ความรัก ขนมครก และ คนแคระ กว่าจะเข้าใจก็สายเกิน
คงมีใครเคยเปรียบมนุษย์สักคน เป็นเช่นเข็มนาฬิกามาบ้าง สุดแต่ใครจะเป็นเข็มอะไร ในสามเข็ม ตรงหน้าปัดตรงนั้น
"เกื้อ" คงเป็นเข็มชั่วโมงสั้นๆ เพราะถูกเข็มๆ อื่น ในหน้าปัดชีวิตของเขา ไล่รุน ดุน หลัง อยู่ เสมอๆ
ชีวิตของมนุษย์เงินเดือนในฐานะผู้จัดการฝ่ายความคิดสร้างสรรค์ในบริษัทโฆษณา แม้จะดูโก้หรู ดูเท่ห์ ในสายตาของ น้องๆ นิสิตนักศึกษา นิเทศศาสตร์และวารสารศาสตร์ ที่มาฝึกงานอยู่ที่บริษัท 6 – 7 คนอยู่มากมาย แต่ 15 ปี ในวงการ ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเบื่อหน่ายมันอย่างที่สุด การแข่งขันในแวดวงนี้ ก็สูงมาก และการเก็บรักษาลูกค้าเอาไว้ด้วยกลเม็ดเคล็ดลับอันหลายหลาก นั้น ถูกโยนมาเป็นเงื่อนไขสำคัญของฝ่ายสร้างสรรค์ด้วยอีกส่วนหนึ่ง แต่กนั่นแหละ ทุกๆ ฝ่ายในบริษัท ต้องยอมรับมันและหาวิธีที่จะทำมันให้สำเร็จให้จงได้
ชีวิตมันไม่ง่ายเลย เกื้อคิดว่า เขาอาจจะเป็นครีเอทีฟหนุ่ม ที่ประสบความสำเร็จเร็วเกินไป จึงต้องแบกรับการคาดหวังของเพื่อนๆ น้องๆ ไว้อย่างช่วยไม่ได้ แต่จริงๆ แล้ว ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย แม้ชายหนุ่มจะเติบโตมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงนั้นต่อหน้าต่อตา แต่ก็มีอะไรอีกหลายอย่างที่ทิ่มแทงให้เขาเหนื่อยล้ากว่าที่ควรจะเป็น แต่ มันก็เป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถปริปากบอกให้ใครฟังได้
สายๆ วันนี้ ลูกค้ารายใหญ่เข้ามาทำสัญญาในงานที่ เกื้อ ขายไปเมื่ออาทิตย์ก่อน บริษัทสมใจในยอดเงินที่เข้ามามากกว่าที่คาด
โปรเจคบ้านราคาหรู ล้อเลียนบ้านพักบนยานอวกาศนี้ ถูกชำแหละแยกส่วนไปยังฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และมันกำลังดำเนินการไปด้วยหัวใจที่พองโตของทุกๆ คน แต่ เกื้อไม่ได้รู้สึกดีใจเอาซะเลย
หลังมื้อกลางวันในร้านอาหารเล็กๆ ในโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง ชายหนุ่มยื่นหนังสือลาออกต่อมุก พร้อมๆ กับผลการตรวจร่างกายประจำปี หญิงสาวที่เป็นทั้งคนรักและเจ้าของบริษัทโฆษณานี้ รับเอกสารทั้งสองซองด้วยสีหน้าประหลาดใจ เธอเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มนิ่ง หลังอ่านเอกสารทั้งสองชิ้นจบ
“เกื้อ จะทิ้งมุกไปไหน” “ด้วยเหตุผลสั้นๆ ว่า เหนื่อย เบื่อ อย่างนี้เหรอ"
“มุกก็รู้ ว่าเกื้อ ไม่ได้เหนื่อย เบื่อหน่ายแต่เรื่องงาน” ชายหนุ่มตอบน้ำเสียงเรียบๆ
“เกื้อตรวจร่างกาย ตามที่มุกต้องการ มา 3 ปี แล้ว เกื้อมีงาน มีภาระที่เกื้อต้องทำให้สำเร็จ เมื่อไหร่เราจะได้แต่งงานกันเสียที”
"อ้อ ต้องถามว่า ไมใช่สิ เราจะแต่งงานกันไหม"
หญิงสาวก้มหน้านิ่ง
“แต่ บริษัท กำลังไปไปได้ดี เกื้อต้องอยู่ช่วยมุกนะ” หญิงสาวอ้อนวอน
"เกื้อ ช่วยมุกมาเป็นสิบปี แล้วตั้งแต่เรารู้จักกันและก่อร่างสร้างบริษัทด้วยกันมา"
"ความเป็นโสดของมุก อาจช่วยมุกได้มากกว่าที่เกื้อช่วยก็ได้..... จริงไหม"
นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของชายหนุ่มที่ ทำให้หญิงสาวยอมจำนน ไม่ร้องขออะไรอีก นอกจาก
"หายเหนื่อยแล้วกลับมา แล้วเกื้ออย่าปิดโทรศัพท์... มุกคอยเกื้ออยู่นะ”
..................................................................................................................................................................................
หลังขับรถมาราว 5 ชั่วโมง จากเมื่อคืน เกื้อก็มาถึงตลาดเช้าใจกลางอำเภอเล็กๆ ของ ชัยภูมิ ที่เป็นบ้านเกิดของพลอย นักศึกษาฝึกงานที่บริษัท
เด็กสาวที่ชอบเขียนเรื่องราวของภาพชนบท ความใสซื่อตรงไปตรงมา ความกตัญญูต่อพ่อแม่และแผ่นดินเกิด ในงานโฆษณาส่งอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย เกื้อเคยอ่านเจอในแฟ้มสะสมงานของพลอย และแอบเอาแนวคิดไปขายลูกค้าจนสำเร็จ แต่ภาพในหนังโฆษณา ถูกนำเสนอในมุมตลก ขบขัน ตามความต้องการของมุกไปในท้ายสุด
ชายหนุ่มมีของขวัญเล็กๆเตรียมมา 1 กล่อง จดหมายรับรองการฝึกงานของเด็กสาวอีก 1 ฉบับ ที่ เขาดึงมันออกมาจากกองที่จะถูกส่งทางไปรษณีย์ในเช้าวันนี้
ตลาดเช้าที่นี่ ดูคึกคักไม่เบาเลย ชายหนุ่มเดินตัดเข้าไปในตลาดสด เพื่อข้ามถนนไปมองหาอีกฝั่งที่มีซอยตัดเป็นตาราง เขามองหา รถเข็นขนมครก เล็กๆ ที่ขายอยู่ปากซอย เทศบาล 3
“แม่หนู ขายขนมครก ในตลาดค่ะพี่ เริ่มขายที่ปากซอย 3 หน้าตลาด กลางวันไปขายที่อำเภอ เย็นๆ ขายที่หน้าโรงเรียนประจำอำเภอที่หนูเรียน เพื่อรอรับหนูกลับบ้าน"
"บางวันขนมครกขายหมด ก่อนหนูเลิกเรียน แม่ก็นั่งคอยรับหนูทุกวัน ระยะทางจากโรงเรียนไปบ้าน ราวๆ 3 กิโลเมตร"
"ตอนเช้าหนูนั่งรถมา ตอนเย็นเดินกลับไปเป็นเพื่อนแม่ หนูกับแม่ มีความสุขดี แม้ไม่รู้ว่าพ่อหนูเป็นใคร"
"ที่สำคัญ ขนมครกของแม่ ส่งหนูเรียนจนจบปริญญาตรี"
ควันไฟ พวยพุ่งเบาๆ อยู่หน้ารถเข็นเล็กๆ ผมเห็นแขนเล็กๆ ของพลอยถือ กาอลูมิเนียมใบย่อมๆ คอยหยอด แป้งปนกะทิ ลงไปบนหลุม เตาขนมครก อย่างคล่องแคล่ว
มีร่างหญิงสาวตัวเล็กๆ อีกคนที่สูงเลยพื้นรถเข็นราวๆ 1 คืบ กำลังตก แคะ ขนมครก อย่างคล่องแคล่วยิ่งกว่า ใช่แล้วนี่เป็นแม่ลูก คนที่ผมกำลังตามหา
สิ่งที่อยู่ในใจของ ชายหนุ่มมาตลอด ก็คือ การตามหา ความรักของ แม่กับลูกสักคู่หนึ่ง ภาพตรงหน้าตอกย้ำว่า การมาตามหาพลอย นั้นคิดไม่ผิด
ชายหนุ่ม ยกกล้องขึ้นเก็บภาพ สองคนแม่ลูก ไปเป็นระยะ และเดินติดตามไปห่าง ๆ จากระยะทางจากตลาดสดไปที่หน้าอำเภอ
หน้าอำเภอของต่างจังหวัด เป็นที่รวมของศูนย์ราชการ และการมาติดต่อราชการของประชาชน ขนมครกขายดี เพราะเห็นจากการการที่ลูกค้ามายืนรอรถเข็นอยู่ก่อนหน้าเป็นครึ่งชั่วโมง และมันก็หมดแบบนี้ทุกวันที่หน้าโรงเรียนแทบจะทันทีที่โรงเรียนเลิก
ระหว่างทาง สองแม่ลูก คุยกันไป ยิ้มกันไป ตลอดเวลา แม่ของพลอยแวะซื้อกับข้าว และ ข้าวของสำหรับทำของขายในวันพรุ่งนี้กลับไปบ้านเ ก่อนพระอาทิตย์จะลับลาขอบฟ้าไปตั้งหลายชั่วโมง
เสียงโทรศัพท์ถูกปิด เกื้อจึงไม่เห็นว่า มุก พยายามโทรหาอยู่หลายครั้ง รายงานการตรวจร่างกายของพนักงานทุกคนของบริษัท เป็นปกติดี แต่ ในรายของ เกื้อ นั้น คุณหมอผู้ตรวจ ได้แจ้งมุกว่า พบความผิดปกติ ในระบบการทำงานของร่างกายอยู่หลายส่วน และ ไม่สามารถหาสาเหตุได้ นี่เป็นครั้งที่ 3 ปีที่ 3 แล้ว ที่ผลการตรวจบอกสุขภาพของเกื้อ สรุปสมบูรณ์แข็งแรงดีมาก แต่คุณหมอ แนะนำให้เข้าเครื่อง ซีทีสแกนอย่างละเอียด อีกครั้งหนึ่งเพื่อหาความผิดปรกติบางอย่าง ซึ่งในสองครั้งแรกที่ผ่านมา เกื้อปฏิเสธที่จะทำตามที่มุกขอร้อง
มุกไม่เคยเห็น เกื้อ ป่วยไข้ ปวดท้อง ปวดหัว แม้แต่ไข้หวัด ในยามที่ต้องโหมงานหนัก ไม่ได้หลับได้นอน ติดต่อกัน สองสามวัน มีพึ่งจะปีนี้ ที่เกื้อ บ่นว่าเหนื่อย บ่อย ๆ หญิงสาวกังวลใจในเรื่องสุขภาพของคนรัก เธอรักเขายิ่งกว่าอะไร พยายามเก็บเงินให้มาก สร้างบริษัทให้เป็นปึกแผ่น เพื่อแต่งงานกับเขาสักวันหนึ่ง แม้จะต้องผูกใจลูกค้า ด้วยจริตของสาวสมัยใหม่อย่างเธอบ้าง แต่เกื้อไม่เคยรู้เหตุผลของเธอในข้อนี้เลย และเธอก็ไม่เคยรู้ว่าเกื้อป่วย ด้วยภาวะอะไรในตอนนี้
ชายหนุ่มผูกมิตรกับแม่ของพลอยได้ ไม่ยาก ในฐานะ ผู้มีพระคุณกับลูกสาวคนเดียวของเธอ เกื้อแบ่งเปอร์เซ็นต์จากงานโฆษณาในส่วนของความคิดสร้างสรรค์ให้กับพลอย กว่า 4 หมื่นบาท แม้เด็กสาวจะดูงงๆ กับ ความคิดของเธอที่เกื้อว่าจุดความคิดให้งานนี้ ให้ออกมาเป็นหนังโฆษณาตลกแบบนั้นได้ อย่างไม่น่าเชื่อก็ตามที
หลังอาหารเย็นในบ้านเล็ก ซอย 3 เกื้อ ส่งของขวัญเป็นแหวนทับทิมแดงเนื้องามให้ พลอย ต่อหน้าแม่ของเธอ แม่พลอยไม่ได้รู้สึกตกอก ตกใจ อะไร เพราะ สามสี่วันที่ผ่านมา ทำให้เธอเชื่อว่า ชายหญิง สองคนนี้ มีใจต้องตรงกัน ชายหนุ่ม ถึงตามมาหาลูกสาวเธอถึงจังหวัดห่างไกลเช่นนี้
และเธอเองก็รู้สึกคุ้นเคยกับชายหนุ่มผู้นี้ แม้ในการพบเจอกันครั้งแรก
เกื้อบอกแม่ของพลอยว่า ชอบในความรัก ความกตัญญู ของ พลอยที่มีแต่พ่อแม่ เกื้อไม่เคยพบพาน และเรียนรู้เรื่องราว แบบนี้ แม่พลอยถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดัง ด้วยเห็นเป็นเรื่องที่ เกื้อพยายามยกยอว่าที่แม่ยายจนเกินจริง
ในคืนนั้น เกื้อมีความสุขอย่างที่สุดในรอบหลายปี แม้ร่างกายของชายหนุ่มจะดู อ่อนแรงลงไป อย่างมาก เขาขับรถคู่ใจ พาพลอยและแม่ ขึ้นไปอุทยานแห่งชาติไทรทอง ตามโปรแกรมที่เกื้อบอกทุกคนว่า ดึกได้ดูดาว พอเช้าจะได้ไปเดินเที่ยวทุ่งดอกกระเจียวได้ก่อนใครๆ
โทรศัพท์ของเกื้อ แบตเตอรี่หมดสิ้น และดับไปตั้งแต่เมื่อเริ่มมาถึงที่ทำการอุทธยาน แต่ มุกก็พยายามโทรหาเกื้อ อย่างบ้าคลั่ง ในความรักและผูกพันของเธอกับเกื้อ ไม่เคยขาดหายติดต่อกันไม่ได้เนิ่นนานเท่านี้มาก่อน เธอกังวลว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันกับเขา
ในที่สุด มุก สามารถเช็กพิกัดจากศูนย์ว่า เกื้ออยู่ที่ไหน และเธอก็ขับรถโดยลำพังมาตามหาคนรัก ตรงที่ศูนย์เครือข่ายโทรศัพท์บอกว่าที่สุดท้ายที่สัญญาณหายไปคือ อุทธยานแห่งชาติไทรทอง จังหวัดชัยภูมิ
บนฟ้า ดาวพรายแสงเต็มฟ้า หนึ่งชายและสองหญิงต่างวัยกำลังนั่งชมดาว อยู่ริมระเบียงที่พีก รถยุโรปขับเคลื่อนสี่ล้อคันหนึ่งก็เข้าจอดเทียบที่ด้านนหน้าเรือนพักรับรองหลังนั้น
พลัน วูปนึงของลำแสงมหึมา ก็ สูบร่างของ เกื้อ พลอยและแม่ของพลอย พุ่งหายไปบนวัตถุวงรีสีขาวนวลที่ลอยตัวอยู่เหนือทิวไม้สน
มุกในชุดแต่งงาน สีงาช้างปักลูกไม้ เปิดประตูรถยนต์และวิ่งตามวัตุที่เคลื่อนที่ช้าๆ นั้นไปเหมือนคนเสียสติ เธอตะโกนเรียกชายคนรักสุดเสียง
“เกื้อ”
“เกื้อ.... แต่งงานกับมุกเถอะ”
“เกื้อ.... อย่าทิ้งมุกไป”
วัตถุขนาดใหญ่นั้นหาได้รับฟังคำอ้อนวอของเธอ กลับเคลื่อนหนีเธอไปช้าๆ
เจ้าของบริษัทโฆษณาสาวทรุดตัวลงร้องให้กับดอกกะเจียวนับแสนดอก รอบๆ กาย
เกื้อ ที่บัดนี้กลายร่างกลับมาเป็น คนแคระจากดวงดาวนอกอวกาศไปแล้ว เกาะหน้าต่างกระจกมองมุก อย่างไม่เชื่อสายตาตัวเองในวันสุดท้ายนี้
มนุษย์ต่างดาว ตัวเล็กแคระ หลับตาผ่อนลมหายใจลงอย่างช้าๆ
เขาจากไปพร้อมกับความทรงจำของมุก ในนามความรักของมนุษย์โลก
ขนมครกในโลกของคนแคระ
คงมีใครเคยเปรียบมนุษย์สักคน เป็นเช่นเข็มนาฬิกามาบ้าง สุดแต่ใครจะเป็นเข็มอะไร ในสามเข็ม ตรงหน้าปัดตรงนั้น
"เกื้อ" คงเป็นเข็มชั่วโมงสั้นๆ เพราะถูกเข็มๆ อื่น ในหน้าปัดชีวิตของเขา ไล่รุน ดุน หลัง อยู่ เสมอๆ
ชีวิตของมนุษย์เงินเดือนในฐานะผู้จัดการฝ่ายความคิดสร้างสรรค์ในบริษัทโฆษณา แม้จะดูโก้หรู ดูเท่ห์ ในสายตาของ น้องๆ นิสิตนักศึกษา นิเทศศาสตร์และวารสารศาสตร์ ที่มาฝึกงานอยู่ที่บริษัท 6 – 7 คนอยู่มากมาย แต่ 15 ปี ในวงการ ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเบื่อหน่ายมันอย่างที่สุด การแข่งขันในแวดวงนี้ ก็สูงมาก และการเก็บรักษาลูกค้าเอาไว้ด้วยกลเม็ดเคล็ดลับอันหลายหลาก นั้น ถูกโยนมาเป็นเงื่อนไขสำคัญของฝ่ายสร้างสรรค์ด้วยอีกส่วนหนึ่ง แต่กนั่นแหละ ทุกๆ ฝ่ายในบริษัท ต้องยอมรับมันและหาวิธีที่จะทำมันให้สำเร็จให้จงได้
ชีวิตมันไม่ง่ายเลย เกื้อคิดว่า เขาอาจจะเป็นครีเอทีฟหนุ่ม ที่ประสบความสำเร็จเร็วเกินไป จึงต้องแบกรับการคาดหวังของเพื่อนๆ น้องๆ ไว้อย่างช่วยไม่ได้ แต่จริงๆ แล้ว ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย แม้ชายหนุ่มจะเติบโตมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงนั้นต่อหน้าต่อตา แต่ก็มีอะไรอีกหลายอย่างที่ทิ่มแทงให้เขาเหนื่อยล้ากว่าที่ควรจะเป็น แต่ มันก็เป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถปริปากบอกให้ใครฟังได้
สายๆ วันนี้ ลูกค้ารายใหญ่เข้ามาทำสัญญาในงานที่ เกื้อ ขายไปเมื่ออาทิตย์ก่อน บริษัทสมใจในยอดเงินที่เข้ามามากกว่าที่คาด
โปรเจคบ้านราคาหรู ล้อเลียนบ้านพักบนยานอวกาศนี้ ถูกชำแหละแยกส่วนไปยังฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และมันกำลังดำเนินการไปด้วยหัวใจที่พองโตของทุกๆ คน แต่ เกื้อไม่ได้รู้สึกดีใจเอาซะเลย
หลังมื้อกลางวันในร้านอาหารเล็กๆ ในโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง ชายหนุ่มยื่นหนังสือลาออกต่อมุก พร้อมๆ กับผลการตรวจร่างกายประจำปี หญิงสาวที่เป็นทั้งคนรักและเจ้าของบริษัทโฆษณานี้ รับเอกสารทั้งสองซองด้วยสีหน้าประหลาดใจ เธอเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มนิ่ง หลังอ่านเอกสารทั้งสองชิ้นจบ
“เกื้อ จะทิ้งมุกไปไหน” “ด้วยเหตุผลสั้นๆ ว่า เหนื่อย เบื่อ อย่างนี้เหรอ"
“มุกก็รู้ ว่าเกื้อ ไม่ได้เหนื่อย เบื่อหน่ายแต่เรื่องงาน” ชายหนุ่มตอบน้ำเสียงเรียบๆ
“เกื้อตรวจร่างกาย ตามที่มุกต้องการ มา 3 ปี แล้ว เกื้อมีงาน มีภาระที่เกื้อต้องทำให้สำเร็จ เมื่อไหร่เราจะได้แต่งงานกันเสียที”
"อ้อ ต้องถามว่า ไมใช่สิ เราจะแต่งงานกันไหม"
หญิงสาวก้มหน้านิ่ง
“แต่ บริษัท กำลังไปไปได้ดี เกื้อต้องอยู่ช่วยมุกนะ” หญิงสาวอ้อนวอน
"เกื้อ ช่วยมุกมาเป็นสิบปี แล้วตั้งแต่เรารู้จักกันและก่อร่างสร้างบริษัทด้วยกันมา"
"ความเป็นโสดของมุก อาจช่วยมุกได้มากกว่าที่เกื้อช่วยก็ได้..... จริงไหม"
นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของชายหนุ่มที่ ทำให้หญิงสาวยอมจำนน ไม่ร้องขออะไรอีก นอกจาก
"หายเหนื่อยแล้วกลับมา แล้วเกื้ออย่าปิดโทรศัพท์... มุกคอยเกื้ออยู่นะ”
..................................................................................................................................................................................
หลังขับรถมาราว 5 ชั่วโมง จากเมื่อคืน เกื้อก็มาถึงตลาดเช้าใจกลางอำเภอเล็กๆ ของ ชัยภูมิ ที่เป็นบ้านเกิดของพลอย นักศึกษาฝึกงานที่บริษัท
เด็กสาวที่ชอบเขียนเรื่องราวของภาพชนบท ความใสซื่อตรงไปตรงมา ความกตัญญูต่อพ่อแม่และแผ่นดินเกิด ในงานโฆษณาส่งอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย เกื้อเคยอ่านเจอในแฟ้มสะสมงานของพลอย และแอบเอาแนวคิดไปขายลูกค้าจนสำเร็จ แต่ภาพในหนังโฆษณา ถูกนำเสนอในมุมตลก ขบขัน ตามความต้องการของมุกไปในท้ายสุด
ชายหนุ่มมีของขวัญเล็กๆเตรียมมา 1 กล่อง จดหมายรับรองการฝึกงานของเด็กสาวอีก 1 ฉบับ ที่ เขาดึงมันออกมาจากกองที่จะถูกส่งทางไปรษณีย์ในเช้าวันนี้
ตลาดเช้าที่นี่ ดูคึกคักไม่เบาเลย ชายหนุ่มเดินตัดเข้าไปในตลาดสด เพื่อข้ามถนนไปมองหาอีกฝั่งที่มีซอยตัดเป็นตาราง เขามองหา รถเข็นขนมครก เล็กๆ ที่ขายอยู่ปากซอย เทศบาล 3
“แม่หนู ขายขนมครก ในตลาดค่ะพี่ เริ่มขายที่ปากซอย 3 หน้าตลาด กลางวันไปขายที่อำเภอ เย็นๆ ขายที่หน้าโรงเรียนประจำอำเภอที่หนูเรียน เพื่อรอรับหนูกลับบ้าน"
"บางวันขนมครกขายหมด ก่อนหนูเลิกเรียน แม่ก็นั่งคอยรับหนูทุกวัน ระยะทางจากโรงเรียนไปบ้าน ราวๆ 3 กิโลเมตร"
"ตอนเช้าหนูนั่งรถมา ตอนเย็นเดินกลับไปเป็นเพื่อนแม่ หนูกับแม่ มีความสุขดี แม้ไม่รู้ว่าพ่อหนูเป็นใคร"
"ที่สำคัญ ขนมครกของแม่ ส่งหนูเรียนจนจบปริญญาตรี"
ควันไฟ พวยพุ่งเบาๆ อยู่หน้ารถเข็นเล็กๆ ผมเห็นแขนเล็กๆ ของพลอยถือ กาอลูมิเนียมใบย่อมๆ คอยหยอด แป้งปนกะทิ ลงไปบนหลุม เตาขนมครก อย่างคล่องแคล่ว
มีร่างหญิงสาวตัวเล็กๆ อีกคนที่สูงเลยพื้นรถเข็นราวๆ 1 คืบ กำลังตก แคะ ขนมครก อย่างคล่องแคล่วยิ่งกว่า ใช่แล้วนี่เป็นแม่ลูก คนที่ผมกำลังตามหา
สิ่งที่อยู่ในใจของ ชายหนุ่มมาตลอด ก็คือ การตามหา ความรักของ แม่กับลูกสักคู่หนึ่ง ภาพตรงหน้าตอกย้ำว่า การมาตามหาพลอย นั้นคิดไม่ผิด
ชายหนุ่ม ยกกล้องขึ้นเก็บภาพ สองคนแม่ลูก ไปเป็นระยะ และเดินติดตามไปห่าง ๆ จากระยะทางจากตลาดสดไปที่หน้าอำเภอ
หน้าอำเภอของต่างจังหวัด เป็นที่รวมของศูนย์ราชการ และการมาติดต่อราชการของประชาชน ขนมครกขายดี เพราะเห็นจากการการที่ลูกค้ามายืนรอรถเข็นอยู่ก่อนหน้าเป็นครึ่งชั่วโมง และมันก็หมดแบบนี้ทุกวันที่หน้าโรงเรียนแทบจะทันทีที่โรงเรียนเลิก
ระหว่างทาง สองแม่ลูก คุยกันไป ยิ้มกันไป ตลอดเวลา แม่ของพลอยแวะซื้อกับข้าว และ ข้าวของสำหรับทำของขายในวันพรุ่งนี้กลับไปบ้านเ ก่อนพระอาทิตย์จะลับลาขอบฟ้าไปตั้งหลายชั่วโมง
เสียงโทรศัพท์ถูกปิด เกื้อจึงไม่เห็นว่า มุก พยายามโทรหาอยู่หลายครั้ง รายงานการตรวจร่างกายของพนักงานทุกคนของบริษัท เป็นปกติดี แต่ ในรายของ เกื้อ นั้น คุณหมอผู้ตรวจ ได้แจ้งมุกว่า พบความผิดปกติ ในระบบการทำงานของร่างกายอยู่หลายส่วน และ ไม่สามารถหาสาเหตุได้ นี่เป็นครั้งที่ 3 ปีที่ 3 แล้ว ที่ผลการตรวจบอกสุขภาพของเกื้อ สรุปสมบูรณ์แข็งแรงดีมาก แต่คุณหมอ แนะนำให้เข้าเครื่อง ซีทีสแกนอย่างละเอียด อีกครั้งหนึ่งเพื่อหาความผิดปรกติบางอย่าง ซึ่งในสองครั้งแรกที่ผ่านมา เกื้อปฏิเสธที่จะทำตามที่มุกขอร้อง
มุกไม่เคยเห็น เกื้อ ป่วยไข้ ปวดท้อง ปวดหัว แม้แต่ไข้หวัด ในยามที่ต้องโหมงานหนัก ไม่ได้หลับได้นอน ติดต่อกัน สองสามวัน มีพึ่งจะปีนี้ ที่เกื้อ บ่นว่าเหนื่อย บ่อย ๆ หญิงสาวกังวลใจในเรื่องสุขภาพของคนรัก เธอรักเขายิ่งกว่าอะไร พยายามเก็บเงินให้มาก สร้างบริษัทให้เป็นปึกแผ่น เพื่อแต่งงานกับเขาสักวันหนึ่ง แม้จะต้องผูกใจลูกค้า ด้วยจริตของสาวสมัยใหม่อย่างเธอบ้าง แต่เกื้อไม่เคยรู้เหตุผลของเธอในข้อนี้เลย และเธอก็ไม่เคยรู้ว่าเกื้อป่วย ด้วยภาวะอะไรในตอนนี้
ชายหนุ่มผูกมิตรกับแม่ของพลอยได้ ไม่ยาก ในฐานะ ผู้มีพระคุณกับลูกสาวคนเดียวของเธอ เกื้อแบ่งเปอร์เซ็นต์จากงานโฆษณาในส่วนของความคิดสร้างสรรค์ให้กับพลอย กว่า 4 หมื่นบาท แม้เด็กสาวจะดูงงๆ กับ ความคิดของเธอที่เกื้อว่าจุดความคิดให้งานนี้ ให้ออกมาเป็นหนังโฆษณาตลกแบบนั้นได้ อย่างไม่น่าเชื่อก็ตามที
หลังอาหารเย็นในบ้านเล็ก ซอย 3 เกื้อ ส่งของขวัญเป็นแหวนทับทิมแดงเนื้องามให้ พลอย ต่อหน้าแม่ของเธอ แม่พลอยไม่ได้รู้สึกตกอก ตกใจ อะไร เพราะ สามสี่วันที่ผ่านมา ทำให้เธอเชื่อว่า ชายหญิง สองคนนี้ มีใจต้องตรงกัน ชายหนุ่ม ถึงตามมาหาลูกสาวเธอถึงจังหวัดห่างไกลเช่นนี้
และเธอเองก็รู้สึกคุ้นเคยกับชายหนุ่มผู้นี้ แม้ในการพบเจอกันครั้งแรก
เกื้อบอกแม่ของพลอยว่า ชอบในความรัก ความกตัญญู ของ พลอยที่มีแต่พ่อแม่ เกื้อไม่เคยพบพาน และเรียนรู้เรื่องราว แบบนี้ แม่พลอยถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดัง ด้วยเห็นเป็นเรื่องที่ เกื้อพยายามยกยอว่าที่แม่ยายจนเกินจริง
ในคืนนั้น เกื้อมีความสุขอย่างที่สุดในรอบหลายปี แม้ร่างกายของชายหนุ่มจะดู อ่อนแรงลงไป อย่างมาก เขาขับรถคู่ใจ พาพลอยและแม่ ขึ้นไปอุทยานแห่งชาติไทรทอง ตามโปรแกรมที่เกื้อบอกทุกคนว่า ดึกได้ดูดาว พอเช้าจะได้ไปเดินเที่ยวทุ่งดอกกระเจียวได้ก่อนใครๆ
โทรศัพท์ของเกื้อ แบตเตอรี่หมดสิ้น และดับไปตั้งแต่เมื่อเริ่มมาถึงที่ทำการอุทธยาน แต่ มุกก็พยายามโทรหาเกื้อ อย่างบ้าคลั่ง ในความรักและผูกพันของเธอกับเกื้อ ไม่เคยขาดหายติดต่อกันไม่ได้เนิ่นนานเท่านี้มาก่อน เธอกังวลว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันกับเขา
ในที่สุด มุก สามารถเช็กพิกัดจากศูนย์ว่า เกื้ออยู่ที่ไหน และเธอก็ขับรถโดยลำพังมาตามหาคนรัก ตรงที่ศูนย์เครือข่ายโทรศัพท์บอกว่าที่สุดท้ายที่สัญญาณหายไปคือ อุทธยานแห่งชาติไทรทอง จังหวัดชัยภูมิ
บนฟ้า ดาวพรายแสงเต็มฟ้า หนึ่งชายและสองหญิงต่างวัยกำลังนั่งชมดาว อยู่ริมระเบียงที่พีก รถยุโรปขับเคลื่อนสี่ล้อคันหนึ่งก็เข้าจอดเทียบที่ด้านนหน้าเรือนพักรับรองหลังนั้น
พลัน วูปนึงของลำแสงมหึมา ก็ สูบร่างของ เกื้อ พลอยและแม่ของพลอย พุ่งหายไปบนวัตถุวงรีสีขาวนวลที่ลอยตัวอยู่เหนือทิวไม้สน
มุกในชุดแต่งงาน สีงาช้างปักลูกไม้ เปิดประตูรถยนต์และวิ่งตามวัตุที่เคลื่อนที่ช้าๆ นั้นไปเหมือนคนเสียสติ เธอตะโกนเรียกชายคนรักสุดเสียง
“เกื้อ”
“เกื้อ.... แต่งงานกับมุกเถอะ”
“เกื้อ.... อย่าทิ้งมุกไป”
วัตถุขนาดใหญ่นั้นหาได้รับฟังคำอ้อนวอของเธอ กลับเคลื่อนหนีเธอไปช้าๆ
เจ้าของบริษัทโฆษณาสาวทรุดตัวลงร้องให้กับดอกกะเจียวนับแสนดอก รอบๆ กาย
เกื้อ ที่บัดนี้กลายร่างกลับมาเป็น คนแคระจากดวงดาวนอกอวกาศไปแล้ว เกาะหน้าต่างกระจกมองมุก อย่างไม่เชื่อสายตาตัวเองในวันสุดท้ายนี้
มนุษย์ต่างดาว ตัวเล็กแคระ หลับตาผ่อนลมหายใจลงอย่างช้าๆ
เขาจากไปพร้อมกับความทรงจำของมุก ในนามความรักของมนุษย์โลก