ครบรอบ 10 ปี กับการเดินทางของ "ผมและเธอบนทางเส้นขนาน"

เมื่อหลายวันก่อน มีบทความที่คุ้นตาบทหนึ่ง ปรากฏในหน้าฟีดในเฟสบุ๊คของผม
บทความนั้นชื่อว่า  "ผมและเธอบนทางเส้นขนาน"

มันทำให้ผมยิ้มและนึกในใจว่า "เฮ้ย! มันยังอยู่อีกเหรอนี่ ผ่านไป 10 กว่าปีแล้วนะ!!"
ผมคลิกเข้าไปอ่านดูอย่างถี่ถ้วน รวมทั้งอ่านคอมเม้นท์ด้วย... เท่านั้นยังไม่พอ ผมเลยลองค้นหาบทความดังกล่าวในเฟสบุ๊ค... ปรากฏว่ามีมาให้เห็นอีกมากมาย

จะมีสักกี่คนนะที่จะทราบว่า...ไอ้คนเขียนบทความนี้เนี่ย มันเป็นใคร...
ใช่แล้วครับ "ผมเป็นผู้เขียนเอง"

มันเริ่มต้นจากใน Pantip นี่แหละ จำได้ว่าตอนนั้นผมต้องจากกรุงเทพฯ ไปอยู่ที่สวี รู้สึกคิดถึงแฟน ตอนที่เราอยู่ด้วยกัน ตอนที่ทะเลาะกัน ก็เลยรวบรวมความคิด กลั่นกรองแต่งบทความนี้ขึ้นมาและโพสต์ลง Pantip เป็นที่แรก...

ผมรู้สึกประทับใจมาก เพราะมันกลายเป็นกระทู้แนะนำอยู่ราว ๆ 1 สัปดาห์ได้
เท่านั้นยังไม่พอ มีหลาย ๆ เว็บที่ขอ และไม่ได้ขอ เอาไปลงที่เว็บของเขาอยู่มากมาย รวมทั้งยังกลายเป็น FWD Mail ด้วย ผมลองค้นหาใน Google ดูก็จะปรากฏบทความดังกล่าวของผมนี้กระจายอยู่เต็มไปหมด...

หนักสุดเลยคือ มีหนังสือหลายต่อหลายเล่มนำไปพิมพ์ขาย
น่าเสียดาย... ไม่เคยมีใครรู้ว่า ใครเขียน... เพราะไม่มีใครเคยใส่เครดิตให้ และแม้อยากจะใส่ เขาก็ไม่ทราบว่าจะใส่ใครลงไป

แต่สิ่งที่น่าแปลกคือ... ทำไมผมไม่เสียใจเลย!!

ไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนั้นเลยครับ และไม่เคยเรียกร้องตะโกนบอกใครเลยสักครั้ง ว่าเฮ้ย! เจ้าคนเขียนบทความดังกล่าวคือผมนะ ผ่านไป 10 ปี นี่เป็นครั้งแรกที่ตั้งกระทู้บอก

สาเหตุเพราะ... ผมภูมิใจกับสิ่งที่ตัวเองพิมพ์ จนมันเป็นที่ชื่นชอบของคนอื่น ๆ เสียจนมองข้ามสิทธิ ส่วนของผลประโยชน์ที่ตัวเองจะได้รับนั่นเอง มันทำให้ผมรู้ว่า ผมทำได้... ผมก็เก่งนะ ผมสร้างแรงบันดาลใจให้คนได้ สิ่งนี้มีค่ายิ่งกว่าสึ่งอื่นใด

และจากบทความดังกล่าว มันทำให้ผมเปลี่ยนไปเป็น นักคิด นักเขียน มีบทความมากมายหลังจากนั้นออกมา มีนิยายออกเป็นเล่ม ฯลฯ

แม้ตอนนี้ บทความดังกล่าวจะเปลี่ยนไปจาก FWD mail มาเป็นแปะหน้าเว็บ หน้า blog จนพัฒนาไปถึงหน้า feed ใน Facebook แล้วก็ตาม ความภูมิใจของผมยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ผมยังรักบทความดังกล่าวอยู่เสมอ รักแบบแอบรัก ไม่บอกใคร เพราะมันมีพระคุณกับผมนั่นเอง

แม้ตอนนี้จะไม่สามารถพิสูจน์ได้แล้วว่า ผมเป็นคนเขียนจริง ๆ เพราะบทความต้นฉบับนั้นน่าจะถูกลบไปจาก Pantip แล้ว แต่ก็ช่างมันเถิด ผมไม่ได้สนใจนัก
สุดท้ายนี้อยากบอกว่า ยังคงคิดถึงแกเสมอ ผมและเธอบนทางเส้นขนาน

ฝากถึงคนที่เอาไปลงในเฟส... ถ้าได้ผ่านมาเห็น ไม่ต้องให้เครดิตอะไรทั้งสิ้น แต่โปรดจง... จัดหน้าให้สวย ๆ หน่อยนะครับ ^^

-----------------------------------------
ผมและเธอบนทางเส้นขนาน

- ผมบอกว่าความรักก็เหมือนกับเส้นด้ายบาง ๆ หากขาดไปแล้ว ผูกอย่างไรก็มีปม
- เธอบอกว่าความรักเหนียวแน่นคงทนกว่านั้น มันเปรียบเสมือนผืนผ้ามากกว่า
แม้เส้นด้ายจะขาดไปสักเส้น ผ้าก็ยังเป็นผ้าได้อยู่

- ผมไม่พกมือถือ ด้วยเหตุผลว่า พระนเรศวรทรงกู้เอกราชได้โดยไม่ต้องใช้เครือข่าย
GSM
- เธอพกมือถือ 2 เครื่อง ด้วยเหตุผลว่า ที่ไทยเสียเอกราชไปเพราะไม่มีเครือข่าย GSMใช้

- ผมใส่กางเกงตัวละ 129 บาท ด้วยเหตุผลว่า จะยี่ห้ออะไรก็ปิดไอ้นั่นได้มิดเหมือนกัน
- เธอใส่กระโปรงราคาตัวละหลายพันบาท ด้วยเหตุผลว่า มันปลอดภัย ถ้าเกิดไฟไหม้
กระโปรงที่เธอใส่ เนื้อผ้าจะไม่ละลายติดเนื้อผิวของเธอ

- ผมไม่รู้หรอกว่าคุณค่าทางอาหารระหว่างพิซซ่ากับขนมครก อะไรจะมากกว่ากัน แต่
ผมว่าขนมครก อ! ร่อย และถูกกว่าเป็นไหน ๆ
- เธอไม่รู้หรอกว่าคุณค่าทางอาหารระหว่างพิซซ่ากับขนมครก อะไรจะมากกว่ากัน แต่
เธอชอบกินพิซซ่า ด้วยเหตุผลที่ว่า ขนมครกบางร้านเท่านั้นที่อร่อย แต่พิซซ่าฮัท ทุกร้านมีมาตรฐานเดียวกัน

- ผมใช้ปากกาด้ามละ 5 บาท ด้วยเหตุผลที่ว่า ยังไงมันก็เขียนได้ และมันมักจะหายไป
ทุกครั้งก่อนที่ไส้จะหมด
- เธอใช้ปากกา ยี่ห้อ cross ด้วยเหตุผลที่ว่า ยังไงมันก็เขียนติดกระดาษไม่ต้องสะบัดก่อนใช้
และไม่เลอะเทอะกระเป๋าเสื้อของเธอ

- ผมชอบทำงานอิสระ ทำตามจินตนาการของตัวเอง ไม่ต้องให้ใครบังคับ ไม่ต้องผูกมัด
กับระบบ
- บัตรตอกทำงานของเธอไม่เคยขึ้นตัวแดง เธอกลับค่ำทุกวัน เพราะงานทำให้เธอมีระบบ
ระเบียบ และเห็นคุณค่าของชีวิต

- ผมรักตัวของผมเองมากกว่าใคร ๆ ด้วยเหตุผลว่า ไม่ว่าเราจะทำดีเพื่อใคร ๆ
มากมายขนาดไหนความสุขทางใจที่เราได้ ก็ได้กับตัวเอง
- เธอรักครอบครัวของเธอมากกว่าสิ่งใด ๆ ด้วยเหตุผลว่า ถ้าไม่มีพวกเขา ก็คงไม่มีเธอเกิดมาให้ป่าวประกาศว่าฉันรักตัวฉันเอง

- คลื่นทะเลให้ปรัชญาแก่ผมว่า หาดทรายจะแปรเปลี่ยนไปทุกครั้งตามคลื่นที่กระทบฝั่ง
แต่แม้จะเปลี่ยนอย่างไร ทรายก็ยังเป็นทราย และคลื่นก็ยังเป็นคลื่นไม่เปลี่ยน
- คลื่นทะเลให้ปรัชญาแก่เธอว่า ไม่ว่าน้ำทะเลจะขึ้นจะลงอย่างไร คลื่นก็ยังขยันซัดกระทบฝั่ง

- ผมบอกว่าถ้าไม่มี "ความว่าง" แล้ว "ความมี" ก็ไร้ความหมาย เพราะความมีต้องวางลงบนความว่าง
- เธอบอกว่าถ้าไม่มี "ความมี" แล้ว "ความว่าง" จะมีประโยชน์อะไร มันคงไร้ความหมายเพราะมีความมี ความว่างจึงก่อเกิดการเปรียบเทียบ

- คนอื่นบอกว่า ผู้หญิงรักผู้ชายจาก 0-100 แต่ผู้ชายรักผู้หญิงจาก 100-0 ผมแย้งว่าผู้หญิงรักผู้ชายแค่ 0-1 เหมือนไบนารี่ ทำดีมากมายขนาดไหนก็เป็นเพียงแค่ 1 หากผิดพลั้งไป จะเหลือเพียง 0
- เธอแย้งว่าผู้หญิงรักผู้ชายไม่ใช่ 0-1 และไม่ใช่ 0-100 แต่เป็นจาก 100-200
หญิงรักชายได้ 100 และจะมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามที่เธอปรารถนา

- ผมมองคนที่ความคิด
- เธอแย้งว่าความคิดไม่ใช่นิสัย

ผมเหมือนกับแก้วใส ๆ จะเห็นคุณค่าตัวเองก็ต่อเมื่อมีเธอเป็นน้ำมาเติมเต็ม
เธอเหมือนกับน้ำใส ๆ เธอจะอยู่ได้อย่างไรหากไม่มีภาชนะมารองรับ

ผมและเธอเหมือนดั่งเส้นขนาน ที่ไม่มีวันจะมาบรรจบกัน
ผมและเธอเหมือนดั่งเส้นขนาน ถึงแม้จะไม่มีวันบรรจบกัน

แต่เราก็จะตีคู่ไปด้วยกันเสมอ เพราะเธอชอบกินไข่แดง
แต่ผมชอบกินไข่ขาว
เราจึงอยู่ด้วยกันได้ ในไข่ใบสีน้ำเงินแห่งนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่