ไม่ชัดเจนเท่าไหร่ ก็พยายามยกบ้างเหยียดบ้าง หัดเดินด้วยไม้เท้าทุกวัน ตอนนั้นเป็นเผือกอ่อน ได้แต่เช็ดตัว วันใหนอยากอาบน้ำสระผม ก็เอาถุงพลาสติกคลุมเฝือกอ่อน แล้วอาบ รู้สึกสดชื้นมาก
วันหมอนัดครั้งที่ 1 (หลังผ่าตัดประมาณ 15 วัน)หมอดูแผลแล้วบอกแผลแห้งแล้ว หมอบอกให้ตั้งสนับเข่าไปที่ 30 องศา และให้ตัดใหม (จิงๆ จะเรียกใหมหรือเปล่าไม่รู้ มันคือแม๊กคล้ายแม๊กเย็บกระดาษนี่แหละ) ตอนนั้นก็กลัวๆ เหมือนกัน ว่าจะเจ็บมากมั้ย พอไปเอาแม๊กออกจิง ๆ ไม่เจ็บเลยสักนิด แค่รู้สึกเสียวหน่อย ๆ เท่านั้นเอง 555 ขำตัวเอง กังวลกว่าตอนสวนฉี่ด้วย เสร็จแล้วกลับห้องเช่า หมอนัดอีก 1 เดือน
หลังกลับจากพบหมอพยายามยกขาขึ้นจากพื้น ปรากฏว่ายกขึ้นได้ ดีใจมาก หายกังวลไป ช่วงนี้เริ่มที่จะไม่ใช้ไม้ค้ำ หัดเดินโดยไม่ใช้ไม้เท่าประมาณ 10 นาที ยังปวดๆอยู่ พยามงอเข่าให้ได้ตามนั้น แต่ว่าผมแอบปรับเป็น 45 องศา เพราะเตรียมตัวจะไปทำงาน (ต้องขับมอเตอร์ไซไปทำงาน ถ้างอ 30 องศา ขับไม่ได้) จนวันทำงานมาถึงก้อมาทำงานแบบกะเผลกๆ ทำงานไปสักพักเริ่มเดินได้ดีขึ้น จะมีปัญหาเวลาขึ้นลงบันไดค่อนข้างลำบาก แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร
วันหมอนัดครั้งที่ 2 (หลังผ่าตัดได้ประมาณ 45 วัน) ตอนนี้เดินโดยไม่ต้องใช้ไม้ค้ำ หมอดูแล้วบอกว่า ให้เอาที่ล็อคองศาออกเลย และเมื่อครบ 60 วัน ให้เริ่มจ๊อกกิ้ง วันละ 1 กิโลเมตร แล้วนัดอีกที 1 เดือน หมดบอกจะลองดึงขาทดสอบความหลวมของเข่า
หลังจากกลับจากพบหมอ ตอนนั้นเดินดีขึ้นแล้ว แต่ยังตึงๆอยู่พยายามงอเข่าให้ได้มากที่สุด ตอนนั้นได้ประมาณ 60 องศา พอถึงวันที่ต้องวิ่ง ก็ตื่นแต่เช้าไปสวนสาธารณะ ตอนวิ่งก้าวแรกๆ ก้อกังวลกลัวเจ็บ แรกๆไม่กล้าลงน้ำหนัก พอสักพักก้อปล่อยไปตามธรรมชาติ (ตอนวิ่งยังใส่สนับเข่าอยู่นะครับ) ผมเดิน 1 กิโลวิ่งอีก 1 กิโล พอสามสี่วันผ่านไปก็เพิ่มระยะเป็น 3 กิโล วิ่งบ้างเดินบ้าง ตอนนี้กล้าลงน้ำหนักมากขึ้นแล้ว
วันหมอนัดครั้งที่ 3 (หลังผ่าตัดได้ประมาณ 65 วัน)หมอลองดึงเขา บอกว่าเขาไม่หลวมแน่นดี ไม่ต้องใส่สนับเข่าแล้วให้ถอดได้เลย ให้ออกกำลังกาย เป็นปั่นจักรยานหรือวิ่งเหมือนเดิมก็ได้ และครบหกเดือนถึงไปเล่นกีฬาได้ ตอนนี้กังวลเรื่องการงอเข่าได้แค่ 90 องศา ถามคุณหมอ คุณหมอบอกว่า ไม่ต้องกังวล ถ้าถอดแล้วสักพักจะค่อย ๆงอได้จนเป็นปกติ
ตอนนี้ปัญหาคือขาข้างที่ผ่าลีบ จึงพยายามออกกำลังกายเยอะ ๆ จะได้กลับไปเล่นวอลเลย์ได้อีกครั้ง
สำหรับคนที่ตัดสินใจผ่าตัด หรือ กำลังตัดสินใจผ่าตัด ข้อมูลใน อินเตอร์เนต ดูได้เพื่อเป็นข้อมูล แต่อาจไม่ตรงกับสภาพร่างกายของคนๆนั้นก็ได้
เช่น มีคนไข้บางคนผ่าก่อนผมแค่วันเดียว แต่ร่างกายเขาฟื้นเร็วมาก สามารถเดินได้เกือบเป็นปกติแล้ว อีกคนผ่าก่อนผมเกือบสัปดาห์ ตอนนี้ยังไม่สามารถเดินได้เลย ต้องใช้ไม้คำอยู่ ผมว่าทั้งนี้ให้ปฏิบัติตามหมอเจ้าของไข้เพราะเขาจะทราบดีว่าร่างกายของแต่ละคนเป็นยังไง ท่านใดมีข้อสงสัยที่ผมสามารถตอบได้ IB มาได้เลยนะครับ ยินดีตอบตามประสบการณ์ตรงเท่าที่สามารถตอบได้