สวัสดีครับ วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์การเข้าผ่าตัดเอ็นไขว้หน้าหัวเข่า (เข่าขวา)โดยการผ่าแบบส่องกล้องครับ
เข้าเรื่องเลยนะครับ คือผมไปเตะบอลสนามหญ้าเทียมตามรายทั่วไป เกิดการเตะผิดท่าบวกกับคู่ต่อสู้เข้ามาปะทะ (ว่าจะโชว์สกิลเทพโชว์สาวสะหน่อย555)จังหวะนั้นคือล้มแล้วลงไปนอนกลางสนามเลย ความรู้สึกนั้นทำให้ผมรู้สึกได้ว่าเข่าพลิกเพราะเจ็บมาก เดินไม่ได้จนเพื่อนต้องมาพยุงตัวออกจากสนาม แล้วเอาน้ำแข็งมาประคบเย็นหัวเข่า เดินไม่ได้อยู่ 1วัน หลังจากนั้นก็กินยาคลายกล้ามเนื้อกับยาแก้ปวด จน1เดือน รู้สึกว่าต้องมีอะไรเกี่ยวกับหัวเข่าแน่เลย เพราะมันไม่หาย มันบวมมากเลย เลยตัดสินใจไปหาหมอที่โรงบาลพญาไท ศรีราชา ผมมีสิทธิประกันกลุ่มเลยบอกหมอว่าเกิดอุบัติเหตุจากฟุตบอล หมอก็เลยส่งผมไป X-RAY ดูหัวเข่า หมอบอกกระดูกปกติไม่แตกไม่ร้าว หมอก็เลยให้กลับบ้านและให้ยาผมมากินเพื่อลดบวม คือช่วงนั้นขาของผมมันงอได้ไม่สุดมันตึงมาก หมอเลยนัดอีก2อาทิตย์เพื่อดูอาการใหม่ แต่รอบนี้หมอส่งผมไปสแกน MRI (นั้นก็คือสแกนเคลื่อนแม่เหล็กไฟฟ้า) ก็ไปนอนสแกนประมาณ 40นาที รอผลประมาณ1ชั่วโมง และผลออกมาคือเอ็นไขว้หน้าขาด100% หมอConfirm หมอก็แนะนำให้ผ่า หมอบอกว่าถ้าไม่ผ่าอายุ40กว่าๆเข่าจะหลวม และจะเล่นกีฬาไม่เหมือนคนปกติ คือตอนนั้นกลัวมากเพราะไม่รู้มาก่อนว่าเอ็นไขว้หน้าคืออะไร(แต่ใจมันอยากกลับมาเตะบอลอีกครั้ง) คือหมอก็แนะนำว่าอายุยังน้อยถ้าผ่าการฟื้นตัวก็เร็วขึ้น (คือผมอายุ28ปี) ผมก็เลยตัดสินใจผ่าเลย หมอก็เลยส่งเรื่องผ่าตัด โดยใช้สิทธิประกันสังคม (ลืมบอกไปผมประกันสังคนโรงบาลนี้พอดี) แต่ประกันสังคมจะรอคิวนานหน่อย แต่ผมโชคดีหน่อยได้คิวเร็วเพราะมีคนได้คิวแล้วเขาน่าจะไม่ว่าง ในความโชคดียังมีความโชคร้ายเสมอ คิวผ่าผม19กรกฎาคม2565 แต่ดันมาติดโควิดก่อนวันผ่าตัด2วันเลยต้องยกเลิก ต้องรอคิดใหม่(ในใจผมต้องรอคิวนานแน่เลย) ผ่านไปเดือนกว่า หมอโทรมา พร้อมผ่าตัดไหมได้คิวแล้วแทรกคนอื่นให้ ตอบกับหมอเลย พร้อมคับ แบบไม่คิดอะไรเลย ได้คิววันที่14กันยายน2565
วันที่14กันยายน2565 ก่อนวันผ่าตัดหมอจะนัดตรวจร่างกายก่อน ตรวจเลือดแล้วให้สบู่มาอาบน้ำวันผ่าตัดเป็นสบู่ชำระร่างกาย วันผ่างดน้ำงดอาหาร ห้ามทาครีมทาแป้งทาเครื่องสำออาง พอถึงวันผ่าตัดหมอนัด7โมงเช้า พยาบาลก็ส่งผมไปตรวจโควิดแล้วส่งผมไปห้องผู้ป่วย เพื่อรอเข้าห้องผ่าตัด10:00 และเมื่อเวลา09:50จะมีพนักงานมาเข็นเราไปห้องผ่าตัด รออยู่หน้าห้องผ่าตัด20นาที หมอมาถึงก็ได้เวลาเชือดแล้วครับ ก่อนผ่าก็จะมีการฉีดยาชาที่ไขสันหลังหรือเรียกว่าบล็อคหลังนั้นเอง โดยพยาบาลจะให้เรานอนหันข้างแล้วทำทำการงอตัวแล้วก็ฉีดยาชาไปแถวบริเวณหลัง พอฉีดเสร็จจะให้เรากลับมานอนท่าปกติและมัดแขนไว้ที่คานเหมือนนอนท่าอ้าแขน เพื่อไม่ให้ตัวเราขยับ แล้วเอาผ้ามากั้นไม่ให้เราเห็นช่วงล่าง หลังจากนั้นก็หลับยาว ตื่นอีกที14:00 ตื่นมาตอนผ่ายังไม่เสร็จ ได้ยินเสียงหมอพยาบาลคุยกันว่า เอาด้ายกับเข็มมาประมาณนี้ ตื่นมาช่วงล่างไม่รู้สึกอะไรเลย พยาบาลก็เข็นมาห้องพักพื้นเพื่อดูอาการหลังการผ่าตัด30นาที แล้วก็เข็นเราไปที่เตียงผู้ป่วย พยาบาลก็บอกต้องปัสสาวะก่อน17:00นะ ถ้าปัสสาวะไม่ออกอาจจะต้องสวนปัสสาวะ ประมาณ1ทุ่ม ยาชาเริ่มหมดฤทธิ์ความปวดกำลังมาเยือน ประมาณ3ทุ่มปวดแผลมากจนน้ำตาไหล กดกริ่งเรียกพยาบาลขอยาแก้ปวด พยาบาลเลยมาฉีดยามอร์ฟินแก้ปวดให้ทุกๆ2ชั่วโมง ไม่งั้นนอนไม่หลับ (ผมนอนโรงบาลหมดไม่ให้ญาติเฝ้านะครับ เพราะกลัวโควิด และอีกอย่างผมนอนห้องรวมด้วยละ) ช่วงหลังการผ่าตัดผมก็กินนอนอยู่บนเตียงอย่างเดียวเลย ลุกไปไหนไม่ได้ ได้แต่นอนเล่นโทรศัพอย่างเดียว และได้พบหมออีกทีวันที่16กันยา หลังจากผ่าตัด2วัน หมอก็บอกให้ผมเกรงขาบ่อยๆ และวันที่17กันยายน2565 หมอก็มาถอดสายเดรนเลือดออกจากเข่าและล้างแผล และบอกผมว่าสามารถออกจากโรงบาลได้แล้วนะ และส่งผมไปให้ทางทีมงานกายภาพบำบัดพร้อมกับหัเดินและใช้ไม้ค้ำ และให้ใส่ Knee Support หมอจะปรับไว้ที่ 0องศา ในอาทิตย์แรก และผมกลับบ้าน อีก7วันมาตัดไหม ภายใน1เดือนหมอจะนัดทุกอาทิตย์
อาทิตย์ที่2-3ก็เริ่มหัดงอเข่าและกายภาพ ช่วงนั้นอยู่ห้องก็ไม่มีอะไรทำ ผมนี้กายภาพทุก2ชั่วโมงเลย อารมแบบว่าว่างไม่มีอะไรทำ ช่วงงอเข่าเข่าจะตึงๆหน่อยและปวดมาก ต้องทำทุกวันเพื่อที่จะให้เข่างอให้สุด ต้องงอให้สุดเหยียดขาให้สุด อาทิตย์ที่3ผมเริ่มเดินเองได้โดยไม่ใช้ไม้ค้ำ แต่ต้องใส่ Knee Support ตลอดเวลาเดิน หมอจะปรับKnee Support ไว้ที่120องศาในอาทิตย์ที3 เพื่อที่จะได้งอเข่าให้สุด คืออีกอย่างหนึ่งผมลาผ่าตัด1เดือน คือภายใน1เดือนผมต้องเดินได้ เพราะหน้างานของผมมันต้องเดิน อาทิตย์ที่6 งอเข่าได้สุด และเข่าไม่บวมแล้วและไม่อักเสบ อาทิตย์ที่8เริ่มวิ่งแบบเบาๆได้ และหมอนัดอีกทีข้ามไป4เดือน คือวันที่17มีนาคม2566 แต่ช่วง3-4เดือนห้ามเล่นกีฬาแบบที่ใช้หัวเข่ามาเกินไป และวันที่17มีนาหมอจะบอกว่าเริ่มเล่นกีฬาได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวเราว่าเราจะอดทนและขยันมากน้อยเพียงไดเพราะต้องกายภาพตลอด ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ตัวเรา สู้สู้
**************** ก็หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์ให้ใครหลายๆคนนะครับ สำหรับคนที่คิดว่าจะผ่าไหม แต่ผมแนะนำให้ผ่าดีกว่า ถ้าจะถามว่าปวดไหม แน่นอนละครับ ปวดแต่ผมก็ผ่านมาใด้ ถ้าใจสู้เราก็ทำได้ *********
**นายชาตรี สุดเนตร
ประสบการณ์การผ่า ACL หรือเอ็นไข้วหน้า
เข้าเรื่องเลยนะครับ คือผมไปเตะบอลสนามหญ้าเทียมตามรายทั่วไป เกิดการเตะผิดท่าบวกกับคู่ต่อสู้เข้ามาปะทะ (ว่าจะโชว์สกิลเทพโชว์สาวสะหน่อย555)จังหวะนั้นคือล้มแล้วลงไปนอนกลางสนามเลย ความรู้สึกนั้นทำให้ผมรู้สึกได้ว่าเข่าพลิกเพราะเจ็บมาก เดินไม่ได้จนเพื่อนต้องมาพยุงตัวออกจากสนาม แล้วเอาน้ำแข็งมาประคบเย็นหัวเข่า เดินไม่ได้อยู่ 1วัน หลังจากนั้นก็กินยาคลายกล้ามเนื้อกับยาแก้ปวด จน1เดือน รู้สึกว่าต้องมีอะไรเกี่ยวกับหัวเข่าแน่เลย เพราะมันไม่หาย มันบวมมากเลย เลยตัดสินใจไปหาหมอที่โรงบาลพญาไท ศรีราชา ผมมีสิทธิประกันกลุ่มเลยบอกหมอว่าเกิดอุบัติเหตุจากฟุตบอล หมอก็เลยส่งผมไป X-RAY ดูหัวเข่า หมอบอกกระดูกปกติไม่แตกไม่ร้าว หมอก็เลยให้กลับบ้านและให้ยาผมมากินเพื่อลดบวม คือช่วงนั้นขาของผมมันงอได้ไม่สุดมันตึงมาก หมอเลยนัดอีก2อาทิตย์เพื่อดูอาการใหม่ แต่รอบนี้หมอส่งผมไปสแกน MRI (นั้นก็คือสแกนเคลื่อนแม่เหล็กไฟฟ้า) ก็ไปนอนสแกนประมาณ 40นาที รอผลประมาณ1ชั่วโมง และผลออกมาคือเอ็นไขว้หน้าขาด100% หมอConfirm หมอก็แนะนำให้ผ่า หมอบอกว่าถ้าไม่ผ่าอายุ40กว่าๆเข่าจะหลวม และจะเล่นกีฬาไม่เหมือนคนปกติ คือตอนนั้นกลัวมากเพราะไม่รู้มาก่อนว่าเอ็นไขว้หน้าคืออะไร(แต่ใจมันอยากกลับมาเตะบอลอีกครั้ง) คือหมอก็แนะนำว่าอายุยังน้อยถ้าผ่าการฟื้นตัวก็เร็วขึ้น (คือผมอายุ28ปี) ผมก็เลยตัดสินใจผ่าเลย หมอก็เลยส่งเรื่องผ่าตัด โดยใช้สิทธิประกันสังคม (ลืมบอกไปผมประกันสังคนโรงบาลนี้พอดี) แต่ประกันสังคมจะรอคิวนานหน่อย แต่ผมโชคดีหน่อยได้คิวเร็วเพราะมีคนได้คิวแล้วเขาน่าจะไม่ว่าง ในความโชคดียังมีความโชคร้ายเสมอ คิวผ่าผม19กรกฎาคม2565 แต่ดันมาติดโควิดก่อนวันผ่าตัด2วันเลยต้องยกเลิก ต้องรอคิดใหม่(ในใจผมต้องรอคิวนานแน่เลย) ผ่านไปเดือนกว่า หมอโทรมา พร้อมผ่าตัดไหมได้คิวแล้วแทรกคนอื่นให้ ตอบกับหมอเลย พร้อมคับ แบบไม่คิดอะไรเลย ได้คิววันที่14กันยายน2565
วันที่14กันยายน2565 ก่อนวันผ่าตัดหมอจะนัดตรวจร่างกายก่อน ตรวจเลือดแล้วให้สบู่มาอาบน้ำวันผ่าตัดเป็นสบู่ชำระร่างกาย วันผ่างดน้ำงดอาหาร ห้ามทาครีมทาแป้งทาเครื่องสำออาง พอถึงวันผ่าตัดหมอนัด7โมงเช้า พยาบาลก็ส่งผมไปตรวจโควิดแล้วส่งผมไปห้องผู้ป่วย เพื่อรอเข้าห้องผ่าตัด10:00 และเมื่อเวลา09:50จะมีพนักงานมาเข็นเราไปห้องผ่าตัด รออยู่หน้าห้องผ่าตัด20นาที หมอมาถึงก็ได้เวลาเชือดแล้วครับ ก่อนผ่าก็จะมีการฉีดยาชาที่ไขสันหลังหรือเรียกว่าบล็อคหลังนั้นเอง โดยพยาบาลจะให้เรานอนหันข้างแล้วทำทำการงอตัวแล้วก็ฉีดยาชาไปแถวบริเวณหลัง พอฉีดเสร็จจะให้เรากลับมานอนท่าปกติและมัดแขนไว้ที่คานเหมือนนอนท่าอ้าแขน เพื่อไม่ให้ตัวเราขยับ แล้วเอาผ้ามากั้นไม่ให้เราเห็นช่วงล่าง หลังจากนั้นก็หลับยาว ตื่นอีกที14:00 ตื่นมาตอนผ่ายังไม่เสร็จ ได้ยินเสียงหมอพยาบาลคุยกันว่า เอาด้ายกับเข็มมาประมาณนี้ ตื่นมาช่วงล่างไม่รู้สึกอะไรเลย พยาบาลก็เข็นมาห้องพักพื้นเพื่อดูอาการหลังการผ่าตัด30นาที แล้วก็เข็นเราไปที่เตียงผู้ป่วย พยาบาลก็บอกต้องปัสสาวะก่อน17:00นะ ถ้าปัสสาวะไม่ออกอาจจะต้องสวนปัสสาวะ ประมาณ1ทุ่ม ยาชาเริ่มหมดฤทธิ์ความปวดกำลังมาเยือน ประมาณ3ทุ่มปวดแผลมากจนน้ำตาไหล กดกริ่งเรียกพยาบาลขอยาแก้ปวด พยาบาลเลยมาฉีดยามอร์ฟินแก้ปวดให้ทุกๆ2ชั่วโมง ไม่งั้นนอนไม่หลับ (ผมนอนโรงบาลหมดไม่ให้ญาติเฝ้านะครับ เพราะกลัวโควิด และอีกอย่างผมนอนห้องรวมด้วยละ) ช่วงหลังการผ่าตัดผมก็กินนอนอยู่บนเตียงอย่างเดียวเลย ลุกไปไหนไม่ได้ ได้แต่นอนเล่นโทรศัพอย่างเดียว และได้พบหมออีกทีวันที่16กันยา หลังจากผ่าตัด2วัน หมอก็บอกให้ผมเกรงขาบ่อยๆ และวันที่17กันยายน2565 หมอก็มาถอดสายเดรนเลือดออกจากเข่าและล้างแผล และบอกผมว่าสามารถออกจากโรงบาลได้แล้วนะ และส่งผมไปให้ทางทีมงานกายภาพบำบัดพร้อมกับหัเดินและใช้ไม้ค้ำ และให้ใส่ Knee Support หมอจะปรับไว้ที่ 0องศา ในอาทิตย์แรก และผมกลับบ้าน อีก7วันมาตัดไหม ภายใน1เดือนหมอจะนัดทุกอาทิตย์
อาทิตย์ที่2-3ก็เริ่มหัดงอเข่าและกายภาพ ช่วงนั้นอยู่ห้องก็ไม่มีอะไรทำ ผมนี้กายภาพทุก2ชั่วโมงเลย อารมแบบว่าว่างไม่มีอะไรทำ ช่วงงอเข่าเข่าจะตึงๆหน่อยและปวดมาก ต้องทำทุกวันเพื่อที่จะให้เข่างอให้สุด ต้องงอให้สุดเหยียดขาให้สุด อาทิตย์ที่3ผมเริ่มเดินเองได้โดยไม่ใช้ไม้ค้ำ แต่ต้องใส่ Knee Support ตลอดเวลาเดิน หมอจะปรับKnee Support ไว้ที่120องศาในอาทิตย์ที3 เพื่อที่จะได้งอเข่าให้สุด คืออีกอย่างหนึ่งผมลาผ่าตัด1เดือน คือภายใน1เดือนผมต้องเดินได้ เพราะหน้างานของผมมันต้องเดิน อาทิตย์ที่6 งอเข่าได้สุด และเข่าไม่บวมแล้วและไม่อักเสบ อาทิตย์ที่8เริ่มวิ่งแบบเบาๆได้ และหมอนัดอีกทีข้ามไป4เดือน คือวันที่17มีนาคม2566 แต่ช่วง3-4เดือนห้ามเล่นกีฬาแบบที่ใช้หัวเข่ามาเกินไป และวันที่17มีนาหมอจะบอกว่าเริ่มเล่นกีฬาได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวเราว่าเราจะอดทนและขยันมากน้อยเพียงไดเพราะต้องกายภาพตลอด ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ตัวเรา สู้สู้
**************** ก็หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์ให้ใครหลายๆคนนะครับ สำหรับคนที่คิดว่าจะผ่าไหม แต่ผมแนะนำให้ผ่าดีกว่า ถ้าจะถามว่าปวดไหม แน่นอนละครับ ปวดแต่ผมก็ผ่านมาใด้ ถ้าใจสู้เราก็ทำได้ *********
**นายชาตรี สุดเนตร