มิติที่สี่คืออะไร ใช่ที่เราๆเข้าใจกันหรือ?
เคยอ่านเจอเรื่องราวที่ว่า มิติที่สี่คือเส้นเวลา มนุษย์เราอาศัยอยู่ในโลกสี่มิติที่เดินทางไปตามเส้นเวลา มิติที่ห้าคือแผ่นเวลาที่รวมเอาเส้นเวลาใว้หลายๆเส้นจนเป็นแผ่น มิติที่หกคือก้อนเวลาที่รวมแผ่นเวลาใว้เยอะจนหนาเป็นก้อน และมิติที่เจ็ดคือเส้นจากก้อนเวลานึงไปอีกก้อนเวลานึง ก็ไม่รู้จะนิยามว่าเส้นอะไร วนอยู่อย่างนี้ เส้น แผ่น ก้อน ไปเรื่อยๆจนถึงมิติที่สิบเอ็ดสิบสอง เอาเข้าไปสิ!!! ซึ้งแท้จริงแล้ว มันก็มีฐานเป็นสาม หรือสามมิติเท่าที่มนุษย์เรารู้จักดี งั้นเรามาลองไล่กันใหม่ตั้งแต่โลกศูนย์มิติ ต่อไปนี้ส่วนหนึ่งเป็นแค่ความคิดของกระผม
เริ่มที่สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในโลกศูนย์มิติ สิ่งที่มันเห็นนั้นจะไร้ซึ้งมิติ คือมันจะมองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น มีแต่ความมืดดำว่างเปล่า ไร้รูปร่างไร้ร่างกาย แต่ยังมีความรู้สึกนึกคิด แค่คุณลองหลับตาลง ใส่ที่ปิดหู ไม่ขยับร่างกายไม่หายใจ ตัดสัมผัสทั้งห้าออก เท่านั้นก็เหมือนคุณอยู่ในโลกศูนย์มิติแล้ว แต่!!! ชีวิตในโลกศูนย์มิติก็ต้องมีเวลา จริงไหม? เพื่อให้มันคิดถึงสิ่งต่างๆได้ เกิดและตายได้
สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในโลกหนึ่งมิติ สิ่งที่มันเห็นจะเป็นเพียงจุดศูนย์มิติที่ไม่มีความกว้างและความยาว อาจเป็นจุดของแสง มันแค่เพียงรู้ว่ามีหรือไม่มี ถ้ามีมันจะรู้ว่าจุดนั้นเป็นสีอะไร ถ้าไม่มีก็อาจจะมืดไร้ซึ้งแสงสว่าง ร่างกายของมันจะมีแต่ความยาว เปรียบได้กับขบวนรถไฟในอุโมงค์ได้ดินที่มีรางเพียงรางเดียว ตัวมันคือขบวนรถไฟที่ไร้ความกว้างและความสูง ส่วนอุโมงค์นั้นคือจักรวาลของมันซึ้งอาจยาวเป็นอนันต์ มันสามารถเดินทางไปมาภายในนั้นได้อย่างอิสระ แต่ไม่สามารถข้ามผ่านเพื่อนๆของมันได้ ในเมื่อมีการเดินทาง โลกหนึ่งมิติก็ย่อมมีเวลาอีกเช่นกัน
สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในโลกสองมิติ สิ่งที่มันเห็นจะเป็นเส้นตรงหนึ่งมิติไม่มีความสูง ทดลองง่ายๆโดยการปิดไฟในห้อง วางมือถือลงบนโต๊ะโดยเปิดหน้าจอทิ้งใว้ และมองจอจากด้านข้าง 90 องศาพอดิบพอดี ไม่ว่าคุณจะเดินไปรอบๆโต๊ะและมองมาอย่างไร จะเห็นแสงเป็นเส้นตรงและสีที่แตกต่างไปเสมอ อยู่ที่ว่าเส้นนั้นมันจะสั้นลงหรือยาวขึ้นแค่ไหน สีที่เห็นเปลี่ยนไปยังไง ในมิตินี้ มันสามารถเลือกที่จะหันไปมองทางซ้ายหรือทางขวาได้เช่นกัน ร่างกายของมันจะมีรูปร่าง มีอวัยวะ แต่ก็แบนราบไร้ความสูง จักรวาลของมันเปรียบได้กับแผ่นกระดาษที่กว้างและยาวไม่มีที่สิ้นสุด สามารถจัดอาณาเขตแบ่งประเทศได้ถ้ามันมีภูมิปัญญาพอ แต่ก็ไม่สามารถสร้างสิ่งก่อสร้างได้เกินหนึ่งชั้น
สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในโลกสามมิติ นั่นก็คือมนุษย์เรานี่เอง ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่สายตาของเรามองเห็น มันเป็นแค่ภาพสองมิติไม่ต่างจากภาพถ่ายที่แสดงบนหน้าจอของกล้องถ่ายรูป เพียงแค่สมองของเราแยกแยะออกว่าด้านไหนเป็นด้านไหน ตื่นลึกหนาบางยังไง เราสามารถหันซ้ายขวาขึ้นลงได้อย่างอิสระ รวมทั้งมีวีธีสัมผัสอื่นๆโดยอวัยวะอื่นๆนอกจากแค่การมองเห็นเข้ามาช่วยอีกด้วย และแน่นอนว่าร่างกายของเรามีสามมิติ จักรวาลของเราก็มีสามมิติและไม่มีที่สิ้นสุดในทุกๆด้าน
มาถึงสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในโลกสี่มิติ ซึ้งเชื่อว่ามันไม่เกี่ยวข้องกับเส้นเวลาอย่างแน่นอนเพราะเวลามันยิ่งใหญ่ที่สุดและคอยควบคุมสิ่งมีชีวิตในทุกๆมิติดังที่กล่าวมา โลกมิติที่สี่นั้นจะมีระยะเพิ่มขึ้นมาอีกแกนหนึ่ง และมันเกินกว่าที่มนุษย์อย่างเราจะจินตนาการได้ อย่างที่สิ่งมีชีวิตในโลกสองมิติไม่สามารถจิตนาการได้ว่าโลกสามมิติเป็นเช่นไร เพราะมันไม่มีวันที่จะได้รับประสบการณ์ตรงนั้นตลอดช่วงเวลาของเผ่าพันธุ์มัน ไม่มีหลักฐาน ไม่มีภาพหรือแม้แต่เครื่องมือที่จะแสดงภาพ กลับมาที่สิ่งมีชีวิตในโลกสี่มิติ สิ่งที่มันเห็นจะเป็นภาพสามมิติแท้ๆ เท่าที่จิตนาการได้และพอจะเปรียบให้ฟังง่ายๆคือ มันจะมีอวัยวะที่สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่หลังกำแพง ทุกซอกทุกมุมและทุกด้านแม้จะมีสิ่งได้มาบัง อาจจะมีระยะมองเห็นเป็นรัศมีรอบตัวเองร้อยเมตรพันเมตรก็ว่าไป แต่สุดท้าย ก็จะมีด้านที่สี่ที่มนุษย์เราไม่อาจค้นพบได้มาบดบังมันอยู่ดี
ส่วนมิติที่ห้าที่หกนั่นไม่สามารถอ้างเอ่ยถึงได้จริงๆ ท่านใดพอจะชี้ทางหรือมีข้อแนะนำถกเถียงยังไง ช่วยชี้แนะด้วยครับ
ปล. ถ้าสิ่งมีชีวิตในมิติที่ห้าสามารถพับกาลเวลาได้ง่ายเหมือนกระดาษ และข้ามไปมาดูช่วงเวลาไหนก็ได้เป็นเรื่องจริง ถ้าเป็นเช่นนั้นสิ่งมีชีวิตในมิติที่สองและสามก็สามารถพับโลกให้เหมือนกระดาษ และดูภาพสดๆในอีกมุมนึงของโลกได้ไม่ต่างกัน...
มิติที่สี่คืออะไร ใช่ที่เราๆเข้าใจกันหรือ?
เคยอ่านเจอเรื่องราวที่ว่า มิติที่สี่คือเส้นเวลา มนุษย์เราอาศัยอยู่ในโลกสี่มิติที่เดินทางไปตามเส้นเวลา มิติที่ห้าคือแผ่นเวลาที่รวมเอาเส้นเวลาใว้หลายๆเส้นจนเป็นแผ่น มิติที่หกคือก้อนเวลาที่รวมแผ่นเวลาใว้เยอะจนหนาเป็นก้อน และมิติที่เจ็ดคือเส้นจากก้อนเวลานึงไปอีกก้อนเวลานึง ก็ไม่รู้จะนิยามว่าเส้นอะไร วนอยู่อย่างนี้ เส้น แผ่น ก้อน ไปเรื่อยๆจนถึงมิติที่สิบเอ็ดสิบสอง เอาเข้าไปสิ!!! ซึ้งแท้จริงแล้ว มันก็มีฐานเป็นสาม หรือสามมิติเท่าที่มนุษย์เรารู้จักดี งั้นเรามาลองไล่กันใหม่ตั้งแต่โลกศูนย์มิติ ต่อไปนี้ส่วนหนึ่งเป็นแค่ความคิดของกระผม
เริ่มที่สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในโลกศูนย์มิติ สิ่งที่มันเห็นนั้นจะไร้ซึ้งมิติ คือมันจะมองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น มีแต่ความมืดดำว่างเปล่า ไร้รูปร่างไร้ร่างกาย แต่ยังมีความรู้สึกนึกคิด แค่คุณลองหลับตาลง ใส่ที่ปิดหู ไม่ขยับร่างกายไม่หายใจ ตัดสัมผัสทั้งห้าออก เท่านั้นก็เหมือนคุณอยู่ในโลกศูนย์มิติแล้ว แต่!!! ชีวิตในโลกศูนย์มิติก็ต้องมีเวลา จริงไหม? เพื่อให้มันคิดถึงสิ่งต่างๆได้ เกิดและตายได้
สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในโลกหนึ่งมิติ สิ่งที่มันเห็นจะเป็นเพียงจุดศูนย์มิติที่ไม่มีความกว้างและความยาว อาจเป็นจุดของแสง มันแค่เพียงรู้ว่ามีหรือไม่มี ถ้ามีมันจะรู้ว่าจุดนั้นเป็นสีอะไร ถ้าไม่มีก็อาจจะมืดไร้ซึ้งแสงสว่าง ร่างกายของมันจะมีแต่ความยาว เปรียบได้กับขบวนรถไฟในอุโมงค์ได้ดินที่มีรางเพียงรางเดียว ตัวมันคือขบวนรถไฟที่ไร้ความกว้างและความสูง ส่วนอุโมงค์นั้นคือจักรวาลของมันซึ้งอาจยาวเป็นอนันต์ มันสามารถเดินทางไปมาภายในนั้นได้อย่างอิสระ แต่ไม่สามารถข้ามผ่านเพื่อนๆของมันได้ ในเมื่อมีการเดินทาง โลกหนึ่งมิติก็ย่อมมีเวลาอีกเช่นกัน
สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในโลกสองมิติ สิ่งที่มันเห็นจะเป็นเส้นตรงหนึ่งมิติไม่มีความสูง ทดลองง่ายๆโดยการปิดไฟในห้อง วางมือถือลงบนโต๊ะโดยเปิดหน้าจอทิ้งใว้ และมองจอจากด้านข้าง 90 องศาพอดิบพอดี ไม่ว่าคุณจะเดินไปรอบๆโต๊ะและมองมาอย่างไร จะเห็นแสงเป็นเส้นตรงและสีที่แตกต่างไปเสมอ อยู่ที่ว่าเส้นนั้นมันจะสั้นลงหรือยาวขึ้นแค่ไหน สีที่เห็นเปลี่ยนไปยังไง ในมิตินี้ มันสามารถเลือกที่จะหันไปมองทางซ้ายหรือทางขวาได้เช่นกัน ร่างกายของมันจะมีรูปร่าง มีอวัยวะ แต่ก็แบนราบไร้ความสูง จักรวาลของมันเปรียบได้กับแผ่นกระดาษที่กว้างและยาวไม่มีที่สิ้นสุด สามารถจัดอาณาเขตแบ่งประเทศได้ถ้ามันมีภูมิปัญญาพอ แต่ก็ไม่สามารถสร้างสิ่งก่อสร้างได้เกินหนึ่งชั้น
สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในโลกสามมิติ นั่นก็คือมนุษย์เรานี่เอง ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่สายตาของเรามองเห็น มันเป็นแค่ภาพสองมิติไม่ต่างจากภาพถ่ายที่แสดงบนหน้าจอของกล้องถ่ายรูป เพียงแค่สมองของเราแยกแยะออกว่าด้านไหนเป็นด้านไหน ตื่นลึกหนาบางยังไง เราสามารถหันซ้ายขวาขึ้นลงได้อย่างอิสระ รวมทั้งมีวีธีสัมผัสอื่นๆโดยอวัยวะอื่นๆนอกจากแค่การมองเห็นเข้ามาช่วยอีกด้วย และแน่นอนว่าร่างกายของเรามีสามมิติ จักรวาลของเราก็มีสามมิติและไม่มีที่สิ้นสุดในทุกๆด้าน
มาถึงสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในโลกสี่มิติ ซึ้งเชื่อว่ามันไม่เกี่ยวข้องกับเส้นเวลาอย่างแน่นอนเพราะเวลามันยิ่งใหญ่ที่สุดและคอยควบคุมสิ่งมีชีวิตในทุกๆมิติดังที่กล่าวมา โลกมิติที่สี่นั้นจะมีระยะเพิ่มขึ้นมาอีกแกนหนึ่ง และมันเกินกว่าที่มนุษย์อย่างเราจะจินตนาการได้ อย่างที่สิ่งมีชีวิตในโลกสองมิติไม่สามารถจิตนาการได้ว่าโลกสามมิติเป็นเช่นไร เพราะมันไม่มีวันที่จะได้รับประสบการณ์ตรงนั้นตลอดช่วงเวลาของเผ่าพันธุ์มัน ไม่มีหลักฐาน ไม่มีภาพหรือแม้แต่เครื่องมือที่จะแสดงภาพ กลับมาที่สิ่งมีชีวิตในโลกสี่มิติ สิ่งที่มันเห็นจะเป็นภาพสามมิติแท้ๆ เท่าที่จิตนาการได้และพอจะเปรียบให้ฟังง่ายๆคือ มันจะมีอวัยวะที่สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่หลังกำแพง ทุกซอกทุกมุมและทุกด้านแม้จะมีสิ่งได้มาบัง อาจจะมีระยะมองเห็นเป็นรัศมีรอบตัวเองร้อยเมตรพันเมตรก็ว่าไป แต่สุดท้าย ก็จะมีด้านที่สี่ที่มนุษย์เราไม่อาจค้นพบได้มาบดบังมันอยู่ดี
ส่วนมิติที่ห้าที่หกนั่นไม่สามารถอ้างเอ่ยถึงได้จริงๆ ท่านใดพอจะชี้ทางหรือมีข้อแนะนำถกเถียงยังไง ช่วยชี้แนะด้วยครับ
ปล. ถ้าสิ่งมีชีวิตในมิติที่ห้าสามารถพับกาลเวลาได้ง่ายเหมือนกระดาษ และข้ามไปมาดูช่วงเวลาไหนก็ได้เป็นเรื่องจริง ถ้าเป็นเช่นนั้นสิ่งมีชีวิตในมิติที่สองและสามก็สามารถพับโลกให้เหมือนกระดาษ และดูภาพสดๆในอีกมุมนึงของโลกได้ไม่ต่างกัน...