แชร์ประสบการณ์ผ่าตัดโดยการส่องกล้อง รักษา เอ็นไขว้หน้าขาดและหมอนรองกระดูกฉีก

วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์ผ่าตัดโดยการส่องกล้อง รักษา เอ็นไขว้หน้าขาดและหมอนรองกระดูกฉีก 
1.     เริ่มจาก ประมาณ 10 ปี ก่อนหน้านี้ จขกท.ซ้อมกีฬาเทควันโดแล้วเข่าพลิก เล่นต่อไม่ได้ เดินลงนำหนักไม่ได้ ก็เดินกะเผลกๆอยู่เป็นอาทิตย์ และมีอาการเจ็บอยู่เป็นเดือน ก็ไม่ได้ไปหาหมอ เพราะคิดว่าคงแค่อักเสบ กินยาทายาก็หาย แล้วอาการเจ็บก็น้อยลงและหายไปเอง (แต่หารู้ไม่ นั่นแหล่ะ เอ็นไขว้หน้า น่าจะขาดตั้งแต่ตอนนั้น (><)!  เพราะหลังจากนั้นเป็นต้นมาก็มีอาการเข่าหลวม รู้สึกไม่มั่นคง เสียวๆเวลากระโดด หรือวิ่งเร็วๆ และเมื่อเล่นกีฬาแรงๆหนักๆ ก็จะมีอาการเจ็บทุกครั้ง แต่ก็หายมาได้ตลอด 555
2.     จนกระทั่ง 7 พ.ย. 2565 ที่ทำงานมีจัดแข่งกีฬาสีประจำปี จึงได้ลงแข่งแตะฟุตบอล ด้วยความเอาจริงเอาจัง แบบว่าสีข้าต้องชนะ ก็ได้ทุ่มกำลังเต็มที่ ถึงแม้ว่าจะแตะโดนบอลแค่ 2 ที ก่อนจะกระโดดนิดหน่อยเพื่อรับบอล พอจังหวะลง แม่เจ้า ขยับเดินไม่ได้ รู้สึกว่าเข่าซ้ายเดินลงน้ำหนักไม่ได้เลย ต้องยกมือขอออกจากสนาม ก็ปฐมพยาบาลเบื้องต้นพอเป็นพิธี แต่โชคดีในการแข่งกีฬาครั้งนี้มีอาจารย์หมอไปร่วมแข่งด้วย ก็ได้มาช่วยดูอาการแล้วบอกว่า ให้ไปทำ MRI ที่โรงพยาบาลดูอีกที 
3.     หลังจากนั้น 1 สัปดาห์อาการปวดลดลง แต่มีอาการงอไม่ได้ เหยียดไม่สุด เหมือนมีอะไรคาอยู่ที่เข่า แต่ก็ยังไม่ไปหาหมออีกนะ555 ทนเดินแบบนั้นมาประมาณ 1 เดือน อาการไม่ดีขึ้นจึงไปหาหมอ(รพ.รัฐ) หมอที่เราไปพบ ใจดีมาก พูดดี เป็นกันเอง และเก่งมาก หมอตรวจดูแล้วสงสัยว่า เอ็นไขว้หน้าเข่าขาด จึงส่งตรวจ MRI แต่ไม่ได้ทำทันทีนะทุกคน เราต้องไปทำนัดก่อน รอตรวจ MRI (เราใช้สิทธิข้าราชการไม่มีค่าใช้จ่าย ปกติราคาจะประมาณ 8,000-10,000 บาท) ได้คิวทำอีกทีประมาณ 1 สัปดาห์ (เพราะติดวันหยุดยาวด้วย) ผล MRI พบว่า เอ็นไขว้หน้าขาดและหมอนรองกระดูกฉีก!!ต้องผ่าตัดให้เร็วที่สุดเพราะมีของเหลวคลั่งอยู่ในเข่าด้วย!!อาจเพราะเรามาหาหมอช้าและเดินเยอะเกิน
4.     หลังทราบผล MRI หมอนัดผ่าอีกที 2 สัปดาห์ หมอแจ้งว่าไม่มีค่าใช้จ่ายในการผ่าตัด แต่ต้องจ่ายส่วนเกินที่เบิกกรมบัญชีกลางไม่ได้ประมาณ 2-3 หมื่นบาท เป็นค่ากล้องผ่าตัด (ผ่าตัดแบบส่องกล้อง ซึ่งกล้องเช่าของบริษัทเอกชน) พระเจ้า!! คิดว่าสิทธิเบิกจ่ายตรงของข้าราชการจะครอบคลุม อ่ะนะ  แต่ไม่เลย ใครคิดจะเป็นข้าราชการเพียงเพราะสวัสดิการรักษาพยาบาล เราก็ว่าดีนะ แต่แต่แต่ก็ให้คิดดีดี โชคดีที่เราทำประกันสุขภาพไว้ แต่โชคดีแค่นิดเดียว555 เพราะดันทำแบบมีค่า Excess  ที่เราต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก 20,000 บาทก่อน หากค่ารักษาพยาบาลเกินกว่า 20,000 ประกันถึงจะจ่าย
5.     มีพี่ที่รู้จักแนะนำให้ไป รพ.เอกชน คุณหมอดูผล MRI แจ้งว่ามีเลือดคั่ง ควรผ่าตัดทันที ถ้าตกลงผ่า นัดผ่าในอีก 2 วัน ตอนนั้น จขกท.รีบตอบตกลงเลย เพราะรู้สึกว่าใช้ชีวิตลำบากหากต้องรออีก 2 สัปดาห์ คือทรมานอ่ะ เลยปรึกษาประกันแล้ว สามารถเคลมได้ จึงตัดสินใจผ่ากับคุณหมอ ที่ รพ.เอกชน
6.     ก่อนผ่า 1 วัน 29/11/65 แอดมิท เพื่อเตรียมตัวและตรวจร่างกาย เจาะเลือด + เอกซ์เรย์ปอด + ตรวจโควิด และงดน้ำ+อาหาร ให้น้ำเกลือและวิสัญญีแพทย์มาคุยเรื่องขั้นตอนการบล็อกหลัง แจ้งว่าเข็มเล็กเท่าเส้นผม ไม่เจ็บมาก ทั้งคุณหมอ พยาบาล และพนักงานทุกคน ให้บริการดีมาก ออเท่าที่อ่านรีวิวมาบางคนจะได้ใส่สายสวนปัสสาวะด้วย แต่เราไม่ได้ใส่ แค่มีพี่พยาบาลมาถามว่าปัสสาวะรึยัง เข้าห้องน้ำไปกี่รอบ พอดีเราเป็นคนเข้าห้องน้ำบ่อยบวกกับตื่นเต้นด้วย จำได้ว่า 4-5 ครั้งเลย เป็นเหตุทำให้เราไม่ต้องใส่สายสวนรึเปล่า แต่ก็ดีแล้วที่ไม่ต้องเจ็บ555
7.     ถึงวันผ่าตัด 30/11/65 ก็มีพี่พยาบาลเอาชุดมาให้เปลี่ยน เป็นชุดสำหรับเข้าห้องผ่าตัด แบบว่าเขาไม่ให้ใส่กางเกงในนะก็จะเย็นๆหน่อย แล้วก็มีพี่พนักงานเปลมาย้ายเราขึ้นเตียงรถเข็นไปที่ห้องรอผ่าตัด พอมาถึงก็มีพยาบาลมาวัดสัญญาณชีพต่างๆ สักพักพอได้เวลาก็เข็นเตียงเราเข้าห้องผ่าตัด ครั้งแรกของการเข้าห้องผ่าตัดใหญ่ของตัวเองตื่นเต้นสุดๆ คือมีทีมงานอยู่ในห้องนั้นประมาณสิบกว่าคนได้ เครื่องไม้เครื่องมือทางการแพทย์เต็มไปหมด แอร์เย็นจัดจนสั่นและหนาวสุด หนาวกว่าทุกฤดูที่เคยผ่านมาทั้งชีวิตอีก555 เตียงผ่าตัดจะเป็นแบบแคบพอประมาณแค่ตัวเรานอน แขนทั้งสองข้างต้องกางออกมีสายน้ำเกลือมือด้านหนึ่ง แขนอีกข้างใส่ที่วัดความดันไว้และมีเสียงติ๊ดๆต๊อดๆของสัญญาณชีพเราดังเลอดเวลา เมื่อพร้อมแล้วคุณหมอมาทำการบล็อกหลังโดยให้เรานอนตะแคง งอตัว เข่าชิดอก จังหวะนั้นคือกลัวมากตัวสั่นหงึกๆเลย ทั้งกลัวทั้งหนาว555 พี่พยาบาลก็ใจดีมากช่วยจับมือเราไว้และให้กำลังใจอยู่ข้างๆ คุณหมอก็เช็ดบริเวณที่จะบล็อกหลัง ยังไม่ทันเจ็บก็บอกว่าบล็อกหลังเสร็จแล้ว หลังจากนั้นก็รู้สึกอุ่นวาบลงไปที่ช่วงล่างตั้งแต่เอวลงไปเลย แล้วคุณหมอก็ฉีดยาไปที่บริเวณขาหนีบละต้นขาอีก ไม่แน่ใจว่า 2-3 ที่ได้ แล้วก็ใช้สำลีเย็นๆเช็ดทดสอบว่าเรายังรู้สึกไหม แรกๆก็ยังรู้สึกอยู่สักพักเริ่มชาและไม่รู้สึกแล้ว จากนั้นก็เอาออกซิเจนมาสวมครอบจมูก ไม่ถึง 3 นาที ภาพก็ตัดหลับไปเลย 
8.     หลังจากตื่นมา พบว่าผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว เข้าห้องผ่าตัด 21.30 น. ออกห้องผ่าตัด 00.45 น. นอนดูอาการที่ห้องพักฟื้น รู้สึกหนาวมากๆ อาการหนาวแบบสั่นควบคุมตัวเองไม่ได้ พี่พยาบาลก็เอาผ้ามาห่มให้เพิ่ม อาการก็ค่อยๆทุเลาลง ครบ 1 ชั่วโมง พี่พนักงานเปลก็มาย้ายเราขึ้นเตียงรถเข็นกลับถึงห้องพัก 01.50 น. จากนั้น
9.     เมื่อกลับมาถึงห้องพักฟื้น พยาบาลเอา ICE PACK มาวางประคบให้ที่บนเข่า เราก็หลับไปไม่มีอาการปวดใดๆ เพราะยังชาจากฤทธิ์ยาอยู่ ตื่นมาอีกทีประมาณ 04.30 น.มีอาการปวดมากๆ ปวดขาและปวดหลังบริเวณที่เราโดนบล็อกหลัง แจ้งพยาบาลขอยาแก้ปวด พยาบาลจึงมาฉีดมอร์ฟีนให้ โอเคดีขึ้น นอนต่อได้
10.    ประมาณ 14.00 น. พยาบาลแจ้งว่าให้หัดเดินที่แผนกกายภาพ นักกายภาพบำบัดช่วยยกขาเราขึ้นลง 20 ครั้งและโยกซ้าย – ขวา 20 ครั้ง จากนั้นให้เราหัดเดิน จากการเดินครั้งแรกเดินโดยใช้ ที่ช่วยพยุง 4 ขา เราเดินไปได้สักพัก รู้สึกหน้ามืดเหมือนจะเป็นลม อาจเพราะฤทธิ์ของมอร์ฟีนด้วย จึงหยุดกายภาพและกลับมาห้องพัก
11.     จากนั้นก็นอนอยู่แต่บนเตียง เพราะคุณหมอห้ามลุกจากเตียง เมื่อยหลังมาก เพราะนอนนานไม่ได้เปลี่ยนท่า คุณหมอมาดูแผล มาสอนวิธีเดินไม่ให้ลงน้ำหนักข้างที่ผ่า แจ้งว่าพรุ่งนี้สามารถกลับบ้านได้เลย คุณหมอบอกว่าเคสเราผ่ายาก เป็นแบบที่รุแรงมากเนื่องจากหมอนรองกระดูกที่ฉีกพลิกมาขัดที่ข้อ สาเหตุที่ทำให้เรางอไม่ได้ เหยียดไม่สุด และเราทิ้งไว้นาน ถ้านานกว่านี้โชคร้ายอาจต้องตัดหมอนรองกระดูกออก แต่ของเรายังพอรักษาได้
12.     วันรุ่งขึ้น ไปฝึกเดินที่แผนกกายภาพอีกครั้ง นักกายภาพบำบัดบริการดีมาก สอนให้ใช้ไม้ค้ำพยุง โดยสอนการใช้ไม้ทั้งทางราบและทางบันได แล้วก็ถึงเวลากลับบ้านได้ คุณหมอให้หยุดงาน 2 เดือน และพบหมอทุกๆ 1 เดือน 
13.     พอเรากลับบ้าน  ต้องใส่อุปกรณ์พยุงเข่าตลอดเวลา ทั้งตอนอาบน้ำและเวลานอน ตอนอาบน้ำจะใช้พลาสติกที่แร็บอาหารมาพันไว้แล้วใช้วิธีนั่งบนชักโครกอาบน้ำ ส่วนตอนนอนแบบว่าอึดอัดมาก คือทรมานสุดก็ตรงนี้แหละทุกคน เหมือนโดนรัดขาหรือถูกล่ามไว้ตลอดเวลาเพราะขยับไม่ค่อยได้ และทุกคืนขาเราจะกระตุกเหมือนมีคนมาดึงขา ก็จะสะดุ้งตื่นและนอนไม่ค่อยหลับ คุณหมอให้เราฝึกยกขา ขึ้นลง วันละ 1000 ครั้ง เพื่อสร้างกล้ามเนื้อ ฝึกเดินแต่ไม่ให้ลงน้ำหนักข้างที่ผ่า
14.     1 เดือนหลังผ่า ปลายเดือนธันวาคม ไปพบคุณหมอ คุณหมอบอกว่าแผลติดดี สามารถตัดไหมได้เลย ให้เราเดินลงน้ำหนักได้โดยยังใช้ไม้ค้ำพยุงและ ฝึกเหยียดขาให้ตรง (ขายังบวมอยู่ และเวลาฝึกเดินนานๆ ขาจะเป็นตะคริว) 
15.      2 เดือนหลังผ่า ปลายเดือนมกราคม ไปพบคุณหมอ เราเดินขาไม่ตรง หมอให้ฝึกโดยให้เรายืน แล้วให้ญาติเอามือประคองเข่าแล้วดึงจากด้านหลัง ท่านี้ทำให้เราขาตรงขึ้นแต่ยังไม่เป็นปกติ และยังคงเดินโดยใช้ไม้ค้ำอยู่และขายังบวมเล็กน้อย อาการเป็นตะคริวเวลาฝึกเดินยังมีอยู่บ้างแต่ไม่บ่อย
16.      3 เดือนหลังผ่า กุมภาพันธ์ เราเดินได้โดยไม่ใช้ไม่ค้ำ แต่ยังเดินไม่ปกติ เดินได้ก้าวสั้นๆ  คุณหมอบอกว่าต้องหมั่นยืดขาให้ตรง และหมั่นยกขาเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ
17.     ตอนนี้ผ่านไป 7 เดือน หลังผ่า เราเดินได้เกือบปกติ ปั่นจักรยานได้ วิ่งได้เยาะๆ แต่ยังงอขาได้ไม่ 100% ยังนั่งขัดสมาธิยังไม่ได้ แต่ก็ดีขึ้นมากแล้ว
 
ต้องขอขอบคุณผู้มีพระคุณทุกคนที่คอยช่วยเหลือ ที่สำคัญคือคนเฝ้าไข้และอยู่เป็นกำลังกายกำลังใจให้ตลอด คุณหมอที่เก่งมากๆที่สามารถผ่าตัดให้เรากลับมาเดินได้ปกติ พี่ที่แนะนำให้ไปพบคุณหมอ รวมถึงเพื่อนร่วมงานทุกคนที่คอยถามไถ่
 
สุดท้ายนี้ เราอยากจะบอกว่า ขอให้ทุกคนดูแลสุขภาพดีๆ หากรู้สึกเจ็บปวดไม่สบายตรงไหน ควรรีบพบแพทย์ อย่าปล่อยให้เรื้อรังและอาการรุนแรงแบบเรา เจ็บเข่า เข่าหลวม หลงคิดว่าแค่อักเสบ เดี๋ยวก็หาย เป็นไง เกือบเป็นคนขาเป๋แล้ว
และทำให้รู้ว่า เงินเท่านั้นที่ Knock everything ชีวิตเราเลือกได้นะทุกคน
ซื้อประกันไว้บ้างก็อุ่นใจ เพราะถ้าเจ็บมาทีไรก็ไม่ต้องจ่ายเป็นแสนๆ เบี้ยปีละหลักพัน ถ้าได้ใช้ก็ถือว่าคุ้มนะ ถ้าไม่ได้ใช้ก็ถือว่าซื้อยันต์กันภัยไป555
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่